องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 559 ยอมรบแต่ไม่ยอมดอง
อวิ๋นหลัวฉวนหันกลับมาแล้วมองไปยังใบหน้าที่โมโหโทโสของอ๋องตวน
อ๋องตวนจ้องมองต่อกันแล้วกล่าวว่า: “ให้ข้าคิดก่อน”
“ท่านอ๋องหม่อมฉันจะกลับจวนกั๋วกง หากท่านอ๋องรับปากก็ไปที่ประตูวัง การเข้าเฝ้าช่วงเช้าหากว่าสำเร็จหม่อมฉันจะยังกลับมา หากไม่สำเร็จหม่อมฉันจะไม่กลับมาแล้ว”
หม่อมฉันรู้มาตั้งแต่เด็กแล้วว่าคนนั้นฆ่าได้แต่หยามไม่ได้ ยอมห่อหุ้มศพกลับมาก็ไม่ยอมให้บ้านเมืองถูกหยาม หากวันนี้รับปากแล้วหม่อมฉันก็ไม่มีหน้ากลับมา ”
อวิ๋นหลัวฉวนหันหลังไปพร้อมดาบ
อ๋องตวนตะลึงครู่หนึ่ง สวมเสื้อผ้าแล้วเดินออกไปทันที
ออกจากประตูอ๋องตวนตามอวิ๋นหลัวฉวนไปที่รถม้าพร้อมกันและทั้งสองก็ไปยังจวนกั๋วกงด้วยกัน
ลงจากรถม้าแล้วอวิ๋นหลัวฉวนก็ไปเคาะประตู จวนกั๋วกงจุดไฟตลอดทั้งคืน ฮูหยินกั๋วกงและอันกั๋วกงอาวุโสก็ลุกขึ้นมากันทั้งสิ้น
จวนกั๋วกงหารือกัน อวิ๋นหลัวฉวนนั้นไม่รอให้ผู้อื่นกล่าวก็จัดการด้วยสิทธิ์อย่างเต็มที่ เล่าเรื่องราวรอบหนึ่งเป็นอันดับแรกแล้วลงคะแนนด้วยการยกมือ: “จวนกั๋วกงและอ๋องเย่จะกระทำร่วมกัน”
คนอื่นๆนั้นมองหน้ากันแล้วยกมือขึ้นทีละคน
อันกั๋วกงอาวุโสมองดูหลานสาวแล้วยิ้ม: “ในเมื่อเจ้าตัดสินใจแล้วเช่นนั้นก็ฟังคำเจ้า เจ้ามันเด็กสาวผู้ดื้อรั้นเช่นนี้มาตั้งแต่เด็กไร้ซึ่งวิธีกับเจ้าแล้ว
หลังจากปรึกษาเรื่องนี้กับท่านย่าแล้ว นางก็คิดว่าข้าไม่ออกหน้าไม่ถูกจึงดุด่าข้ายกหนึ่ง เดิมทีคิดวางแผนจะออกหน้าช่วยตอนเข้าเฝ้าช่วงเช้าพรุ่งนี้ คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะกลับมาในชั่วข้ามคืน”
ผู้อันกั๋วกงอาวุโสภูมิใจกับหลานสาวผู้นี้มาก อายุน้อยๆก็เก่งได้ถึงเพียงนี้ก็ต้องชื่นชอบเป็นธรรมดา
อันกั๋วกงอาวุโสกล่าวแล้วก็เหลือบอ๋องตวนที่ไร้เสียงใดๆ: “อ๋องตวนมีความประสงค์เช่นไร?”
“……”อ๋องตวนไม่กล่าว
อันกั๋วกงอาวุโสกล่าวว่า: “ไปเรียนเชิญท่านเขยสี่”
“ขอรับ”
คนนั่นรีบไปเรียนเชิญส่วนอวิ๋นหลัวฉวนก็รออยู่ในห้องจากนั้นเว่ยหลินชวนและภรรยาก็มาในไม่ช้า
เว่ยหลินชวนเดินเข้าประตูมาแล้วคารวะและท้ายที่สุดก็พยุงอวิ๋นหลัวฉายซึ่งมีอายุครรภ์ไม่กี่เดือนเดินไปยังด้านหน้าของอันกั๋วกงอาวุโส
“ท่านปู่กั๋วกง”
“อืม ได้ยินแล้วใช่ไหม?” อันกั๋วกงอาวุโสถามอย่างเชื่องช้า
เว่ยหลินชวนไม่กล้าละเลยจึงรีบกล่าวว่า: “องค์หญิงใหญ่มีเรื่องจะกล่าว ศาลพิเศษกลางและจวนอ๋องเย่จะกระทำร่วมกันและไม่ยอมแต่งงานสงบศึกเว้นแต่……”
“เว้นแต่สิ่งใด?” อันกั๋วกงอาวุโสนับว่าเข้าใจองค์หญิงใหญ่ เขายังต้องการฟังว่าองค์หญิงใหญ่ตอบเช่นไร
เว่ยหลินชวนกล่าวด้วยความเคารพว่า: “เว้นแต่สตรีเมืองต้าเหลียงเราเลือกเขย ให้พวกเขาเมืองอู๋โยวเลือกลูกหลานรุ่นเยาว์สิบคนของราชวงศ์มาจากนั้นส่งมายังเมืองต้าเหลียงของเรา คัดเลือกโดยกรมพิธีการแล้วตรวจสอบโดยฝ่าบาทและท้ายที่สุดก็มอบให้องค์หญิงและจวิ้นจู่คัดเลือกผู้ท้ายที่สุด
และต้องอยู่ในเมืองต้าเหลียงของเรา เข้าร่วมราชวงศ์และให้องค์หญิงแต่งงานมา! ”
เว่ยหลินชวนไม่ได้พูดเล่นส่วนอันกั๋วกงอาวุโสยิ้ม: “อืม เช่นนี้ไม่เลว”
“ขอรับ”
เว่ยหลินชวนลุกขึ้นมองไปยังอันกั๋วกงอาวุโส
อันกั๋วกงอาวุโสมองไปยังอ๋องตวนแล้วหันหลังกลับไปพักผ่อน
อวิ๋นหลัวฉวนรู้สึกเสียหน้า เหตุใดถึงได้แต่งงานกับอ๋องตวนนะ
พูดคุยกับอวิ๋นหลัวฉายอย่างเศร้าสร้อยแล้วอวิ๋นหลัวฉวนก็ไปพักผ่อน เข้าประตูไปแล้วก็มิได้กล่าวสิ่งใดโดยที่อ๋องตวนนั่งอยู่ข้างๆนาง ต่างคนต่างครุ่นคิด
ฉีเฟยอวิ๋นไปถึงจวนต้ากั๋วจิ้วแล้ว พบกันแล้วต้ากั๋วจิ้วได้ฟังคำพูดของฉีเฟยอวิ๋น ส่วนฮูหยินกั๋วจิ้วก็ไม่ต้องการสนใจในเรื่องนี้แล้ว
แต่ต้ากั๋วจิ้วรับปากเลย: “พระชายาเย่เชิญกลับไปเถอะ ข้าจะไปเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเข้าเฝ้าช่วงเช้า”
“ขอบคุณต้ากั๋วจิ้วนัก”
ฉีเฟยอวิ๋นไม่คาดคิดเลยว่าต้ากั๋วจิ้วหวังฮวายเต๋อจะตกลงอย่างง่ายดายเช่นนี้ ฉีเฟยอวิ๋นออกไปแล้วฮูหยินกั๋วจิ้วก็ถามขึ้นทันทีว่า: “กั๋วจิ้ว พี่สาวไม่ได้หมายความเช่นนี้ นางไม่ต้องการให้เจ้ายุ่งเรื่องนี้ ”
“ข้าเป็นหนี้น้ำใจฉีเฟยอวิ๋นและต้องตอบแทน”
“แต่ว่า……” ฮูหยินกั๋วจิ้วไม่กล้าคิดถึงผลที่ตามมาจากการฝ่าฝืนฝ่าบาท ตอนนี้ลูกสาวก็เป็นที่โปรดปรานในวังแล้วซึ่งพวกเขาน่าจะช่วยฝ่าบาท
“กั๋วจิ้ว เจ้าลองอีก……”
“ไม่มีอีก เตรียมชุดขุนนาง……”
รถม้าของฉีเฟยอวิ๋นมาถึงจวนเสนาบดี จากนั้นเปิดม่านรถม้าออกเหลือบไปมอง คิดบางอย่างออกแล้วปล่อยม่านรถม้าลง
อาอวี่ถามว่า: “พระชายาพวกเราไม่ไปจวนเสนาบดีหรือ? ”
“ไม่จำเป็นแล้ว”
ฉีเฟยอวิ๋นไม่ต้องการไปมาหาสู่กับจวนเสนาบดี และเฉินอวิ๋นเจี๋ยก็ทุกข์ใจมากพอแล้ว
ในวัง
ตำหนักหวาหยาง
“นายท่าน มีคนมาจากนอกวังเพิ่งได้รับข่าวมา” แม่นมเว่ยรีบวิ่งไปกระซิบยังข้างเตียงของพระมเหสีหวา
พระมเหสีหวาทรงลืมพระเนตรแล้วลุกขึ้นนั่ง แม่นมหลิวเปิดม่านเตียงออกจากนั้นก็พยุงพระมเหสีหวาลุกขึ้น
แม่นมเว่ยส่งกระดาษข้อความใบหนึ่งให้พระมเหสีหวา
พระมเหสีหวานำกระดาษข้อความมาและแม่นมหลิวจุดตะเกียง
ในกระดาษข้อความมีตัวอักษรสองสามตัว
พระมเหสีหวายื่นกระดาษข้อความให้แม่นมเว่ยเผาทิ้งแล้วถามขึ้นว่า: “กี่ยามแล้ว?”
“ยามสาม”
“อืม แต่งตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปตำหนักเซวียนเหอ”
“เพคะ”
แม่นมเว่ยเตรียมการในทันที
หนานกงเย่ยามสามเศษออกมาจากเรือนและยามสี่ก็มาถึงหน้าประตูวัง ลงจากรถม้าแล้วก็เห็นหวังฮวายอัน
หวังฮวายอันเหลือบมองหนานกงเย่แล้วเดินตรงเข้าไปหา
หนานกงเย่รออยู่ตรงหน้าประตู รถม้าของพระชายาเย่ก็ค่อยๆมาถึง
ฉีเฟยอวิ๋นเปิดม่านรถม้าและออกจากรถ
ฉีเฟยอวิ๋นถือฎีกาในมือแล้วส่งให้หนานกงเย่: “เสด็จอาใหญ่ทรงให้มา”
หนานกงเย่เปิดดูแล้วยิ้ม: “เสด็จอาใหญ่ช่างเก่งกาจยิ่งนัก!”
“อืม ช่างเก่งกาจนัก!”
หนานกงเย่จุมพิตฉีเฟยอวิ๋นทีหนึ่งจากนั้นก็หันหลังเข้าไปในวัง
องค์จักรพรรดิอวี้ตี้ทรงไม่พอพระทัยยิ่งนักในเรื่องการปฏิเสธที่จะแต่งงานสงบศึก
และทรงตรัสว่า: “ความหมายของผู้ดูแลราชการคือข้านั้นขายสตรีเพื่อชื่อเสียง?”
หนานกงเย่กำหมัด: “กระหม่อมมิกล้า”
“เจ้าไม่ใช่ไม่กล้าเจ้าคิดเช่นนี้อยู่แล้ว เจ้ารู้ไหมว่าการสู้รบเป็นภัยต่อราษฎรมากเท่าใด?”
“บุรุษของเมืองต้าเหลียงเป็นวีระบุรุษผู้กล้าทั้งสิ้น จึงมิได้เกรงกลัวการต่อสู้!”
“หืม ไม่กลัว แล้วราษฎรจะทำเช่นไร?”
“ไม่สู้รบราษฎรก็ลำบากมาก สู้ก็ลำบาก สู้หรือไม่สู้ก็ลำบากเช่นกันแล้วจะยังกลัวสิ่งใด หากว่าไม่สามารถทนความลำบากเช่นนี้ได้จริงๆเช่นนั้นก็เข้าร่วมกองทัพและต่อสู้ด้วยกันยังดีซะกว่า”
“บังอาจ เจ้าหล้าข่มขู่ข้า” องค์จักรพรรดิอวี้ตี้ทรงตะโกนเสียงดังด้วยความอับอายจนกริ้ว
หนานกงเย่สะบัดชุดคลุมเถิงหลงขึ้นและคุกเข่าลงกับพื้น: “กระหม่อมยอมตายก็ไม่ยอมแต่งงานสงบศึกพะย่ะค่ะ ฝ่าบาทได้โปรดทรงถอนรับสั่งคืนด้วย”
“หนานกงเย่……” องค์จักรพรรดิอวี้ตี้ทรงกริ้วยิ่งนัก
ขันทีน้อยนอกตำหนักตะโกน: “อ๋องตวนขอเข้าเฝ้าพะย่ะค่ะ!”
ราชครูจวินเลิกคิ้วส่วนองค์จักรพรรดิอวี้ตี้ก็ทรงระงับความกริ้ว: “เบิกตัว!”
“เบิก……อ๋องตวน……”
อ๋องตวนเข้าเฝ้าโดยสวมชุดเถิงหลงสีเหลืองคล้ายกับหนานกงเย่
เมื่อองค์จักรพรรดิอวี้ตี้ทอดพระเนตรเห็นอ๋องตวนก็ทรงงุนงงอยู่ครู่หนึ่ง อ๋องตวนเดินไปยังด้านข้างของหนานกงเย่จากนั้นยกชุดขึ้นและคุกเข่าลง: “กระหม่อมขอให้ฝ่าบาททรงโปรดถอนรับสั่งคืนด้วยพะย่ะค่ะ กระหม่อมก็ไม่เต็มใจแต่งงานสงบศึกพะย่ะค่ะ!”
“เจ้าว่าสิ่งใดนะ?”
องค์จักรพรรดิอวี้ตี้ตกตะลึง
คนอื่นๆและเว่ยหลินชวนก็ออกมาและคุกเข่าลงสนับสนุนด้วย
ตามมาด้วยต้ากั๋วจิ้วสนับสนุนด้วย หวังฮวายอันก็สนับสนุนด้วย……
ขุนนางฝ่ายบุ๋นเหลือเพียงแค่เสนาบดีเฉินแล้ว เสนาบดีเฉินก็เดินออกมาและคุกเข่าลงสนับสนุนด้วย
ราชครูจวินจับแขนเสื้อทั้งสองข้างแต่ฝืนทนไม่ออกไป
องค์จักรพรรดิอวี้ตี้ทรงถามราชครูจวินอย่างโกรธเคือง: “แล้วเจ้าหล่ะ?”
ราชครูจวินกำหมัดทั้งสองข้าง: “ฝ่าบาท กระหม่อมเพียงต้องการฟังว่าเหตุใดผู้ดูแลราชการจึงไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานสงบศึก”
“อ๋องเย่ เจ้าบอกมาว่าเหตุใดถึงไม่ยอมการแต่งงานสงบศึก?”
“กราบทูลฝ่าบาท กระหม่อมไม่ต้องการและไม่สามารถเป็นผู้บุกเบิกแบบอย่าง กระหม่อมเป็นกังวลว่าในภายภาคหน้าหากกระหม่อมมีบุตรและบุตรีก็จะต้องไปแต่งงานสงบศึกก็……ไม่แต่งงานสงบศึก!”
หมายเหตุ
ชุดคลุมเถิงหลง ชุดคลุมซึ่งเป็นลายมังกรทะยาน
ขุนนางฝ่ายบุ๋น ขุนนางฝ่ายพลเรือน