บทที่ 17 ความเมตตาครั้งสุดท้าย

Lady to Queen บัลลังก์แค้นจักรพรรดินี

บทที่ 17 ความเมตตาครั้งสุดท้าย Ink Stone_Romance

คิ้วของแพทริเซียกระตุกข้างหนึ่ง การได้ฟังคำด่าจากปากของคนที่กำลังยิ้มไม่ได้ทำให้รู้สึกแปลกใหม่หรือรู้สึกดีขึ้นแต่อย่างใด ถึงอย่างไรการถูกด่าก็ทำให้มีโทสะ

“อ้อ เห็นเจ้าเรียกชื่อข้าก่อนข้าก็อยากจะทำบ้าง คงไม่ว่าอะไรใช่หรือไม่? ถึงอย่างไรเจ้าก็ไม่คิดจะปูดเรื่องวันนี้อยู่แล้ว”

“เฮอะ! ความหน้าด้านหน้าทนของท่านช่างยอดเยี่ยมเสียจนเราอยากจะเรียนรู้บ้าง เราแค่อยากจะอยู่เงียบๆ หากท่านไม่มาข้องแวะกับเราก่อน เราก็ไม่มีทางไปข้องแวะกับท่านเป็นแน่ ทว่า…”

แพทริเซียจ้องโรสมอนด์เหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ เรื่องในวันนี้มิอาจยกโทษให้ได้ ตอนนี้ตนยังโกรธมากที่อีกฝ่ายวางแผนชั่วเสียจนตนเสียวสันหลัง

“หากท่านเริ่มก่อน เราเองก็จนใจ วันนี้เราจะยกโทษให้ท่านเป็นครั้งสุดท้าย วาจาสามหาวของท่านก็เช่นกัน เพราะฉะนั้น…พวกเราต่างคนต่างอยู่เงียบๆ หากคราวหน้ายังมีเรื่องเช่นนี้อีก เราเองก็ไม่แน่ใจเช่นกันว่าตัวเองจะทำอะไรลงไปบ้าง”

“น่ากลัวเสียจริง”

โรสมอนด์พึมพำด้วยน้ำเสียงล้อเลียน นางมองแพทริเซียอย่างเหยียดหยาม แพทริเซียคิดว่าโรสมอนด์ช่างมีพรสวรรค์ในการทำให้คนหงุดหงิดเสียจริง

“ใจจริงเราอยากจะป่าวประกาศเรื่องในวันนี้ให้โลกรู้เพื่อให้ท่านไม่มีที่ยืนอีกต่อไป แต่หากทำเช่นนั้นคงจะเกิดเรื่องไม่งามขึ้น เพราะฉะนั้น แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น โรสมอนด์ ครั้งต่อไปไม่มีคำว่าเมตตาแล้ว” แพทริเซียกล่าว

การเปิดโปงเรื่องนี้ออกสู่สาธารณะมิใช่เรื่องยาก เพราะต่อให้เป็นจักรพรรดินีที่ไม่ได้รับความรักจากจักรพรรดิก็ยังพอมีอำนาจที่จะทำเช่นนั้นได้

แต่การทำเช่นนั้นแม้จะช่วยแก้ปัญหาภายในได้ แต่ก็อาจทำให้เกิดปัญหาภายนอกตามมา แน่นอนว่าหากไม่เกิดอะไรขึ้นก็คงจะดี แต่หากเรื่องนี้กลายเป็นข้อขัดแย้งทางการทูตกับจักรวรรดิคริสตา คงไม่มีอะไรน่าลำบากใจไปมากกว่านี้อีกแล้ว

การทูตโดยแท้แล้วเป็นเช่นนั้น อาศัยเหตุผลข้ออ้างเพียงเล็กน้อยก็สามารถใช้อำนาจอย่างไร้สาระและไร้ความยุติธรรมได้

จักรวรรดิคริสตาไม่ใช่จักรวรรดิที่อ่อนแอ แต่เป็นจักรวรรดิใหญ่เทียบเคียงจักรวรรดิมาวินอส การกระทำที่ไม่ไตร่ตรองให้รอบคอบจะทำให้เกิดเชื้อไฟในรูปแบบใด แพทริเซียก็ไม่อาจคาดเดาได้

เพราะฉะนั้นแม้จะเจ็บใจแต่นางก็ทำอย่างที่ใจคิดไม่ได้ เพราะผลกระทบของเรื่องนี้ใหญ่เกินกว่าที่จะจบแค่เรื่องภายใน

“เพคะ หม่อมฉันจะจำไว้ แหม กลัวจนรู้สึกเหมือนปัสสาวะจะราดเลยเพคะ”

“การกระทำลามปามนั้น เป็นไปได้จงหยุดเสียจะดีกว่าค่ะ หากเราโมโหขึ้นมา อาจวู่วามลงไม้ลงมือกับท่านได้”

“เพคะๆ เรื่องนั้นหม่อมฉันก็จะจำไว้”

โรสมอนด์ไม่ทิ้งกิริยาวาจาสามหาวจนถึงที่สุด นางจ้องมองแพทริเซียด้วยสีหน้ามาดมั่นที่ดูไม่ออกเลยว่าเมื่อครู่เพิ่งถูกตบจนหงอ แพทริเซียเองก็จ้องกลับโดยไม่ยอมหลบสายตานั้นแม้เพียงนิด

ไม่มีเหตุผลที่ต้องหลบตา ตอนนี้คนที่ควรหลบตาคือผู้หญิงคนนั้น แพทริเซียหัวเราะออกมาเบาๆ พลางถามโรสมอนด์

“เราอยากจะรู้จริงๆ ว่าความมั่นอกมั่นใจนั้นออกมาจากที่ใดกัน หรือท่านคิดว่าเราจะไม่แพร่งพรายเรื่องนี้ให้ผู้ใดฟัง”

“แน่สิเพคะ ฝ่าบาท พระองค์คงไม่ใจกล้ากระทำการเช่นนั้นหรอกกระมัง”

ย่อมมีเหตุผลที่ทำให้โรสมอนด์มั่นอกมั่นใจเสียเหลือเกิน ข้อแรก เนื้อวัวไม่ได้ถูกสับเปลี่ยนเป็นเนื้อหมูอย่างที่นางวางแผนไว้ หรือพูดอีกอย่างก็คือไม่ได้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น

ข้อสอง ไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ ที่จักรพรรดินีรู้คือคนที่มีส่วนเกี่ยวพันกับเรื่องนี้มีสองคนคือโรสมอนด์กับคลารา หากพวกนางทั้งสองคนปิดปากเงียบไว้ก็แก้ปัญหาได้แล้ว และต่อให้คลาราถูกจับไปทรมานก็คงไม่ยอมเปิดปากง่ายๆ เพราะไม่มีใครภักดีต่อโรสมอนด์ไปมากกว่านางอีกแล้ว

ข้อสาม เหนือสิ่งอื่นใด หากทำให้เป็นเรื่องใหญ่ก็มีความเสี่ยงที่เรื่องนี้จะแพร่งพรายไปถึงหูจักรวรรดิคริสตา หากเป็นเช่นนั้นปัญหาทางการทูตที่แพทริเซียกังวลหนักหนาอาจเกิดขึ้นได้ในภายหลัง ซึ่งทั้งหมดนั้นแพทริเซียเองก็รู้ดีไม่ย่อหย่อนไปกว่าใคร แต่ก็ยังตัดสินใจลองทำตัวให้เฉียบขาดขึ้นเล็กน้อย

“หากมีความผิดจริงก็แค่สารภาพออกมา และต่อให้ไม่มีก็ทำให้มีได้มิใช่หรือคะ แต่ในกรณีนี้มันเป็นอดีตไปแล้ว จึงไม่มีเหตุผลที่ต้องทำให้เป็นเรื่องยาก”

“ฝ่าบาททรงสัญญาแล้วมิใช่หรือเพคะ ว่าจะไม่แตะต้องหม่อมฉัน”

“นั่นเป็นในกรณีที่ท่านไม่มาแตะต้องเราก่อนค่ะ เรามิได้ให้สัญญาว่าจะยอมถูกท่านกระทำเหมือนคนบ้าใบ้ไร้ทางสู้”

“ไม่เคยมีอนุภรรยาคนใดเปลี่ยนแปลงอาณาจักรได้ แต่ก็มีตัวอย่างอนุภรรยาที่ปั่นหัวจักรพรรดิด้วยชายกระโปรงมาแล้วนะเพคะ ฝ่าบาท ไม่คิดว่าตอนนี้ก็เป็นเช่นนั้นหรือเพคะ”

เมื่อเห็นโรสมอนด์ถามด้วยสีหน้ามั่นอกมั่นใจขนาดนั้น แพทริเซียก็ถึงกับพูดไม่ออก จะหน้าด้านไร้ยางอายก็ต้องมีขอบเขตบ้าง

“ช่างมั่นใจเสียจริง โรส เราเกลียดจุดนี้ของท่านมากที่สุด”

แพทริเซียยิ้มมุมปากก่อนจะเดินเข้าไปใกล้โรสมอนด์และกระซิบที่ข้างหู

“เอาเป็นว่าขอบคุณสำหรับของขวัญนะคะ โรสมอนด์ มันทำให้เราตั้งปณิธานได้เรื่องหนึ่ง ความเมตตามีแค่วันนี้ ส่วนครั้งต่อไปเราจะเป็นฝ่ายเล่นงานท่านก่อน”

แพทริเซียจะเล่นงานข้าก่อน น่าสนุก โรสมอนด์ฉีกยิ้มกว้างอย่างไม่เข้ากับสถานการณ์ ก่อนจะพูดกับแพทริเซียด้วยน้ำเสียงคาดหวัง

“ขออนุญาตคาดหวังได้หรือไม่เพคะ ฝ่าบาท”

วิปลาสไปแล้วหรืออย่างไร แพทริเซียตกตะลึงจนรู้สึกเหมือนมีอะไรขัดในลำคอ แม้จะคาดการณ์ไว้แล้ว แต่โรสมอนด์ก็ไม่ใช่คนที่จัดการได้ง่ายๆ จริงๆ อย่างไรก็ตาม อย่างน้อยตอนนี้ตนก็เหนือกว่า

นั่นเป็นเพียงการกระเสือกกระสนดิ้นรนของคนแพ้ที่ทำให้ตัวเองดูเหมือนเข้มแข็ง เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องกลัว และไม่จำเป็นต้องหดหัว

“เราหวังว่าเรื่องเช่นนั้นจะไม่เกิดขึ้นค่ะ โรสมอนด์ พอดีเราเป็นคนรักสงบ” แพทริเซียพูด

พูดเป็นเล่น โรสมอนด์ยิ้มเยาะแพทริเซียในใจ ถ้ารักสงบจริงคงมอบตำแหน่งนั้นให้ตนและหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว

เพราะไม่ว่าอย่างไร โรสมอนด์ก็จะไม่ยอมแพ้จนกว่าจะได้ขึ้นเป็นจักรพรรดินี

ที่โรสมอนด์ต้องเป็นจักรพรรดินีเพราะมันเกี่ยวข้องกับความเป็นความตาย เหมือนที่แพทริเซียรักษามันไว้เพราะเกี่ยวข้องกับชีวิตโดยตรง เพราะฉะนั้น นางจะยอมแพ้ไม่ได้ นางต้องได้ครอบครองตำแหน่งจักรพรรดินีที่สูงส่งนั้น

“อา เราออกมาข้างนอกนานเกินไปแล้วค่ะ คงต้องขอตัวก่อน เดี๋ยวทุกท่านจะรอนาน”

แพทริเซียยิ้มมุมปากก่อนจะกล่าวคล้ายจะปลอบประโลมโรสมอนด์

“เลิกโกรธ แล้วกลับเข้าไปข้างในเถอะค่ะ เมื่อครู่เห็นรับประทานสเต็กเนื้อวัวไปได้ไม่กี่คำ ประเดี๋ยวจะเย็นชืดเสียหมด”

ป่านนี้ก็คงเย็นชืดแล้วล่ะ แพทริเซียยังคงรอยยิ้มเอาไว้ตอนเดินผ่านโรสมอนด์ไปอย่างสง่างาม และทันทีที่นางเดินไปจนลับสายตา โรสมอนด์ก็กรีดร้องออกมา

“กรี๊ดดดด!”

นางกรีดร้องเพราะเรื่องที่หวังไม่เป็นดังที่ตั้งใจ ทั้งยังระบายความโกรธด้วยการกระทืบเท้าตึงตังราวกับสะกดไฟโทสะนั้นเอาไว้ไม่ได้

“กล้าดีอย่างไร…กล้าดีอย่างไร!”

มาทำเหมือนข้าเป็นโสเภณียังไม่พอ นางเด็กน่าหมั่นไส้นั่นยังมีหน้ามาบอกว่าที่ข้าถูกกระทำวันนี้เป็นเพียงการตักเตือน โรสมอนด์รู้สึกโกรธจนแทบจะทนไม่ได้ที่จักรพรรดินีปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมมาล้อเล่นกับตนเช่นนี้

หญิงสาวกัดริมฝีปากแน่นจนลืมความเจ็บปวดบนแก้มที่แดงฉาน เมื่อเห็นดังนั้น คลาราซึ่งเฝ้ามองเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ใกล้ๆ ด้วยสีหน้าซีดเผือดก็เข้ามาถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย

“แผลลึกมากทีเดียว รีบกลับตำหนักเวนกันดีกว่าค่ะ”

เพี้ยะ! สิ่งตอบแทนคำพูดที่แฝงความห่วงใยของคลาราคือการกระทำรุนแรงอันแสนเจ็บปวด คลาราค่อยๆ กุมใบหน้าของตนก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“ขออภัยค่ะ บารอเนส ทั้งหมดนี้เพราะข้าดูไม่ดีเอง”

“เพราะเจ้า…”

โรสมอนด์ขู่คำรามเสียงต่ำราวกับว่ายังไม่หายโกรธ ดูเหมือนนางยังไม่อยากเชื่อว่าตนจะมาตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้

ถ้าพูดให้ถูกคือไม่อยากจะเชื่อว่าแพทริเซียจะย้อนแผนของตนได้ เพราะสำหรับคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมานานัปการอย่างโรสมอนด์ เรื่องนี้นับเป็นความอัปยศอย่างมาก

“จะเมตตาแค่วันนี้ ส่วนครั้งต่อไปจะเล่นงานข้าก่อนอย่างนั้นรึ เฮอะ! น่าสนุกนี่ ไม้ประดับไร้เดียงสาในห้องอุ่นๆ เช่นนั้น ถึงมีพิษแต่จะร้ายแรงสักแค่ไหนเชียว ทำตัวน่ากลัวเสียด้วย”

โรสมอนด์เดินกลับตำหนักเวนโดยไม่ซ่อนเร้นสายตาที่เย็นชา นางคงไม่สามารถไปคุยเจ๊าะแจ๊ะกับเหล่าสตรีชนชั้นสูงทั้งหลายได้ด้วยอารมณ์เช่นนี้ ที่สำคัญนางคงกลับไปในสภาพนี้ไม่ได้แล้ว หญิงสาวเดินครุ่นคิดหน้าดำคร่ำเครียดหาวิธีแก้แค้นแพทริเซียไปจนถึงตำหนักเวน

***

ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่ง ลูซิโอกำลังวุ่นวายกับการต้อนรับคณะทูตจนไม่มีเวลาลืมหูลืมตา บางครั้งเขาก็นึกกังวลขึ้นมาว่าแพทริเซียจะจัดการทุกอย่างเรียบร้อยดีหรือไม่ แต่เพียงครู่เดียวเขาก็พับความกังวลนั้นไปด้วยความคิดที่ว่า ‘นางคงหาทางจัดการทุกอย่างได้ดีอยู่แล้ว’

ไม่ว่าใครจะว่าอย่างไร แต่แพทริเซียก็เป็นบุตรีของมาร์ควิส ทั้งยังเป็นจักรพรรดินีของจักรวรรดิ และดัชเชสเอเฟรนีคงไม่อบรมนางอย่างขอไปที เพราะฉะนั้นทุกอย่างต้องเป็นไปด้วยดีเป็นแน่

หลังจากเสร็จสิ้นงานเลี้ยงรับรองและส่งคณะทูตกลับเข้าห้องพักที่เตรียมไว้ ลูซิโอจึงเพิ่งมีเวลาว่าง เขาอาบน้ำลวกๆ ที่ตำหนักกลางก่อนจะมุ่งหน้าไปหาโรสมอนด์ และได้พบกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด

“นี่มัน…เกิดอะไรขึ้น”

เขาถามโรสมอนด์เสียงแข็ง โรสมอนด์โผไปให้เขากอดทั้งน้ำตาราวกับว่ารอให้เขาถามเช่นนั้นอยู่ก่อนแล้ว

“ฮือ ฝ่าบาท…”

“ข้าถามว่าเกิดอะไรขึ้น มีใครทำร้ายเจ้าหรืออย่างไร”

“ฮือ…”

เมื่อนางไม่ตอบอะไรและเอาแต่ร้องไห้ แน่นอนว่าฝ่ายที่อึดอัดใจคือลูซิโอ

“บอกมาสิ โรส ใครทำกับเจ้าเช่นนี้ จักรพรรดินีหรือ” เขาถามคาดคั้นให้รีบนางตอบ

“….”

เห็นหญิงสาวเอาแต่ส่ายหน้าไม่ยอมพูดอะไร เห็นทีเขาจะเดาถูก ทันใดนั้นความโกรธมากมายก็พวยพุ่งประสมกับความเหนื่อยล้า ลูซิโออาจหลับหูหลับตาเรื่องอื่นได้ แต่เรื่องนี้เท่านั้น เรื่องแตะเนื้อต้องตัวโรสมอนด์เท่านั้นที่เขาจะไม่ทน

การแตะต้องนางก็เหมือนกับการแตะต้องตัวเขา ลูซิโอข่มความโกรธพลางถามโรสมอนด์อย่างสุขุม

“เหตุใดจักรพรรดินีถึงลงไม้ลงมือกับเจ้า มีเรื่องอะไรกันหรือ”

“….”

โรสมอนด์ปิดปากเงียบ ขืนบอกเหตุผลไป ต่อให้ลูซิโอรักและหวงแหนตนเพียงใดก็คงยากที่จะให้อภัย เพราะฉะนั้นสิ่งที่ดีที่สุดในตอนนี้คือการไม่พูด แน่นอนว่าลูซิโอที่เห็นโรสมอนด์เอาแต่ปิดปากเงียบก็รู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก ในที่สุดเขาต้องเป็นฝ่ายพูดออกมาก่อน

“เจ้าคงไม่อยากให้ข้าไปถามจักรพรรดินีเองใช่ไหม โรส รีบพูดมา”

“หม่อมฉัน…พูดไม่ได้เพคะ”

โรสมอนด์เล่นละครราวกับเจ็บช้ำน้ำใจมากมาย นางส่งสัญญาณให้ขนาดนี้แล้ว ต่อไปก็เป็นหน้าที่ของลูซิโอ หาใช่หน้าที่ของนางไม่

ภาพที่โรสมอนด์เอาแต่ปิดปากเงียบ ก้มหน้ามองพื้นราวกับเด็กที่กำลังสลดกระตุ้นต่อมบางอย่างของลูซิโอ เขามองโรสมอนด์ด้วยสีหน้าลังเลชั่วครู่ ก่อนจะเริ่มถามเหตุผลอย่างอ่อนโยน

“บอกมาเถอะ โรส ข้าไม่ทำอะไรเจ้าหรอก”

“บอกไม่ได้เพคะ…”

บอกไม่ได้หรอก ขืนบอกไปก็เท่ากับเป็นการประจานตัวเองว่าเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะตัวนาง เพราะฉะนั้นนางจึงตั้งใจจะไม่พูดจนถึงที่สุด โรสมอนด์พยายามหลบตาอีกฝ่าย ในที่สุดทางเลือกของลูซิโอก็เหลือเพียงทางเดียว เขาผละตัวออกจากโรสมอนด์ หญิงสาวจึงเรียกเขาด้วยความสงสัย

“ฝ่าบาท”

“ถ้าเจ้าไม่พูด ข้าคงต้องสืบเอง”

“…”

“คลารา ดูแลเจ้านายของเจ้าให้ดี แผลลึกทีเดียว”

“เพคะ ฝ่าบาทโปรดวางพระทัย”

คลาราตอบเบาๆ ลูซิโอเหลือบมองบริเวณแก้มของโรสมอนด์ครู่หนึ่งก่อนจะหันหลังและเดินออกจากห้องไป เมื่อเหลือโรสมอนด์อยู่คนเดียว นางก็เผลอถอนหายใจออกมาด้วยสีหน้ากระวนกระวาย