ตอนที่ 501 การอบรมจากครอบครัว / ตอนที่ 502 แต่งผม

ลิขิตฟ้าชะตารัก

ตอนที่ 501 การอบรมจากครอบครัว 

 

 

 

 

 

รถม้าเข้ามาในพระราชวัง อวี้อาเหราที่นั่งอยู่ในรถม้าก็หิวจนท้องร้อง ยังดีที่เจาเอ๋อร์เตรียมของว่างมาให้รองท้อง มิเช่นนั้นนางคงทนไม่ได้ รถม้านี้ก็แกว่งไปมา จนคนนั่งรู้สึกรำคาญใจเสียเหลือเกิน 

 

 

ในที่สุดหลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วยามครึ่ง จึงเข้าไปสู่ประตูวัง 

 

 

เจาเอ๋อร์พูดเอาไว้ไม่ผิด เมื่อมาถึงในวังพระอาทิตย์ก็ขึ้นแล้ว ดวงอาทิตย์กำลังส่องแสงสีเหลืองทอง หากไม่ตื่นแต่เช้า รอทานอาหารเสียก่อนค่อยเข้าวัง ไทเฮาซึ่งคอยให้ความช่วยเหลือนางอยู่ตลอดคงจะไม่ชอบนิสัยเช่นนี้แน่ 

 

 

ในเมื่อเป็นคนไม่ตรงต่อเวลา ใครเล่าจะชอบ? 

 

 

แม้เป็นคนในยุคปัจจุบัน ก็คงมีความคิดเช่นนี้ไม่ต่างกัน 

 

 

หลังจากลงจากรถม้าหลิงอ๋องก็เดินเข้ามาหานาง จับมือนางแล้วพูดคุยอยู่สองสามคำ จากนั้นก็เดินเข้าวังเพื่อเข้าเฝ้ายามเช้า 

 

 

อวี้อาเหราพาเมี่ยวอวี้และเจาเอ๋อร์เข้าไปสู่พระตำหนักรู่หวงของไทเฮา 

 

 

แม้ว่าเจาเอ๋อร์และเมี่ยวอวี้จะไม่ถูกลงโทษจากเรื่องที่เกิดขึ้นในพระแท่นวายุจันทรา แต่พวกนางก็ยังต้องเข้ามารับโทษในห้องเครื่องหลวง 

 

 

หลังจากที่ทั้งสามนายบ่าวเข้ามาในพระตำหนักรู่หวงแล้ว ก็มีเสียงนางกำนัลรายงานทันที พวกนางจึงได้เข้าไปในตำหนัก 

 

 

หลังจากเข้ามาแล้วก็มองเห็นจวินไหวโหรวเป็นคนแรก นางกำลังหวีผมให้กับไทเฮา เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า ก็หันไปเตือนไทเฮาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เสด็จย่า คุณหนูรองแห่งจวนหลิงอ๋องมาแล้วเพคะ” 

 

 

ไทเฮามองไปทางหน้าประตู ลูบไล้เส้นผมด้วยความตั้งใจ แล้วพูดกับอวี้อาเหราว่า “ไม่คิดว่าอาเหราจะมาเร็วถึงเพียงนี้ เรารู้สึกผิดอยู่บ้าง ที่เพิ่งตื่นนอนเอายามนี้” 

 

 

“อาเหรายังเยาว์ แน่นอนว่าต้องตื่นเช้ากว่าไทเฮา หากปล่อยให้พระองค์ผู้อาวุโสต้องมารอ เกรงว่าหากเสด็จพ่อของหม่อมฉันทราบเข้า แน่นอนว่าต้องดุว่าอาเหราไม่ได้ความเพคะ” ทุกคำพูดที่อวี้อาเหรากล่าวก็เพื่อให้ไทเฮาชอบใจ 

 

 

เมื่อได้ยินเช่นนั้นไทเฮาก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง “สมกับเป็นธิดาที่ได้รับการสั่งสอนจากจวนหลิงอ๋อง แน่นอนว่าไม่เหมือนบุตรสาวบ้านไหนจริงๆ” 

 

 

แม้ว่าจะพูดเช่นนี้ แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นการชมเชยอย่างสูง เพราะการอบรมสั่งสอนจากครอบครัวย่อมเป็นมาตรฐานชั้นสูงของกุลสตรี 

 

 

อวี้อาเหรายิ้มแฝงเลศนัย “ขอบพระทัยไทเฮาที่ทรงชมเชยเพคะ แต่องค์หญิงโหรวตื่นบรรทมเช้ากว่าอาเหราเสียอีก เข้าเฝ้ารับใช้ไทเฮาตั้งแต่เช้าเพียงนี้ ช่างน่าชมเชยในพระทัยกตัญญู หม่อมฉันมิอาจเทียบได้แม้สักครึ่งเพคะ” 

 

 

“คุณหนูรองกล่าวชมเกินไปแล้ว” จวินไหวโหรวยังคงยิ้มด้วยความอ่อนโยน 

 

 

อวี้อาเหราจ้องมองใบหน้ายิ้มแย้มของนาง แม้ว่าจะดูออกว่าคำพูดช่างเสแสร้ง แต่ก็ยังยิ้มแย้ม ราวกับไม่ได้หลอกลวง รอยยิ้มนั้นมาจากในหัวใจจริงๆ ไม่รู้สึกว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลแม้แต่น้อย ฉับพลัน นางก็ไม่อาจคาดเดาความคิดของจวินไหวโหรวได้เลย 

 

 

มุมปากของไทเฮาเหยียดออก เงยหน้าขึ้นมอง “ไม่รู้ว่าเจ้าทานข้าวเช้าแล้วหรือไม่ หากยังไม่ได้ทาน ก็ทานร่วมกับเราก็ได้” 

 

 

“เรื่องนั้น…” อวี้อาเหราลังเล 

 

 

“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ทานข้าวกับเรานี่ละ อีกสักพักคงมีคนยกมาให้” ไทเฮาว่า จากนั้นก็หันไปมอง สายตาจับจ้องที่กระจก มองเห็นริ้วรอยตามวัยของนางเพียงเล็กน้อย อย่างน้อยไทเฮาน่าจะอายุห้าหรือหกสิบปีแล้ว แต่เมื่อมองแล้วกลับดูเหมือนอายุเพียงสี่สิบกว่าปีเท่านั้น เมื่อผ่านการบำรุงมาอย่างดี นางก็ดูเยาว์วัยกว่าผู้หญิงในวัยเดียวกันอยู่มากทีเดียว 

 

 

จากใบหน้านั้นก็ยังคงมองเห็นเค้าเดิมยามที่ยังอ่อนเยาว์ได้อยู่ ดูแล้วในยามเยาว์วัย นางคงเป็นหญิงสาวที่งดงามมากทีเดียว 

 

 

แน่นอนว่าหากไม่มีกลอุบายและใบหน้าที่งดงามเช่นนี้ จะมาถึงตำแหน่งไทเฮาได้อย่างไรกัน 

 

 

อวี้อาเหรากำลังจะถอนสายตากลับ ไทเฮาก็โบกมือ “เจ้ามาแต่งผมให้เราที ไหวโหรวร่างกายอ่อนแอนัก เรี่ยวแรงคงมีไม่พอ” 

 

 

“เพคะ” อวี้อาเหราค่อยๆ ก้าวเข้าไปใกล้ภายใต้สายตากดดันของนาง 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 502 แต่งผม 

 

 

 

 

 

การจัดแต่งทรงผมให้ไทเฮา แน่นอนว่าไม่ใช่งานง่าย แม้แต่จัดแต่งเส้นผมของตัวเอง อวี้อาเหรายังทำไม่ได้ แต่ด้วยคนตรงหน้าเป็นไทเฮา นางไม่อาจขัดขืนได้ ดังนั้นจึงหยิบหวีขึ้นมา ลังเลอยู่สักครู่แล้วจึงค่อยๆ สาง แล้วอดไม่ได้ที่จะสอดส่องสายตาไปทางกระจกเงา 

 

 

จากนั้น ด้วยความไม่ตั้งใจ ระหว่างที่นางกำลังหวีผมอยู่นั้น เส้นผมสีขาวก็หลุดออกมาสองสามเส้น อวี้อาเหราชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นจึงค่อยคุกเข่าลง “ไทเฮาโปรดทรงอภัยด้วยเพคะ” 

 

 

“เรามีผมขาวด้วยหรือ” สีหน้าของไทเฮาเรียบเฉย แล้วถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย 

 

 

“เอ่อ เพียงจำนวนหนึ่งเท่านั้นเพคะ แต่ไทเฮาที่ทรงพระชนมายุถึงเพียงนี้ จึงไม่ง่ายเลยที่จะรักษาเส้นผมได้เท่านี้” อวี้อาเหราตอบอย่างระมัดระวัง กลัวว่าหากไทเฮาได้ยินเข้าจะไม่พอใจ จึงรีบพูดเสริมประโยคหลัง 

 

 

“เจ้าช่างกล้าพูดนัก” น้ำเสียงของไทเฮายังคงฟังไม่ออกว่าอยู่ในอารมณ์ใดกันแน่ ไม่อ่อนโยน แต่ก็ไม่ได้แฝงด้วยโทสะ 

 

 

อวี้อาเหราก้มหน้าลงไปอีก “ขอไทเฮาโปรดอย่าได้ทรงกริ้ว อาเหราเพียงพูดความจริงเท่านั้น หากไทเฮาไม่ชอบพระทัย ขอให้ทรงลงโทษหม่อมฉันเถิดเพคะ อาเหราไม่กล้าที่จะโอดครวญแม้แต่ครึ่งคำ” 

 

 

“เหอะ” ไทเฮาพ่นลมออกจากจมูก จากนั้นก็โบกมือ “เจ้าลุกขึ้นเถิด เราไม่โทษเจ้าหรอก เหตุใดจะต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่ด้วย คนเราจะผมหงอกบ้างก็เป็นเรื่องที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ หากเราลงโทษเจ้าเพราะเรื่องเพียงแค่นี้ เราก็คงจะแก่เร็วขึ้นไปอีกกระมัง?” 

 

 

“ไทเฮาทรงพระปรีชา” อวี้อาเหราก้มหน้าลงแล้วตอบ 

 

 

“หวีผมต่อเถิด ไม่ต้องกลัว” ไทเฮาบอกให้นางทำต่ออย่างอ่อนโยน จากนั้นสายตาก็มองไปยังเมี่ยวอวี้และเจาเอ๋อร์ที่อยู่ไม่ไกล แล้วพูดขึ้นว่า “นั่นคือสาวใช้ประจำตัวทั้งสองของเจ้าหรือ” 

 

 

“เพคะ” อวี้อาเหราตอบอย่างระมัดระวังขณะที่กำลังหวีผมไปด้วย 

 

 

ไทเฮาหันไปออกคำสั่งต่อเมี่ยวอวี้และเจาเอ๋อร์ “พวกเจ้าเข้าไปทำงานที่ห้องเครื่องเถิดไป แล้วค่อยกลับจวนพร้อมคุณหนูของเจ้าก่อนเวลาอาหารเย็น” 

 

 

“เพคะ” เมี่ยวอวี้และเจาเอ๋อร์ไม่กล้าพูดอะไรมา มองอวี้อาเหราครู่หนึ่งแล้วจึงขอตัว 

 

 

แม้ว่าบางครั้งคุณหนูของพวกนางก็อารมณ์ไม่ค่อยดี แต่ก็คงไม่กล้าแสดงออกต่อหน้าไทเฮา เพราะนางไม่ใช่คนไม่ประสีประสาถึงเพียงนั้น แม้ว่าจะไม่มีพวกนางสองคนคอยอยู่ข้างๆ นางก็สามารถดูแลตัวเองได้ แต่เรื่องการเรียนเล่นดนตรี เดินหมาก หรือวาดภาพก็ถือว่าเป็นเรื่องยากสำหรับนางอยู่ดี 

 

 

หลังจากใช้ชีวิตด้วยกันมาระยะหนึ่ง ก็รู้ว่าคุณหนูของพวกนางนั้นไม่อาจร่ำเรียนศิลปวิทยาของกุลสตรีเหมือนลูกสาวบ้านอื่นได้ 

 

 

ในวังนี้ คงได้ปั่นป่วนวุ่นวายกันไปหมดแน่ 

 

 

หลังจากที่พวกนางออกไปแล้ว อวี้อาเหราก็ยังคงหวีผมให้ไทเฮาต่อ หวีอยู่นานก็ยังไม่เริ่มแต่งผมเสียที ไทเฮาเห็นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองตรงๆ “เจ้าเกล้าผมไม่เป็นหรือ” 

 

 

“เพคะ…เอ่อ ไม่ใช่นะเพคะ…” อวี้อาเหราพลิกลิ้น หากบอกว่าทำไม่เป็นแล้ว นางจะโดนไทเฮาลากไปโบยหรือไม่?  

 

 

ไทเฮาเพียงมองก็เข้าใจว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ “บอกความจริงมาเถิด เราไม่ลงโทษเจ้าหรอก” 

 

 

“ที่จริงแล้ว หม่อมฉันทำไม่เป็นเพคะ” อวี้อาเหราพูดอย่างตรงไปตรงมา 

 

 

ไทเฮานิ่งไป จากนั้นก็ยิ้มออกมา “แล้วผมของเจ้า ใครเกล้าให้กัน” 

 

 

“สาวใช้ประจำตัวของหม่อมฉันเพคะ คนที่ไทเฮาทรงส่งไปที่ห้องเครื่องเมื่อครู่นี้ นางชื่อเจาเอ๋อร์ นางแต่งผมได้งดงามยิ่งนัก เป็นนางที่เกล้าผมให้หม่อมฉันมาตลอดเพคะ” อวี้อาเหรารีบเบนความสนใจไปที่เจาเอ๋อร์ เพื่อให้ไทเฮาเลิกจ้องมองนางเสียที 

 

 

ไทเฮานิ่งไป “ไม่คิดว่าสาวใช้ผู้นั้นจะมีฝีมือเพียงนี้ มิน่าเล่า ทุกครั้งที่เราเห็นเจ้า เจ้าช่างเกล้าผมปักปิ่นได้งดงามนัก ยังคิดว่าเจ้าทำเองเสียอีก ฝีมือดีขนาดนี้จะให้นางไปทำงานที่ห้องเครื่องก็เสียดายนัก” 

 

 

“ความหมายของไทเฮาคือ?” อวี้อาเหราลังเล  

 

 

“ให้นางกลับมาเกล้าผมให้เราเถิด เรากำลังขาดสาวใช้ที่มีฝีมือคล่องแคล่วอยู่พอดีเชียว” ไทเฮาตอบ