ตอนที่ 1558 ไปลากมันมาที่นี่!

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

ตอนที่ 1558 ไปลากมันมาที่นี่! โดย Ink Stone_Fantasy

ณ หอโอสถ อู๋เฟินผู้หยิ่งทะนงยามนี้กลับปฏิบัติตัวด้วยความสุภาพยิ่งต่อหน้าชายชราร่างท้วมผู้หนึ่ง

“ท่านอาจารย์สบายดีหรือไม่?”

อู๋เฟินก้มศีรษะให้ด้วยความเคารพยิ่ง

ชายชราคนนี้เป็นผู้ดูแลระดับสูงแห่งหอโอสถ ซึ่งเป็นจอมเทพโอสถสี่ดาว หลู่หมิง

หลู่หมิงถือเป็นผู้ดูแลระดับสูงของหอโอสถที่มีลูกศิษย์มากมายทั้งในและนอกเมืองจักรพรรดิ

ในฐานะศิษย์ของหอโอสถ อู๋เฟินย่อมมีคุณสมบัติเข้าออกเขตเมืองชั้นในโดยธรรมดา

สำหรับศิษย์คนนี้เอง หลู่เมิงค่อนข้างประทับใจไม่น้อย

แม้พรสวรรค์ของเขาจะอ่อนด้อยและยากนักที่จะขึ้นกลายมาเป็นจอมเทพโอสถสี่ดาว แต่อย่างน้อยเขาก็มีความกตัญญูต่อหลู่เมิงเป็นอย่างมาก

บุคคลเช่นนี้สามารถสร้างอิทธิพลให้ตนเองได้ในเขตเมืองชั้นนอก นี่ดูเหมือนจะเป็นทางเลือกที่ตัวหลู่เมิงพึงพอใจยิ่ง

“เจ้ามักมีเจตนาดีต่อข้าอยู่เสมอ น่าสนใจ…คราวนี้มีอะไรมาให้ข้าอีก?”

หลู่หมิงกล่าวเสียงเย็นชืด

อู๋เฟินหยิบขวดหยกใบหนึ่งออกมาและมอบให้แก่หลู่เมิงอย่างประณีต เขากล่าววาจาแสนนอบน้อมว่า

“ท่านอาจารย์ นี่คือสุราหยกฤทัยน้ำแข็ง ศิษย์คนนี้เพิ่งได้มา รสชาติอร่อยกลมกล่อมหาที่เปรียบไม่!”

หลู่เมิงรับต่อจากมือและเปิดฝาขวดเล็กน้อย กลิ่นหอมหวานน่าหลงใหลอบอวลไปทั่วทั้งห้องในทันใด

ดวงตาคู่นั้นของหลู่หมิงสว่างไสวขึ้นทันที

“สุราชั้นเลิศ! นับเป็นสุราชั้นเลิศจริงๆ! นับว่าเจ้ายังมีความกตัญญู!”

แต่ภายในใจของอู๋เฟินแทบกระอักเลือด ไม่ควรมองว่าขวดนี้รสชาติจะเป็นอย่างไร แต่ราคาที่เขาต้องจ่ายไปนับเป็นจำนวนหลายสิบล้านผลึกปราณเทวะเพื่อซื้อมันสักขวด!

สุราขวดแค่นี้มีค่าเท่ากับค่ารักษาอาการป่วยของหวางเชียน!

หลู่เมิงเป็นถึงจอมเทพโอสถสี่ดาว แล้วอู๋เฟินจะกล้ามอบสิ่งของธรรมดาทั่วไปได้อย่างไร?

ทุกครั้งที่อู๋เฟินเดินทางเข้าสู่เขตเมืองชั้นใน เขามักจะนำสิ่งของมีค่ามามอบให้เช่นนี้อยู่ตลอด

เฉกเช่นเดียวกับกลุ่มอัสนีคำรน เพื่อแสดงความกตัญญู ของที่อู๋เฟินมอบให้แก่หลู่เมิงแต่ละครั้งล้วนมีราคาสูงลิบลิ่วเช่นกัน

แต่ด้วยการสนับสนุนของหลู่เมิงที่เขาได้รับหลังจากนั้น หากคิดเป็นตัวเลขแล้วก็นับว่าไม่น้อยเช่นกัน

กล่าวได้ว่าไม่ขาดทุน!

แม้แต่ตระกูลตงฟางเองยังไม่กล้ายั่วยุเขาเช่นกัน!

หวู่เมิงหยิบขวดเย็นนำไปเก็บและกล่าวเสียงเย็นขึ้นว่า

“เมื่อไม่นานมานี้ เจ้าคง…ประสบปัญหามาเมื่อเร็ววันกระมัง?”

อู๋เฟินยิ้มและกล่าวว่า

“ท่านอาจารย์สายตาเฉียบคมยิ่งนัก! เมื่อไม่นานมานี้ มีไอ้เด็กเหลือขอคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นในเขตเมืองทางตอนใต้ ความหยิ่งผยองของมันไร้ซึ่งขอบเขต มันกล้ากล่าวอ้างว่าสามารถหลอมกลั่นโอสถได้สารพัดชนิด!”

หลู่เมิงยกเปลือกตาเปิดออกเล็กน้อยและยิ้มกล่าวว่า

“นั้นคงเป็นร้านชายโอสถรับจ้างสารพัดกระมัง? หุหุ เรื่องนี้ข้าเองก็เคยได้ยินมาบ้าง”

อู๋เฟินรีบกล่าวต่อทันที

“ท่านอาจารย์ยังไม่ทราบ! วาจาอวดอ้างของไอ้เด็กเหลือขอนั้นยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขตไร้ยางอาย! ท่านอาจารย์จำคนไข้คนหนึ่งได้หรือไม่ ที่ข้าพามาในตอนนั้น ทว่าแม้แต่ท่านก็ยังตรวจพบสาเหตุไม่เจอ?”

หลู่เมิงครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะกล่าวขึ้นด้วยความตกใจว่า

“เจ้ากำลังกล่าวถึงเจ้าหนุ่มผีดิบไร้ชีวิตชีวานั้น? หรือเป็นไปได้ไหมว่า…เด็กคนนั้นจะรักษาได้จริงๆ?”

อู๋เฟินพยักหน้าและกล่าวว่า

“มันรักษาสุ่มสี่สุ่มห้าจนรักษาอีกฝ่ายได้โดยบังเอิญ!”

ความตื่นตะลึงที่แข็งค้างภายในใจของหลู่เมิงหามีนัยยะไม่ อาการป่วยที่แม้แต่เขายังหาสาเหตุไม่เจอ ทว่าจอมเทพโอสถสามดาวกลับสามารถรักษาได้จริงๆ?

สีหน้าการแสดงออกของหลู่เมิงดูเคร่งขรึมขึ้นในทันทด เขากล่าวว่า

“หากเช่นนั้น แสดงว่าเด็กคนนี้ก็มีความสามารถบางอย่างอยู่จริงๆ!”

อู๋เฟินรู้สึกทันทีว่าท่านอาจารย์ของตนดูท่าจะเป็นปลื้มต่อเย่หยวนไม่น้อย ดังนั้นจึงเร่งกล่าวขัดขึ้นว่า

“ความสามารถบัดซบอะไรกัน! มันแค่รักษาสุ่มสี่สุ่มห้าจนบังเอิญทำสำเร็จเท่านั้น! สิ่งที่น่าโมโหกล่าวนั้นคืออะไรรู้หรือไม่? ลูกน้องคนสนิทถูกไอ้เด็กเหลือขอนั้นซื้อใจไปจนคิดทรยศข้า หลานของมันที่แม้แต่ท่านก็ไม่สามารถรักษาได้ หลังจากที่ไอ้เด็กเหลือนั้นรักษาเสร็จ ท่านเดาได้ไหมว่าไอ้เด็กนั้นกล่าวว่าอย่างไร?”

สายตาคู่นั้นของหลู่เมิงเย็นยะเยือกลงทันใด สีหน้ามืดทมืฬลงทันทีพร้อมเค้นเสียงทุ้มต่ำกล่าวว่า

“ข้าผู้นี้ไม่ชอบเล่นทายใจ มีอะไรก็จงพูด!”

อู๋เฟินรีบปั้นหน้าไม่พอใจหนัก ก่อนบ่นขึ้นว่า

“ไอ้เดเหลือขอนั้นพูดว่า ท่านอาจารย์หลู่เมิงมันวิเศษวิโสมากรึไง? ก็แค่จอมเทพโอสถี่ดาวเองมิใช่รึ? ท่านที่ได้ยินไม่คิดว่ามันน่าโมโหเกินไปหน่อยรึ?”

อู๋เฟินประโคมฝืนไฟจนทำให้หลู่เมิงเดือดดาลโกรธจัดในทันที

บูมมม!

โต๊ะดื่มน้ำชาตรงหน้าหลู่เมิงแตกกระจายเป็นผุยผง

กล้ามเนื้อทั่วใบหน้าพลันชักกระตุกไม่หยุด จะเห็นได้ว่าเขากำลังโกรธจัดเพียงใด

“จอมเทพโอสถสามดาวคนใดบ้างที่กล้าเปล่งวาจาอวดอ้างใหญ่โตปานนี้! หรือเป็นไปได้ไหมว่า…เจ้ายังปล่อยให้มันมีลมหายใจอยู่อีก?”

สายตาที่จับจ้องของหลู่เมิงเฉียบคมขึ้นทันตา ยามนี้จับจ้องไปที่อู๋เฟินพร้อมเอ่ยกล่าวเสียงเย็น

อู๋เฟินแสร้งทำท่าทำทางคล้ายถูกรังแกและกล่าวว่า

“ท่านอาจารย์ มีหรือที่ข้ายังทนความอยุติธรรมอยู่ได้! ข้าจะปล่อยให้ไอ้เด็กเหลือขอนั้นสร้างมลทินต่อท่านได้อย่างไร? ตอนนั้นข้าส่งยอดฝีมือออกไปพังร้านมันทิ้ง แต่ใครจะไปคิดว่ารากฐานร้านขายโอสถเล็กๆจะหยั่งลึกปานนี้ ถึงขั้นมียอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าออกโรงมาเอง ไฉนเลย…ศิษย์คนนี้จะไปสู้ได้!”

สายตาของยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าที่อยู่ด้านข้างพลันแปรเปลี่ยนไปเช่นกัน เขาเอ่ยขึ้นว่า

“ก็แค่อาณาจักรราชันพระเจ้า กลับกล้าสร้างมลทินแก่ผู้อาวุโสแห่งหอโอสถ! หึ! อย่าให้ข้าเห็นหน้ามันเชียว มิฉะนั้นจะขอดูหน่อยว่ากระดูกมันจะแข็งปานใด!”

หลู่เมิงลุกขึ้นเหลียวมองยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าคนนั้นและกล่าวสั่งการเสียงขรึมว่า

“ถังรุย ออกไปกับอู๋เฟินสักเที่ยว และจัดการทุบร้านขายโอสถรับจ้างสารพัดให้สิ้นซาก! ลากไอ้เด็กเหลือขอที่ชื่อว่าเย่หยวนมาที่นี่ ข้าจะทำการอบรมมันเป็นการส่วนตัว! ส่วนยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าคนนั้นนำตัวไปส่งที่หอยุทธ์โทษฐานแทรกแซงธุระของเขตเมืองชั้นนอก!”

ถังรุยโค้งคำนับและกล่าวตอบ

“รับทราบท่านอาวุโส!”

เมื่อได้ฟังคำบอกเล่าทั้งหมดจากปากหวางเชียน เย่หยวนก็ถอนหายใจเสียงชืดยาวเช่นกัน ในขณะที่หนิงซื่อออวี๋และเหลียงหวางหรู นางทั้งคู่ดูท่าจะไม่พอใจอย่างมาก

“อู๋เฟินนั้นช่างไร้มนุษย์ธรรมโดยแท้! เรื่องเสียหน้ากับสำคัญยิ่งกว่าการช่วยชีวิตคน? มันทั้งไร้ยางอายและนิสัยต่ำทรามจริงๆ! ข้าโกรธจนแทบจะฉีกอกตัวเองตายได้แล้ว!”

หนิงซื่ออวี๋โกรธจัดจนใบหน้าแดงก่ำควันแทบพุ่งออกจากหู หากมีกองกำลังของตระกูลหนิงอยู่ตรงหน้า คงสั่งเดินทัพเข้าเด็ดหัวอู๋เฟินไปนานแล้ว

“พี่ใหญ่เย่ อู๋เฟินคนนี้เกินเยียวยาแล้วจริงๆ สองลุงหลานคู่นี้ทั้งซื่อสัตย์และขยันขันแข็ง แต่สุดท้ายกลับต้องมีชะตากรรมเช่นนี้จริงๆรึ? ท่านต้องช่วยพวกเขา!”

เหลียงหวางหรูกล่าวเสริม

เย่หยวนเข้าตบไหล่ของหวางเชียนเล็กน้อยและเปิดปากกล่าวว่า

“ขอแสดงความเสียใจจริงๆ ตอนนี้อย่าเพิ่งคิดมาก อยู่ที่นี่เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บไปก่อน”

หวางเชียนชะงักตกใจไปชั่วขณะก้อนเผยแววตาแสนสิ้นหวังยิ่ง

หากแม้แต่ท่านปรมาจารย์เย่ยังไม่ใส่ใจช่วยเหลือ เขาคงไม่มีโอกาสได้แก้แค้นอีกแล้ว

อิทธิพลอำนาจของอู๋เฟินหาใช่สิ่งที่กลุ่มกำลังใดในเขตเมืองทานตอนใต้จะสามารถสั่นคลอนได้

“ข-ขอบคุณท่านปรมาจารย์เย่!”

หวางเชียนจำใจกัดฟันกล่าวอย่างสิ้นหวัง

หลังจากที่หวางเชียนจากไปพักผ่อน นางทั้งสองต่างจ้องมองไปที่เย่หยวนด้วยความไม่พอใจนัก

“เย่หยวน ข้ามองเจ้าผิดไปจริงๆ! ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะเป็นคนขี้ขลาดปานนี้!”

หนิงซื่ออวี๋เผยสีหน้ารังเกียจออกมาราวกับกำลังจับจ้องศัตรูอยู่ตรงหน้า

“พี่ใหญ่เย่ นี่ท่านยังเป็นพี่ใหญ่เย่ที่ข้ารู้จักจริงๆ รึ? ชะตาชีวิตของหวางเชียนน่าสลดยิ่งนัก แต่ท่านกลับไม่คิดช่วยเหลือเขาด้วยซ้ำ!”

นี่เป็นครั้งแรกที่เหลียงหวางหรูกล่าวตำหนิเย่หยวน

เย่หยวนหัวเราะออกมาทั้งๆแบบนั้นและกล่าวว่า

“แล้วจะให้ข้าช่วยอย่างไร?”

“เจ้า…อย่างน้อยเจ้าก็ควรจับตัวบัดซบอู๋เฟินมาขอขมาต่อหน้าหวางเชียนมิใช่รึ?”

หนืงซื่ออวี๋กล่าวขึ้นด้วยความไม่พอใจยิ่ง

เย่หยวนยิ้มแต่มิได้เอ่ยตอบใดๆ และเดินตรงออกจากประตูทันที

ยามเห็นแบบนั้นยิ่งทำให้หนิงซื่ออวี๋โกรธจัดจนต้องกระทืบเท้าแรงๆสองสามที และตะโกนไล่หลังไปว่า

“นี่เจ้ายังมีหน้าเดินหนีอีกงั้นรึ! เจ้าทำให้ข้าโกรธแทบตายแล้ว! เช่นนั้นข้าคนนี้ขอตัดขาดทุกความสัมพันธ์กับเจ้า!!”

ขณะที่เย่หยวนกำลังเดินจากออกไป จู่ๆ ก็มีชายชราท่าทางใจดีเดินตรงเข้ามาในร้านขายโอสถรับจ้างสารพัด

เย่หยวนเงยมองอีกฝ่ายเจือฉงนใจ ปรากฏว่าเขาไม่สามารถมองผ่านอ่านอีกฝ่ายได้ออกเลย

หรืออาจจะเป็น…ยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าอีกคน?

“ข้านามว่าเย่หยวน สงสัยว่าท่านอาวุโสคงมาที่นี่เพื่อตามหาข้า?”

เย่หยวนเอ่ยกล่าวขึ้นพร้อมประสานมือให้

เมื่อชายชราคนนั้นเห็นว่า ชายหนุ่มที่ชื่อเย่หยวนเด็กกว่าที่เขาคิดว่า ทั่วสีหน้าเผยปรากฏความตกใจออกมาทันใด เขากล่าวตอบว่า

“เราชายชรานามว่าซวนอี้มาจากหอโอสถ ข้าได้ยินมาว่าท่านปรมาจารย์เย่เป็นยอดอัจฉริยะนักหลอมโอสถของที่นี่ ดังนั้นข้าจึงตั้งใจมาแลกเปลี่ยนความรู้กับท่าน”

…………………………………………………..