บทที่ 1433 มันไร้ยางอายเกินไป

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

ไป่หนิงปิงและคนอื่นๆติดอยู่ในแม่น้ำส่วนที่มีปราณดาบ หงซื่อมองเห็นโอกาส แล้วเขาจะปล่อยมันไปได้อย่างไร

 

เขาไล่ล่าศัตรูมาด้วยความโกรธ เมื่อพบเป้าหมาย เขากระโจนเข้าไปทันที

 

“ครืน…ครืน…”

 

คลื่นน้ำยังคงซัดสาด

 

ภายใต้ปราณดาบจำนวนนับไม่ถ้วน เขาพุ่งเข้าไปหาสมาชิกนิกายเงา

 

โดยไม่ใช่ข้อยกเว้น หงซื่อถูกโจมตีโดยปราณดาบเช่นกัน แต่วิธีป้องกันของเขาเหนือกว่าสมาชิกนิกายเงา กล่าวได้ว่าเขามีช่วงเวลาที่ง่ายดายกว่า

 

ท่าไม้ตายอมตะกระสุนสุริยันจันทรา!

 

หงซื่อเย้ยหยันและผลักฝ่ามือทั้งสองข้างออกไป ลูกศรแสงจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าโจมตีสมาชิกนิกายเงา

 

“ศัตรู!” ไป่หนิงปิงตะโกนเตือน

 

กระสุนสุริยันจันทราทรงพลังมาก กระทั่งไป่หนิงปิงก็ยังถูกสะกดข่มอย่างหนัก

 

“กรอ…”

 

สิ่งนี้ทำให้อสูรปีวอกแรกกำเนิดโกรธ มันคำรามและกระโดดขึ้นสู่อากาศ

 

กระสุนสุริยันจันทราปะทะร่างของมันและสร้างรูเลือดขนาดเล็กทิ้งไว้แต่นั่นเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับมัน

 

มือของวานรยักษ์คว้าจับไปที่หงซื่อพร้อมกับสายลมที่กรรโชกแรง

 

ตระหนักถึงพลังอำนาจอันน่าสะพรึงกลัว เปลือกตาของหงซื่อกระตุก ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตกใจ

 

‘อสูรปีวอกแรกกำเนิดตัวนี้เป็นของจริง มันไม่ใช่ทักษะการเปลี่ยนแปลงของฟางหยวนงั้นหรือ?’

 

‘พวกเขาสามารถควบคุมอสูรปีวอกแรกกำเนิดที่มีพลังการต่อสู้ระดับแปดได้จริงๆงั้นหรือ?’

 

หงซื่อไม่ใช่ผู้อมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งหรือเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง เขาไม่เก่งในการต่อสู้ระยะประชิด แม้เขาจะเป็นผู้อมตะของวังสวรรค์ แต่เผชิญหน้ากับอสูรปีวอกแรกกำเนิด เขายังต้องล่าถอย

 

เขาเคลื่อนที่ถอยห่างออกไปอย่างรวดเร็ว

 

ที่นี่เต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งกาลเวลา เขามีความได้เปรียบในการต่อสู้

 

อสูรปีวอกแรกกำเนิดพลาดเป้าและร่วงลงสู่แม่น้ำ แต่มันกลับคำรามและกระโดดเข้าโจมตีหงซื่ออีกครั้ง

 

ดวงตาของหงซื่อส่องประกายขึ้น

 

เขาเห็นบาดแผลบนร่างของวานรยักษ์ตัวนี้ มันไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุด แต่นั่นเป็นเรื่องปกติ อสูรปีวอกแรกกำเนิดมีบทบาทสำคัญที่ทำให้ฟางหยวนสามารถเดินทางมาถึงที่นี่ พิจารณาจากสภาพปัจจุบัน มันอาจสูญเสียความแข็งแกร่งไปแล้วสามสิบหรือสี่สิบส่วน

 

‘ในกรณีนี้’ เจตจำนงแห่งการต่อสู้ของหงซื่อปะทุขึ้น

 

เขาสูดหายใจลึกและกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะอีกครั้ง

 

ฝุ่นทรายสีเหลืองร่วงหล่นลงมาทำให้ความเร็วของอสูรปีวอกแรกกำเนิดช้าลง

 

หงซื่อรู้สึกเบิกบานใจเมื่อเห็นสิ่งนี้

 

เขามั่นใจในท่าไม้ตายอมตะของตนเองเป็นอย่างมาก เมื่อสัมผัสกับฝุ่นทรายเหล่านี้ การเคลื่อนที่ของเป้าหมายจะช้าลง

 

ด้วยวิธีนี้หงซื่อจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ในไม่ช้า

 

แต่ในเวลานี้!

 

“ครืน…”

 

คลื่นลูกใหญ่กลับพุ่งขึ้นสู่อากาสและตรงไปยังหงซื่อ

 

จากภายในคลื่นน้ำสีขาวซีด ปราณดาบอันแหลมคมพุ่งเข้าโจมตีหงซื่อและทำให้เขากระอักเลือดคำโตออกมาจากปาก

 

หงซื่อได้รับบาดเจ็บ มันส่งผลกระทบต่อฝุ่นทรายสีเหลืองขณะที่อสูรปีวอกแรกกำเนิดกำลังดิ้นรนอย่างหนัก

 

หงซื่อกัดฟันแน่นและเพิ่มความเข้มข้นของฝุ่นทรายสีเหลืองเพื่อหยุดอสูรปีวอกแรกกำเนิด

 

ไป่หนิงปิงและคนอื่นๆใช้ท่าไม้ตายอมตะของพวกนางช่วยอสูรปีวอกแรกกำเนิดแต่พวกมันยังไร้ประโยชน์

 

ในสายธารแห่งกาลเวลา ทักษะบนเส้นทางสายอื่นจะอ่อนแอลง

 

ในช่วงเวลาสำคัญการแสดงออกของอิงอู๋เซี่ยก็เปลี่ยนเป็นน่ากลัว เขากำลังจะใช้ท่าไม้ตายอมตะนำวิญญาณสู่ความฝัน

 

“หือ?” แต่ในเวลานี้อิงอู๋เซี่ยกลับสูญเสียเป้าหมาย

 

เขาไม่สามารถสัมผัสถึงการคงอยู่ของหงซื่อ

 

‘ท่าไม้ตายอมตะนำวิญญาณสู่ความฝันต้องระบุเป้าหมายที่ชัดเจน มิฉะนั้นมันจะไร้ประโยชน์ หงซื่อมีวิธีซ่อนตัวจากการรับรู้บนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของข้างั้นหรือ?’

 

“โอ้ ท่าไม้ตายที่ท่านหญิงจื่อเว่ยมอบให้ข้าใช้งานได้ดีจริงๆ ฮ่าฮ่าฮ่า” หงซื่อหัวเราะเย้ยหยัน

 

แม้ท่าไม้ตายอมตะนำวิญญาณสู่ความฝันจะทรงพลังแต่มันก็มีข้อบกพร่องเช่นกัน

 

เทพธิดาจื่อเว่ยมอบภารกิจไลล่ากลุ่มของฟางหยวนให้กับหงซื่อ เป็นธรรมดาที่นางจะมีวิธีรับมือกับท่าไม้ตายอมตะนำวิญญาณสู่ความฝัน

 

คนฉลาดจะเรียนรู้จากความผิดพลาดโดยไม่ต้องกล่าวถึงเทพธิดาจื่อเว่ยที่เป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของวังสวรรค์

 

หงซื่อเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี ท่าไม้ตายอมตะนำวิญญาณสู่ความฝันไม่สามารถใช้กับเขา

 

“โอ้ ไม่” การแสดงออกของอิงอู๋เซี่ยและคนอื่นๆเปลี่ยนไป พวกเขารู้สึกถึงแรงกดดันที่ยิ่งใหญ่

 

พวกเขาไม่สามารถกอบกู้สถานการณ์และต้องพึ่งพาฟางหยวนเท่านั้น

 

แต่ฟางหยวนอยู่ที่ใด?

 

หงซื่อกำลังพิจารณาปัญหานี้

 

เดิมทีเขาคิดว่าอสูรปีวอกแรกกำเนิดตัวนี้คือฟางหยวน แต่หลังจากต่อสู้ เขาตระหนักว่ามันเป็นอสูรปีวอกแรกกำเนิดที่แท้จริง

 

ตั้งแต่การต่อสู้เริ่มขึ้น ฟางหยวนยังไม่ปรากฏตัว

 

ยิ่งฟางหยวนซ่อนตัวนานเท่าใด หงซื่อก็ยิ่งรู้สึกกังวลมากเท่านั้น

 

“ฟางหยวน เจ้ายังไม่ออกมาอีกงั้นหรือ? หากเป็นเช่นนี้ ฮ่าฮ่า หือ?” หงซื่อตกตะลึง

 

เป็นเพียงเวลานี้ที่คลื่นยักษ์จากสายธารแห่งกาลเวลาซัดสาดเข้ามาหาเขา

 

“อีกครั้ง!?” หงซื่อรู้สึกราวกับหายใจไม่ออก

 

คลื่นยักษ์ไม่สัมผัสร่างของอสูรปีวอกแรกกำเนิดแต่พุ่งเข้าโจมตีเขาซ้ำแล้วซ้ำอีก

 

โชคของเขาเลวร้ายมาก!

 

“ครืน…”

 

ปราณดาบจากคลื่นยักษ์ปะทะร่างของหงซื่อและทำให้เขาพ่นเลือดออกมาอีกครั้ง อาการบาดเจ็บของเขารุนแรงขึ้น

 

เขาไม่สามารถหลบได้ นอกจากคลื่นน้ำจะทำให้เขาช้าลง เขายังต้องเผชิญหน้ากับปราณดาบที่รวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ

 

ดังนั้นหงซื่อจึงเลือกที่จะเผชิญหน้าโดยตรง

 

‘ตอนนี้ข้ายังเป็นฝ่ายได้เปรียบ ข้าไม่เชื่อว่าฟางหยวนจะสามารถมองดูอยู่ข้างสนามรบโดยไม่ทำสิ่งใด!’ หงซื่อให้กำลังใจตนเอง

 

“ครืน…ครืน…ครืน…”

 

คลื่นยักษ์สามลูกพุ่งเข้าไปหาหงซื่อพร้อมกัน

 

“อันใด!? ข้าอีกแล้วงั้นหรือ!?” หงซื่อเบิกตากว้าง

 

โดยปกติแล้วอสูรปีวอกแรกกำเนิดมีโอกาสถูกคลื่นซัดมากกว่า อย่างไรก็ตามตั้งแต่การต่อสู้เริ่มขึ้น มีเพียงหงซื่อที่ถูกโจมตีโดยคลื่นยักษ์เหล่านี้

 

‘โชคของพวกเขาดีเกินไป? ไม่มีคลื่นลูกใดโจมตีพวกเขาเลยงั้นหรือ?’

 

‘เดี๋ยว!’ หงซื่อส่ายหน้า ‘สิ่งนี้เกิดจากวิธีบนเส้นทางแห่งโชคของฟางหยวนหรือไม่?’

 

เขาคิดถึงความเป็นไปได้

 

‘ฮืม! ถึงกระนั้นเส้นทางแห่งโชคก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ของการต่อสู้ครั้งนี้!’

 

‘เส้นทางแห่งโชคถูกสะกดข่มเช่นกัน เป็นไปไม่ได้ที่ฟางหยวนจะสามารถจัดการคลื่นน้ำของที่นี่โดยใช้วิธีบนเส้นทางแห่งโชค มีเพียงวิธีบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเท่านั้นที่ทำได้!’

 

‘ข้ายังมีข้อได้เปรียบด้านสถานที่’

 

หงซื่อสงบจิตใจลงขณะที่เขายังพยายามกำหราบอสูรปีวอกแรกกำเนิดและบังคับให้ฟางหยวนปรากฏตัวออกมา

 

“หงซื่อตกหลุมพรางแล้ว”

 

“นี่คือสิ่งที่ท่านผู้นำทำนายไว้ โจมตีต่อไป อย่าเปิดเผยข้อบกพร่องใดๆ!”

 

สมาชิกนิกายเงาลอบพูดคุยกันอย่างลับๆ

 

ในเวลาเดียวกันบนเกาะใต้แม่น้ำ

 

ภาพการต่อสู้ปรากฏขึ้นด้านหน้าฟางหยวน

 

ที่นี่คือเกาะบัวหิน สถานที่ที่เทพปีศาจจิตวิญญาณเก็บมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดงเอาไว้

 

ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งข้อมูลของเทพธิดาจื่อเว่ยบนร่างของฟางหยวนถูกลบออกไปแล้ว สำหรับไป่หนิงปิงและคนอื่นๆ แม้จะมีค่ายกลวิญญาณอมตะชำระล้างตัวเอง แต่พวกเขาไม่มีเวลาเพียงพอที่จะกำจัดพวกมันออกไปได้ทันเวลา

 

หากพวกเขาเข้ามาที่นี่ ร่องรอยของฟางหยวนจะถูกเปิดเผย แม้จะอยู่ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ พวกเขาก็ยังถูกค้นพบ

 

มันเหมือนฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งโชคค้นหาตำแหน่งของอิงอู๋เซี่ย พวกเขาไม่สามารถหลบหนีแม้จะเข้าไปในมิติช่องว่างของผู้อมตะ

 

ฟางหยวนและเทพธิดาจื่อเว่ยทำได้ เจตจำนงสวรรค์ก็ทำได้เช่นกัน

 

ตราบเท่าที่เจตจำนงสวรรค์อยู่ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ มันจะตระหนักถึงตำแหน่งของฟางหยวนได้ในที่สุด

 

ฟางหยวนเรียนรู้เรื่องนี้มานานแล้ว

 

อย่างไรก็ตามฟางหยวนยังสามารถใช้ประโยชน์จากมันในแง่มุมหนึ่ง

 

เขาใช้อิงอู๋เซี่ยและคนอื่นๆหลอกล่อเทพธิดาจื่อเว่ยเพื่อให้หงซื่อประเมินตำแหน่งของฟางหยวนผิดพลาด แม้จะไม่มาก แต่หลังจากได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง ฟางหยวนจะกลายเป็นฝ่ายได้เปรียบ

 

ถูกต้อง

 

มรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดงสามารถจัดการสายธารแห่งกาลเวลาในบริเวณใกล้เคียง

 

“เจตจำนงของเทพปีศาจจิตวิญญาณ ขอยืมมือท่านด้วย” ฟางหยวนมองไปยังเจตจำนงของเทพปีศาจจิตวิญญาณ

 

หลังจากนั้นเจตจำนงจำนวนมากก็พุ่งออกมาจากมิติช่องว่างของฟางหยวนและผสานตัวเข้ากับเจตจำนงของเทพปีศาจจิตวิญญาณ

 

เจตจำนงของเทพปีศาจจิตวิญญาณแข็งแกร่งขึ้นและคำราม

 

ในเวลาเดียวกันคลื่นยักษ์ก็ปรากฏขึ้นในสนามรบ

 

“นี่…นี่…นี่…” ดวงตาของหงซื่อแทบหลุดออกมาจากเบ้า

 

คลื่นลูกนี้ใหญ่โตมากที่สุด ปราณดาบจำนวนนับไม่ถ้วนถูกยิงออกมาอย่างพร้อมเพรียง มันทำให้หงซื่อรู้สึกถึงภัยคุกคามต่อชีวิตของเขาอย่างรุนแรง

 

หงซื่อกัดฟันแน่นแต่เขาต้องอดทน

 

‘ข้าจะคอยดูว่าผู้ใดจะอยู่ได้นานกว่า!’ หงซื่อกำลังคิดเช่นนี้ขณะที่คลื่นยักษ์แยกออกและผ่านอสูรปีวอกแรกกำเนิดมาก่อนจะพุ่งตรงเข้ามาหาเขา

 

“อันใด!?”

 

หงซื่อกรีดร้องด้วยความโกรธ

 

มันไร้ยางอายเกินไป!