บทที่ 262 ช่วยน้องสาว
ในขณะที่ตู้เฉิงกำลังจะจากไปและกลุ่มเสื้อคลุมโลหิตกำลังจะถูกสับเป็นชิ้น ๆ ทันใดภาพของร่างฟีนิกซ์ตัวมหึมาก็ปรากฏขึ้นแก่สายตาพวกเขาที่กำลังสิ้นหวัง
“ผะ ผะ ผู้อาวุโสของเรามาแล้ว!” ตู้เฉิงและเด็กสาวพูดออกมาโดยไม่รู้ตัว
แม้ว่าพวกเขาจะตกอยู่ในอันตรายและได้เห็นผู้อาวุโสของตระกูลตัวเอง แต่พวกเขาก็ไม่ได้มีความสุขสักเท่าไหร่ เพราะพวกเขาเองก็ไม่รู้ว่าฟีนิกซ์ตัวนี้มาเพื่อช่วยหรือมาตามล่าพวกเขากันแน่ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นคนของภูเขาฟีนิกซ์ แต่พวกเขาก็หนีออกจากภูเขาฟีนิกซ์มาแล้ว
“หลิงเฟิง เจ้าอยู่ที่ไหน?” เสียงเรียกของเสี่ยวเยว่เฟิงดังก้องไปทั่วทั้งเกาะวายุคลั่ง นางไม่รู้ว่าตอนนี้เสี่ยวหลิงเฟิงอยู่ที่ไหน ดังนั้นนางจึงได้แต่ตะโกนหา เนื่องจากเกาะวายุคลั่งก็ไม่ได้ใหญ่โตเกินไป หากน้องของนางอยู่ที่นี่น้องของนางควรจะได้ยินเสียงของนางที่เปล่งออกไปแน่นอน
และในขณะที่เสี่ยวเยว่เฟิงกำลังบินสำรวจรอบ ๆ เกาะอยู่นั้น นางก็ได้เห็นภาพสถานการณ์ที่ผิดปกติของ ณ จุดหนึ่งที่เกิดขึ้นบนเกาะวายุคลั่ง
บนพื้นดินเบื้องล่าง นางเห็นผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากกำลังห้อมล้อมเสี่ยวหลิงเฟิงอยู่ แต่สีหน้าของพวกเขากำลังตกอยู่ในอาการหวาดผวา เนื่องจากพวกเขาเองก็ได้ยินเสียงเรียกของเสี่ยวเยว่เฟิงที่เรียกชื่อน้องสาวของนางเอง
คนเหล่านี้กำลังตกอยู่ในสภาวะการภาวนาหวังว่าเด็กสาวที่พวกเขากำลังจะสังหารลงเมื่อครู่ไม่ใช่คนเดียวกับที่นกฟีนิกซ์ตัวนี้กำลังตามหา
“ท่านพี่!” เสี่ยวหลิงเฟิงตกตะลึง พี่สาวนางอยู่ในขอบเขตนภาไม่ใช่เหรอ? แล้วนางกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ได้ยังไง? ที่สำคัญกว่านั้นทำไมนางถึงควบแน่นร่างแท้ของฟีนิกซ์ได้?
เป็นที่รู้กันว่าผู้เชี่ยวชาญหลายคนแม้แต่ผู้ที่อยู่ในขอบเขตสวรรค์ก็ยังไม่สามารถควบแน่นร่างที่แท้จริงได้!
“ท่านพี่! ข้าอยู่ที่นี่!” เสี่ยวหลิงเฟิงตะโกน แต่เสียงของนางแผ่วเบาเกินกว่าที่พี่สาวนางจะได้ยิน
ในเวลานี้ผู้คนที่ล้อมรอบและเตรียมที่จะรุมสังหารเหล่าเสื้อคลุมโลหิตต่างก็มองไปที่จักรพรรดิของพวกเขาอย่างไม่รู้ว่าพวกเขาควรทำอะไรต่อในตอนนี้
ทำไม ‘นกฟีนิกซ์’ แห่งภูเขาฟีนิกซ์จึงปรากฎตัวขึ้น?
ทางจักรพรรดิตอนนี้ก็กำลังลังเล เขาไม่แน่ใจว่าเขาควรใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้เพื่อฆ่าเด็กสาวคนนี้และป้องกันไม่ให้นกฟีนิกซ์นั่นพบเป้าหมายของมันดีหรือไม่
ในขณะที่เขากำลังลังเล ตู้เฉิงก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าบินไปหานกฟีนิกซ์
เมื่อจักรพรรดิเห็นเช่นนั้นเขาก็โบกมือส่งสัญญาณให้ทหารของเขาถอยห่างออกจากกลุ่มเสื้อคลุมโลหิต
ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าเขาไม่สามารถฆ่าตู้เฉิงได้ในชั่วพริบตาเพื่อยับยั้งไม่ให้เขาส่งสัญญาณไปให้นกฟีนิกซ์ได้ ไม่อย่างนั้นเขาจะต้องโจมตีโดยไม่ลังเลแน่นอน
ในขณะนี้เมื่อเสี่ยวเยว่เฟิงซึ่งอยู่ในอากาศได้เห็นใครบางคนกำลังบินเข้ามาหา นางจึงรีบคืนร่างมนุษย์ของนางทันทีและพุ่งไปปรากฏตัวตรงหน้าของตู้เฉิง
“เป็นพี่ใหญ่จริง ๆ พี่เยว่เฟิงพวกเราข้างล่างกำลังอยู่ในอันตราย และหลิงเฟิงก็กำลังถูกล้อมอยู่ โปรดช่วยพวกเราด้วย” ตู้เฉิงรีบพูดขึ้น
เมื่อได้ยินเช่นนี้ท่าทีของเสี่ยวเยว่เฟิงเปลี่ยนไปทันที นางรีบบินร่อนลงไปยังจุดที่น้องสาวของนางอยู่ทันที พร้อมกับปล่อยกลิ่นอายแห่งสวรรค์ให้ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดที่อยู่ด้านล่าง เพื่อข่มขู่ทุกคนและป้องกันไม่ให้พวกเขาเคลื่อนไหว
ภายใต้กลิ่นอายแห่งสวรรค์ ทุกคนบนพื้นต่างสั่นสะท้านด้วยความกลัว พวกเขารู้สึกว่าร่างกายของตัวเองอ่อนแรงจนต้องทิ้งตัวลงบนพื้น
สำหรับตู้เฉิงที่อยู่ตรงหน้าเสี่ยวเยว่เฟิง เขาเองก็ไม่สามารถทนกับพลังกดดันเช่นนี้ได้เหมือนกัน ซึ่งมันทำให้เขาเริ่มที่จะไม่สามารถพยุงตัวลอยในอากาศได้อีกต่อไปและค่อย ๆ ร่วงลงไปยังด้านล่าง
เมื่อเห็นเช่นนี้ เสี่ยวเยว่เฟิงจึงรีบจับตัวตู้เฉิงไว้ และปล่อยตัวเขาเมื่อร่อนลงถึงพื้น
หลิงเฟิงเองที่เหนื่อยล้าจนแทบขาดใจ เมื่อตอนนี้นางต้องเผชิญกับพลังของพี่สาวนางเองที่ปลดปล่อยออกมา นางก็ล้มตัวลงกับพื้นไปเช่นกัน
“ท่านพี่…” หลิงเฟิงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนล้า นางไม่แน่ใจว่าที่พี่สาวของนางปลดปล่อยพลังกดดันออกมาแบบนี้ ซึ่งนางกลับต้องได้รับผลกระทบด้วย มันคือบทลงโทษที่พี่สาวของนางตั้งใจให้นางบทเรียนในการออกมาทำภารกิจโดยพละการหรือเปล่า?
เสี่ยวเยว่เฟิงร่อนลงบนพื้นอย่างรวดเร็ว ในพริบตานางก็มาถึงตรงหน้าเสี่ยวหลิงเฟิง และถอนกลิ่นอายแห่งสวรรค์ออก
หลังจากที่กลิ่นอายแห่งสวรรค์ถูกถอนออกไป ผู้คนที่สั่นสะท้านด้วยความกลัวในที่สุดก็ลุกขึ้นยืนได้ อย่างไรก็ตามในใจของพวกเขาก็ยังคงเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“หลิงเฟิง เจ้าเป็นอะไรบ้างรึเปล่า?” เสี่ยวเยว่เฟิงถามขึ้นอย่างร้อนรน
เมื่อได้ยินว่าพี่สาวของนางไม่ได้ตำหนินาง เสี่ยวหลิงเฟิงก็ตอบด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มว่า “ท่านพี่ ข้าไม่เป็นอะไร! แต่เมื่อกี้ข้าคิดว่าข้าจะไม่ได้เจอท่านแล้วเสียอีก แต่ตอนนี้ท่านมาช่วยข้าจริง ๆ เฮ้อ…โชคดีจริง ๆ ที่ท่านมาช่วยข้าได้ทันเวลา แต่ว่าท่านพี่ ท่านจะแข็งแกร่งเกินไปแล้ว ไม่เพียงท่านจะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ แต่ท่านยังสามารถควบแน่นร่างแท้ของฟีนิกซ์ได้ด้วย!”
เมื่อเสี่ยวเยว่เฟิงพบว่าเสี่ยวหลิงเฟิงสบายดี แม้ว่านางจะได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยและมีอาการอ่อนแรง แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ตราบใดที่นางไม่ตายก็โชคดีแล้ว
นางตีศีรษะของเสี่ยวหลิงเฟิง และตำหนิเสียงแข็ง “เจ้ากล้าขนาดนี้ได้ยังไง เจ้าอยู่แค่ขอบเขตประสานทะเลปราณแต่กล้าที่จะออกมาทำภารกิจได้ยังไง? ระดับการบ่มเพาะของตัวเจ้าเองยังไม่ถึงขอบเขตรวมแสงดาราด้วยซ้ำ ปีศาจตัวไหนมันเข้าสิงเจ้าให้คิดเรื่องบ้า ๆ แบบนี้ได้กัน?”
ในขณะที่พูดนางก็ตีน้องสาวของตัวเองอีก 2-3 ครั้ง
เสี่ยวหลิงเฟิงทำหน้ามุ่ยและพูดอย่างรู้สึกผิด “ท่านพี่ ข้าก็แค่ต้องการฝึกฝนให้แข็งแกร่งขึ้นก็เท่านั้น…”
“เจ้านี่มันโง่จริง ๆ! แล้วถ้าเจ้าต้องมาตายลงที่นี่แล้วมันจะคุ้มไหม!” เสี่ยวเยว่เฟิงตวาดจบก็ตีนางอีก 2-3 ครั้ง
“เฟิง ให้นางกินโอสถนี่เพื่อรักษาแผลของนางซะ” หลิงตู้ฉิงยิ้มขณะที่เขามองไปที่พี่น้องทั้งสองและมอบโอสถเม็ดหนึ่งให้แก่พวกเขา
“ขอบคุณ นายท่าน!” เสี่ยวเยว่เฟิงรีบพูด นางหยิบโอสถส่งให้น้องสาวของนาง “รีบกินซะ แล้วโคจรพลังวิญญาณในร่างกายเพื่อรักแผลของตัวเจ้าเอง!”
เสี่ยวหลิงเฟิงกลืนเม็ดโอสถและมองไปที่หลิงตู้ฉิงอย่างแปลกประหลาด นางกระซิบถามพี่สาวของนางเบา ๆ ว่า “ท่านพี่ เขาเป็นใครงั้นเหรอ?”
เสี่ยวเยว่เฟิงพูดอย่างชื่นชม “เขาเป็นนายของพี่ พี่จะพาเจ้าไปแนะนำและมาดูกันว่าเขาจะอนุญาตให้พาเจ้าไปด้วยหรือรึเปล่า ถ้าไม่สามารถพาเจ้าไปด้วยได้ ข้าจะส่งเจ้ากลับไปที่อาณาจักรจันทรา”
“อาณาจักรจันทราเป็นสถานที่แบบไหน?” เมื่อได้ยินเช่นนี้ เสี่ยวหลิงเฟิงยิ่งสงสัยมากขึ้น “นอกจากนี้ท่านเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์อยู่แล้ว ทำไมท่านยังต้องฟังคำพูดของคนอื่นอีกกันล่ะ?”
“เป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์แล้วมันนับเป็นอะไรได้? เหตุผลที่ข้าสามารถเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ได้ก็เพราะความช่วยเหลือของนายท่าน และร่างแท้ฟีนิกซ์ของข้าก็ควบแน่นได้เพราะนายท่านอีกเช่นกัน” เสี่ยวเยว่เฟิงกระซิบกับเสี่ยวหลิงเฟิง “แถมข้ายังได้รับการถ่ายทอดวิชาคาถาวัฏจักรศักดิ์สิทธิ์มาอีกด้วย แต่ข้าไม่รู้ว่านายท่านจะอนุญาตให้เจ้าฝึกด้วยรึเปล่า แต่ถ้าหากเจ้าปฏิบัติตัวดีและขยันฝึกฝน บางทีเขาอาจจะถ่ายทอดคาถาวัฏจักรศักดิ์สิทธิ์ให้เจ้าบ้างก็ได้”
เสี่ยวหลิงเฟิงตกใจมาก นางอ้าปากค้าง ขณะที่นางกระซิบถามกลับ “พี่สาว นายท่านคนนี้เป็นคนจากตระกูลชนชัั้นสูงงั้นหรือ?”
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ที่รู้ ๆ ก็คือเขาเป็นคนที่ลึกลับมาก!” เสี่ยวเยว่เฟิงส่ายหัว
นางพาเสี่ยวหลิงเฟิงไปหาหลิงตู้ฉิงและพูดว่า “นายท่าน นี่คือ เสี่ยวหลิงเฟิง น้องสาวของข้า ตอนที่นางเพิ่งหนีออกมาจากภูเขาฟีนิกซ์นางมีอายุได้เพียง 3 หรือ 4 ปี หลังจากฝึกฝนอย่างหนักมานาน ในที่สุดนางก็อยู่ในขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 5 ได้แล้ว”
เสี่ยวหลิงเฟิงเองก็พูดแนะนำตัวด้วยน้ำเสียงอ่อนน้อม “ขอทำความเคารพนายท่าน ข้าคือ เสี่ยวหลิงเฟิง!”
นางเองเมื่อได้ทราบเรื่องราวความสามารถที่น่าตกตะลึงของหลิงตู้ฉิงจากพี่สาว นางจึงประพฤติตัวอย่างสุภาพกับหลิงตู้ฉิงทันที
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพยักหน้า “ดีมาก เจ้าสามารถมากับเราได้”
“ขอบคุณ นายท่าน!” เสี่ยวเยว่เฟิงพูดอย่างมีความสุข แต่เมื่อเห็นว่าน้องสาวของนางยังคงงุนงง นางก็อดไม่ได้ที่จะตีน้องสาวของนางเบา ๆ
เสี่ยวหลิงเฟิงที่ได้รับการเตือนสติ นางก็รีบขอบคุณหลิงตู้ฉิง และเมื่อนางเห็นเหริ่นอี้ฟาง นางก็พูดอย่างมีความสุข “ข้าไม่คาดคิดว่าลุงเหริ่นจะอยู่ที่นี่ด้วย”
เหริ่นอี้ฟางทำเสียงขึ้นจมูกและไม่ได้พูดอะไร
เขาไม่กล้าที่จะหยิ่งผยองอีกต่อไปเพราะเขาเพิ่งได้เห็นพลังเต็มที่ของเสี่ยวเยว่เฟิง พลังระดับนี้ไม่ใช่สิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ธรรมดา ๆ สามารถเทียบชั้นได้
เขารู้สึกอึดอัดในใจ เหตุใดผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งเช่นนี้ถึงไม่สามารถทำตัวให้เป็นประโยชน์กับฝั่งเขาได้?
“ลุงเหริ่น…?” เสี่ยวหลิงเฟิงรู้สึกได้ถึงความผิดปกติของเหริ่นอี้ฟาง นางสังเกตได้ว่าอารมณ์ของเขาตอนนี้ค่อนข้างที่อยู่ในอารมณ์ขุ่นมัว แต่นางก็ไม่รู้ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร
เสี่ยวเยว่เฟิงปล่อยเหริ่นอี้ฟาง และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ท่านไปได้แล้ว แต่ต่อไปนับจากนี้ ความสัมพันธ์ของพวกเราจะเป็นแค่คนรู้จักกันเท่านั้น”
เหริ่นอี้ฟางกวาดสายตาอย่างเย็นชาไปยังคู่พี่น้อง จากนั้นก็เหลือบไปที่หลิงตู้ฉิง เขาโบกมือส่งพลังวิญญาณให้เสื้อคลุมโลหิตอีกสองคนที่ยังมีชีวิตอยู่เข้ามาอยู่ด้านข้างเขา
จากนั้นเขาก็พูดกับตู้เฉิง “ไปกันเถอะ!”
หลังจากพูดจบเขาก็ห่อตัวตู้เฉิงด้วยพลังวิญญาณและจากไป
“พี่สาว ลุงเหริ่นเขา…? แล้วพวกเรา…?” หลิงเฟิงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
เสี่ยวเยว่เฟิงพูดอย่างมีอารมณ์ “ตอนที่พี่เจอกับเขา และเขาเห็นว่าพี่ได้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ไปแล้วและยังสามารถควบแน่นร่างแท้ฟีนิกซ์ได้ ดังนั้นเขาจึงพยายามบังคับให้พี่กลายเป็นข้ารับใช้ของนายน้อยต่อ แต่พี่ไม่ต้องการและจากนั้นพี่ก็ตัดสัมพันธ์กับพวกเขา แต่เจ้าไม่ต้องกังวล นายท่านได้รับปากกับพี่ไว้แล้วว่าในอนาคต นายท่านจะพาเราไปเข้าร่วมกับชนชั้นสูงของภูเขาฟีนิกซ์ของเรา และสายเลือดของเราจะถูกพัฒนาเข้าสู่สายเลือดสูงสุดในอนาคต”
“เป็นแบบนี้นี่เอง!” เสี่ยวหลิงเฟิงพึมพำ จากนั้นนางมองไปที่หลิงตู้ฉิงและถามอย่างสงสัย “นายท่าน ท่านเป็นบรรพบุรุษของภูเขาฟีนิกซ์ เราใช่รึเปล่า?”
หลิงตู้ฉิงยิ้ม “ไม่ ข้าไม่ใช่ เฟิง เจ้าสามารถถ่ายทอดคาถาวัฏจักรศักดิ์สิทธิ์ให้กับน้องสาวเจ้าต่อได้แต่เจ้าต้องสอนให้นางฝึกฝนอย่างถูกต้อง! ถ้านางขยันพอ ข้าจะอนุญาตให้นางเข้าในไปเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับด้วยอีกคน”
“ขอบคุณ นายท่าน!” เสี่ยวเยว่เฟิงพูดด้วยน้ำเสียงที่ซาบซึ้ง แต่เมื่อเห็นว่าเสี่ยวหลิงเฟิงยังไม่ขอบคุณหลิงตู้ฉิง นางก็อดไม่ได้ที่จะตีน้องสาวของนางอีกครั้ง
เสี่ยวหลิงเฟิงที่ถูกตีจนเซมาทางด้านหน้าหลิงตู้ฉิง นางก็พูดขึ้นโดยสีหน้าเขินอาย “ขอบคุณนายท่าน!”