ตอนที่ 1143 บังเอิญพบเซี่ยอวี่เสียน
ชีวิตความเป็นอยู่ที่ผ่อนคลายผ่านไปได้ไม่กี่วัน ก็มีคนไม่ถูกชะตานางเสียแล้ว
ซูหลีแทบจะลืมไปแล้วว่า ไทเฮาท่านนั้นก็เสด็จมาพระราชวังน้ำพุร้อนนี้ด้วย
ไทเฮาทรงไม่โปรดปรานนางเท่าไร
แน่นอนว่าซูหลีก็ไม่ชื่นชอบนางเช่นกัน
แม้บัดนี้จะไม่มีป๋ายถานกับเซียวหนิงเสวี่ยแล้ว ทว่านางก็อยากจะหาเรื่องทะเลาะกับซูหลีอยู่ดี ซูหลีก็ไม่มีวิธีอื่นเหมือนกัน
“ใช่เจ้าคะ ไม่รู้ว่านางข้าหลวงคนนั้นกับไทเฮานั้นจะไปแต่งเรื่องท่านอย่างไร อย่างไรท่านก็รีบตื่นขึ้นมาเถิดเจ้าคะ รีบไปเข้าเฝ้าไทเฮาที่ตำหนักชิงหนิงเถอะเจ้าคะ” ไป๋ฉินเริ่มรู้สึกร้อนใจ
ที่สำคัญเป็นเพราะไทเฮาทรงดูแคลนซูหลีมาโดยตลอด
ดังนั้นนางถึงได้ตื่นตระหนกเช่นนี้
“ไม่ต้องรีบร้อน” หลังจากซูหลีได้ยินคำพูดของไป๋ฉินแล้วจึงชะงักไปวูบหนึ่ง จากนั้นโบกมือไปมาแล้วเอ่ยขึ้น
ไทเฮานั้นไม่โปรดปรานนางมาโดยตลอด ตั้งแต่เมื่อก่อนจนถึงบัดนี้ก็ยังรู้สึกเช่นเดิม
ในเมื่อวันนี้จับข้อผิดพลาดนางได้แล้ว แม้ซูหลีรีบไปเข้าเฝ้า อย่างไรนางก็ไม่มีทางอภัยโทษให้ซูหลี ดังนั้นอย่างไรนางก็ต้องได้รับโทษอยู่แล้ว
ทำไมซูหลีจักต้องไปรีบเข้าไปรับรู้เรื่องไม่สุขใจเล่า
เมื่อคิดได้เช่นนี้ นางยิ่งไม่รีบร้อนยิ่งกว่าเดิม กลับค่อยๆลุกขึ้นจากเตียงอย่างเกียจคร้าน เลือกอาภรณ์ที่จะสวมใส่ จากนั้นจึงอาบน้ำแต่งตัว หลังจากนั่งกินอาหารที่มื้อสายอย่างเอ้อระเหยเสร็จ นางถึงได้ลุกขึ้นเตรียมตัวไปตำหนักชิงหนิง
ไป๋ฉินที่อยู่ข้างกายร้อนใจจะตายแล้ว ทว่าซูหลีทำเหมือนคนไม่มีเรื่องต้องทำมิปาน นางไม่เห็นเรื่องนี้อยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย
รอจนนางเตรียมตัวเสร็จ เมื่อเดินออกมาจากตำหนักของตนเอง เวลาก็เลยยามอู่มาแล้ว
นางไม่ได้พาไป๋ฉินกับเย่ว์ลั่วมาด้วย แต่กลับพาชุยตานที่อยู่ข้างกายไปยังตำหนักชิงหนิงอย่างไม่ช้าไม่เร็ว
เพียงแต่ก้าวไปไม่ถึงสองก้าว ก็พบกลับคนคุ้นเคยคนหนึ่ง
“พี่เซี่ย?” ใบหน้าของซูหลีเต็มไปด้วยความดีใจ เมื่อพบกันเซี่ยอวี่เสียน แม้กระทั่งฝีเท้าก็ยังเปลี่ยนเป็นเร็วขึ้น นางก้าวเท้าเดินไปทางเซี่ยอวี่เสียนเร็วขึ้น
“พี่เซี่ยก็มาที่นี่หรือ” ซูหลีไม่รู้จริงๆว่า เซี่ยอวี่เสียนเป็นหนึ่งในผู้ติดตามด้วย
“ใช่แล้ว” เซี่ยอวี่เสียนเห็นซูหลีก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก ใบหน้าที่เดิมที่มีความอบอุ่นอยู่แล้ว ยิ่งดูหล่อเหล่าและสุภาพขึ้นหลายส่วน
“อาหลี นี่เจ้าจะไปที่ใดกัน” เซี่ยอวี่เสียนมองชุยตานที่ติดตามอยู่ด้านหลังของนางปราดหนึ่ง จากนั้นเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
ทันทีที่เอ่ยถึงเรื่องนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าของซูหลีก็แข็งค้างวูบหนึ่ง นางค่อยๆ ทอดถอนใจออกมาเฮือกหนึ่งและเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนระโหยโรยแรง
“ไทเฮาทรงรับสั่งให้ไปที่ตำหนักชิงหนิง”
เซี่ยอวี่เสียนเห็นท่าทีของนางแล้ว อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเสียงเบา
“ข้ายังคิดว่า อาหลีเป็นคนที่ไม่กลัวฟ้ากลัวดินเสียอีก ที่แท้ก็ยังเกรงกลัวไทเฮาอา!” เซี่ยอวี่เสียนเดินกระแซะเข้าไปใกล้ซูหลี เอ่ยอย่างเยาะเย้ย
“ไม่ต้องพูดแล้ว ข้าแก่แล้ว มิได้เหมือนกับตอนยังเยาว์วัยยังกล้าสู้กับฟ้าสู้กับดิน ถึงจะมีความสุข!” ซูหลีเบะปาก ในน้ำเสียงมีความเฉื่อยชา
เซี่ยอวี่เสียนเห็นท่าทางของนางเช่นนี้ นางไม่กังวลใจว่าตนจะได้รับโทษ จึงผ่อนลมหายใจเฮือกหนึ่งอยู่ในใจ เขาทราบดีว่าไทเฮาทรงมิทรงโปรดปรานซูหลีเท่าใด
ทว่าขอเพียงตัวซูหลีไม่กังวลใจ เขาก็ยังเชื่อมั่นในตัวซูหลี
ถึงอย่างไรพูดถึงความฉลาดแล้ว ใครจะสามารถเทียบกับซูหลีได้
เพียงแต่เห็นรูปลักษณ์ของนาง โดยเฉพาะความน่ารักของนาง กลับมีความแตกต่างกับที่ผ่านๆมา เซี่ยอวี่เสียนอดไม่ได้ที่จะมองนางอยู่หลายๆครา ในเวลานี้ในดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความขบขัน
มองดูแล้ว ทำให้คนเกิดความรู้สึกดุจดั่งอาบลมในวสันตฤดูมิปาน
ซูหลีถูกเขาจ้องมาเช่นนี้จึงเริ่มรู้สึกเขินอาย นางละสายตาของตนออกจากเขา ในชั่วขณะหนึ่งทำให้นางฉุกคิดถึงเรื่องหนึ่ง
นางหุบรอยยิ้มบนใบหน้าลง พลันเอ่ยขึ้น
“พี่เซี่ย นี่จะกำลังไปกระทำสิ่งใดหรือ”
“ฮ่องเต้ทรงมอบหมายงานส่วนหนึ่งที่ยังจัดการไม่เหมาะสมให้ไปกระทำ”
ตอนที่ 1144 อู๋โยวหราน
“เช่นนั้นก็สามารถเข้าใจได้แล้ว เช่นนี้เถิด พวกเราไม่ได้เจอกันนานมากแล้ว คืนนี้ข้าเป็นคนเลี้ยงพี่เซี่ยเอง พวกเรากินข้าวด้วยกันดีหรือไม่” ตำหนักแห่งนี้สร้างอย่างใหญ่โต อีกทั้งบริเวณรอบๆ ล้วนถือว่าอยู่ในเขตพระราชวังแห่งนี้
หากอยากออกไปกินข้าวภายนอกสักมื้อ จำเป็นจะต้องขี่รถม้าไปอย่างน้อยครึ่งค่อนวัน ถึงจะสามารถไปถึงอำเภอเล็กๆ ที่อยู่ใกล้ที่สุดได้
ทว่าตำแหน่งของซูหลีนั้นไม่ธรรมดา หากต้องการเชิญเซี่ยอวี่เสียนกินข้าวสักมื้อ อย่างไรก็ไม่มีปัญหาใดๆ
ไม่ต้องไปถึงอำเภอเล็กๆ นั้น เพียงตั้งโต๊ะในนอกตำหนักที่นางอาศัยสักโต๊ะก็ได้แล้ว
เซี่ยอวี่เสียนได้ยินดังนั้น ดวงตาจึงวูบไหว
ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น บัดนี้ซูหลีอยู่ในฐานะสตรีแล้ว ทว่าความประพฤติของนางยังเหมือนกับตอนที่ปลอมตัวเป็นบุรุษอยู่ กระทำทุกอย่างอย่างเปิดเผย และไม่หวั่นเกรงว่าคนอื่นจะกล่าวครหาเบื้องหลังว่าอย่างไร
เซี่ยอวี่เสียนกลับมีความกังวลใจ ทว่าครั้นเห็นอากัปกิริยาเช่นนี้ของนางแล้ว หลังจากชะงักไปวูบหนึ่ง ก็ตอบตกลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ได้!”
“เช่นนั้นก็กำหนดไว้ตามนี้ ท่านจักต้องจำได้ด้วย ข้ามีเรื่องสำคัญมากที่ต้องการถามท่าน” หลังจากซูหลีได้ยินเขาตอบรับแล้ว นางจึงพยักหน้ามุมปากเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
เรื่องสำคัญมาก…
เซี่ยอวี่เสียนชะงักไป ทว่ายังคงรับปากด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
เมื่อเห็นเขาผงกศีรษะตอบรับ ซูหลีก็เดินนำชุยตานออกไปอย่างพอใจ
หลังจากนางเดินออกไปไกลแล้ว เซี่ยอวี่เสียนถึงได้เก็บสายตาของตนและส่ายศีรษะยิ้มบางๆ ค่ำคืนนี้เปลี่ยนช่วงเวลาที่เขารอคอยเสียแล้ว
…
หลังจากแยกกับเซี่ยอวี่เสียน แม้ซูหลีจะไม่สมัครใจอย่างไรก็เดินมาถึงตำหนักชิงหนิงแล้ว
ตำหนักชิงหนิงแห่งนี้เป็นชื่อที่ตั้งขึ้นตามพระนามของไทเฮาเอง ซึ่งเหมือนกับตำหนักที่อยู่ในวังหลวง ทว่าหากเปรียบเทียบกันแล้วก็มิอาจสู้ตำหนักที่อยู่ในวังหลวงได้
ทันทีที่ซูหลีเดินเข้ามา บังเอิญพบกับไทเฮาที่กำลังทรงเสด็จออกมาด้านนอกพอดี
นางชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเดินขึ้นไปและโค้งตัวทำความเคารพแล้วเอ่ย “ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะ เหนียงเหนียง”
ข้างพระวรกายของไทเฮาเต็มไปด้วยคนที่ติดตามพระองค์ นางไม่คิดว่าจะเจอซูหลีอย่างกะทันหันที่นี่ นางชะงักไปเป็นอันดับแรก จากนั้นสีหน้าถึงแปรเปลี่ยนเป็นเย้ยหยันโดยทันที
“การคารวะของใต้เท้าซู ข้าคงรับไว้ไม่ได้”
เป็นอย่างที่คิดไว้
ซูหลีขมวดคิ้วเล็กน้อย นางรู้ดีว่าที่ไทเฮาเรียกนางมานั้น คงจะไม่ใช่เรื่องดีอันใด
“ไทเฮาเหนียงเหนียงทรงตรัสอะไรเช่นนั้น กระหม่อมมิบังอาจ!”
“มิบังอาจรึ!?” ไทเฮาแค่นเสียงเย็นไม่พอใจออกมา แววตาประหนึ่งธนูน้ำแข็งสองดอกพุ่งตรงมาทางนาง
“ยังมีเรื่องอะไรที่ใต้เท้าซูมิกล้ากระทำอีกหรือ ข้าได้ยินว่า วันนี้ใต้เท้าซูนอนหลับถึงยามอู่ถึงจะตื่นขึ้นมา แม้แต่คนที่ข้าส่งไปก็ยังเมินเฉย ใต้เท้าซูช่างยิ่งใหญ่โดยแท้!”
“เสด็จป้าเพคะ!” คำพูดของไทเฮาเต็มไปด้วยคำถากถาง ครั้นกระทบเข้าสู่โสตประสาทของซูหลีแล้ว ทำให้นางรู้สึกไม่ดีเป็นอย่างมาก
ทว่านางยังไม่ทันเอ่ยอะไรออกมา พลันได้ยินเสียงนุ่มนวลดังขึ้นเสียก่อน
ซูหลีเหลือบตาขึ้นมา จึงพบกับสตรีที่งามเพริศพริ้งชวนให้ผู้ที่มองนั้นหลงใหลคนหนึ่ง
ทว่าเป็นคนที่ไม่คุ้นหน้าสักเท่าไร
ซูหลีหรี่ตามองเล็กน้อย สตรีที่งามหยาดเยิ้มโดยกำเนิดผู้นี้ ดูแล้วมีความสง่างามที่แตกต่างกับคนอื่น อีกทั้งทรงผมของนางยังเป็นทรงผมของสตรีที่ยังไม่ออกเรือน อาภรณ์บนร่างแม้จะทำจากผ้าไหม ทว่ากลับมิใช่ชุดแบบสตรีชาววัง
นั่นก็หมายความว่าคนผู้นี้ไม่ใช่สตรีในวังหลัง
แต่กลับเรียกไทเฮาว่าเสด็จป้า
ในดวงตาของซูหลีฉายแววประหลาดใจ
“เสด็จป้า หรานเอ๋อร์ไม่ใช่เพิ่งพูดกับท่านป้า เสด็จป้าไม่สามารถทรงกริ้วตามอำเภอใจได้ ร่างกายของเสด็จป้านั้นไม่แข็งแรง จักต้องเอาใจใส่เป็นพิเศษ!” สตรีผู้นี้ไม่เพียงแต่มีรูปโฉมที่งดงาม น้ำเสียงของนางก็นุ่มนวลน่าฟังอย่างบอกไม่ถูก
นางเอ่ยถามเสด็จป้าได้อย่างเต็มปากเต็มคำ เห็นได้ชัดว่ามีความสัมพันธ์ที่สนิทชิดเชื้อกับไทเฮา
“มีแต่โยวหรานเท่านั้นที่รู้จักคิด ไม่เหมือนกับคนบางคน อาศัยความโปรดปรานของคนอื่น จนไม่เห็นแม้แต่ข้าในสายตา!” ไทเฮาทรงตบที่มือของสตรีคนนั้นเบาๆ แล้วเอ่ยชื่นชมด้วยเสียงแผ่วเบา
อู๋โยวหรานได้ยินไทเฮาพูดเช่นนี้ ทันทีที่ริมฝีปากแย้มยิ้ม ดวงตาหยาดเยิ้มที่น่าเย้ายวนปรายตามองที่ซูหลี