ตอนที่ 378 ทำลับๆ ล่อๆ / ตอนที่ 379 เฉียวซือมู่เป็นผู้หญิงที่ผมรักมากที่สุด

เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย

ตอนที่ 378 ทำลับๆ ล่อๆ 

 

 

           จิ้นหยวนขับรถไปจอดลงหน้าประตู จากนั้นมีคนมาขับรถไปเก็บในโรงจอดรถ เขาพาเฉียวซือมู่เดินเข้าไปในบ้าน เห็นคุณพ่อคุณแม่นั่งอยู่บนเก้าอี้ ทั้งสองกำลังจดจ่ออยู่กับกระดานหมากรุกตรงหน้า ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของพวกเขา 

 

 

           จิ้นหยวนชะงักฝีเท้า เข้าใจทันทีว่านั่นเป็นการแสดงอำนาจข่มเธอ 

 

 

           ปกติเวลาเขากลับบ้าน คุณพ่อน่ะไม่ต้องพูดถึง แต่คุณแม่จะต้องรีบเข้ามาต้อนรับเขาด้วยความกระตือรือร้น แต่ตอนนี้กลับ… 

 

 

           หัวใจเขาหนักอึ้ง เริ่มรู้ตัวแล้วว่าตนดีใจเร็วเกินไปกับการพบหน้ากันในคืนนี้ 

 

 

           สองหนุ่มสาวเดินไปหยุดยืนข้างผู้สูงวัยทั้งสอง เมื่อเห็นว่าคุณพ่อคุณแม่ยังคงไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมอง เขาจึงคิดจะพูดอะไรสักอย่าง แต่กลับถูกเฉียวซือมู่ดึงแขนเสื้อเขาเอาไว้เพื่อไม่ให้เขาพูด 

 

 

           เฉียวซือมู่เห็นสถานการณ์ตรงหน้าแล้วจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าคุณพ่อคุณแม่ของเขากำลังแสดงความไม่พอใจที่มีต่อเธอ เธอคิดว่านี่แค่เรื่องเล็ก ยืนสักพักจะเป็นไรไป 

 

 

           จิ้นหยวนที่เตรียมจะอ้าปากพูด เมื่อเห็นสายตาขอร้องของเฉียวซือมู่แล้วจึงหุบปากเงียบ 

 

 

           เขากล้าอารมณ์เสียใส่คุณพ่อคุณแม่ แต่กลับไม่กล้าขัดเธอเสียนี่ 

 

 

           เฉียวซือมู่ยืนนิ่งเงียบอยู่ข้างสองผู้เฒ่าเกือบครึ่งชั่วโมง จนจิ้นหยวนเกือบจะอาละวาด พวกเขาถึงยอมเงยหน้าขึ้น 

 

 

           “อ้าว มากันตั้งแต่เมื่อไหร่? แล้วทำไมไม่หือไม่อือสักคำ? ทำเอาตกอกตกใจหมด” ฉินเพ่ยหรงแสร้งปั้นหน้าตกใจพลางตบอกตนเองเบาๆ 

 

 

           เฉียวซือมู่เอ่ยขอโทษ “ขอโทษค่ะคุณป้า หนูเห็นคุณลุงคุณป้ากำลังตั้งใจเล่นหมากรุกกันอยู่ ก็เลยไม่กล้ารบกวนน่ะค่ะ” 

 

 

           ฉินเพ่ยหรงเบ้ปาก “มาถึงแล้วก็พูดสิ ทำไมต้องทำตัวลับๆ ล่อๆ ด้วย?” 

 

 

           จิ้นหยวนยืนรอจนอารมณ์คุกรุ่น หากไม่ใช่เพราะเธอขอร้องเอาไว้ เขาคงกลับไปนานแล้ว ตอนนี้คุณแม่ยังคิดจะเล่นงานเธออีก เขาจึงเอ่ยอย่างเหลืออด “ใช่ครับ ผมเองก็ยืนทำตัวลับๆ ล่อๆ มองดูคุณพ่อคุณแม่เล่นหมากรุกกันอยู่ตั้งนานเหมือนกัน” 

 

 

           ฉินเพ่ยหรงหน้าแข็งเกร็ง จริงสิ ทำไมเธอถึงลืมไปได้นะว่าลูกชายก็ยืนอยู่ด้วย แบบนี้ก็เท่ากับทำให้ลูกชายโกรธนะสิ 

 

 

           จิ้นเฮ่ากลอกตาใส่ภรรยาตน เขาไม่เห็นด้วยกับการกระทำของเธอตั้งแต่แรกแล้ว แต่เขาก็ทนเสียงรบเร้าของเธอไม่ไหว แล้วดูตอนนี้สิ เธอทำให้ลูกชายต้องโกรธไปด้วยเลย 

 

 

           โชคดีที่จิ้นหยวนกลับบ้านคราวนี้ก็เพื่อช่วยสานสัมพันธ์ระหว่างคุณแม่กับเฉียวซือมู่ เขาจึงเพียงแค่บ่นเบาๆ จากนั้นหมุนตัวจูงมือเฉียวซือมู่ไปนั่งลงบนเก้าอี้ สาวใช้รีบเข้ามาเสิร์ฟเครื่องดื่มให้ทั้งคู่อย่างรู้หน้าที่ทันที 

 

 

           เพียงแต่เครื่องดื่มของจิ้นหยวนเป็นน้ำชาชั้นยอด ทว่าของเฉียวซือมู่กลับเป็นเพียงแค่น้ำเปล่าแก้วเดียวเท่านั้น 

 

 

           ตามธรรมเนียม การเสิร์ฟน้ำเปล่าให้แขกถือเป็นการกระทำที่เสียมารยาทมาก เพราะนั่นหมายถึงการไล่แขกทางอ้อม 

 

 

           เฉียวซือมู่เห็นแล้วหน้าหมองลงทันที จิ้นหยวนคิ้วกระตุกจนอยากจะอาละวาด แต่ถูกเฉียวซือมู่ห้ามเอาไว้เสียก่อน 

 

 

           เฉียวซือมู่เอ่ยกับฉินเพ่ยหรงที่กำลังมองมาที่เธอ “ขอบคุณคุณป้านะคะ หนูชอบดื่มน้ำเปล่าตั้งแต่เด็กๆ แล้วล่ะค่ะ” เธอเอ่ยพลางยิ้มสง่างาม จากนั้นยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม 

 

 

           ฉินเพ่ยหรงครางเสียงฮึแล้วหันไปเอ่ยกับลูกชาย “ที่แม่เคยพูดกับลูกน่ะ ยังจำได้หรือเปล่า? คิดได้หรือยัง?” 

 

 

           จิ้นหยวนขมวดคิ้ว “เรื่องอะไรครับ? ผมลืมไปแล้ว” 

 

 

           เขาไม่คิดเลยว่าคุณแม่จะเป็นคนไร้หัวจิตหัวใจจนคิดจะพูดเรื่องนั้นตรงๆ ต่อหน้าเฉียวซือมู่ เพื่อไม่ทำให้เฉียวซือมู่เสียใจ เขาจึงเลือกที่จะไม่ต่อบทสนทนากับท่าน 

 

 

           ทันทีที่ฉินเพ่ยหรงรู้ว่าจิ้นหยวนกับเฉียวซือมู่จะกลับบ้าน เธอตั้งปณิธานอย่างแน่วแน่ว่าจะต้องทำให้เฉียวซือมู่รู้ว่าหนทางข้างหน้าลำบาก เฉียวซือมู่จะได้ยอมแพ้ไปเอง เพราะในความคิดของเธอนั้น ลูกชายเธอเป็นคนที่ดีทุกอย่าง และเป็นความภูมิใจสูงสุดในชีวิตเธอ แล้วเธอจะปล่อยให้ลูกชายแต่งงานกับคุณหนูตกยากที่ครอบครัวธรรมดาได้อย่างไร? 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 379 เฉียวซือมู่เป็นผู้หญิงที่ผมรักมากที่สุด 

 

 

           นี่มันน่าขันชัดๆ ถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไป แล้วเธอจะเอาหน้าไปพบเพื่อนๆ ได้อย่างไร? เธอต้องถูกหัวเราะเยาะแน่ๆ 

 

 

           ดังนั้น วันนี้เธอจึงตั้งใจแน่วแน่แล้วว่าจะต้องไล่เฉียวซือมู่ออกจากชีวิตลูกชายให้ได้ ต่อให้ลูกชายโกรธตนก็ยอม 

 

 

           ฉินเพ่ยหรงแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจความหมายของจิ้นหยวน ยังคงเอ่ยกับเขาหน้ายิ้มๆ “ถ้าลูกลืมไปแล้ว งั้นแม่พูดอีกครั้งก็ได้ แม่ไม่ชอบลูกสะใภ้คนนี้ แม่อยากได้ลูกสะใภ้คนใหม่ อย่างเจียงจื่อเสียนน่ะดีมากเลยนะ ลูกคิดว่าไง?” 

 

 

           “เป็นไปไม่ได้หรอกครับ!” จิ้นหยวนปฏิเสธเสียงเฉียบขาด 

 

 

           เอ่ยจบแล้วหันไปมองเฉียวซือมู่ด้วยความเป็นห่วง เห็นสีหน้าเธอไม่ได้แย่อย่างที่คิด จึงค่อยวางใจลง เขากระชับมือเธอแน่นขึ้นเพื่อให้เธอสบายใจ 

 

 

           เฉียวซือมู่ส่งยิ้มบางๆ ให้เขา รอยยิ้มที่แฝงรอยขมขื่น 

 

 

           วันก่อนเธอได้ยินเขาคุยโทรศัพท์กับฉินเพ่ยหรง แต่เธอไม่ได้ยินว่าฉินเพ่ยหรงพูดว่าอะไรบ้าง จึงไม่ได้กระทบกระเทือนจิตใจเธอมากนัก แต่ตอนนี้เธอได้ยินอีกฝ่ายบอกว่าไม่พอใจเธอตรงๆ เต็มสองหูจึงรู้สึกแย่มาก 

 

 

           จิ้นหยวนมองสีหน้าขมขื่นของเธอแล้วรู้สึกสงสารเธอจับใจ จึงหันไปเอ่ยกับฉินเพ่ยหรง “ผมพอใจในตัวเธอมาก ผมชอบเธอ เพราะฉะนั้น ผมไม่มีทางสนใจเจียงจื่อเสียนหรอกครับ”        

 

 

           ฉินเพ่ยหรงเห็นจิ้นหยวนกางปีกปกป้องเฉียวซือมู่เต็มที่ ความโกรธปะทุขึ้นทันที “นี่ลูกหมายความว่าให้ตายก็ไม่ยอมเชื่อฟังแม่ใช่ไหม? รู้หรือเปล่าว่าแต่งงานกับเธอแล้วลูกต้องสูญเสียอะไรไปบ้าง? แล้วรู้หรือเปล่าว่าครอบครัวของเจียงจื่อเสียนจะช่วยลูกได้มากแค่ไหน? ทำไมลูกถึงได้โง่อย่างนี้?” 

 

 

           จิ้นหยวนขมวดคิ้วแน่นด้วยความไม่พอใจ เขาเอ่ยเสียงเด็ดขาดอีกครั้ง “ความจริงบริษัทผมกำลังไปได้ดีมาก ผมสามารถบริหารบริษัทเองได้โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งคนอื่น ที่สำคัญ เฉียวซือมู่เป็นผู้หญิงที่ผมรักมากที่สุด ผมไม่อยากได้ยินคุณแม่ว่าร้ายเธออีก”            

 

 

           ฉินเพ่ยหรงมองหน้าเฉียวซือมู่ด้วยความโกรธจัด “ดี ดีมาก ไหนๆ ฉันมันเป็นคนเลวอยู่แล้วนี่ ฉันล่ะอยากจะให้พวกแกเลิกกันเสียตอนนี้เลย คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าลูกชายที่เลี้ยงมากับมือ โตขึ้นแล้วจะเห็นขี้ดีกว่าไส้ ชาติที่แล้วฉันไปทำเวรทำกรรมอะไรไว้นะ…” น้ำตารื้นขอบตาเมื่อพูดถึงประโยคสุดท้าย ท่าทางเสียอกเสียใจแสนสาหัส 

 

 

           จิ้นหยวนใจอ่อนยวบ หากคุณแม่ท่าทางแข็งกร้าวตั้งแต่ต้นจนจบ เขาอาจจะมีวิธีต่อกรด้วย แต่พอเห็นคุณแม่ร้องห่มร้องไห้แบบนี้ ต่อให้เขามีคำพูดมากมายที่อยากจะพูด แต่เขาก็จุกจนพูดอะไรไม่ออกสักคำ 

 

 

           เฉียวซือมูลอบถอนหายใจในอก รู้สึกว่าพวกเธอมาที่นี่ผิดเวลาเสียแล้ว สิ่งที่พวกเธอต้องเผชิญหน้าไม่ใช่คู่แข่งทางธุรกิจ และไม่ใช่เจ้านายที่รับมือยาก หากแต่เป็นพ่อแม่บังเกิดเกล้าที่ผูกพันกันทางสายเลือดกับเขา บางที การต่อสู้ครั้งนี้คงถูกกำหนดเอาไว้ตั้งแต่ต้นแล้วว่าพวกเธอต้องเป็นฝ่ายเสียเปรียบ 

 

 

           แม้เธอจะคิดเช่นนั้น แต่ตอนนี้เธอคงต้องพูดอะไรบ้างแล้ว “คุณป้าเข้าใจผิดแล้วนะคะ อาหยวนเขาไม่ได้ตั้งใจพูดแบบนั้นหรอกค่ะ เขาแค่เป็นคนพูดตรงๆ เท่านั้น เขาไม่เคยเห็นคุณป้าเป็นคนอื่นเลย และไม่ได้ตั้งใจทำให้คุณป้าไม่พอใจด้วยนะคะ” 

 

 

           ฉินเพ่ยหรงตวัดสายตามองเธอตาเขียวปั๊ด “ฉันกำลังพูดกับลูกชายฉัน เธอมาแทรกทำไม? ไร้การอบรมสั่งสอนสิ้นดี” 

 

 

           เฉียวซือมู่หน้าซีด จิ้นหยวนหน้าขรึมลง ขณะที่เขากำลังจะพูดอะไรสักอย่างนั้น พลันเห็นฉินเพ่ยหรงเอ่ยขึ้นเสียก่อน “แม่รู้ว่าตอนนี้ลูกกำลังหลงผู้หญิงคนนี้จนหัวปักหัวปำ แม่พูดอะไรไปก็คงไม่มีประโยชน์ แต่ลูกควรจะรู้เอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นฐานะครอบครัว หรือสถานะทางสังคม เธอไม่คู่ควรกับลูกแม้แต่นิดเดียว ต่อไปถ้าเจอเรื่องลำบากแล้วไม่มีคนช่วย ก็อย่ามาหาว่าแม่ไม่เตือนล่ะ” 

 

 

           จิ้นหยวนแทบไม่อยากจะเชื่อหูตนเอง คุณแม่หมายความว่าอย่างไร? หรือว่าท่านยอมรับแล้ว? 

 

 

           ฉินเพ่ยหรงอ่านสีหน้าเขาออก จึงเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจนัก “ก็จดทะเบียนกันแล้วนี่ แล้วแม่ยังจะทำอะไรได้อีก? ลูกเองก็ไม่ยอมหย่าไม่ใช่หรือไง” 

 

 

           ความหมายของคุณแม่คือยอมรับแล้วใช่ไหม? จิ้นหยวนตื่นเต้นดีใจมาก