บทที่ 1129 ห้าปราชญ์เดินตลาดสวรรค์ (1)

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

บทที่ 1129 ห้าปราชญ์เดินตลาดสวรรค์ (1) โดย Ink Stone_Fantasy

ยาแก่นเซียนคนละหนึ่งล้านเม็ด สำหรับพวกเขาถือว่าไม่น้อยเลยจริงๆ อยู่ที่พิภพเล็กไม่รู้ว่าต้องใช้เวลากี่ปีถึงจะได้ลูกแก้วพลังปรารถนามูลค่าที่เทียบเท่าจำนวนนี้ ที่สำคัญคือของสิ่งนี้ใช้สะดวกกว่าลูกแก้วพลังปรารถนา เป็นของที่มีพลังจิตวิญญาณบริสุทธิ์ ไม่เหมือนลูกแก้วพลังปรารถนาที่มีเจ็ดอารมณ์หกปรารถนาปะปน สิ่งนี้สามารถเพิ่มวรยุทธ์ได้เร็ว

พวกอวิ๋นเซี่ยวมองหน้ากันไปมองหน้ากันมาอย่างเลิกลั่ก แล้วก็มองไปที่อวิ๋นอ้าวเทียนพร้อมกัน จะรับไว้หรือไม่รับไว้ก็ยังต้องดูเจตนาของหัวหน้าครอบครัว

อวิ๋นอ้าวเทียนนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วกวาดสายตามองอวิ๋นกาง อวิ๋นก่วงและอวิ๋นเซียงแวบหนึ่ง ต้องพูดว่าอวิ๋นจือชิวมอบของพวกนี้ให้อย่างทันเวลามาก สามารถช่วยให้ทั้งสามเพิ่มวรยุทธ์ถึงระดับบงกชทองได้ไวๆ เป็นกุญแจสำคัญว่าทั้งสามจะลงหลักปักฐานที่พิภพใหญ่ได้หรือไม่ ถ้าวรยุทธ์ไม่ถึงระดับบงกชทอง ก็จะไปไหนมาไหนที่พิภพใหญ่ได้ไม่สะดวก

“ถึงอย่างไรก็ต้องรับไว้ รับไว้เยอะสักหน่อยก็ไม่เป็นหรอก แต่พวกเจ้าจำไว้ให้ดีนะ ของนี้ยืมแล้วต้องคืน ใครตายแล้ว คนที่รอดจะต้องใช้หนี้แทนคนที่ตาย!” อวิ๋นอ้าวเทียนกล่าวอย่างหนักแน่น

“รับทราบ!” ลูกชายและลูกสาวทั้งเจ็ดคนเอ่ยรับพร้อมกัน อวิ๋นอ้าวเทียนพัยกหน้าตกลงแล้ว พวกเขาถึงได้กล้ารับไว้

เมื่อเห็นพวกเขาเอาจริงเอาจังขนาดนี้ อวิ๋นจือชิวก็ไม่สะดวกจะพูดอะไรเหมือนกัน ได้แต่ถอนหายใจเบาๆ แล้วบอกว่า “ท่านปู่ ถึงอย่างไรตอนอยู่ตลาดสวรรค์พวกท่านก็ต้องเข้าใจสถานการณ์ของพิภพใหญ่สักหน่อย ตอนนี้อย่าเพิ่งรีบจากไป อีกไม่กี่วันข้าจะช่วยหาพวกเกราะรบป้องกันตัวให้พวกท่านอีกที ทางพิภพเล็กมีข้าอยู่ พวกท่านไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องในบ้าน”

สำหรับนางแล้ว ก็ยังเป็นอย่างที่เคยบอกไว้ ตระกูลอวิ๋นเป็นตระกูลเดิมของนาง นางต้องดูแล มอบเคล็ดวิชาจอมมารไร้เทียมทานภาคดินให้อวิ๋นอ้าวเทียน มอบทรัพยากรส่วนหนึ่งให้ตระกูลอวิ๋น เพราะหวังให้ตระกูลอวิ๋นผงาดขึ้นมาไวๆ ไม่ใช่แค่พวกอวิ๋นอ้าวเทียนที่อยู่ตรงหน้า อีกหน่อยนางยังจะทุ่มทรัพยากรฝึกตนจำนวนมหาศาลเพื่อสนับสนุนลูกหลานคนอื่นของตระกูลอวิ๋นด้วย ให้ศักยภาพของตระกูลอวิ๋นผงาดขึ้นมาให้เร็วที่สุด ให้ทุกคนของตระกูลอวิ๋นติดหนี้น้ำใจนาง

ทำสิ่งเหล่านี้ย่อมมีเจตนาที่เห็นแก่ตัวอยู่แล้ว ความเห็นแก่ตัวอย่างแรกก็คือทำเพื่อตระกูลอวิ๋น ช่วยเหลือให้ตระกูลอวิ๋นผงาดขึ้นมาไวๆ

ความเห็นแก่ตัวอย่างที่สองก็คือ นางรู้จักตระกูลอวิ๋นดี อยู่ภายใต้การอบรมสั่งสอนของอวิ๋นอ้าวเทียนมาหลายปี ตระกูลอวิ๋นมีจิตใจเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน มีลูกหลานมากมาย ขอเพียงสามารถดึงเข้ามาเป็นพวกได้ ก็จะช่วยเหลือนางกับเหมียวอี้ได้เยอะมากแน่นอน

ในบรรดาห้าปราชญ์ ทำไมนางถึงไม่ช่วยสนับสนุนคนอื่นล่ะ? เพราะนางกับตระกูลอวิ๋นคือพวกเดียวกัน เหตุผลแรกคือน้ำปุ๋ยที่อุดมสมบูรณ์อย่าปล่อยให้ไหลเข้านาคนอื่น[1] เหตุผลต่อมาคือไม่ไว้ใจคนนอก เวลามีเรื่องให้ออกแรงช่วย ก็ไม่วางใจเท่าคนในตระกูลตัวเองอยู่แล้ว หรือพูดในกรณีที่แย่ที่สุด ต่อให้ถึงตอนนั้นตระกูลอวิ๋นจะไม่ช่วยเหลือนาง แต่ก็ต้องคืนหนี้น้ำใจในวันนี้เหมือนกัน นิสัยของตระกูลอวิ๋นไม่มีทางเอาเปรียบลูกสาวหลานสาวที่แต่งงานออกไปแล้วอย่างนาง ดังนั้นของที่มอบให้ไปจึงไม่ขาดทุน ถ้าคนของตระกูลอวิ๋นตายกันหมด นั่นก็เป็นอีกกรณีหนึ่ง

รีบช่วยเหลือตระกูลอวิ๋นตอนที่มาพิภพใหญ่ครั้งแรกและยังไม่ได้ลงหลักปักฐาน เป็นการมอบถ่านให้ท่ามกลางหิมะ[2]พอดี น้ำใจหนักกว่าการเพิ่มดอกไม้บนผ้าทอลาย[3]

ถ้าจะบอกว่านางใช้ประโยชน์จากตระกูลอวิ๋นก็ไม่ผิดเหมือนกัน แต่นางก็ไม่ได้ผลักตระกูลอวิ๋นลงหลุมไฟ นางหวังจะเห็นตระกูลอวิ๋นได้ดี ดังนั้นที่จริงต้องบอกว่า ต่างคนต่างได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ

อวิ๋นอ้าวเทียนเพียงบอกว่า “เจ้านำของมากมายขนาดนี้มาให้ตระกูลอวิ๋น เหมียวอี้รู้รึเปล่า? ถ้าของพวกนี้ทำให้พวกเจ้าสองสามีภรรยาขัดแย้งกัน มันก็ไม่คุ้ม!”

“ข้ามีแผนในในใจแล้ว” อวิ๋นจือชิวพูดปลอบโยน แล้วให้พวกเขาปรึกษากันเรื่องที่พักอีกที นางไม่สะดวกจะให้มีคนกลุ่มใหญ่เข้าๆ ออกๆ ร้านของนาง ตัวนางเองออกไปก่อนแล้ว

อวิ๋นเซี่ยวหยิบแหวนเก็บสมบัติมาร่ายอิทธิฤทธิ์ดูในนั้น ผลปรากฏว่าอึ้งทันที พบว่าข้างในมีของอยู่เต็มไปหมด ยาแก่นเซียนกับสมุนไพรเซียนซิงหัวเป็นแค่เปลือกนอก ข้างล่างยังมีผลึกแดงอีกจำนวนมาก พอนับดูแล้ว ก็อุทานอย่างตกตะลึงว่า “ท่านพ่อ! ที่ข้ามีอีกหนึ่งพันล้านผลึกแดง!”

พวกเขาได้ยินแล้วก็ต่างคนต่างนับ ในหมู่พี่น้องได้เหมือนกันหมด พอถามกันแล้วก็พบว่าได้หนึ่งพันผลึกแดงเหมือนกันหมด

อวิ๋นอ้าวเทียนเงียบแล้ว เพราะในกำไลเก็บสมบัติของเขามีหนึ่งหมื่นล้านผลึกแดง

อวิ๋นเซี่ยวถอนหายใจ “น้องชิวลำบากคิดเยอะแล้ว ลูกสาวของตระกูลอวิ๋นที่แต่งงานออกไป แต่ในใจยังเอนเอียงเข้าหาตระกูลอวิ๋น”

อวิ๋นเจวียนก็ถอนหายใจเบาๆ เช่นกัน “น่าเสียดายที่พี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ใหญ่จากโลกนี้ไปเร็วเกินไป หลายปีมานี้พวกเราไม่ได้ดูแลนางเท่าไร กลับเป็นรุ่นหลานอย่างนางที่พอแต่งงานออกไปแล้วก็ยังดูแลตระกูลเดิม มันช่าง…”

จากนั้น อวิ๋นจือชิวก็บอกเหมียวอี้เรื่องที่ตัวเองมอบของให้ตระกูลอวิ๋น เหมียวอี้บอกเพียงว่า “เจ้าจัดการตามเห็นสมควรแล้วกัน”

สิ่งที่ควรบอกก็ยังต้องบอก ขณะมองตามกลุ่มคนจากไป เห็นเยว่เหยากับอันหรูอวี้ติดตามอยู่ข้างกายมู่ฝานจวิน แล้วก็หันมามองหงเฉินที่อยู่ข้างกายตัวเองอีก เหมียวอี้รู้สึกปวดประสาทนิดหน่อย เขาพบว่ามู่ฝานจวินช่างร้ายกาจ ใช้สายสัมพันธ์ต่างๆ ผูกเงื่อนตายกับตัวเองเอาไว้ ไม่ต้องกังวลเลยว่าตนจะลงมือกับนาง!

หงเฉิน จีเหม่ยลี่ อวี้หนูเจียวและฝ่าอินย่อมไม่ต้องออกจากที่นี่ไป ตอนนี้เป็นอนุภรรยาของเหมียวอี้แล้ว ไม่จำเป็นต้องติดตามอาจารย์หรือบิดาของตัวเองอีก แต่งกับไก่ก็ตามไก่ แต่งกับสุนัขก็ตามสุนัข แต่งงานกับใครก็ติดตามคนนั้นไป ไม่มีเหตุผลที่จะทิ้งสามีตัวเองแล้วตามพ่อแม่ไป!

บวกฉินเวยเวยไปด้วยอีกคน เหมียวอี้ปวดหัวแล้ว ถึงแม้ตลาดสวรรค์จะเป็นอาณาเขตของเขา แต่ชั่วขณะนี้ก็ไม่รู้จะเตรียมการอย่างไร เดิมทีจะพาไปทิ้งไว้กับสองพี่น้องฝาแฝดชั่วคราว แต่มู่ฝานจวินก็พาคนไปพักอยู่ที่นั่นแล้ว ถ้าจะให้อวิ๋นจือชิวรับไว้พักด้วยกัน เขาก็ไม่สะดวกจะเอ่ยปาก และไม่สะดวกจะพาไปที่จวนผู้บัญชาการเช่นกัน คงจะไม่ให้พวกนางไปพักที่โรงเตี๊ยมไม่ได้หรอกมั้ง?

เหมียวอี้เหลือบสายตาไปมองอวิ๋นจือชิว ถามว่า “ให้พวกนางอยู่กับเจ้าไปก่อนแล้วกัน?”

“ต้องมีชัยภูมิถ้ำสวรรค์อีกห้าหลัง!” อวิ๋นจือชิวตบบ่าเหมียวอี้ แล้วพูดเหน็บแนมว่า “หนิวเอ้อร์ ขยันหาเงินหน่อยแล้วกัน!”

เหมียวอี้ค่อนข้างเก้อเขิน ถ่ายทอดเสียงถามว่า “สมบัติของบ้านเราก็มีไม่น้อย น่าจะไม่ขาดเงินซื้อชัยภูมิถ้ำสวรรค์ห้าหลังนะ?”

อวิ๋นจือชิวถ่ายทอดเสียงตอบว่า “มีไม่น้อยหรอก! เกราะรบผลึกแดงพวกนั้น เจ้าลองคิดดูสิว่าพวกเราให้คนอื่นไปกี่ชุดแล้ว ส่วนที่เหลือก็ไปเอามาแลกเป็นเงินไม่ได้ ในภายหลังถ้าทุกคนวรยุทธ์เพิ่มขึ้น ก็ยังต้องนำมาให้เป็นรางวัลอีก ข้าให้ทางตระกูลอวิ๋นไปเป็นกอง อีกเดี๋ยวก็ยังต้องให้น้องสาวเจ้าอีกกอง ส่วนอนุภรรยาพวกนี้ของเจ้า เวลาผ่านไปหนึ่งพันปี ยาแก่นเซียนคนละสิบล้านเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ ถ้าให้คนนี้แล้วจะไม่ให้อีกคนก็ไม่ได้ ทั้งยังต้องให้ชัยภูมิถ้ำสวรรค์อีก ต่อไปยังต้องแลกของป้องกันตัวให้พวกนาง ข้างกายพวกเขาก็ยังมีหญิงรับใช้ที่ต้องเลี้ยง ข้างกายพวกเรายังมีคนอื่นต้องเลี้ยงอีก ยังต้องมีการติดสินน้ำใจคนอื่น รอให้วรยุทธ์ของทุกคนยิ่งเพิ่มสูงขึ้น ค่าใช้จ่ายก็จะยิ่งมาก ต่อให้มีเงินมากกว่านี้ก็ไม่พอใจเจ้าใช้ ตอนเจ้านอนด้วยเจ้าสบาย แต่คงไม่ได้คิดละมั้งว่าเวลาเลี้ยงดูต้องจ่ายเงินเท่าไร? ข้าว่านะหนิวเอ้อร์ เจ้าเตรียมจะแต่งงานเข้าบ้านอีกเท่าไรล่ะ?”

ปาดเหงื่อ! พอได้ยินอวิ๋นจือชิวพูดแบบนี้ ก็พบว่าต้องจ่ายเงินไม่น้อยเลยจริง เหมียวอี้ลองนับแล้วสูดหายใจอย่างตกตะลึง แต่เขาก็พึมพำในใจว่า ก็เจ้าเองไม่ใช่เหรอที่ให้ข้าแต่งงาน แต่เขาพูดคำนี้ออกมาไม่ได้

ถ้าเขากล้าพูดแบบนี้ออกมา อวิ๋นจือชิวก็จะสรรหาคำมาอุดปากเขาทันที ข้าให้เจ้าแต่งงานด้วย ไม่ได้ให้เจ้านอนด้วย!

“พยายามหาเงินสุดชีวิตแล้วกัน!” อวิ๋นจือชิวพูดเหน็บแนมอีกครั้ง จากนั้นก็พูดกับพวกอนุภรรยาว่า “ทุกคนพักอยู่ที่นี่ก่อนแล้วกัน! รอให้นายท่านหาที่พักที่เหมาะสมกับทุกคนได้ก่อน ค่อยแยกย้ายกันไปพักที่ตัวเอง จะได้ไม่ต้องอึดอัดที่พักอยู่ด้วยกัน”

จากนั้นก็หันมาบอกเชียนเอ๋อร์ เสวี่ยเอ๋อร์ว่า “ไปซื้อชัยภูมิถ้ำสวรรค์ห้าหลังมาให้หรูฮูหยินทั้งห้า”

“เจ้าค่ะ!” สองสาวขานรับแล้วออกไป

จบเรื่องนี้ไว้ก่อนชั่วคราว ใครจะคิดว่าจู่ๆ อวี้หนูเจียวจะบอกว่า “ฮูหยิน พวกเรามาที่พิภพใหญ่ครั้งแรก อยากจะไปเดินเที่ยวดูตลาดสวรรค์ข้างนอกสักหน่อย”

เพิ่งจะพูดจบ เหมียวอี้ก็หันไปตะคอกทันที “เพิ่งจะมาถึง จะเดินเล่นอะไรกัน อยู่บ้านแบบว่านอนสอนง่ายไป…ถลึงตาจ้องทำไม? เจ้า เจ้าแล้วกัน คืนนี้เจ้าไปปรนนิบัติข้า ไปอาบน้ำรอเลย!” เขาชี้อวี้หนูเจียวแรงๆ เดิมทีก็ไม่ถูกชะตากับผู้หญิงคนนี้อยู่แล้ว บวกกับก่อนหน้านี้อารมณ์ไม่ค่อยดี จึงเอาความโกรธไประบายที่ตัวนางทั้งหมด

เมื่อตะคอกอะไรแบบนี้ต่อหน้าทุกคน อวี้หนูเจียวก็หน้าแดงก่ำ แต่ก็ไม่สะดวกจะเถียงกลับต่อหน้าทุกคน เก็บกดแทบแย่ กลับเป็นหญิงรับใช้ข้างกายนางที่ย่อตัวเอ่ยรับ

อวิ๋นจือชิวเหลือบมองอนุภรรยาคนที่เกือบจะตีกับเหมียวอี้ในห้องหอ รู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก กลอกตามองเหมียวอี้ แล้วไล่ตะเพิดเขาออกไปโดยตรง จากนั้นก็มาปลอบใจอวี้หนูเจียวอีกที

เหมียวอี้กลับจวนผู้บัญชาการผ่านทางใต้ดิน ไปหาฝูชิงกับอิงอู๋ตี๋ ให้ทั้งสองหาร้านค้าที่เขตตัวเองเงียบๆ คนละสามร้าน ขอแบบไม่ต้องใหญ่มาก ถ้าใหญ่จะเปลืองเงินเกินไป ทั้งยังสะดุดตาด้วย สามารถใช้เป็นที่พักให้พวกอนุภรรยาได้ก็พอแล้ว จีเหม่ยลี่ อวี้หนูเจียวอยู่คนละร้าน ส่วนฉินเวยเวยอยู่ร้านเดียวกับฝ่าอินที่ไม่คุ้นเคยกับสังคม จะได้ช่วยดูแลกันและกันได้ ส่วนหงเฉินขออยู่อย่างสงบ ไม่อยากจัดการเรื่องอะไรทั้งนั้น ถึงอย่างไรก็มาจากแดนโพ้นสวรรค์เหมือนกัน เดี๋ยวให้ไปอยู่กับสองพี่น้องฝาแฝดก็ได้ แล้วค่อยดึงตัวคนงานจากร้านค้าของอวิ๋นจือชิวไปไว้ที่สามร้านนั้น ทำแบบนี้แก้ขัดไปก่อน

ส่วนร้านค้าจะค้าขายอะไรเขาก็ขี้คร้านจะสนใจ ไม่ได้หวังให้พวกนางหาเงินอะไรมากมายด้วย

เรื่องนี้เขาไม่สะดวกจะออกหน้าเอง ทำได้เพียงให้ฝูชิงกับอิงอู๋ตี๋แอบจัดการ พยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้เป็นจุดสนใจ

ฝูชิงกับอิงอู๋ตี๋แอบรู้สึกขำ พบว่าท่านนี้เหนื่อยพอสมควร

ส่วนทางด้านห้าปราชญ์ หลังจากหาที่พักได้แล้ว ก็มาปรากฏตัวที่ตลาดสวรรค์ด้วยกันเพื่อเปิดหูเปิดตากับธรรมเนียมของพิภพใหญ่ เมื่อมาในที่ที่ไม่คุ้นเคยกับสภาพวิถีชีวิต พวกเขาก็เกาะกลุ่มกันไว้ โชคดีที่ตลาดสวรรค์มีคนสัญจรไปมา มีคนไม่น้อยที่อยู่รวมกันเป็นกลุ่ม การปรากฏตัวของพวกเขาไม่ได้สะดุดตาเช่นกัน

การซื้อของก็เป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ สิ่งที่ต้องซื้อเป็นอันดับแรกก็คือระฆังดารา จะได้ติดต่อกับลูกศิษย์ได้สะดวก ที่สำคัญรองลงมาก็คือแผนที่ดาวกับกระสวยทอง กระสวยเงิน พวกนี้คือของที่เลี่ยงไม่ได้

การซื้อสิ่งของพวกนี้ อาศัยกำลังทรัพย์ของห้าปราชญ์ก็ยังไม่ถึงขั้นซื้อไม่ไหว แต่รับไม่ไหวที่มีคนเยอะเกินไป

กระสวยทอง กระสวยเงิน ของที่ใช้แล้วทิ้งพวกนี้ราคาถูก สามารถซื้อเตรียมไว้ใช้หลายอันอย่างสบายๆ

แต่แผนที่ดาวที่มีมูลค่าสิบล้านผลึกแดง พวกเขาซื้อไม่ค่อยไหว แผนที่ดาวฉบับเดียวก็เท่ากับหนึ่งแสนล้านผลึกทองแล้ว

ในร้านค้าสำนักเมฆดารา หลังจากดูของแล้ว ด้วยสายตาของพวกมู่ฝานจวิน ย่อมรู้ว่าของพวกนี้ขาดไม่ได้สำหรับใช้เดินทางที่พิภพใหญ่

มู่ฝานจวินหันกลับมามองลูกศิษย์ที่อยู่ข้างกาย ต้องซื้อให้จงเจิ้นกับอันหรูอวี้คนละอัน ถึงอย่างไรวรยุทธ์ก็อยู่ระดับบงกชทองแล้ว สามรถใช้ได้ตลอดเวลา ส่วนถังจวินกับเยว่เหยา วรยุทธ์ยังไม่ถึง ยังไม่ต้องซื้อก็แล้วกัน

“เอามาสามอัน!” มู่ฝานจวินชูสามนิ้วให้พนักงาน

นี่ก็คือการซื้อของนาง นึกถึงเหมียวอี้ที่คิดว่าตัวเองก็พอจะมีเงินอยู่บ้าง ตอนมาที่นี่ครั้งแรกก็อึ้งที่ตัวเองซื้อไม่ไหวเหมือนกัน ตอนหลังที่ร่ำรวยแล้วถึงซื้อไหว

คนงานพยักหน้าพร้อมยิ้มตาหยีทันที วิ่งไปหยิบแผนที่ดาวสามฉบับมาให้มู่ฝานจวินตรวจสอบสินค้า หลังจากแน่ใจแล้วว่าไม่มีอะไรผิดพลาด ก็เดินนำมู่ฝานจวินไปจ่ายเงินที่โต๊ะคิดเงิน

หลังจากโยนแหวนเก็บสมบัติออกมาวงแล้ววงเล่า ผู้จัดการร้านก็งงนิดหน่อย ไม่มีผลึกแดง ทั้งหมดเป็นผลึกทอง สามสิบล้านผลึกทองทำให้เขาต้องนับอยู่พักหนึ่ง เงินปลีกก็คือเงิน อย่างมากตอนหลังก็แค่ไปแลกที่ร้านรับฝากเงิน จึงทำได้เพียงเรียกพนักงานสองคนมาช่วยนับ

ผ่านไปพักใหญ่ถึงได้นับเงินค่าสินค้าเสร็จ มู่ฝานจวินมอบแผนที่ดาวให้อันหรูอวี้กับจงเจิ้นคนละฉบับ แล้วทั้งสองก็กล่าวขอบคุณอาจารย์

ถังจวินกับเยว่เหยาทำได้เพียงมองดูตาปริบๆ รู้ว่าของราคาแพงเกินไป ไม่ใช่เพราะตอนนี้ทั้งสองไม่สะดวกจะใช้

ฉางเหลย ซือถูเซี่ยวกับจีฮวนต่างคนต่างถือแผนที่ดาวคนละฉบับ มองหน้ากันมองหน้ากันมาอยู่เป็นระยะ พวกเขาก็ไม่เหมือนมู่ฝานจวินที่พาลูกศิษย์ระดับบงกชทองมาด้วยสองคน ลูกศิษย์ระดับบงกชทองของทั้งสามมีเพิ่มมาคนสองคน。

“ข้าว่าพวกเจ้าสามคนจะซื้อหรือจะไม่ซื้อ? ถ้าไม่ซื้อก็อย่ายืนขวาง!” อวิ๋นอ้าวเทียนที่ยืนอยู่ข้างหลังพวกเขาพูดไล่

ถ้าซื้อให้ลูกศิษย์บงกชทองอีกคนแต่ไม่ซื้อให้อีกคน แบบนั้นก็จะฟังดูเหลวไหล สุดท้ายทั้งสามก็กัดฟันซื้อเอาไว้ เพียงแต่ตอนจ่ายเงินก็ทำให้ผู้จัดการร้านส่ายหน้าอยู่พักหนึ่ง โชคดีที่เป็นนักพรต ถ้าเปลี่ยนมนุษย์ธรรมดาก็คงตาลายไปแล้ว

อวิ๋นอ้าวเทียนกำลังถือแผนที่ดาวอยู่ฉบับหนึ่ง พอพาลูกๆ ก้าวขึ้นมาข้างหน้า ก็พยักหน้าบอกว่า “ของนี้ไม่เลวเลย!”

เขาหยิบอันหนึ่งไปจ่ายเงินที่โต๊ะคิดเงิน

ซื้ออันเดียวเองเหรอ? พวกฉางเหลยสบตากันแวบหนึ่ง มู่ฝานจวินก็ยิ่งเหน็บแนม “ยิ่งอยู่นานก็ยิ่งขี้เหนียวนะ!”

ใครจะคิดว่าเพิ่งจะพูดจบได้ครู่เดียว ก็เห็นลูกๆ ของอวิ๋นอ้าวเทียนถือแผนที่ดาวคนละฉบับวิ่งไปวางที่โต๊ะคิดเงินแล้ว ไม่สนใจว่าวรยุทธ์จะถึงระดับบงกชทองหรือไม่ พวกอวิ๋นก่วงตบเงินลงบนโต๊ะอย่างคล่องแคล่ว ต่างคนต่างจ่ายเอง ไม่ต้องให้บิดาของพวกเขาควักเงิน

…………………………

[1] น้ำปุ๋ยที่อุดมสมบูรณ์อย่าปล่อยให้ไหลเข้านาคนอื่น 肥水不流外人田 อุปมาว่า ให้ผลประโยชน์กับพวกตัวเองก่อน

[2] มอบถ่านให้ท่ามกลางหิมะ 雪中送炭 อุปมาว่ามอบความช่วยเหลือให้ในยามลำบาก

[3] เพิ่มดอกไม้บนผ้าทอลาย 锦上添花  อุปมาถึงการกระทำที่ไม่จำเป็น