1669 vs 1670-1 โดย Ink Stone_Romance

ตอนที่ 1669

ไม่นาน มือถือของเขาก็ส่งเสียง “เด็กที่ย้ายเข้ามาใหม่? เก่งนี่ อยู่ในกลุ่มวีแชทแล้ว”

หลีจิ่นมองดูข้อความที่ตอบกลับ ก็พิมพ์คำสั้น ๆ “เหรอ?”

“คิงกลัวว่าเขาไม่ชอบมาพากลเหรอ?” พวกผู้หญิงในชั้นเรียนต่างนับถือหลีจิ่นเป็นคิง แค่พวกเธอไม่รู้ว่าคิงมีหน้าตาเป็นอย่างไร

หลีจิ่นมองดูคอมพิวเตอร์ของตัวเอง พิมพ์ช้าลง “ดูเหมือนเขาจะกระตือรือร้นอยู่นะ?”

“ก็ใช้ได้ เมื่อกี้อาจารย์ให้เอาข้อมูลไปให้หลีจิ่น เขาก็ไม่ว่าอะไร”

หลังจากที่เห็นชื่อตัวเองบนหน้าจอ มุมปากของหลีจิ่นแฝงความเย็นกระด้าง “ในเมื่อเป็นอย่างนี้ งั้นก็ให้เขากลายเป็นโจ๊กเกอร์ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นตันไปเถอะ”

เขาเกลียดที่คนอื่นเห็นเขาในสภาพทุเรศทุรังเป็นที่สุด เขาไม่ลืมหรอกตอนที่คนพวกนั้นมันแกล้งเขาหรอกว่า ความรู้สึกที่ถูกผลักศีรษะชนกำแพงมันเป็นอย่างไร

ต่อมา เขาจึงสังเกตเห็นว่าคนพวกนี้ชอบอยู่เป็นกลุ่ม ไม่เพียงแค่การเกาะติดกันเท่านั้น ยังจะหลับหูหลับตาทำตามคนอื่นอยู่ร่ำไป ขอแค่มีใครสักคนที่รังแกได้ พวกนั้นก็จะแห่แหนกันมาถล่ม

หลี่จิ่นจำได้ว่าตอนที่เขาบันทึกหลาย ๆ อย่างในมือถือแล้วมอบให้อาจารย์ อาจารยจึงเรียกผู้ปกครองของทั้งสองฝ่ายมาพบ

แต่เพราะพ่อของฝ่ายตรงข้ามเป็นข้าราชการตำแหน่งเล็ก ๆ ในตำบล พ่อเลี้ยงเขาจึงตบหน้าเข้าเปรี้ยง ส่วนแม่ก็เอาแต่พร่ำขอโทษอีกฝ่าย จากนั้นเขาก็ถูกพวกเพื่อน ๆ กระทืบหนักขึ้น พวกมันยังถอดกางเกงเขาจนเขาไม่ไปโรงเรียนอีก แต่ใช้อีกสถานะหนึ่งเข้าใกล้พวกมัน

พวกมันแต่ละคนอยากให้คนอื่นสนใจตัวเองทั้งนั้น งั้นเขาจะให้พวกมันสมใจอยาก

จากนั้นพวกมันแต่ละคนเริ่มชอบเปรียบเทียบ กลับขาวให้เป็นดำ โกหกตอแหลจนเป็นชีวิตประจำวัน ไม่ว่าฐานะครอบครัวเป็นอย่างไร ก็ใส่ชุดแบรนด์ดัง ขอแค่ชอบใคร คน ๆ นั้นต้องเป็นของตัวเอง คนอื่นมาเอาคืนก็หาว่าเขาใจแคบ ถือว่าการไม่มีศีลธรรมเป็นเกียรติยศที่น่าภูมิใจ

คนแบบนี้ หลอกใช้ง่ายจะตาย

จนถึงเวลานี้ หลีจิ่นกุมจิตใจของพวกมันไว้ในอุ้งมือได้แล้ว ถึงได้มีคำว่าโจ๊กเกอร์อย่างไรล่ะ

ใครที่กลายเป็นโจ๊กเกอร์ จะต้องถูกคนทั้งห้องรังเกียจ

คนที่หลีจิ่นเลือกในตอนแรก ๆ ล้วนแต่ถูกใจพวกนั้นกันหมด พวกมันเหม็นขี้หน้าคนคนนั้นจนอยากจัดการมาตั้งนานแล้ว แต่กลับติดที่สถานะของมัน เขาเลยส่งไพ่โจ๊กเกอร์ให้

แต่ละคนต่างหลีกเลี่ยงไม่ให้ตัวเองกลายเป็นโจ๊กเกอร์ แต่ไม่คิดจะออกจากกลุ่ม เพราะเสพติดกับความเป็นพรรคเป็นพวก

ครั้งนี้ที่เลือกเด็กใหม่ก็มาจากการตัดสินใจกะทันหัน

แม้ว่าตัวเขาจะไม่มีปัญหา ของในห้องของตนก็ไม่เคยมีใครมาแตะต้อง แต่เขาก็ยังเกลียดที่มีคนโผล่ออกมาทำลายสิ่งค้ำจุนที่มีมานาน

ป๋อจิ่วเดาออกว่าตัวเองโดนเล็งเข้าให้แล้ว จะว่าไป หลีจิ่นก็เยือกเย็นมาก เธอเดินหน้าต่ออย่างไม่ตื่นตูม แค่ถูกเล็ง ไม่ได้ถูกเปิดเผยสักหน่อย

ฝั่งของหลีจิ่นเองก็ไม่ได้สงสัยเธอสักหน่อย คนที่ทางตำรวจส่งมา ย่อมไม่คิดจะตรวจสอบเด็กมัธยมอยู่แล้ว ต่อให้ตรวจสอบ ก็คิดว่าเขาเป็นเพียงเหยื่อเท่านั้น ส่งผลให้หลีจิ่นมีเวลาพอที่จะทำอะไรบางอย่าง

ว่าแต่หลีจิ่นรู้จักคิงได้ยังไง? แล้วใช้วิธีไหนในการติดต่อสื่อสารกับฝ่ายนั้น

เรื่องนี้สำคัญมาก หากทั้งสองประเด็นถูกไขจนลุล่วง ก็จะสืบเจอว่าคิงเป็นใครกันแน่…

ป๋อจิ่วกำพวงมาลัยด้วยมือข้างหนึ่ง หน้าหล่อ ๆ ของเธอหันไปนิดหน่อย ไล้นิ้วหนัก ๆ บนเรียวปาก อันเป็นความเคยชินประจำตัวในทุกครั้งที่ใช้ความคิด

ทันใดนั้น เธอก็หยุดมือ นึกถึงคำพูดของคุณน้าคนนั้น

……………………………………………

ตอนที่ 1670-1

 ‘น้ากับพ่อเขายุ่งมาก เลยไม่ค่อยได้ดูแลเขา ทำให้เขาโตช้ากว่าเด็กคนอื่น สุขภาพก็ไม่ดี เวลาเรียนก็ต้องไปห้องพยาบาลบ่อยๆ  วิ่งตอนเช้าก็วิ่งไม่ไหว น้ากลัวว่าเขาเก็บปัญหาไว้ในใจ อาจคิดสั้น’

ห้องพยาบาล ป๋อจิ่วนั่งตัวตรง วางมือข้างหนึ่งไว้บนคีย์บอร์ด แล้วรัวพิมพ์อย่างสวยงาม

เธอรู้สักทีว่า ทำไมคุณหมอที่ห้องพยาบาลนั่นเข้าใกล้เธอทีไร เธอเป็นต้องได้กลิ่นคุ้นจมูกจากตัวเขาอยู่เรื่อย เพราะมันเป็นกลิ่นยาที่ใช้สำหรับดองศพไงล่ะ เขาต้องไม่ใช่หมอธรรมดาๆ! ทุกอย่างมีคำอธิบายชัดเจนว่า ทำไมตอนที่คุยกัน เธอถึงได้อยากนอน เพราะคิงเก่งถนัดด้านการสะกดจิตคน แต่เป็นเพราะตอนนั้นเขาใช้เวลาสะกดจิตเธอนานมาก แถมยังถูกมาขัดจังหวะด้วย จึงล้มเหลวกลางคัน

อุตส่าห์ปลอมตัวเป็นคุณหมอประจำโรงเรียน เปลือกนอกเหมือนทำการตรวจรักษาให้กับนักเรียน

อันที่จริงคนเราก็เหมือนกันหมด เวลาที่ป่วยก็จะไม่ระวังตัว

ด้วยฝีมือของคิง การจะชี้นำทางจิตให้กับพวกเด็กนักเรียนถือเป็นเรื่องง่ายยิ่งกว่าพลิกฝ่ามือ เขาน่าจะเป็นคนที่คุ้นเคยกับสภาพของเด็กนักเรียนมากที่สุด จึงเลือกคนที่ฉลาดที่สุดมาคนหนึ่ง แล้วให้สร้างกรุ๊ปแชท ต่อจากนั้นก็ไม่ต้องทำอะไร แค่รอดูอยู่เด็กพวกนั้นค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปอยู่ด้านข้าง ดังนั้นป๋อจิ่วถึงได้รำคาญต่อการรวมกลุ่มล้างสมองอย่างไรล่ะ

คุณแยกแยะไม่ไหวหรอกว่า คนไหนบ้างที่ไม่ได้รับผลกระทบ

เวลาเป็นตัวสำคัญ บางทีตอนนี้เขาเป็นแบบหนึ่ง แต่เมื่ออยู่ในกรุ๊ปนานเข้าก็จะกลายเป็นอีกแบบ แล้วค่อยๆ คุ้นกับการละเมิดสิทธิ์คนอื่น กลายเป็นเห่อกับของเปลือกนอก ใครก็ตามที่มากระทบต่อเปลือกนอกของพวกเขา ก็จะถูกกลับขาวให้เป็นดำ และหลังจากที่ทุกคนเปลี่ยนไปในทางที่เลวร้าย โรงเรียนนี้ก็หมดทางเยียวยา

คนที่ชั่วร้ายมาตั้งแต่รากฐาน เมื่อเข้าสู่สังคมแล้ว มันจะน่ากลัวขนาดไหน นี่แหละคือปริศนาที่ไขไม่ได้

ป๋อจิ่วขับรถเร็วมาก ผู้คนที่อยู่ริมถนน ต่างมองดูรถแลมโบกินี่ปราดเปรียวคันดำแล่นเป็นเส้นตรงเข้าสู่โรงเรียน

ยามถึงกับอึ้ง เพราะขับเร็วขนาดนี้ เขาห้ามไม่ทันหรอกนะ

ป๋อจิ่วเดินเข้ามาพลางกดปุ่มหูฟังบลูกทูธ “ฉันหาคิงเจอแล้ว”

“คิงเหรอ?” คุณชายถังที่อยู่ปลายสายถึงกับชะงักเท้า เขาฉลาดมาก “เขาอยู่ในโรงเรียนเหรอ?”

ป๋อจิ่วตอบรับ “คุณคิดไม่ถึงชัวร์ว่าเขาจะปลอมตัวเป็นหมอประจำโรงเรียน”

“คิดไม่ถึงจริงๆ ด้วยแหละ มิน่าล่ะ ผมอุตส่าห์ตรวจประวัติอาจารย์ทั้งหมดแล้วยังไม่เห็นสิ่งผิดปกติ” คุณชายถังพูดจบก็เอ่ยต่อ “คุณอย่าทำอะไรคนเดียวนะ รอให้หน่วยสนับสนุนเข้าไปก่อนค่อย…”

ตู๊ดๆๆ ป๋อจิ่วตัดสายเขาเรียบร้อยแล้ว

ชายหนุ่มนวดหน้าผาก รีบติดต่อสายที่ให้แฝงตัวอยู่แถวนั้นทันที

ในโรงเรียนมีคนเยอะมาก หากประกาศไปว่ามีบุคคลอันตรายอยู่ รับรองว่าต้องอลหม่านแน่ ถึงเวลานั้นควบคุมไว้ไม่อยู่ อาจเกิดปัญหาขึ้นได้

คิงอันตรายที่สุดก็ตรงที่ เขาถนัดด้านการฝังคำสั่งทางจิต

ระหว่างที่คุณยังไม่รู้ตัว เขาอาจวางแผนการไว้เรียบร้อยแล้ว ไม่รู้ว่ามีกี่คนในโรงเรียนที่ถูกเขาบงการ ซึ่งมันยากที่จะแยกแยะออกมา

หากทำอะไรเอิกเกริกไป อีกฝ่ายจะรู้ทันได้ง่าย ถึงเวลานั้นนักเรียนทั้งโรงเรียนจะกลายเป็นตัวประกันของเขา ดังนั้นจะต้องหาตัวคิงออกมาให้ได้ชนิดที่ไม่แหวกหญ้าให้งูตื่น!

……………………………………………