บทที่ 1667 - ผลไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์ และโลก ผลผลึกวชิระ เต่าเฒ่าเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

บทที่ 1667 – ผลไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์ และโลก ผลผลึกวชิระ เต่าเฒ่าเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์

 

อสูรแมงมุมมังกรเก้าเศียรในตอนนี้มีพลังประมาณ 1,000 เต่ํา แต่พลังป้องกันของนางนั้นทรงพลังยิ่งกว่านอกจากนี้พิษของนางรวมไปถึงความเหนียวของเส้นใยนั้นเป็นสิ่งที่น่ากลัวมากที่สุด!

 

ชิงสุ่ยมองไปยังวิหคอัคคีทมิฬและหลงซ่เอ่อที่ยืนข้างๆเขาด้วยความรู้สึกแปลกๆ ยิ่งไปกว่านั้นเด็กสาวผู้นี้ยังเรียกเขาว่าท่านพ่อตัวเขาเองนั้นก็มีลูกอยู่แล้วมากมายจะมีเพิ่มมาอีกคนก็คงไม่เป็นไรเพราะนักฝึกนักฝึกสัตว์อสูรต่างก็ดูแลสัตว์อสูรเหมือนลูกของตนเอง

 

ใยแมงมุมของนางนั้นสามารถทําให้ผู้ฝึกยุทธที่อยู่ในระดับเดียวกันต้องพ่ายแพ้ไปอย่างง่ายดาย

 

ก่อนหน้านี้ชิงสุ่ยยังไม่ได้มีโอกาสยินดีเมื่ออสูรแมงมุมมังกรได้เป็นสัตว์อสูรระดับพลังปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์มันเหมือนกับว่าเขาได้รับพรจากพระเจ้าถึง 2 ครั้งในวันนี้

 

ภายใต้เปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์นั้น ความฉลาดของสัตว์อสูรจะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ในตอนนี้วิหคอัคคีทมิฬและหลงซู่เอ๋อต่างก็ไม่ต้องอยู่แต่ภายในดินแดนหยกยุพราชอมตะแต่พวกเขาสามารถกลับไปยังดินแดนหยกยุพราชอมตะในตอนที่ต้องการพักผ่อนได้ เพราะการอาศัยอยู่ภายในดินแดนนั้นสร้างประโยชน์ให้อย่างมหาศาล

 

ทั้งวิหคอัคคีทมิฬและหลงซ่เอ่อต่างก็สามารถเข้าออกดินแดนหยกยุพราชอมตะได้อย่างอิสระแต่แต่ถ้าหากพวกเขาออกห่างจากชิงสุ่ยมากกว่า 100 เมตร เมื่อพวกเขาต้องการกลับเข้าไปยังดินแดนหยกยุพราชอมตะพวกเขาจะต้องเข้าไปใกล้ชิงสุ่ยในระยะ 100 เมตรนี้เป็นเงื่อนไขที่ชิงสุ่ยได้ตั้งเอาไว้เพราะเขามีสัตว์อสูรจํานวนมากจึงเป็นไปได้ยากที่เขาจะต้องดูแลพวกมันตลอดเวลา

 

เหตุผลที่ซึ่งสู่ยตั้งกฏเช่นนี้ขึ้นมาก็เพราะว่าเขาไม่ต้องการให้พวกเขาทั้งสองคนมาทําให้ชีวิตของเขาวุ่นวายมากยิ่งขึ้น

 

ในวันถัดมาชิงสุ่ยก็ออกจากดินแดนหยกยุพราชอมตะด้วยความรู้สึกที่ยังคงตื่นเต้น วิหคอัคคีทมิฬไม่คุ้นเคยกับผู้คนและไม่ออกไปไหนมาไหนกับชิงสุ่ย

 

ในตอนนี้วิหคอัคคีทมิฬนั้นสามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระแต่ก็ต้องอยู่ภายใต้ฝั่งชิงสุ่ย ดินแดนหยกยุพราชอมตะนั้นเป็นเหมือนบ้านและที่ฝึกฝนของมัน

 

วิหคอัคคีทมิฬนั้นถือกําเนิดขึ้นมาในดินแดนหยกยุพราชอมตะและดังนั้นเขาจึงรู้สึกผูกพันธ์กับมันอย่างยิ่ง

 

แม้ว่าวิหคอัคคีทมิฬจะไม่ได้ออกมา แต่หลงซู่เอ๋อนั้นตามชิงสุ่ยออกมา เมื่อคนอื่นๆได้เห็นหลงซู่เอ่อพวกเขาต่างก็รู้สึกประหลาดใจไม่มีใครรู้ว่าเด็กหญิงหน้าตาน่ารักผู้นี้นั้นมาจากที่ใด

 

ทั้งถานท้าย หลิงเยียนและฉินชิงต่างก็บอกมายังชิงสุ่ยด้วยความประหลาดใจ “ลูกสาวของพวกเรา”

 

เขาไม่ได้ระบุว่าเป็นลูกของถานท้าย หลิงเยี่ยนหรือของฉันชิงแต่เขากล่าวไปรวมๆ อาจกล่าวได้ว่าเป็นลูกของถานท่ายหลิงเขียนชิงสุ่ยลูบศีรษะของหลงซู่เอ่อ

 

ไม่มีทางที่เขาจะปิดบังเรื่องนี้เอาไว้ได้ นอกเหนือจากอ เหนียงหญิงสาวคนอื่นๆต่างก็ได้รู้ว่าหลงซู่เอ่อนั้นเป็นสัตว์อสูรที่เปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์มา หลังจากได้อธิบายเรื่องนี้แล้วเขาก็ปล่อยให้นางอยู่ในร่างที่นางต้องการ

 

หลังจากที่ได้รู้ว่าเด็กน้อยผู้นี้ได้เข้าสู่ระดับพลังปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ หญิงสาวคนต่างก็มองมายังหลงซูเอ๋อด้วยความตกตะลึงและไม่อยากจะเชื่อ

 

ถานท่าย หลิงเขียนและฉินซึ่งต่างก็ไม่ใช่คนธรรมดาและรู้จักการเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ของสัตว์อสูร

 

สิ่งที่ทําให้พวกนางรู้สึกแปลกๆนิดหน่อยนั่นก็คือหลงซู่เอ๋อนั้นเรียกพวกนางทั้งสองคนว่าท่านแม่

 

หญิงสาวทั้งสองคนมองมายังชิงสุ่ยในขณะที่เขายิ้มเงื่อนๆตอบกลับไป เขาไม่ได้ตอบหลงซ่เอ๋อให้ทําเช่นนี้แต่คงไม่มีใครจะเชื่อว่าเด็กหญิงนั้นจะกล่าวออกมาด้วยตัวของนางเองนอกจากนี้หญิงสาวทั้งสองคนก็ยังรู้สึกยินดีที่ได้มีลูกสาวที่ทรงพลังเช่นนี้

 

ในตอนนี้ชิงสุ่ยรู้สึกถึงความยุ่งเหยิงเล็กน้อย แม้ว่าเขาจะได้อยู่ในโลกนี้มานานกว่า 40 ปีแต่เวลาหลายสิบปีในชีวิตก่อนหน้าของเขายังคงมีผลกระทบอย่างมากในแง่ของมุมมองและคุณค่าของชีวิตของเขา!

 

นอกเหนือจากความสามารถในการรับรู้ถึงอันตรายตามสัญชาตญาณความฉลาดและการสื่อสารกับชิงสุ่ยหลงซู่เอ่อนั้นยังคงสนใจโลกใบใหม่ของนางอย่างมาก

 

ชิงสุ่ยได้พูดคุยกับนางอย่างยาวนานในดินแดนหยกยุพราชอมตะ เพราะโดยปกติแล้วเขาก็ใช้เวลาส่วนใหญ่ภายในนั้นในการคุยกับวิหคอัคคีทมิฬและหลงซ่เอ่ออยู่เสมอ

 

เพื่อให้พวกเขาคุ้นเคยกับโลกนี้และผู้คนรอบข้างชิงสุ่ยต้องสอนให้พวกเขาใช้ชีวิตเหมือนกับมนุษย์แม้ว่าเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์จะทําให้สติปัญญาของพวกเขาเพิ่มมากขึ้นแต่ยังไงพวกเขาก็ยังเป็นสัตว์อสูรในตอนนี้ ความคิดของพวกเขานั้นเริ่มเหมือนกับมนุษย์มากยิ่งขึ้น

 

ฉันชิงและคนอื่นๆต่างก็เดินออกมาพร้อมกับหลงซู่เอ่อ

 

ชิงสุ่ยใช้ทักษะย่างก้าว 9เทวาพุ่งออกไปสุ่มๆระยะที่เขาเดินทางนั้นเท่ากับ 2 ใน 3 ของการใช้ทักษะย่างก้าว 9เทวาปกติดังนั้นนี่จึงเป็นครั้งแรกที่เขาได้มายังที่แห่งนี้

 

ฉันชิงนั้นได้ใช้ผลผลึกวชิระให้สัตว์อสูรของนางไปก่อนหน้านี้จึงไม่ได้ร่วมเดินทางมาด้วย เหตุผลที่ชิงสุ่ยมาที่นี่ก็เพื่อให้ถานท้ายหลังเยียนได้ใช้ผลผลึกวชิระในตอนนี้

 

พลังของถานท้าย หลังเยียนเพิ่งจะเพิ่มขึ้นมาเมื่อไม่นานนี้ดังนั้นชิงสุ่ยจึงไม่แน่ใจว่าเขาสามารถช่วยนางให้ประสบความสําเร็จได้อย่างราบรื่นหรือไม่ด้วยระดับของนางในตอนนี้มันไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

 

“เจ้ามีความมั่นใจมากเพียงใดที่จะยกระดับเข้าสู่ระดับพลังปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์?” ชิงสุ่ยจับมือของนางเอาไว้ขณะที่เดินไป

 

“ขารู้สึกดีอย่างยิ่ง” ถานท้าย หลังเยี่ยนมองไปรอบๆและกล่าวออกมาเบาๆ

 

“เจ้าคิดจะย้ายพระราชวังจอมอสูรมาที่มหาทวีปอุดรเทวาหรือไม่?” ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าวขึ้น

 

“ข้าจะพิจารณาเรื่องนี้อีกทีหลังจากที่ระดับของข้าได้เข้าสู่ระดับพลังปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์”ถ่านท้ายหลังเยียนคิดครู่หนึ่งและกล่าวขึ้น

 

ชิงสุ่ยจับมือของนางให้แน่นยิ่งขึ้น “เจ้าจะต้องเข้าสู่ระดับพลังปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ในวันนี้”

 

ถานท่าย หลิงเยี่ยนมองมายังชิงสุ่ยและรู้สึกถึงความมั่นใจในตอนนี้ การปรากฏตัวของหลงซู่เอ๋ออย่างกะทันหันทําให้นางรู้สึกแปลกๆว่าชายผู้นี้มีสิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่อีกมากเพียงใด

 

“เจ้าไม่เชื่อข้างั้นหรือ?” ชิงสุ่ยยิ้มและมองไปยังถานท้าย หลิงเขียน

 

“ข้าเชื่อก็ได้”

 

“เจ้าไม่เชื่อผู้ชายของตนเองงั้นหรือ?” ชิงสุ่ยกล่าวด้วยความระมัดระวัง เขาต้องเย้าหยอกถานท้ายหลิงเยียนอย่างระมัดระวังเพราะหญิงสาวอย่างนางนั้นใช่คนที่จะมีอารมณ์ขันมากนัก

 

ถานท่าย หลิงเยียนดูเหมือนจะไม่รู้ถึงความตั้งใจของชิงสุ่ยและหันศีรษะออกไปด้วยความเขินอายเล็กน้อย

 

ชิงสุ่ยนําผลผลึกวชิระออกมามันเป็นผลไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์และโลกในตอนนั้นราชาหมีทองค่าได้ถูกสังหารไปก่อนที่มันจะได้รับผลไม้นี้มิฉะนั้นมันคงสามารถยกระดับขึ้นได้ด้วยผลผลึกวชิระนี้มีโอกาสสูงกับจีนที่มันจะได้กลายเป็นสัตว์อสูรระดับพลังปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ในอนาคตเพราะเมื่อราชาหมีทองคําได้รับผลผลึกวชิระ เข้าไปนั้นมันจะได้รับประโยชน์มากยิ่งกว่าคนธรรมดาหรือสัตว์อสูรตัวอื่นๆ

 

“รับนี้ไป สําหรับตัวเจ้าเอง 1 ผลและสําหรับเจ้าเต่าเฒ่าอีก 1 ผล”

 

เต่าเฒ่าของถานท้าย หลิงเขียนนั้นขาดอีกเพียงก้าวเดียวก็จะได้เข้าสู่ระดับพลังปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์แต่เพียงก้าวเดียวนี้อาจจะเป็นขีดจํากัดของมันแล้วก็ได้นั่นเป็นเพราะว่ามันแก่ชรามากแล้วแม้กระนั้นมันก็ยังมีชีวิตที่ยืนยาว

 

ผลผลึกวชิระนั้นเหมาะสมอย่างยิ่งสําหรับมันและอาจเหมาะสมมากยิ่งกว่าราชาหมีทองคํา

 

ชิงสุ่ยนั้นให้ความเคารพเจ้าเต่าเฒ่าเป็นอย่างมาก มันได้ทําสิ่งต่างๆมากมายให้กับถานท้ายหลิงเขียนและแม้ว่ามันจะยังไม่อ่านเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ได้แต่ความเฉลียวฉลาดของมันนั้นมากยิ่งกว่าสัตว์อสูรตัวอื่นๆ

 

ชิงสุ่ยคอยดูแลถานท่าย หลิงเยียนและเต่าเฒ่าในตอนนี้ ไม่ต้องเดาเลยว่าเต่าเฒ่าย่อมสามารถยกระดับขึ้นไปได้และถานท้ายหลิงเขียนก็ไม่น่ามีปัญหาด้วยเช่นกัน แต่ยังไงชิงสุ่ยก็ยังคงรู้สึกกังวลอยู่

 

ชิงสุ่ยรู้ดีว่าผลผลึกวชิระนั้นล้ําค่ามากเพียงใดโดยเฉพาะสําหรับสัตว์อสูร ทั้งวิหคอัคคีทมิฬและหลงซ่เอ่อต่างก็เป็นตัวอย่างสําหรับเรื่องนี้ผลไม้นี้ให้ประโยชน์มากมายสําหรับมนุษย์ด้วยเช่นกันแต่ถ้านท่ายหลิงเขียนจะสามารถยกระดับได้หรือไม่นั้นซึ่งสู่ยก็ยังไม่แน่ใจในเรื่องนี้

 

เวลาผ่านไปอย่างช้าๆเต่าเฒ่าเริ่มมีปฏิกิริยาเป็นคนแรก กระดองที่มีสีฟ้าน้ําทะเลของมันเริ่มเปล่งแสงขึ้นมาเต่าเฒ่านั้นอยู่ห่างจากชิงสุ่ยด้วยขนาดใหญ่โตของมันและทัณฑ์สวรรค์พินาศที่เกิดขึ้นทําให้มันต้องรักษาระยะห่างจากชิงสุ่ยเอาไว้

 

สายฟ้าเริ่มผ่าลงมาจากท้องฟ้า ชิงสุ่ยไม่แน่ใจถึงระดับการฝึกยุทธ์ของเต่าเฒ่า เขารู้ดีว่ามันทรงพลังอย่างยิ่งในตอนนั้นชิงสุ่ยได้รับความช่วยเหลือจากมันมากมาย

 

ตุ้ม ตุ้ม…

 

สายฟ้ายังคงผ่าลงมาที่เต่าเฒ่าอย่างต่อเนื่อง แต่ลวดลายสีฟ้าบนกระดองของมันก็ดูดซับสายฟ้านั้นเข้าไปอย่างรวดเร็วแม้ว่าจะไม่อาจดูซับได้ทั้งหมดแต่ก็สามารถรับความเสียหายส่วนใหญ่ไปได้

 

โฮก!

 

เมื่อเวลาผ่านไปเสียงคํารามที่เหมือนกับเสียงของมังกรก็ดังออกมา สายฟ้าบนท้องฟ้านั้นเริ่มกระจัดกระจายไปและเต่าเฒ่าก็ได้ระเบิดกลิ่นอายของมันออกมาๆ ราวกับว่าพลังภายในร่างกายของมันนั้นกําลังระเบิดออกมาและทําให้ชิงสุ่ยรู้สึกตกตะลึง

 

เต่าเฒ่าขนาดยักษ์ได้หายไปมีเพียงชายชราคนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น ชายผู้นี้ดูแก่ชราอย่างยิ่งแต่เขาก็ยังดูสดชื่นและแข็งแรงใบหน้าที่เป็นมิตรของเขาทําให้ทุกๆคนรู้สึกสบายใจเมื่อได้อยู่ใกล้

 

การเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ เต่าเฒ่านั้นก็เป็นสัตว์อสูรที่สามารถเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ได้แม่ในยามปกติมันจะไม่อาจทําได้แต่เมื่อมันได้ยกระดับเข้าสู่ระดับพลังปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ด้วยความช่วยเหลือของผลผลึกวชิระจึงทําให้มันสามารถเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ได้

 

ไม่มีความแตกต่างใดๆระหว่างสัตว์อสูรและมนุษย์ในระดับพลังปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ แม้แต่การสื่อสารระหว่างสัตว์อสูรกับเจ้าของนั้นก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปตัวอย่างเช่นระหว่างนักฝึกสัตว์อสูรและสัตว์อสูรของพวกเขาแม้ว่าจะเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ไป แต่พวกมันก็ยังสามารถพูดคุยกับนักฝึกสัตว์อสูรได้อย่างปกติในการต่อสู้นั้นอาจจะใช้รูปแบบของสัตว์อสูรเพื่อให้พวกมันได้ปลดปล่อยพลังออกมาถึงขีดสุดนี่หมายความว่าพวกมันจะทรงพลังขึ้นมากจากสติปัญญาที่เพิ่มขึ้นในรูปแบบมนุษย์

 

เมื่อสัตว์อสูรได้เปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ไปและมีสติปัญญาเพิ่มมากขึ้นทําให้พวกมันนั้นทรงพลังมากยิ่งกว่ามนุษย์ที่อยู่ในระดับเดียวกันตระกูลอมตะมากมายต่างพยายามค้นหาสัตว์อสูรที่สามารถเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ได้ในตอนนี้ชิงสุ่ยก็นึกถึงนิกาย 5 พยัคฆ์อมตะขึ้นมา

 

นิกาย 5พยัคฆ์อมตะนั้นจะมีสัตว์อสูรที่สามารถเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ได้หรือไม่?

 

เปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ของสัตว์อสูรนี้สามารถสืบทอดไปยังลูกหลานของมันได้หรือไม่?

 

แต่ชิงสุ่ยก็ไม่ได้คิดอะไรไปมากกว่านี้ เขายังมีเวลาคิดเรื่องนี้อีกมากในอนาคตในตอนนี้เขารู้สึกมีความสุขอย่างยิ่งที่เต่าเฒ่าได้ก้าวเข้าสู่ระดับพลังปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์นี้เป็นเพราะความช่วยเหลือของถานท่ายหลิงเยียนและภายในหัวใจของกานท่ายหลิงเยียนเต่าเฒ่านั้นถือเป็นคนสําคัญอย่างยิ่ง

 

ชายชราเดินตรงเข้ามาหาชิงสุ่ยพร้อมกับยิ้มอย่างสุภาพและดูไม่ได้ประหลาดใจอะไร ที่ทําให้ชิงสุ่ยรู้สึกประหลาดใจการไม่แสดงออกความดีใจเมื่อได้เข้าสู่ระดับพลังปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นเรื่องที่ยากยิ่งนักไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามแต่ชิงสุ่ยสัมผัสได้ว่าจิตใจของเต่าเฒ่านั้นสงบอย่างยิ่ง

 

“ไม่ต้องกล่าวสุภาพนักกหรอก ชิงสุ่ย เจ้ากับเด็กน้อยเยียนนั้นถือเป็นเนื้อคู่กันอยู่แล้ว” เมื่อเต่าเฒ่ากล่าวเช่นนี้เขาก็รู้สึกมีความสุขอย่างยิ่ง

 

“ท่านผู้อาวุโสเรื่องนี้คงจะไม่ง่ายนักข้าได้แต่หวังว่านางจะมีความสุข”

 

“เช่นนั้นก็ดีมาเถอะไปดูเด็กน้อยเยียนกัน”