บทที่ 827 : บัญชีเก่ากับบัญชีใหม่!
ในยุคสมัยนี้อาชีพและหน้าที่การงานเปรียบเสมือนดวงตาของผู้คน และแน่นอนว่าตำแหน่งเลขานุการนี้ก็ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว
หลิวจิ้งปิงจึงนับว่ามีหน้าที่การงานที่ดีมากคนหนึ่ง..
ก่อนหน้านี้หลิวจิ้งปิงยังคิดว่าสิ่งที่หลิงหยุนทำนั้นช่างไร้ความน่าเชื่อถือและไร้สาระมากเกินไป! แต่เมื่อเขาได้เห็นกับตาตัวเองว่ามีการนำชื่อนักเรียนคนอื่นมาใส่แทนชื่อของหลิงหยุนในกระดาษคำตอบนั้น เขาก็เข้าใจได้ทันทีว่าเพราะเหตุใดเด็กหนุ่มทั้งสามคนจึงต้องทำอะไรแบบนี้..
นอกเหนือจากหนึ่งคะแนนที่ถูกหักจากวิชาสังคมศาสตร์ทั้งวิชาคณิตศาสตร์ วิชาภาษาอังกฤษ และวิชาภาษาจีนก็ล้วนได้คะแนนเต็มหมด ด้วยผลคะแนนที่เป็นเลิศเช่นนี้ คนที่ทำการโกงโดยคิดว่าจะไม่สามารถมีคนจับได้นั้น นับว่าโง่เกินกว่าที่จะจินตนาการได้จริงๆ
แต่ถึงกระนั้น..หลิวจิ้งปิงก็คิดไม่ถึงว่าหลิงหยุนจะสามารถจัดการกับปัญหาในครั้งนี้ได้อย่างเรียบง่ายเช่นนี้!
เพราะจนถึงตอนนี้หลิวจิ้งปิงยังรู้สึกเหมือนกับกำลังอยู่ในความฝันเพียงแต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในฝันครั้งนี้ดูเหมือนจริงมากจนเกินไปเท่านั้นเอง!
แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาที่กำลังสร้างความวุ่นวายปั่นป่วนอยู่ตรงหน้าเขานั้นก็คือผู้ที่สมควรจะได้คะแนนสอบเอนทรานซ์สูงเป็นอันดับหนึ่งของมณฑลเจียงหนานในปีนี้!
หลิงหยุนจัดการเก็บกระดาษคำตอบที่มีคะแนนสูงสุดของตนเองไว้ในขณะที่หลู่กวนหวังถึงกับนั่งคอตกคล้ายคนที่กำลังติดคุกติดราราง
ผลการสอบเอนทรานซ์นั้นเป็นเรื่องที่ผู้คนในประเทศนี้ต่างก็ให้ความสนใจ และจับตามอง ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าผลการสอบเอนทรานซ์นั้นเปรียบเสมือนสะพานของเด็กนักเรียนจำนวนนับไม่ถ้วน ที่จะใช้ข้ามไปเพื่อกำหนดชะตาชีวิตของตนเอง อีกทั้งยังเปรียบเสมือความหวังของครอบครัวอีกหลายครอบครัวด้วย!
แต่การที่จู่ๆนักเรียนที่ได้คะแนนสอบเอนทรานซ์เป็นศูนย์คะแนน กลับกลายมาเป็นผู้ที่ควรจะได้คะแนนสูงสุดเช่นนี้ แม้แต่หลิวจิ้งปิงที่ทำงานในสำนักงานการศึกษามาหลายปี ก็ยังถึงกับตกใจจนแทบช็อค เพราะเป็นเรื่องที่เขาเองก็ไม่เคยพบเจอมาก่อนเช่นกัน!
“นักเรียนหลิงหยุน..เธอไม่ต้องเป็นห่วง ไม่ว่าเธอจะต้องพบเจอกับเหตุการณ์ใดต่อไป ฉัน – หลิวจจิ้งปิงจะเป็นพยานให้กับเธอเอง”
หลิวจิ้งปิงตัดสินใจพูดออกไปเช่นนั้นทั้งที่ไม่รู้เลยว่าการตัดสินใจของตนเองในครั้งนี้ จะทำให้เกิดปัญหากับหน้าที่การงานของหรือไม่ หรือถนนเส้นนี้ของตนเองจะสดใสมากขึ้น.. เขาเองก็ไม่อาจรู้ได้จริงๆ!
ถังเมิ่งกับตี้เสี่ยวอู๋ต้องช่วยกันหิ้วปีกหลู่กวนหวังคนละข้างและพยุงกลับไปที่รถ เพราะเวลานี้หลู่กวนหวังแขนขาอ่อนแรงจนไม่สามารถเดินได้ด้วยตนเอง หลิงหยุนขึ้นไปนั่งข้างคนขับ ส่วนถังเมิ่ง หลิวจิ้งปิง และหลู่กวนหวังขึ้นไปนั่งที่เบาะหลัง จากนั้นตี้เสี่ยวอู๋ก็ขับรถกลับไปที่สำนักงานการศึกษาประจำเมืองจิงฉูทันที..
“ทุกคนมัวมุงดูอะไรกันกลับไปทำงานตามปกติได้แล้ว..”
เมื่อหลิวจิ้งปิงกลับไปที่สำนักงานการศึกษาเขาก็สั่งให้เจ้าหน้าที่ทุกคนกลับไปทำงานตามปกติของตนเอง
เวลานี้..ในห้องทำงานของผู้อำนวยการได้ถูกปิดประตูไว้
หลิงหยุนถังเมิ่ง และตี้เสี่ยวอู๋ ทั้งสามคนนั่งยิ้มอยู่บนโซฟาราวกับว่าที่นี่เป็นห้องทำงานของตนเอง ส่วนหลู่หวนหวังที่กำลังหวาดกลัวสุดขีดนั้นนั่งคอตกอยู่บนพื้นห้อง..
เครื่องปรับอากาศที่เย็นเฉียบนั้นยิ่งทำให้พื้นกระเบื้องเย็นยะเยือกมากขึ้น แต่หลู่กวนหวังกลับรู้สึกราวกับว่านั่งอยู่บนเตาร้อนๆ
หลู่กวนหวังรู้ตัวว่าทุกอย่างคงต้องจบสิ้นภายในวันนี้แน่เขาคิดไม่ถึงจริงๆว่าหน้าที่การงานในฝันของตนเอง จะต้องจบสิ้นภายในเวลาที่รวดเร็ว และกะทันหันเช่นนี้!
จังหวะที่หลิ่วจิ้งปิงสงบสติอารมณ์ได้แล้วเขาจึงยกมือขึ้นเคาะประตูห้อง และเปิดเข้ามานั้น หลิงหยุนก็กำลังพูดกับหลู่กวนหวังด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ผู้อำนวยการหลู่..ถ้าคุณฉลาดพอ ผมคิดว่าถึงเวลาแล้วที่คุณจะต้องเล่าความจริงทั้งหมดออกมา!”
แม้ว่าจะอยู่ในห้องทำงานของตนเองแต่ราศีของความเป็นผู้อำนวยการก็ได้ดับไปแล้ว ผมที่เคยใส่น้ำมันและหวีเรียบจนเป็นเงาอย่างพิถีพิถันนั้น เวลานี้กลับตกลงมาปิดบังใบหน้าไว้อย่างน่ารำคาญ จนต้องยกมือขึ้นปัดออกพร้อมกับพยักหน้าที่ซีดเซียว
“ฉันยอมเล่าแล้ว..ฉันจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง!”
ตี้เสี่ยวอู๋ตะโกนสั่งทันที“จะนั่งพูดอะไรตรงนั้น.. มาพูดหน้ากล้องนี่!”
เวลานี้มีกล้องทั้งหมดสองตัวตัวหนึ่งคือของเลขานุการหลิ่วจิ้งปิงที่นำมา ส่วนอีกอันเป็นโทรศัพท์มือถือของถังเมิ่ง..
หลู่กวนหวังถึงกับเหงื่อกตก“คือเรื่องทั้งหมดมีอยู่ว่า.. ผู้อำนวยการกองการศึกษาประจำมณฑลเจียงหนานที่ชื่อหลี่จิ่วเจียงเป็นคนขอให้ฉันช่วย..”
ภายใต้ความหวาดกลัวเช่นนี้มีหรือที่หลู่กวนหวังจะกล้าปิดบังอะไรอีก เขาเล่าเรื่องทั้งหมดให้หลิงหยุนฟังโดยไม่มีปิดบังเลยแม้แต่นิดเดียว และทุกอย่างก็เป็นไปตามที่หลิงหยุนกับคนอื่นๆคาดเดาไว้ตั้งแต่ต้น และคนที่อยู่เบื้องหลังแผนการครั้งนี้ทั้งหมดก็คือหลี่จิ่วเจียงนั่นเอง!
กล้องในมือของหลิวจิ้งปิงถึงกับสั่นและใบหน้าของเขาก็ซีดเผือด เขารู้สึกชาไปทั่วทั้งร่าง และได้แต่คิดในใจว่า
‘พระเจ้า..นี่เขากำลังเป็นพยานให้กับเรื่องอื้อฉาวระดับใหนของวงการการศึกษากันแน่!’
ผู้อำนวยการกรมการศึกษาประจำมณฑลเจียงหนานเองก็เคยมาที่นี่และหลิวจิ้งปิงเองก็เคยไปต้อนรับ..
ยิ่งไปกว่านั้นเขาเองก็เคยไปเข้าร่วมประชุม และรายงานผลการทำงานของสำนักงานการศึกษาให้หลี่จิ่วเจียงฟังหลายครั้งหลายครา เขาจึงรู้จึกเบื้องหน้าเบื้องหลังของหลี่จิ่วเจียงเป็นอย่างดี!
หลี่จิ่วเจียงนั้นใหญ่โตและมีอิทธิพลไม่เบา พี่ชายของเขาก็คือหลี่ซันเจียงซึ่งเป็นพ่อของหลี่เทียน และมีตำแหน่งเป็นถึงรองนายกเทศมนตรีของมณฑลเจียงหนาน!
คงไม่มากไปที่จะพูดว่าทั้งคู่ต่างก็เป็นคนที่มีทั้งอำนาจและอิทธิพล!
หลิวจิ้งปิงทั้งหวาดกลัวแล้วก็กังวลในเวลาเดียวกันเพราะความจริงแล้วภารกิจของเขาในเช้าวันนี้ก็คือการช่วยหลู่กวนหวังจัดเตรียมงานเลี้ยงฉลองที่จะจัดขึ้นในเย็นนี้ เพื่อแสดงความยินดีกับหลานชายของหลี่จิ่วเจียงซึ่งก็คือหลี่เทียนนั่นเอง!
หลานชายของผู้อำนวยการกรมการศึกษาประจำมณฑลเจียงหนานได้คะแนนสอบเอนทรานซ์สูงสุดเช่นนี้นับว่าเป็นการสร้างชื่อเสียงให้กับเมืองจิงฉู แน่นอนว่าพวกเขาจะต้องจัดงานเลี้ยงฉลองประกาศให้ทุกคนได้รู้ และเตรียมมอบของขวัญชิ้นโตให้..
หลู่กวนหวังเปิดโปงหลี่จิ่วเจียงจนหมดสิ้นและหลังจากที่บันทึกคำสารภาพไว้เรียบร้อยแล้ว หลิงหยุนก็สั่งให้หลิวจิ้งปิงกับถังเมิ่งเก็บอุปกรณ์ทั้งหมด และขอให้หลิวจิ้งปิงออกจากห้องไปก่อน
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับพูดกับหลู่กวนหวังว่า“ดีมากที่ยอมเล่าออกมาหมดทุกอย่าง.. ผมพอใจมาก!”
หลู่กวนหวังไม่มีเรี่ยวแรงที่จะลุกขึ้นยืนได้จึงนั่งเอนกายอยู่ที่พื้นพร้อมกับใช้แขนทั้งสองข้างพยุงตัวไว้ แล้วอ้อนวอนหลิงหยุนว่า
“หลิงหยุน..ได้โปรดยกโทษให้ฉันด้วยเถิดนะ! ไม่ใช่ว่าฉันต้องการจะทำแบบนี้.. แต่หลี่จิ่วเจียงเป็นหัวหน้าระดับสูงของฉัน ฉันไม่สามารถปฏิเสธคำขอของเขาได้จริงๆ!”
“เอาล่ะ..ตอนนี้ก็บอกผมมาตามตรงว่าลูกชายของคุณหลู่เจิ้งเทียนไปมุดหัวอยู่ที่ใหน”
หลิงหยุนตั้งใจที่จะจัดการกับหลู่เจิ้งเทียนทันทีหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจนี้..
เมื่อครั้งที่หลิงหยุนเจรจาเรื่องเงินเดิมพันกับเสียเจิ้นเหยินและกู่หยุนฟะนั้นหลิงหยุนได้เรียกร้องค่าเสียหาย ค่ารักษาพยาบาล และค่าตกใจจากหลู่เจิ้งเทียนเป็นจำนวนเงินสองแสนหยวน และหลิงหยุนก็ได้มอบเงินก้อนนี้ให้กับหลิวลี่ไปแล้วด้วย!
ความจริงแล้วหลิงหยุนคิดว่าเรื่องที่ผ่านมาระหว่างเขากับหลู่เจิ้งเทียนนั้นเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้นเขาก็แค่หาเรื่องเรียกร้องเงินสองแสนกับหลู่เจิ้งเทียน เพื่อให้เป็นบทเรียนเท่านั้น หลู่เจิ้งเทียนจะได้ไม่กล้าไปรังแกคนอื่นๆอีก
แต่ถึงกระนั้นหลู่เจิ้งเทียนกลับเคียดแค้นหลิงหยุนและเมื่อหลิงหยุนลงไปที่ก้นหลุมยักษ์ แล้วหายตัวไปจากจิงฉูหลายวัน มันก็ได้ร่วมมือกับกู่หยุนฟะและเสียเจิ้นเหยินรังแกหนิงหลิงยู่ และยังทำร้ายถังเมิ่งจนเกือบพิการ!
แต่เมื่อหลิงหยุนกลับมาปรากฏตัวอีกครั้งพวกมันทั้งสามคนต่างก็หวาดกลัวจนทำตัวเองให้หายสาบสูญไปจากจิงฉูทันที
หลิงหยุนเองก็คร้านที่จะใส่ใจกับเรื่องเล็กๆน้อยๆเพียงแค่นี้เพราะเขายังมีภารกิจมากมายหลายอย่างที่ต้องไปจัดการ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าหลิงหยุนจะลืมบัญชีความแค้นครั้งนี้ไปแล้ว
และครั้งนี้ยังมีหลู่กวนหวังเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดขึ้นมาอีกหนึ่งคนหลิงหยุนจึงต้องการคิดบัญชีทั้งหมดรวบยอดในคราวเดียว
“เอ่อ..ละ.. ลูกชายของฉันงั้นเหรอ!”
หลู่กวนหวังถึงกับพูดตะกุกตะกักและหน้าซีดยิ่งกว่าเดิม..
ถังเมิ่งพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน“ลุงหลู่ครับ.. ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของลุงรวมหัวกับกู่หยุนฟะและเสียเจิ้นเหยิน พาคนมารุมทำร้ายผมจนเกือบพิการ บัญชีนี้ผมต้องเอาคืนอย่างแน่นอน!”
เมื่อพูดถึงหลู่เจิ้งเทียน..ถังเมิ่งก็รู้สึกโกรธแค้นขึ้นมาทันที แต่หลู่เจิ้งเทียนก็เป็นเพียงแค่ผู้สมรู้ร่วมคิดเท่านั้น แต่ตัวการสำคัญที่ทำร้ายร่างกายเขาก็คือเสียเจิ้นเหยิน..
“ได้โปรดเถิด..ฉันขอร้องล่ะ ปล่อยลูกชายของฉันไปเถอะนะ!”
หลู่กวนหวังหวาดกลัวว่าลูกชายของตนเองจะได้รับอันตรายจึงต้องยอมโขกหัวกับพื้น เพื่อขอร้องให้หลิงหยุนปล่อยลูกชายของตนเองไป
หลิงหยุนตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ในเมื่อรู้ว่าจะต้องเป็นเช่นนี้ แล้วทำทำไม”
“ตลอดสามปีในโรงเรียนมัธยมจิงฉูลูกชายของคุณทำร้ายผม และรังแกผมไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ผมแค่ขอให้เขาจ่ายค่าทำขวัญให้ผมเป็นเงินจำนวนสองแสนหยวน จุดประสงค์ก็เพื่อให้บทเรียนกับเขาเท่านั้นเอง วันนั้นผมเองก็ได้พูดกับเขาอย่างชัดเจนแล้วว่า.. เรื่องระหว่างผมกับเขาขอให้จบลงเพียงเท่านั้น!”
“แต่พอผมไม่อยู่จิงฉูลูกชายของคุณก็ร่วมมือกับเสียเจิ้นเหยินและกู่หยุนฟะ ทำร้ายร่างกายน้องชายของผมจนเกือบพิการ คุณตอบมาสิว่าสมควรที่ผมจะต้องคิดบัญชีกับเขามั๊ย”
“พวกมันอยากจะหนีก็หนีไป..ผมถือคติว่าล้างแค้นสิบปียังไม่สาย!”
“แต่คุณก็ไม่จำเป็นต้องกังวลมากจนเกินไปลูกชายของคุณเป็นเพียงแค่ผู้สมรู้ร่วมคิดเท่านั้น พวกเราคงจะไม่ใจร้ายกับเขานัก แต่ถึงอย่างไรเขาก็ต้องได้รับบทเรียนบ้าง ผู้อำนวยการหลู่.. คุณคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้”
หลู่กวนหวังตกใจและตอบกลับไปอย่างตะกุกตะกัก“ถ้างั้น.. บะ.. แบบนี้ดีมั๊ยถังเมิ่ง.. เธอต้องการเงินเท่าไหร่ ฉันยินดีที่จะจ่ายให้ตามที่เธอเรียกร้อง ขอแค่เธอยอมปล่อยลูกชายของฉันไปก็พอ!”
ถังเมิ่งได้ฟังจึงหันกลับไปมองหลิงหยุน..
หลิงหยุนถึงกับทำเสียงขึ้นจมูกเขารู้ว่าหลู่กวนหวังรับราชการมานานหลายปี ย่อมต้องได้รับผลประโยชน์มามากมาย
เมื่อคิดว่าการที่หลู่เจิ้งเทียนสามารถทำตัวกร่างอยู่ในโรงเรียนมัธยมจิงฉูนั้นหากไม่ใช่เพราะมีพ่อของมันถือหางสนับสนุนอยู่เช่นนี้ มีหรือที่มันจะกล้าทำตัวอันธพาลเช่นนั้น!
หลิงหยุนไม่ตอบแต่เพียงแค่มองถังเมิ่ง และความหมายในสายตาของหลิงหยุนก็บ่งบอกอย่างชัดเจนว่า เขายกให้ถังเมิ่งเป็นผู้ตัดสินใจในครั้งนี้!
ถังเมิ่งถอนหายใจด้วยความโล่งอกแล้วพูดขึ้นอย่างช้าๆ “ในปีแรกของมัธยมปลาย.. ลูกชายของคุณข่มขืนเด็กนักเรียนหญิงคนหนึ่งในห้องเดียวกัน และเมื่อเด็กผู้หญิงคนนั้นตั้งท้อง มันก็บังคับให้ทำแท้ง และบังคับให้เด็กนักเรียนหญิงคนนั้นต้องย้ายโรงเรียน..”
“พอขึ้นปีที่สองของมัธยมปลาย..หลู่เจิ้งเทียนกับกู่หยุนฟะก็ร่วมมือกันมอมเมายาเสพติดให้กับเด็กนักเรียนหญิงสองคน ท้ายที่สุดหนึ่งในนั้นถึงขั้นฆ่าตัวตาย เรื่องนี้คุณคิดว่าจะชดใช้ยังไง”
“และในครึ่งปีแรกของมัธยมปลายปีที่สาม..หลู่เจิ้งเทียนได้ทำร้ายร่างกายนักเรียนชายในห้องเดียวกันคนหนึ่งจนขาหักทั้งสองข้าง เด็กนักเรียนชายคนนั้นต้องนอนเป็นคนพิการอยู่ที่โรงพยาบาลเกือบครึ่งปี แต่คุณกับจ่ายค่าเสียหายให้เขาเพียงแค่ห้าพันหยวน หนำซ้ำยังไล่เขาออกจากโรงเรียนอีกด้วย..”
หลิงหยุนได้ฟังจนจบประกายสังหารก็ปรากฏขึ้นมาในแววตาของเขาวูบหนึ่ง..
ถังเมิ่งย้ำด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจน“ลูกชายของคุณทำเรื่องชั่วช้า และโหดเหี้ยมขนาดนี้! ไม่ทราบว่าคุณจะชดใช้ยังไง”
“คุณคิดว่าทั้งหมดที่ผมเล่ามานั้นควรต้องชดใช้เป็นจำนวนเงินเท่าไหร่จึงจะเหมาะสม ต่อให้คุณยอมชดใช้เป็นเงิน พวกเราก็ยังต้องคิดบัญชีกับลูกชายของคุณอยู่ดี..”
ถังเมิ่งยังไม่โทรเรียกถังเทียนห่าวเพราะเมื่อใดที่เขาโทรเรียกถังเทียนห่าวมาที่นี่ เรื่องทั้งหมดก็จะเข้าสู่กระบวนการรับผิดชอบของสำนักงานรักษาความมั่นคงทันที และถึงตอนนั้นก็จะต้องมีการตรวจสอบเรื่องการคอรัปชั่นของหลู่กวนหวัง และหากพบว่ามีการคอรัปชั่นจริง ก็จะตามมาด้วยการยึดทรัพย์ทันที!
และเรื่องก็จะสาวมาถึงตัวหลิงหยุนอย่างแน่นอน!
ถังเมิ่งรู้ว่าหลิงหยุนไม่ชอบขั้นตอนและพิธีการอะไรพวกนั้น!
เมื่อได้ฟังคำพูดของถังเมิ่งหลู่กวนหวังถึงกับหมดเรี่ยวหมดแรง และหมดหวัง แต่ถึงกระนั้นถังเมิ่งก็เปรียบเหมือนฟางเส้นสุดท้ายของเขา..
“ได้โปรดเถิดนะ!ฉันยินดียกเงินทองทั้งหมดที่ฉันมีให้กับเธอก็ได้ แต่ปล่อยลูกชายของฉันไปเถิดนะ!”
บทที่ 828 : ยึดทรัพย์!
ที่หลู่กวนหวังต้องพูดออกไปเช่นนั้นก็เพราะในจังหวะที่เงยหน้าขึ้นนั้น เขาเหลือบเห็นรังสีสังหารที่วูบขึ้นในแววตาของหลิงหยุนพอดี
หลู่กวนหวังกลัวตายอย่างมากแต่กลัวว่าลูกชายของตนเองจะต้องตายมากว่าอีก!
เขามีหลู่เจิ้งเทียนเป็นลูกชายเพียงแค่คนเดียวหากหลู่เจิ้งเทียนตายไปในตอนนี้ ก็เท่ากับว่าเขาจะขาดทายาทสืบสกุลอย่างแน่นอน..
ถังเมิ่งนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบไปว่า“ก็ต้องดูก่อนว่าเงินทองของคุณมีมากแค่ใหน..!”
หลู่กวนหวังก้มหน้าลงพร้อมกับโพล่งออกไปทันที..
“หกล้าน..”
ถังเมิ่งตบมือซ้ายลงบนโต๊ะที่อยู่ด้านหน้าเสียงดังพร้อมกับร้องตะโกนออกมาว่า “นี่มันคำพูด หรือว่าลมตดกันแน่!”
หลิงหยุนขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วหันไปพูดกับถังเมิ่งว่า “ฉันว่าอย่าถามอะไรให้มากความจะดีกว่า ลงมือเลยไม่ดีกว่ารึ”
หลู่กวนหวังหวาดกลัวมากมันรีบเงยหน้าขึ้นพร้อมกับพูดตะกุกตะกัก “กะ.. เก้าล้าน!”
ถังเมิ่งเริ่มหมดความอดทนเขานั่งกอดอกพิงโซฟาพร้อมกับทำเสียงเย้ยหยัน “ในเมื่อผมให้โอกาสคุณแล้ว แต่ดูเหมือนคุณจะเอาแต่เล่นแง่! เอาล่ะ.. ในเมื่อคุณไม่ต้องการชีวิตของลูกชายตัวเองก็ไม่เป็นไร เพราะผมเองก็ขี้เกียจที่จะมานั่งถามเหมือนกัน..”
“อีกอย่าง..เงินทั้งหมดที่ได้มาจากความโลภมากของคุณ หากให้คณะกรรมการตรวจสอบทางวินัยของสำนักงานต่อต้านคอรัปชั่น กับสำนักงานรักษาความมั่นคงตรวจพบแล้วล่ะก็ คุณคิดว่ามันจะเหลือถึงคุณสักเท่าไหร่”
หลู่กวนหวังถึงกับนิ่งอึ้งไปและรู้ว่าคงไม่สามารถปกปิดอะไรได้อีก เขาจึงตอบอีกครั้งว่า
“บอกตามตรงนะ..ฉันมีอยู่ทั้งหมดหกสิบล้าน..”
หลิงหยุนได้ฟังถึงกับพูดยิ้มๆ“ไม่อยากถูกฆ่า.. แต่กลับกล้าโกหกว่ามีแค่หกล้าน ทั้งที่มีถึงหกสิบล้าน..”
ถังเมิ่งเองก็ไม่พอใจและพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ.. หกสิบล้านนี่คงเป็นเพียงแค่เงินสดเท่านั้นสินะ!”
ถังเมิ่งเห็นว่าได้จังหวะจึงตบโต๊ะเสียงดังอีกครั้งก่อนจะตะโกนเสียงดังว่า “แล้วทรัพย์สินอื่นๆล่ะ ไม่ว่าจะเป็นอสังหาริมทรัพย์ หุ้น หรือธุรกิจอื่นๆ พูดมาให้หมดล่ะ!”
หลู่กวนหวังถึงกับหมดหวังท้อแท้เขารู้ดีว่าไม่อาจปกปิดถังเมิ่งได้อีก พ่อของถังเมิ่งเป็นถึงผู้อำนวยการสำนักงานรักษาความมั่นคงประจำจิงฉู ทุกๆปี ตัวเขาเองก็ต้องเข้าไปตรวจสอบกรณีคอรัปชั่นในหลายๆคดีร่วมกับถังเทียนห่าว หลู่กวนหวังจึงคิดว่าถังเมิ่งน่าจะรู้ดีว่าเขามีทรัพย์สินอะไรเท่าไหร่บ้างในแต่ละปี..
แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆถังเมิ่งไม่เพียงรู้ว่าหลู่กวนหวังมีเงินทอง และทรพัย์สินมากเท่าไหร่ แต่ยังรู้ว่าเขาได้เงินมาด้วยวิธีใดบ้าง? ต่อหน้าลูกชายที่เฉลียวฉลาดของถังเทียนห่าว หลู่กวนหวังจึงไม่กล้าที่จะพูดโกหกอีก..
“ฉันมีบ้านอยู่ทั้งหมดแปดหลังอยู่ในจิงฉูห้าหลัง ปักกิ่งหนึ่งหลัง แล้วก็ในเมืองฮู๋ตงอีกสองหลัง ”
“แล้วก็ยังมีหุ้นบริษัทอสัหาริมทรพัย์ของกู่เหลียนเฉิงอีกราวยี่สิบล้าน..”
“มีโรงแรมใหญ่อีกสามแห่งในเมืองจิงฉูและได้จดเป็นชื่อของญาติ แล้วก็ร้านหนังสือ ร้านซุปเปอร์มาร์เก็ต แล้วก็ร้านคาเฟ่ในโรงเรียนอีกสี่แห่ง..”
เมื่อได้ฟังหลู่กวนหวังสาธยายทรัพย์สินของตนเองทั้งหมดที่มีออกมาถังเมิ่งก็ถึงกับยิ้มออก และได้แต่คิดในใจว่าครั้งนี้หลู่กวนหวังไม่ได้พูดโกหก
หลู่กวนหวังเป็นผู้อำนวยการสำนักงานการศึกษาประจำเมืองจิงฉูโรงเรียนทั้งหมดในจิงฉู ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนมัธยม โรงเรียนประถม หรือโรงเรียนอื่นๆ ก็ล้วนแล้วแต่อยู่ในการดูแลของหลู่กวนหวังทั้งสิ้น
เมืองจิงฉูเป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับหนึ่งและมีประชากรมากถึงเจ็ดล้านคน ผลประโยชน์ที่ได้รับนั้นจะมากมายเพียงใดอย่างนั้นหรือ
ในเมืองจิงฉูนั้น..บริษัทอสังหาริมทรพัย์ที่ใหญ่ที่สุดก็คือบริษัทของกู่เหลียนเฉิงนั่นเอง!
ผู้อำนวยการสำนักงานการศึกษาร่วมกับบริษัทอสังหาริมทรพัย์ที่ใหญ่ที่สุดของจิงฉูด้วยความร่วมมือของคนทั้งคู่นั้น คนหนึ่งมีอำนาจ ส่วนอีกคนมีเงิน โรงเรียนต่างๆในจิงฉูนั้น หากต้องการสร้างอาคารเรียนใหม่ หรือว่าหอพักใหม่ หรืออาคารอื่นๆ คิดว่าหลู่กวนหวังจะสั่งให้เลือกบริษัทใดทำการก่อสร้าง
แน่นอนว่าต้องเป็นบริษัทของกู่เหลียนเฉิงอย่างแน่นอน!
อย่างเช่นอาคารเรียนใหม่ทั้งสองอาคารของโรงเรียนมัธยมจิงฉูที่กำลังก่อสร้างอยู่นั้นก็ดำเนินการก่อสร้างโดยบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของกู่เหลียนเฉิงเช่นกัน
และเพื่อให้บรรลุเป้าหมายกู่เหลียนเฉิงถึงกับเทียวไปเทียวมาหาหลู่กวนหวังมากมายหลายครั้ง และได้มอบเงินสดหลายล้าน อีกทั้งบ้านเดี่ยวให้กับเขาด้วย..
และเมื่อความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่พัฒนาจนสนิทสนมกันมากขึ้นกู่เหลียนเฉิงก็ได้มอบหุ้นบริษัทส่วนหนึ่งให้กับหลู่กวนหวัง และได้แบ่งผลกำไรตามสัดส่วนให้ทุกๆปีโดยที่ไม่หลู่กวนหวังไม่ต้องทำอะไรเลย..
ดังนั้นการที่หลู่กวนหวังมีโรงแรมของตนเองถึงสามแห่งจึงเป็นเรื่องที่สามารถเข้าใจได้ไม่ยาก เพราะเขามีตำแหน่งเป็นถึงผู้อำนวยการสำนักงานการศึกษา ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับระบบการศึกษาย่อมขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเขาแต่เพียงผู้เดียว แน่นอว่า.. หลู่กวนหวังย่อมไม่ปล่อยให้ผลประโยชน์ไหลออกไปสู่บริษัทอื่นอย่างแน่นอน…
อีกทั้งที่หน้าประตูทางเข้าของทุกโรงเรียนก็จะมีร้านหนังสือ และร้านซุปเปอร์มาร์เก็ตอยู่ด้านนอกทั้งสิ้น หลู่กวนหวังใช้อำนาจในมือที่ตนมี จัดการเปิดร้านเหล่านี้เพื่อดูดเงินของนักเรียน และนั่นทำให้เขามีเงินงอกเงยอย่างรวดเร็ว
อย่าว่าแต่ถังเมิ่งจะรู้เรื่องเหล่านี้เป็นอย่างดีต่อให้เขาไม่รู้อะไรเลย เขาก็ต้องรู้จากกู่หยุนฟะและหลู่เจิ้งเทียนอยู่ดี เพราะทั้งหมดเรียนโรงเรียนเดียวกันมาหลายปี มีหรือที่ถังเมิ่งจะไม่เคยได้ยินได้ฟังทั้งคู่อวดเบ่งเรื่องทรัพย์สิน และความมั่งคั่งของครอบครัว เขาฟังมาจนเอียน..
ในที่สุดหลู่กวนหวังก็ยอมบอกทรัพย์สินของตนเองออกมาทั้งหมดทำให้ถังเมิ่งยิ้มออกมาอย่างพอใจ
“เอาล่ะ..รายละเอียดอื่นๆคงไม่ต้องพูดแล้ว! ทรัพย์สินทั้งหมดที่คุณพูดมาเป็นเงินเท่าไหร่เหรอครับ”
เวลานี้เสื้อผ้าของหลู่กวนหวังเปียกชุ่มไปหมดและเหงื่อไหลออกมาเต็มหน้าผากจนต้องยกมือขึ้นเช็ด..
“ก็ราวเก้าสิบล้าน..”
ถังเมิ่งยิ้มมุมปากพร้อมกับพูดขึ้นว่า“ทรัพย์สินทั้งหมดรวมกับเงินสดที่มีอยู่ ก็ราวหนึ่งร้อยห้าสิบล้านสินะ! มิน่า.. ลูกชายของคุณถึงได้กร่างแล้วก็ขี้อวดนัก ตำแหน่งผู้อำนวยการของคุณไม่ขาวสะอาดจริงๆนั่นล่ะ..”
หลังจากนั้นถังเมิ่งก็ยกมือขึ้นตบต้นตาขาตนเองเบาๆพร้อมกับพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ.. คราวนี้ก็ตอบมาได้แล้วว่าคุณเอาตัวลูกชายไปซ่อนไว้ที่ใหน”
หลู่กวนหวังถึงกับอึ้งไปเขารีบเงยหน้าขึ้นมองเด็กหนุ่มทั้งสามคนด้วยแววตาผิดหวัง และพูดขึ้นอย่างงุนงง..
“ก็..ก็ฉันยอมยกทรัพย์สินทั้งหมดที่มีให้แล้วนี่ ทำไมพวกเธอยังจะ..”
ถังเมิ่งขยิบตาพร้อมกับตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา..“ยังจะอะไรเหรอครับ..!”
“ฟังนะ!ผมได้บอกกับคุณไปแล้วว่าต่อให้คุณมีเงินซื้อชีวิตของหลู่เจิ้งเทียน แต่มันก็ต้องได้รับบทลงโทษบ้าง อีกอย่างพวกเราก็ไม่ได้ต้องการตัวหลู่เจิ้งเทียน แต่คนที่พวกเราต้องการคือเสียเจิ้นเหยินกับกู่หยุนฟะต่างหาก พวกเราก็แค่อยากให้หลู่เจิ้งเทียนบอกที่ซ่อนของพวกมันทั้งคู่ออกมา..”
เมื่อถังเมิ่งพูดจบหลิงหยุนก็ลุกขึ้นยืนทันที เขาคร้านที่จะพูดจาไร้สาระอีก จึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“จะบอกได้ยังว่าคุณซ่อนตัวลูกชายไว้ที่ใหน”
จนถึงตอนนี้..หลิงหยุนยังไม่ได้ลงโทษหลู่กวนหวังเลยแม้แต่น้อย นั่นนับว่าเป็นกรณีพิเศษอย่างมากแล้ว แต่แน่นอนว่าที่เขายังปล่อยไว้นั้น เพราะยังมีหลายอย่างที่จะต้องจัดการกับหลู่กวนหวัง
เมื่อหลิงหยุนลุกขึ้นยืนพูดกับหลู่กวนหวังหลู่กวนหวังจึงรู้ตัวว่าไม่มีประโยชน์อะไรอีกต่อไป จึงรีบตอบไปตามตรง..
“ฉันส่งเขาไปอยู่ที่บ้านของป้าที่เมืองฮู๋ตงแต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าเขาไปอยู่ที่ใหนแล้ว!’
หลิงหยุนขมวดคิ้วพร้อมกับถามขึ้นว่า“หมายความว่ายังไง”
หลู่กวนหวังรีบอธิบายต่อว่า“ตั้งแต่วันสอบเอนทรานซ์เสร็จจนถึงตอนนี้ ฉันก็มัวแต่ยุ่งอยู่กับเรื่องผลการสอบแทบทุกวัน ก็เลยไม่มีเวลาสนใจเรื่องของลูก แต่จู่ๆป้าของเขาก็โทรมาบอกว่าหาตัวเขาไม่พบแล้ว แต่ฉันคิดว่าเขาไม่อยู่ฮู๋ตงแล้วล่ะ..!”
หลิงหยุนถามต่อ“แล้วคุณไม่ได้โทรถามหลู่เจิ้งเทียนหรอกเหรอ”
หลู่กวนหวังหวาดกลัวมากจึงรีบพยักหน้าและตอบไปว่า“โทรสิ! แต่ก็ไม่ติดเลย.. แต่เมื่องสองสามวันก่อน เขาก็เพิ่งโทรมาบอกฉันว่าเขาอยู่กับกู่หยุนฟะ ไม่ต้องเป็นห่วง!”
หลิงหยุนยิ้มหยันพร้อมกับคิดในใจว่าที่แท้กู่หยุนฟะกับหลู่จิ้งเทียนก็ไปหลบอยู่ด้วยกัน..
ถังเมิ่งถามต่อทันที“ถ้างั้นก็หมายความว่าคุณเองก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ลูกชายอยู่ที่ใหนสินะ!”
“ใช่..ใช่..” หลู่กวนหวังรีบพยักหน้าพร้อมกับเหงื่อแตกพลั่ก..
หลิงหยุนลุกขึ้นยืนทันทีพร้อมกับคิดหาวิธีแก้ปัญหาได้แล้วจึงหัวเราะแล้วพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ.. พามันไปได้แล้ว!”
หลู่กวนหวังถึงกับหน้าซีดเผือด และถามออกมาด้วยความหวาดกลัว “นี่เธอจะพาฉันไปใหน!”
หลิงหยุนตอบเสียงเย็น“ไปจัดการยึดทรัพย์ของคุณไงล่ะ”
ในเมื่อหลู่กวนหวังมีบ้านอยู่มากมายหลายหลังหลิงหยุนจึงต้องไปจัดการยึดมาเป็นของตนเอง..
เมื่อหลิงหยุนเดินออกจากประตูห้องทำงานไปหลิวจิ้งปิงก็กระซิบกระซาบกับหลิงหยุนด้วยท่าทางที่นอบน้อม
“หลิงหยุน..เย็นนี้ผู้อำนวยการหลี่จิ่วเจียงจะมาที่นี่ และเย็นนี้จะมีงานเลี้ยงฉลองให้กับหลานชายของเขาที่ชื่อหลี่เทียน ที่สามารถทำคะแนนสอบได้สูงสุด เธอจะไม่อยู่ดูงั้นเหรอ”
หลิงหยุนยิ้มบางและตอบกลับไปว่า“งั้นรึ ดูเหมือนจะมีเรื่องอื่นน่าสนใจกว่าแล้วสินะ! เอาล่ะ.. ผมจะไปร่วมฉลองให้กับหลี่เทียนเย็นนี้!”
หลิวจิ้งปิงพอที่จะเข้าใจแผนการของหลิงหยุนได้ในทันทีเขารีบยื่นกล้องที่บันทึกคำสารภาพของหลู่กวนหวังให้กับหลิงหยุน
“ถ้างั้นเธอก็เอากล้องนี้ไปอาจจะต้องใช้มันก็ได้!”
หลิงหยุนพยักหน้าพร้อมกับรับกล้องมาจากหลิวจิ้งปิงหลิงหยุนยิ้มให้พร้อมกับพูดขึ้นว่า
“เลขาหลิว..ขอแสดงความยินดีล่วงหน้า ผมเชื่อว่าอีกไม่นานคุณจะต้องก้าวหน้าในหน้าที่การงานอย่างแน่นอน!”
หลิวจิ้งปิงมีสีหน้ากระอักกระอ่วนและถึงกับอึ้งไปจนทำอะไรไม่ถูก “เอ่อ.. คือ..”
หลิงหยุนยิ้มอย่างมีเลศนัยเขาตบบ่าหลิวจิ้งปิงพร้อมกับพูดขึ้นว่า “คุณรอฟังข่าวดีก็แล้วกัน!”
ทั้งสามหนุ่มทิ้งหลู่กวนหวังไว้ที่ห้องทำงานหลิงหยุนพูดกับถังเมิ่งว่า..
“เรื่องต่อไปนายโทรเรียกอาปิงให้พาคนของแก๊งมังกรเขียวมาช่วยจัดการต่อเสร็จแล้วโทรบอกฉันด้วย! ส่วนฉันกับตี้เสี่ยวอู๋จะไปทำธุระอย่างอื่นต่อ”
การยึดทรัพย์สินของหลู่กวนหวังนั้นต้องผ่านขั้นตอนพิธีการต่างๆมากมาย หากเขาต้องตามหลู่กวนหวังไปเซ็นต์เอกสารทุกๆที่ คงต้องเสียวเวลาตลอดบ่ายอย่างแน่นอน และหลิงหยุนก็ไม่มีเวลามากขนาดนั้น
ถังเมิ่งพยักหน้าและรีบหยิบโทรศัพท์มือถืออกมาโทรหาอาปิงทันที พร้อมกับสั่งให้อาปิงจัดการส่งรถสองคันมาที่สำนักงานการศึกษาด้วย
สิบนาทีต่อมา..ถังเมิ่งก็พาคนของแก๊งมังกรเขียวขึ้นไปคุมตัวหลู่กวนหวังลงมาจากห้องทำงาน
ก่อนที่จะออกไปหลิงหยุนได้พูดกับถังเมิ่งว่า“นายจัดการสองเรื่องที่ฉันสั่งให้เรียบร้อยด้วย เรื่องแรก.. อย่าทำให้สถานที่แห่งนี้เสียหาย เรื่องที่สอง.. รีบจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย แล้วกลับมาให้ทันงานเลี้ยงเย็นนี้ด้วย พวกเราต้องมาร่วมฉลอง!”
ถังเมิ่งยิ้มและตอบกลับว่า“พี่หยุน.. ไม่ต้องห่วง ฉันไม่พลาดงานดีๆแบบนี้แน่!”
“ฉันต้องกลับไปที่บ้านก่อนเฉินเฉินรอฉันอยู่..”
พูดจบหลิงหยนุก็โบกมือให้ตี้เสี่ยวอู๋ขขึ้นรถและขับตรงไปยังบ้านเลขที่-1ทันที!