ตอนที่ 476 มีชีวิตเพื่อตระกูล / ตอนที่ 477 จูอวี้ซิ่วเชื่อฟัง

หวนแค้นชะตารัก

ตอนที่ 476 มีชีวิตเพื่อตระกูล

 

 

เรื่องอุทยานปี้ชุนหยวนเลิกพูดแล้ว นางพูดถึงเรื่องอื่น “พี่ใหญ่ ข้าได้ยินว่าพี่ใหญ่จะส่งหลานไปให้เหลียงอวี้เลี้ยง เรื่องนี้ไม่เหมาะ พี่สะใภ้เป็นแม่แท้ๆ พี่ใหญ่ทำอย่างนี้ พี่สะใภ้จะพอใจได้อย่างไร”

 

 

“พอใจหรือไม่พอใจไม่เกี่ยวกับข้า รอให้นางหายก่อน ค่อยไปเยี่ยมเด็ก เวลานี้นางเป็นอย่างนี้ จะเลี้ยงลูกได้อย่างไร มีแต่ทำให้ลูกตกใจ คอยแต่หาเรื่องทั้งวัน เหมือนคนบ้า”

 

 

ฟู่อี้หานเริ่มหมดความอดทน “เวลานี้เพียงแต่ให้เหลียงอวี้เลี้ยงชั่วคราว ถ้าวันหลังนางหายแล้ว ข้าค่อยให้คนไปรับเด็กกลับมา แต่ข้าดูแล้วนางคงไม่หายแน่ ถ้าไม่ไหวก็หย่า พอถึงตอนนั้นตระกูลจูก็ไม่มีอะไรจะว่าข้าได้”

 

 

“เรื่องนี้เป็นความเห็นของพี่ใหญ่หรือ?”

 

 

ฟู่เยว่อี้ขมวดคิ้วถาม

 

 

“เรื่องนี้เหลียงอวี้ขอร้องข้าเอง นางเป็นคนเข้าใจเหตุผล และไม่มีลูก คงดูแลลูกข้าได้

 

 

เยว่อี้ เวลานี้เจ้ายังไม่ได้แต่งงาน อย่าห่วงเรื่องนี้ นึกถึงเรื่องใหญ่ชั่วชีวิตของเจ้าเองเถอะ ท่านพ่อเลือกคู่ให้เจ้าแล้ว ท่านพ่อจะให้เจ้าแต่งงานกับเฟิงเยว่” “

 

 

ฟู่เยว่อี้นิ่งเงียบ เฟิงเยว่เป็นพี่ชายคนโตของเฟิงชิงสุ่ย และเป็นคนที่เก่งที่สุดในบรรดาลูกชายของตระกูลเฟิง

 

 

แม้ไม่เก่งเท่าเฟิงชิงสุ่ยแต่ก็สืบทอดความกล้าหาญเก่งกาจในการสู้รบของเฟิงเชียน ก่อนหน้านี้เฟิงเยว่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม่เช่นนั้นซาหลัวคงแต่งตั้งเขาเป็นแม่ทัพใหญ่

 

 

เรื่องนี้ฟู่จิ่งเคยพูดกับฟู่เยว่อี้แล้ว ซุ่นตี้ทรงจัดการให้เฟิงชิงสุ่ยแต่งงานกับฟู่เฉินหรง ฟู่จิ่งจึงยกลูกสาวให้เฟิงเยว่ ต้องการให้ฟู่เยว่อี้ควบคุมเฟิงเยว่ ลูกชายสองคนที่เหลือเป็นคนธรรมดา ไม่เป็นภัยคุกคามเฟิงเยว่ เขาเองก็เชื่อมั่นในความสามารถของฟู่เยว่อี้ พอถึงเวลานั้นการควบคุมตระกูลเฟิงก็ไม่เป็นปัญหา

 

 

เฟิงเยว่ดีทุกอย่าง หน้าตาดี บกพร่องอย่างเดียวคือได้รับบาดเจ็บจากการสู้รบเมื่อหลายปีก่อน ทำให้ไม่สามารถร่วมหลับนอนได้ ถ้าฟู่เยว่อี้แต่งงานกับเขาต้องอยู่ห้องคนเดียวไปตลอดชีวิต

 

 

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงไม่ยอมแต่งงาน ครอบครัวที่ฐานะเสมอกันไม่อยากยกลูกสาวให้เฟิงเยว่ ครอบครัวที่ฐานะด้อยกว่าก็ไม่คู่ควรกับเฟิงเยว่ เรื่องการแต่งงานของเขาจึงถูกละเลย

 

 

แน่นอนฟู่เยว่อี้ก็ไม่อยากแต่งงานกับเฟิงเยว่

 

 

นางรู้ว่าถ้าแต่งงานกับเขาหมายความว่าอย่างไร ชีวิตของนางคงไม่มีอะไรเหลือ นางเพิ่งอายุสิบกว่าปี แม้จะมีเล่ห์กลล้ำลึก แต่ก็มีความคาดหวังต่อการแต่งงาน ถ้านางแต่งงานกับเฟิงเยว่ นางคงไม่มีโอกาสเป็นแม่

 

 

แม้ฟู่จิ่งจะถามนาง แต่นางก็รู้ดีว่าฟู่จิ่งตัดสินใจไปแล้ว การแต่งงานครั้งนี้ไม่ว่านางจะยอมหรือไม่ก็ต้องเป็นไปตามนั้น

 

 

ตั้งแต่เล็กนางเป็นเด็กฉลาด ได้รับการสั่งสอนให้คำนึงถึงจวนซิ่นอ๋องเป็นอันดับแรก ทุ่มเทชีวิตเพื่อครอบครัว คำพูดนี้ซึมซ่านเข้าไปในเลือดและกระดูกของนาง

 

 

หลายปีมานี้นางทำเช่นนี้มาตลอด ทุ่มเทแรงกายแรงใจให้กับแผนการของจวนซิ่นอ๋อง อายุยังน้อยก็ช่วยจัดการงานต่างๆ มากมาย

 

 

พอเห็นฟู่เยว่อี้นิ่งเงียบ ฟู่อี้หานก็เตือน “เยว่อี้ ข้ารู้ว่าเรื่องนี้ทำให้เจ้าลำบากใจ แต่เวลานี้นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับจวนซิ่นอ๋อง

 

 

เจ้าอดทนไม่กี่ปี รอให้พวกเราทำการได้สำเร็จ เจ้าก็ออกจากจวนตระกูลเฟิงได้ พอถึงตอนนั้นเจ้าก็เป็นองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ อยากได้ใครเป็นราชบุตรเขยก็ได้ เจ้าไม่ลำบากใจแน่”

 

 

“พี่ใหญ่ ข้ารู้ เรื่องนี้ข้าแล้วแต่ท่านพ่อ”

 

 

ฟู่เยว่อี้แม้อยากปฏิเสธ แต่สุดท้ายก็ยังรับปาก

 

 

“ทำอย่างนี้ถูกแล้ว เจ้าแค่อดทนไม่กี่ปีเท่านั้น”

 

 

ฟู่เยว่อี้พยักหน้า นางรู้ว่าถ้าจวนซิ่นอ๋องประสบความสำเร็จ นางสามารถไปจากเฟิงเยว่ ถ้าจวนซิ่นอ๋องแพ้ นางก็มีแต่ตายเท่านั้น จวนซิ่นอ๋องจะแพ้ไม่ได้เด็ดขาด

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 477 จูอวี้ซิ่วเชื่อฟัง

 

 

ฟู่เยว่อี้ออกมาจากห้องฟู่อี้หาน แล้วไปหาหงหลิง ตักเตือนหงหลิงพักหนึ่ง แล้วจึงจากไป เดิมทีนางอยากไปเยี่ยมจูอวี้ซิ่ว แต่จูอวี้ซิ่วปิดประตูไม่ต้อนรับ นางจึงกลับไปห้องของตนเอง

 

 

คืนนั้น จูอวี้ซิ่วมาที่บริเวณเรือนของฟู่อี้หานอีกครั้ง ครั้งนี้นางไม่ได้เอะอะโวยยาย แต่คุกเข่าอยู่ที่นอกเรือน ฟู่อี้หานไม่ได้ออกมาหาจูอวี้ซิ่ว

 

 

จูอวี้ซิ่วไม่ยอมไปไหน ยังคงคุกเข่าอยู่ที่นอกตัวเรือน หลังจากคุกเข่านานเกือบสองชั่วยาม ฟู่อี้หานก็ให้คนเรียกจูอวี้ซิ่วเข้าไป

 

 

เวลานี้ ฟู่อี้หานเปลือยอก เตียงยับยู่ยี่ หงหลิงในอ้อมกอดของเขาเสื้อผ้าหลุดลุ่ย ผมสยาย เอนตัวซบอกของฟู่อี้หานอย่างขวยเขิน

 

 

จูอวี้ซิ่วกำมือในแขนเสื้อแน่น นางรู้ว่าตอนที่นางคุกเข่าอยู่ข้างนอก ฟู่อี้หานยังมีใจร่วมรักกับผู้หญิงอื่นอยู่ในนี้ ช่างเป็นสามีที่มีน้ำใจจริงๆ

 

 

ถ้าเป็นยามปกติ นางคงอาละวาดไปแล้ว แต่วันนี้นางมีจุดหมายในการมา จึงสะกดใจไว้ นางคุกเข่าอยู่นานจนสองเท้าอ่อนแรง จึงจับมุมโต๊ะประคองตัว

 

 

“เจ้ามาทำอะไรอีก?”

 

 

เวลานี้ฟู่อี้หานพอเห็นจูอวี้ซิ่วก็ยิ่งเกลียด และจูอวี้ซิ่วก็ไม่รู้จักสถานการณ์ ยิ่งเห็นใบหน้านางมีผ้าพันอยู่ เขายิ่งไม่อยากมองเลย

 

 

จูอวี้ซิ่วก้มหน้า ถือโอกาสซ่อนความรู้สึกในดวงตา “ท่านพี่ ก่อนหน้านี้ข้าผิดไปแล้ว ข้าไม่ควรต่อล้อต่อเถียงท่านพี่ ข้ามีเรื่องจะพูดกับท่านพี่ตามลำพัง น้องหงหลิงออกไปก่อนได้หรือไม่”

 

 

“นายท่าน ข้าออกไปก่อน”

 

 

หงหลิงยอมลุกขึ้น เมื่อเห็นจูอวี้ซิ่วอ่อนลง เวลานี้ฟู่อี้หานเองก็เหนื่อยแล้ว เขาปล่อยมือออกจากหงหลิง “เจ้ากลับห้องก่อน คืนนี้ข้ายังมีงานราชการต้องจัดการ”

 

 

“เจ้าค่ะ แล้วแต่นายท่าน” หงหลิงทั้งน่ารักและเชื่อฟัง ลุกขึ้นจัดเสื้อผ้าแล้วออกไป

 

 

พอหงหลิงออกไปแลว ฟู่อี้หานก็พูดอย่างไม่ใส่ใจ “มีอะไรก็รีบพูด”

 

 

จูอวี้ซิ่วหันหลังให้ฟู่อี้หาน รินชาถ้วยหนึ่ง แล้วยกชาเดินมาหาฟู่อี้หานดวงตาแดงเรื่อ “ท่านพี่ ข้าสำนึกผิดแล้ว ข้าทำให้จวนซิ่นอ๋องขายหน้า

 

 

ท่านพี่สั่งสอนถูกต้อง วันหลังทุกอย่างแล้วแต่ท่านพี่ น้องหงหลิงอยากอยู่อุทยานปี้ชุนหยวน ก็อยู่เถอะ และน้องเหลียงอวี้จะดูแลเด็กแทนข้า ข้าก็วางใจ แต่ขอให้ท่านพี่อย่าโกรธข้า”

 

 

จูอวี้ซิ่วพูดจบก็ยื่นชาให้ฟู่อี้หาน พอเห็นจูอวี้ซิ่วอ่อนลง ดวงตาของฟู่อี้หานก็ฉายแววพอใจ “รู้จักสำนึกผิดก็ดีแล้ว วันหลังเจ้าอยู่ในเรือนรักษาบาดแผล ถ้าไม่มีอะไรก็ไม่ต้องมา”

 

 

“ถ้าท่านพี่ให้อภัยข้า ก็ดื่มชาถ้วยนี้เถอะ! ข้าจะได้สบายใจ ไม่งั้นในใจข้าไม่สงบ ท่านพี่ดื่มชาถ้วยนี้แล้วข้าจะออกไป ไม่รบกวนท่านพี่อีก”

 

 

จูอวี้ซิ่วยื่นชาให้ฟู่อี้หานด้วยมือทั้งสองข้าง ฟู่อี้หานยื่นมือมารับชาที่จูอวี้ซิ่วยื่นให้ แล้วแหงนหน้ายกขึ้นดื่ม

 

 

พอเห็นฟู่อี้หานดื่มชา มุมปากของจูอวี้ซิ่วก็เผยรอยยิ้มที่สังเกตยาก เมื่อกี้นางใส่ยาลงไปในถ้วยชา ถ้าไม่มีอะไรผิดคาด อีกสักครู่ฟู่อี้หานจะสลบ

 

 

และเป็นจริงตามนั้น ฟู่อี้หานรู้สึกเวียนหัวทันที เขาชี้หน้าจูอวี้ซิ่วอย่างเกรี้ยวกราด “เจ้า…นังสารเลว เอาอะไรใส่ในชาให้ข้า?”

 

 

“อีกสักครู่ท่านพี่ก็จะรู้”

 

 

จูอวี้ซิ่วพูดจบ ฟู่อี้หานก็สลบไป

 

 

จูอวี้ซิ่วยืนอยู่เบื้องหน้าฟู่อี้หาน มองอย่างเย็นชา