บทที่ 11 สามคนพร้อมหน้า Ink Stone_Romance
ถ้าจะมีสิ่งที่แพทริเซียมองว่าดีนับตั้งแต่วันที่นางได้เป็นจักรพรรดินีก็คงจะเป็นการเข้าออกหอสมุดหลวงได้โดยอิสระ สามีก็ไม่สนใจ ดัชเชสเอเฟรนีก็ช่วยงานฝ่ายในอยู่ แม้แพทริเซียจะไม่ได้ว่างมาก แต่ก็ไม่ถึงกับยุ่งจนกระดิกตัวไปไหนไม่ได้
วันนี้อากาศแจ่มใส แพทริเซียจึงออกไปนอกตำหนักจักรพรรดินี
ภายในหอสมุดยังคงเงียบสงบเช่นเคย นางไม่เห็นบรรณารักษ์ บางทีฝ่ายนั้นอาจจะไปเข้าห้องน้ำ ระหว่างทางเดินไปยังชั้นหนังสือแพทริเซียก็คิดไปด้วยว่าหากตนไม่ได้เป็นจักรพรรดินีก็คงจะทำงานเป็นบรรณารักษ์ในหอสมุดแห่งนี้
ขณะเดินไปที่มุมหนังสือประวัติศาสตร์เหมือนเคย จู่ๆ แพทริเซียก็นึกถึงเรื่องเมื่อหลายเดือนก่อนขึ้นมาได้
น่าจะประมาณสามเดือนก่อนตอนที่ตนได้พบโรสมอนด์ที่นี่ เมื่อคิดถึงเรื่องตอนนั้นก็พลันอารมณ์ไม่ดีขึ้นมา บ้าจริง แพทริเซียสบถในใจก่อนจะรีบส่ายศีรษะเพื่อลบความคิดนั้นออกไปโดยเร็ว เพราะต่อให้ไม่ได้แสดงออกอะไรออกไปแต่ก็ไม่ได้หมายความว่านางไม่ได้รู้สึกอะไรกับเรื่องนั้น
สีหน้าของหญิงสาวยังเจือความไม่พอใจอยู่บ้าง นางเขย่งปลายเท้าขึ้นเล็กน้อยและหยิบเอาหนังสือเล่มไม่หนาไม่บางเล่มหนึ่งออกมาจากชั้น
แพทริเซียพิงศีรษะกับชั้นหนังสือและอ่านหนังสือไล่จากบรรทัดบนลงมาข้างล่างเรื่อยๆ ด้วยสีหน้าเหม่อลอยก่อนจะพบว่าหน้าต่อไปฉีกขาดอย่างไม่เหลือเค้า
นางคิดว่าต้องนำเรื่องนี้ไปแจ้งบรรณารักษ์จึงผละตัวออกจากชั้นหนังสือและเดินไปยังทางเข้า และ ณ ที่แห่งนั้นมีคนอยู่ ดูเหมือนว่าบรรณารักษ์จะกลับมาแล้ว เดิมทีจึงตั้งใจจะเรียกขานด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แต่เมื่อเห็นคนคนหนึ่งเข้า แพทริเซียก็นิ่วหน้า
โรสมอนด์
แพทริเซียปรับสีหน้าของตนอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ต่อให้พบเจออีกฝ่าย ตนก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องหน้านิ่วคิ้วขมวดอีกแล้ว ต้องไม่ทำตัวไม่เป็นผู้ใหญ่
“…ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเลยนะคะ”
เมื่อโรสมอนด์รู้สึกตัวว่ามีคนอื่นนอกจากตน นางก็ยิ้มกว้างและเดินเข้ามาหา
“ตายจริง ไม่ทันไรก็ลืมหน้าข้าแล้วหรือคะ”
“อ้อ”
แพทริเซียพูดไปตามน้ำและทำประหนึ่งว่าไม่ได้ยี่หระอะไร
“ข้ารับใช้เมื่อตอนนั้นนี่เอง พบกันอีกแล้วนะคะ”
“…”
สีหน้าของโรสมอนด์กระตุกเล็กน้อยแทบมองไม่ออก แต่แค่วูบเดียวก็กลับไปเป็นเช่นเดิม เรื่องตีหน้าซื่อไม่มีใครเกินนาง
แพทริเซียเอาแต่ยิ้มและแสร้งทำเป็นไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงบนสีหน้านั้น
“ดูท่าทางท่านควิเนสจะได้เป็นจักรพรรดินีแล้วสินะคะ”
“ค่ะ โชคเข้าข้างน่ะค่ะ”
เข้าข้างก็แย่แล้ว จะมีเรื่องไหนซวยไปมากกว่านี้ แต่แพทริเซียก็พูดเช่นนั้นออกไปไม่ได้ ยิ่งเป็นต่อหน้าอนุของสามีด้วยแล้ว
“ว่าแต่จริงๆ แล้วท่านเป็นใครหรือคะ”
“ข้าหรือคะ”
“ใช่ค่ะ เราคิดว่าท่านเป็นพระราชมารดาของพระจักรพรรดิเสียอีก”
แพทริเซียยิ้มใสซื่อ ส่วนโรสมอนด์หน้าตึงไปแล้ว สิ่งที่นางคิดว่าเป็นข้อด้อยข้อเดียวของตัวเองก็คือการที่นางมีอายุมากกว่าจักรพรรดิ
เมื่อเรื่องอายุถูกหยิบยกขึ้นมาแขวะเช่นนี้ มุมปากของโรสมอนด์ถึงกับกระตุกเล็กๆ แต่สำหรับแพทริเซียแล้วนั่นไม่ใช่เรื่องที่ต้องใส่ใจ
“คนที่จะยืนต่อหน้าจักรพรรดินีของจักรวรรดิได้มีเพียงจักรพรรดิเท่านั้นมิใช่หรือคะ หากมิใช่พระองค์ก็คงจะเป็นพระราชมารดาของพระองค์ แต่ในเมื่อท่านมิใช่จักรพรรดิ ก็เห็นจะเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากพระพันปี…แต่ก็อย่างที่ทราบว่าพระพันปีมิได้ประทับอยู่ในพระราชวัง”
แพทริเซียพูดเสียงเรียบ ทันใดนั้นก็จดจ้องโรสมอนด์ด้วยสายตาดุดัน แต่โรสมอนด์ก็ยังคงมีท่าทีแข็งกระด้างแม้จะถูกจ้องมองเช่นนั้น เมื่อเห็นดังนั้น แพทริเซียก็รู้สึกถึงความเกรี้ยวกราดที่พวยพุ่งอยู่ภายใน โรสมอนด์คงจะหยิ่งผยองเช่นนี้กับพี่สาวของนางด้วยสินะ แพทริเซียเกือบจะกัดริมฝีปากตัวเองแต่ก็อดกลั้นไว้ เพราะจะให้โรสมอนด์เห็นมุมที่อ่อนแอของตนไม่ได้
“ถ้าเช่นนั้น ท่านเป็นใครกันคะ”
“…”
“โปรดแจ้งบรรดาศักดิ์แก่เรา ดูจากเครื่องแต่งกายแล้วก็ไม่น่าจะเป็นสาวใช้ หรือจะเป็นนางกำนัลจากตำหนักกลาง?”
ไม่มีทางที่อีกฝ่ายจะบอกบรรดาศักดิ์ได้ เพราะแพทริเซียยังไม่ได้อนุมัติการแต่งตั้งบรรดาศักดิ์ให้นางอย่างเป็นทางการ และโรสมอนด์ก็คงไม่โง่พอที่จะพูดด้วยปากของตัวเองว่าตนเป็นอนุภรรยา แพทริเซียสงสัยอย่างมากว่านางจะตอบอย่างไร
“อีกไม่นานหม่อมฉันคงได้ถวายบังคมฝ่าบาทอย่างเป็นทางการเพคะ จนกว่าจะถึงตอนนั้น…”
“เรื่องที่กำลังจะเกิดก็เป็นส่วนของเรื่องที่กำลังจะเกิด แต่เราถามท่านตอนนี้ หรือท่านมีเหตุผลอะไรที่ตอบเราไม่ได้เช่นนั้นหรือคะ”
“…”
โรสมอนด์ทำสีหน้าประหลาด จะขบขันก็มิใช่จะเรียบเฉยก็ไม่เชิง แต่เป็นสีหน้าที่อยู่ระหว่างสองอารมณ์นั้น แพทริเซียไม่พึงใจกับพฤติกรรมนั้นและพูดจาให้น่าเกรงขามขึ้นอีก
“ก่อนหน้านี้เราไม่มีความจำเป็นต้องใส่ใจเพราะเราไม่ใช่นายหญิงของราชวงศ์ แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว หากท่านไม่รีบแสดงตัว เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเราจะทำอะไรลงไป ฉะนั้น รีบบอกมาเถอะค่ะ”
แพทริเซียถามโรสมอนด์ซึ่งๆ หน้า
“ท่าน…เป็นใครคะ”
“…ถวายบังคมเพคะ หม่อมฉัน โรสมอนด์ แมรี ลา แดโรว์ เป็นบุตรีของตระกูลบารอนแดโรว์เพคะ”
“เหตุใดบุตรีของบารอนแดโรว์จึงได้มาเดินเหินในเขตพระราชฐานอย่างมิเกรงกลัวสายตาผู้ใดเช่นนี้ เลดี้โรสมอนด์ เรารู้มาว่าบัดนี้บารอนแดโรว์พำนักอยู่ที่บารอนี[1]มิใช่หรือคะ หรือเราเข้าใจผิดไปเอง?”
“ฝ่าบาทตรัสถูกต้องแล้วเพคะ”
“เช่นนั้นก็แปลก เพราะหากเป็นเช่นนั้น ตัวท่านเองก็ไม่ควรจะอยู่ที่นี่”
“เรื่องนั้น…”
แพทริเซียมองโรสมอนด์ที่อ้ำๆ อึ้งๆ ด้วยสายตาไม่ยินดี ขณะที่โรสมอนด์กำลังกลุ้มใจอยู่ว่าจะทำอย่างไรดีก็มีเสียงของคนผู้หนึ่งแทรกขึ้นมา
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ”
เสียงที่คุ้นเคยเช่นนี้ หากไม่ได้ยินในเวลานี้คงจะดีกว่า แพทริเซียตาเบิกโพลง สีหน้าของโรสมอนด์พลันสดใสขึ้นทันทีที่เห็นจักรพรรดิเดินเข้ามา ราวกับนางไม่เคยทำสีหน้าหมองหม่นมาก่อน ในขณะที่แพทริเซียตัวแข็งทื่อโดยอัตโนมัติ
“…ฝ่าบาท”
“ตอนนั้นเราคงอธิบายไม่มากพอ จึงได้…เกิดเรื่องโชคร้ายเช่นนี้ขึ้น”
“โชคร้ายหรือเพคะ”
แพทริเซียทวนคำด้วยสีหน้างุนงง โชคร้าย? โชคร้ายอย่างนั้นหรือ การที่ตนกับโรสมอนด์มาเจอกันถือเป็นเรื่องอัปมงคลถึงเพียงนั้น? เป็นเรื่องที่ไม่น่าพอใจถึงเพียงนั้น?
แพทริเซียลืมความตั้งใจจนหมดสิ้น นางกัดริมฝีปากด้วยความเจ็บช้ำที่ตีรื้นขึ้นมากะทันหัน หากไม่ทำเช่นนั้นไม่แน่นางอาจจะอาละวาดขึ้นมาตรงนี้ก็เป็นได้
แพทริเซียคิดถึงตรงนั้นก่อนจะยิ้มเยาะออกมา นางใช้ชีวิตด้วยความมั่นใจว่าตนอยู่อย่างสงบ ไม่มีอารมณ์ร่วมใดๆ แต่ถูกโรสมอนด์ปั่นหัวเพียงเท่านี้ ความสุขุมก็สั่นคลอนเสียแล้ว
ไม่แปลกที่เปโตรนิยาจะเปลี่ยนไป
ต้องเจอเรื่องเช่นนี้ซ้ำไปซ้ำมาถึงสามปี จะยังอยู่เป็นปกติโดยไม่เสียสติได้อย่างไร
“ทำความรู้จักไว้สิ นี่โรสมอนด์ คนที่เราจะแต่งตั้งบรรดาศักดิ์ให้เป็นบารอเนส นางอยู่ในวังมากว่าหนึ่งปีแล้ว เรานึกว่าพวกข้ารับใช้จะบอกเจ้าแล้วเสียอีก แต่ดูเหมือนจะยังไม่มีใครพูดถึงกระมัง”
“…”
แพทริเซียสงสัยอย่างมากว่าจักรพรรดิไปเอาความหน้าด้านหน้าทนเช่นนี้มาจากที่ใด คนสติดีที่ไหนจะแนะนำอนุภรรยาให้ภรรยาหลวงรู้จักอย่างมั่นอกมั่นใจได้ขนาดนี้ แม้จะเป็นจักรพรรดิ แต่เขาก็ควรจะรักษามารยาทกับนางบ้าง
แพทริเซียคิดเช่นนั้น แต่แล้วนางก็รีบเปลี่ยนความคิด ไม่สิ นางหวังมารยาทเช่นนั้นจากผู้ชายคนนี้ไม่ได้มาตั้งแต่แรกแล้ว
หากเขามีสติพอที่จะรักษามารยาทได้ เขาคงไม่ปฏิบัติต่อนางเช่นนี้ แพทริเซียคิดว่าการเลิกคาดหวังน่าจะสบายใจเสียกว่า นางจึงยกยิ้มมุมปาก อา ถ้าไม่ยิ้มออกมาคงทนเหตุการณ์เช่นนี้ต่อไปไม่ไหวเป็นแน่
“ข้ารับใช้ของหม่อมฉันคงไม่จำเป็นต้องแนะนำอนุภรรยาที่อยู่ในวังมาเป็นปีแต่ไม่ได้รับการยอมรับกระมังเพคะ”
“…เช่นนั้น เจ้ายอมรับเสียตั้งแต่ตอนนี้ก็ย่อมได้…มิใช่หรือ”
“จะได้หรือมิได้ หม่อมฉันก็ต้องยอมรับมิใช่หรือเพคะ ในเมื่อทรงแต่งตั้งบรรดาศักดิ์ให้นางเป็นถึงบารอเนสแล้ว”
แพทริเซียพึมพำด้วยน้ำเสียงเย็นชาก่อนจะวางหนังสือที่ถืออยู่ลงบนโต๊ะของบรรณารักษ์
อุตส่าห์มาหอสมุดเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศทั้งที ท่าทางจะไม่ได้มาที่นี่อีกพักใหญ่ แพทริเซียคิดจะหลีกเลี่ยงอีกฝ่าย คราวนี้ไม่ใช่มูลแค่กองเดียว แต่มีถึงสองกอง ขืนเหยียบเข้าไป ตัวนางมีแต่เสียกับเสีย
“หากมิประสงค์ที่จะตกเป็นขี้ปากของข้าราชบริพาร ทรงใช้เวลาอยู่กับนางแค่ที่นี่น่าจะดีกว่านะเพคะ เพราะการให้ใครต่อใครเห็นว่าพระจักรพรรดิอยู่กับอนุภรรยาตอนกลางวันแสกๆ เช่นนี้คงไม่ดีกับพระเกียรติของพระองค์นัก”
ครั้นพูดจบ แพทริเซียก็หันหลังเดินออกจากหอสมุดไปอย่างไร้เยื่อใย
การไม่เห็นภาพของสองคนนั้นในสายตาเร็วขึ้นสักวินาทีจะดีต่อสุขภาพจิตมากกว่า แพทริเซียแสดงออกถึงความไม่พอใจทางสีหน้าอย่างไม่ปิดบัง ก่อนจะเดินลงแรงที่รองเท้าส้นสูงจากไป
หากไม่ระบายความโกรธด้วยวิธีเช่นนี้ นางอาจจะทำผิดจากความตั้งใจที่ตั้งไว้แต่แรกก็เป็นได้
ในที่สุดโรสมอนด์ แมรี ลา แดโรว์ก็กลายเป็นบารอเนสโรสมอนด์ แมรี ลา เฟ็ลปส์ อีกทั้งนางยังออดอ้อนลูซิโอให้ย้ายนางไปอยู่ในตำหนักที่ใหญ่ขึ้น แน่นอนว่าสิ่งนั้นต้องได้รับอนุญาตจากแพทริเซียจึงจะทำได้ ซึ่งนางก็อนุญาตโดยไม่พูดพร่ำ แต่เรื่องนั้นไม่ได้ทำให้โรสมอนด์รู้สึกขอบคุณสักเท่าไร
“ขอแสดงความยินดีที่ได้รับการแต่งตั้งบรรดาศักดิ์ค่ะ เลดี้”
โรสมอนด์ยิ้มบางๆ พร้อมทั้งปฏิเสธคำยินดีของคลาราผู้เป็นสาวใช้
“ยังเร็วไปที่จะเปิดแชมเปญ”
ตำแหน่งบารอเนสมันกระจอกงอกง่อยมากสำหรับนาง อย่างน้อยนางก็ควรได้เป็นจักรพรรดินีมิใช่หรือ โรสมอนด์ยิ้มอย่างเยือกเย็นก่อนจะบ่นพึมพำ
“พระจักรพรรดินีก็ยังมีพระชนม์มายุไม่เท่าไร อีกทั้งยังดูเอาเรื่อง…”
แต่ถึงอย่างไรก็เป็นแค่จักรพรรดินีที่ไม่ได้รับความรัก โรสมอนด์ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาและค่อยๆ เดินไปนั่งบนเตียง นางสัมผัสความนุ่มนวลของผ้าห่มด้วยฝ่ามือและพูดออกมาอย่างเผลอตัว
“แผนของข้าเพิ่งจะเริ่ม”
ก่อนอื่นก็เป็นบารอเนส เป็นดัชเชส เป็นจักรพรรดินี แล้วก็เป็นพระพันปี… โรสมอนด์ทบทวนความต้องการของตนทีละอย่างพลางหัวเราะออกมา นางมิใช่คนโง่ จักรพรรดินีเด็กเมื่อวานซืนเพียงคนเดียวก็คงไม่คณามือนาง ต่อให้แพทริเซียเป็นบุตรีของตระกูลมาร์ควิสก่อนที่จะมาเป็นจักรพรรดินี แต่อีกฝ่ายคงไม่มีทางทำอะไรก้อนหินที่กลิ้งลงมาจากที่สูงอย่างตนได้
เจ้าหญิงที่เติบโตมาด้วยความรักในครอบครัวที่อบอุ่น ต่อให้ร้าย แต่จะร้ายได้สักเพียงใดกันเชียว คนเรานั้นต่อให้มีความกล้าแต่ก็มิอาจต่อกรกับปีศาจได้ โรสมอนด์ยิ้มมุมปากก่อนจะเอ่ยปากถามคลารา
“ฝั่งจักรพรรดินีมีความเคลื่อนไหวอะไรหรือไม่”
โรสมอนด์ไม่คิดว่าแพทริเซียจะวางแผนอะไรไว้ตั้งแต่ตอนนี้ แต่นี่มันก็เงียบเกินไป สามีพาอนุเข้าบ้านทั้งทีจะเก็บตัวเงียบราวกับคนบ้าใบ้เช่นนี้ได้หรือ หากเป็นนาง นางคงทำเช่นนั้นไม่ได้ แต่อีกใจก็คิดว่าหากเรื่องเป็นเช่นนี้ อะไรๆ อาจจะง่ายขึ้น โรสมอนด์จึงฮัมเพลงเล่น
“ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ค่ะ เลดี้ ไม่แน่ว่า…อาจจะกลัวท่านจนตัวสั่นอยู่ก็ได้นะคะ”
“ต่อให้เป็นเช่นนั้นจริงก็นิ่งนอนใจไม่ได้ ถึงอย่างไรนางก็เป็นบุตรีของมาร์ควิส แน่นอนว่าพวกขุนนางที่เอาชาติกำเนิดมาโจมตีข้าคงมีไม่น้อย”
โรสมอนด์มีทั้งความรักจากจักรพรรดิ มีสมองที่รู้จักนำเอาความรักนั้นไปใช้ ไหนจะรูปโฉมที่งดงาม อีกทั้งยังมีความรอบคอบ ทว่า มีเพียงสิ่งเดียวที่นางไม่สามารถทำอะไรได้ นั่นก็คือชาติกำเนิด ความกังวลใจหนึ่งเดียวของโรสมอนด์คือการที่บิดาของนางเป็นเพียงบารอนต่ำต้อย
“เรื่องนั้นแค่ท่านให้กำเนิดพระราชโอรสก็ไม่มีปัญหาแล้วค่ะ ถึงอย่างไรพระจักรพรรดินีก็ไม่สามารถทรงพระครรภ์ได้ พระจักรพรรดิเองก็คงมีพระราชประสงค์ที่จะแต่งตั้งเลือดเนื้อเชื้อไขของพระองค์เป็นรัชทายาทมากกว่าจะแต่งตั้งเชื้อพระวงศ์สายรอง ถึงตอนนั้น หากเรื่องที่พระราชโอรสไม่ได้มีพระประสูติกาลจากองค์จักรพรรดินีเป็นปัญหา ก็หาข้ออ้างปลดพระองค์ แล้วท่านก็ขึ้นเป็นจักรพรรดินีแทนก็ได้นี่คะ”
โรสมอนด์ยิ้มและพยักหน้าราวกับจะบอกว่าที่คลาราพูดมานั้นถูกต้อง
การเปลี่ยนหัวข้อในการคัดเลือกรอบสุดท้ายเป็นการตรวจร่างกายทำให้ไม่ว่าใครต่อใครก็ตกตะลึงนั้นก็เป็นหนึ่งในแผนการของนาง แม้ว่าจะไม่เคยมีธรรมเนียมปฏิบัติ แต่เหตุผลก็นับว่าสมควร เพราะฉะนั้นพวกขุนนางจึงไม่สามารถยื่นอุทธรณ์เกี่ยวกับหัวข้อนั้นได้
พระราชประสงค์ที่จะรับเอาจักรพรรดินีที่สุขภาพดีมาเป็นคู่ชีวิตที่พึ่งพาได้นั้น ใครเล่าจะกล้ามองข้าม
“อย่ามีลูกกับอนุอย่างนั้นรึ เฮอะ! ถ้าเจ้ามีลูกไม่ได้ พระจักรพรรดิก็ต้องให้คนอื่นมีให้อยู่ดี เป็นหมันแท้ๆ แต่ใฝ่สูงนัก”
การที่แพทริเซียเอาชนะเลดี้ทริชาจนได้เป็นจักรพรรดินีก็มีสาเหตุมาจากเรื่องนั้น การตรวจร่างกายเป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น แท้จริงแล้วคือการตรวจความสามารถในการมีบุตร
ช่างน่าเสียดายที่เลดี้ทริชาแห่งตระกูลวาเซียร์มีความสามารถในการมีบุตรสูงมาก แต่หากโรสมอนด์อยากจะให้บุตรของตนได้เป็นรัชทายาท จักรพรรดินีก็จำเป็นต้องเป็นคนที่ไม่สามารถมีบุตรได้
แพทริเซียก็ไม่ใช่บุตรีของขุนนางชั้นผู้น้อย เพราะฉะนั้นการให้นางเป็นจักรพรรดินีก็ไม่ได้ยากอะไร
“ปิดปากพวกหมอหลวงเรียบร้อยหรือยัง”
โรสมอนด์ถามคลาราด้วยความระแวง ซึ่งฝ่ายนั้นก็พยักหน้าและตอบกลับ
“ไม่ต้องกังวลค่ะ ข้ากำชับไว้หนักหนาแล้ว หากพวกมันเสียดายชีวิตก็คงไม่เปิดปากพูดหรอกค่ะ”
“ถ้าเห็นอะไรผิดปกติจัดการได้เลยนะ ไม่สิ ให้เวลาผ่านไปสักหน่อยแล้วค่อยสังหารพวกมันให้หมดเลย”
ปล่อยไว้ก็จะเป็นหนามทิ่มแทงใจ หากความจริงหลุดออกไปเรื่องจะวุ่นวายขึ้นมา ดีไม่ดีอาจเปลี่ยนตัวจักรพรรดินีจากแพทริเซียเป็นเลดี้ทริชาตามเดิมก็เป็นได้
หากเรื่องเป็นเช่นนั้น โอกาสของนางก็จะกลายเป็นศูนย์ หญิงสาวคงไม่มีวิธีใดที่จะเอาชนะบุตรีของดยุกที่มีความสามารถในการให้กำเนิดบุตรได้ ต่อให้นางใช้วิธีสกปรกยังยาก
“ถ้าพวกมันตายตอนนี้อาจมีคนสงสัยขึ้นมาก็ได้ เข้าใจหรือไม่”
“ค่ะ บารอเนส ข้าจะทำตามที่สั่ง”
ได้ยินดังนั้นโรสมอนด์จึงทำสีหน้าโล่งอกและฮึมฮัมเพลงต่อไป นางหยิบน้ำหอมจากโต๊ะเครื่องแป้งมาประพรมตามร่างกาย อีกไม่นานจะได้เวลาที่ลูซิโอจะมาแล้ว
[1] บารอนี คือ อาณาเขตปกครองของบารอน ซึ่งได้รับมาพร้อมกับบรรดาศักดิ์