ตอนที่ 737

Alchemy Emperor of the Divine Dao

การเพ่งจิตเพียงจิตเดียวไม่ใช่เรื่องยากสำหรับจอมยุทธ แต่การจะแบ่งจิตให้เป็นสองส่วนนั้นเป็นสิ่งที่ยากมาก

หลิงฮันเริ่มโคจรทักษะผนึกพลิกปฐพีบนหนึ่งฝ่ามือ

สิ่งที่หลิงฮันต้องทำก็คือการควบแน่นอักขระที่โดยปกติแล้วต้องใช้ออกโดยสองมือให้มาอยู่ในมือเดียว

เขาทำการควบแน่นอักขระอย่างระมัดระวัง วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อรู้สึกตัวอีกเดือนหนึ่งก็ผ่านไปและหลิงฮันก็เผยรอยยิ้มออกมา เมื่อมือซ้ายของเขาแบออก รูปแบบอักขระก็ถูกทักทอผสานกันอย่างหนาแน่น สิ่งที่แปลกประหลาดคือรูปแบบอักขระที่อัดแน่นกันจนสั่นสะท้าน ทักษะผนึกพลิกปฐพีจากสองมือได้ผสานกันมาอยู่ในมือเดียวแล้ว

“อืม ถึงแม้ทักษะศักดิ์สิทธิ์แต่ละทักษะจะต่างกัน แต่ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าพวกมันมีบางอย่างคล้ายกัน?” หลิงฮันรู้สึกประหลาดใจ

“นั่นคืออำนาจอำนาจแห่งกฎเกณฑ์” หอคอยทมิฬน้อยโผล่ออกมา

“อำนาจแห่งกฎเกณฑ์” หลิงฮันพึมพำ หอคอยทมิฬเคยกล่าวถึงอำนาจแห่งกฎเกณฑ์มานานแล้ว สิ่งที่เขารู้มีเพียงแค่ว่ามันคืออำนาจที่ทรงพลัง แต่ไม่รู้รายละเอียดมากนัก หลิงฮันกล่าว “ช่วยอธิบายหน่อย”

“ไม่มีความจำเป็นที่ข้าต้งทำเช่นนั้น” หอคอยน้อยกล่าวอย่างอวดดี “แต่ว่าทักษะศักดิ์สิทธิ์งั้นๆเหล่านี้ก็สามาถช่วยให้เจ้าสัมผัสถึงปลายขอบของอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ได้บ้าง ดังนั้นหากเจ้าจะฝึกฝนพวกมันก็ไม่เสียหาย”

หลิงฮันรู้สึกเป็นทุกข์ หอคอยทมิฬน้อยเป็นจิตวิญญาณที่อวดดีมาก มันไม่ปฏิบัติกับเขาในฐานะเจ้านายแม้แต่นิดเดียว ซักวันหนึ่งเขาจะต้องเอาคือมันอย่างแน่นอน

หลิงฮันออกมาจากหอคอยทมิฬและพบว่ากองทัพของราชันเพลิงไพศาลได้หายกันไปหมดแล้ว ธงของจักรวรรดิจันทราม่วงเองก็ถูกประดับเอาไว้ที่เมืองใกล้ๆนี้ เห็นได้ชัดว่าราชันเพลิงไพศาลได้ยึดครองเมืองนี้ได้สำเร็จและเคลื่อนที่ไปขยายอาณาเขตที่อื่นต่อแล้ว

หลิงฮันนำทุกคนออกมาจากหอคอยทมิฬและมุ่งหน้าไปยังเมือง เขาต้องการจะตรวจสอบถึงสถานการณ์ปัจจุบัน

ดูเหมือนว่าเมื่อครึ่งเดือนก่อนราชันเพลิงไพศาลกับกองทัพขนาดใหญ่ได้มาที่เมืองนี้ และด้วยอำนาจของราชันเพลิงไพศาล ปรมาจารย์ที่ถูกส่งมาดูแลเมืองก็พ่ายแพ้ย่อยยับ กองทัพของห้านิกายโบราณถูกบังคับให้ถอยทัพอีกครั้ง

“รับสมัครคนเข้าร่วม! รับสมัครคนเข้าร่วม!” ทหารของจักรวรรดิจันทราม่วงตะโกนลั่นกลางถนน “เมื่อพวกเจ้ามาเข้าร่วมกับเรา พวกเจ้าจะมีโอกาสได้ฝึกฝนทักษะบ่มเพาะและทักษะยุทธระดับสูง ใครที่ต้องการเป็นปรมาจารย์ยุทธไม่ควรพลาดโอกาสนี้”

หลิงฮันอดหัวเราะไม่ได้ หม่าตั้วเปาเป็นคนหลอกล่อเก่ง ซึ่งลูกน้องของเขาก็ไม่ต่างกัน ข้อเสนอที่เขากล่าวมานั้นไม่อาจห้ามใจไหว เพราะทักษะบ่มเพาะและทักษะยุทธนั้นเป็นสิ่งที่น่าดึงดูดอย่างยิ่ง

ที่จอมยุทธหลายคนติดคอขวดในระดับพลังบ่มเพาะเป็นเพราะพวกเขามีพรสวรรค์ไม่พอ ไม่มีทรัพยากรบ่มเพาะ หรือไม่ก็ขาดทักษะบ่มเพาะระดับสูง!

หลายคนมีทักษะบ่มเพาะที่สามารถช่วยให้ทะลวงผ่านไปถึงระดับก้าวสู่เทวา แต่ถ้าพวกเขาต้องการบรรลุระดับสวรรค์ล่ะ? ถึงแม้ในโลกนี้จะมีสมุนไพรที่ช่วยให้พลังบ่มเพาะของจอมยุทธทะยานขึ้นสูงเสียดฟฟ้า แต่จำนวนของสมุนไพรเหล่านั้นก็มีน้อยเกินไป การจะได้ครอบครองพวกมันจำเป็นต้องมีโชคชะตาที่ฝืนสวรรค์

เพียงแต่โชคชะตาของคนส่วนใหญ่นั้นไม่ได้พิเศษอะไร และทักษะบ่มเพาะระดับสูงก็จะถูกขุมอำนาจชั้นสูงเก็บเอาไว้เป็นสมบัติ หากไม่ใช่ผู้สืบทอดของแต่ละขุมอำนาจแล้วอยากได้รับทักษะบ่มเพาะระดับสูงน่ะรึ? ยาก!

เหตุผลที่จอมยุทธเสี่ยงชีวิตเข้าไปในโบราณสถานต่างๆ ไม่ใช่เพราะพวกเขาต้องการทักษะบ่มเพาะระดับสูงหรอกรึ?

ตอนนี้จักรวรรดิจันทราม่วงกำลังรับคนด้วยข้อเสนอทักษะบ่มเพาะและทักษะยุทธระดับสูง แน่นอนว่ามันย่อมดึงดูดคนได้มากแน่ๆ

หลิงฮันต้องการจะรู้สถานการณ์ที่แท้จริงของจักรวรรดิจันทราม่วง เขาเอ่ยขึ้น “ไปกันเถอะ พวกเราจะไปสมัครเข้ากองทัพกัน”

กลุ่มของพวกเขาเดินเข้าไปและหลิงฉันกล่าวขึ้น “พี่ชาย หากพวกเราสมัครเข้ากองทัพ พวกเราจะได้ฝึกฝนทักษะบ่มเพาะระดับสูงจริงๆรึ?” ทหารกองทัพกล่าว

“แน่นอน ตราบใดที่เจ้าสร้างความดีความชอบให้กับกองทัพ!”

“โอ้ ต้องทำอย่างไรล่ะ?”

ตอนนี้มีผู้คนอยู่รอบข้างมากมาย ทหารคนนั้นจึงกระแอมเบาๆและกล่าวด้วยเสียงดัง “ทำอย่างไรถึงจะได้รับทักษะบ่มเพาะน่ะรึ? ข้าได้กล่าวเรื่องนี้ไปหลายครั้งแล้ว แต่ก็มีคนใหม่ๆเข้ามาถามข้าเรื่อยๆ เพราะงั้นข้าจะอธิบายอีกครั้งเอง ผู้คนที่ไม่เคยได้ยินจะได้เข้าใจชัดๆ”

“ในกองทัพจันทราม่วงของเรา ทหารจะแบ่งออกเป็นห้าชนชั้น ราชัน แม่ทัพ ทหารกองทัพ ผู้นำหน่วย ทหารทั่วไป เมื่อพวกเจ้าเข้าร่วมกับกองทัพ พวกเจ้าจะถูกบรรจุเป็นทหารทั่วไป ทหารทั่วไปสามารถสามารถฝึกฝนทักษะบ่มเพราะระดับหก หรือก็คือระดับบุปผาผลิบาน”

‘โอ้ว’ ทุกคนอุทานออกมา ผู้คนส่วนใหญ่เพิ่งจะเคยได้ยินเรื่องนี้เป็นครั้งแรกจึงไม่แปลกที่พวกเขาจะตกใจ

แม้ที่นี่จะเป็นภูมิภาคกลางที่เป็นอาณาเขตอันรุ่งโรจน์ของการฝึกยุทธ แต่จอมยุมธระดับบุปผาผลิบานก็ใช่ว่าจะเป็นตัวตนธรรมดา ด้วยอายุขัยที่เพิ่มมาสองร้อยปี ไม่ว่าไปภูมิภาคไหนทุกคนก็จะเรียกพวกเขาว่าปรมาจารย์

ทหารคนนั้นยิ้มและกล่าว “แต่การเป็นทหารก็ใช่ว่าจะง่ายดาย ย่างน้อยพวกเจ้าต้องมีพลังบ่มเพาะระดับห้วงจิตวิญญาณเสียก่อน! หลังจากเข้าร่วมเป็นทหารแล้ว ในศึกสงครามแต่ละครั้งหรือเมื่อมีสำเร็จภารกิจพวกเจ้าก็จะได้รับแต้มทหาร เมื่อใดที่จำแต้มทหารถึงแต้มที่กำหนดไว้ พวกเจ้าก็จะได้เลื่อนขั้นรวมถึงได้ได้ฝึกฝนทักษะบ่มเพาะระดับก้าวสู่เทวาและทักษะยุทธระดับปฐพี!”

“แน่นอนว่าหากสะสมแต้มหทารจนเลื่อนขั้นต่อไปเรื่อยๆจนถึงราชัน พวกเจ้าจะได้ฝึกฝนทักษะทุกอย่างโดยไม่มีข้อแม้ แม้แต่ทักษะศักดิ์สิทธิ์ก็สามารถฝึกฝนได้!”

ทักษะศักดิ์สิทธิ์!

ทุกคนตกตะลึงจนหนังศีรษะชา ถึงแม้หลายคนจะไม่รู้ว่าทักษะศักดิ์สิทธิ์ดีอย่างไร แต่หากมีคำว่าศักดิ์สิทธิ์มันจะไม่ยอดเยี่ยมได้อย่างไร?

“ข้าเข้าร่วมด้วย! ข้าเข้าร่วมด้วย!” ทุกคนยกมือขึ้นสูง

ทหารคนนั้นหัวเราะและมอบกระดาษให้กับทุกคนซึ่งบนหัวกระดาษมีคำว่า ‘สมัคร’ เขียนเอาไว้ “นำกระดาษแผ่นนี้ไปยังแคมป์ฝึกฝนตรงฝั่งทิศเหนือของเมือง เมื่อผ่านการทดสอบและกลายเป็นทหารแล้ว พวกเจ้าต้องฝึกฝนให้หนัก ไม่เช่นนั้นหากไปลงพื้นที่สงครามสิ่งที่รอพวกเจ้าอยู่มีเพียงความตาย”

หลิงฮันเองก็รับใบสมัครมาสองใบ หนึ่งใบสำหรับเขาและอีกใบสำหรับจูเสวียนเอ๋อ เขาเอ่ยขึ้นมา “พวกเราก็ไปเล่นสนุกกันเถอะ”

พวกเขามุ่งหน้าไปยังทิศเหนือของเมือง หลังจากออกประตูเมืองแล้ว บริเวณที่ไม่ไกลออกไปมากมีภูขาลูกหนึ่งปรากฏอยู่ในสายตา ที่ใต้ตีนเขาแคมป์กองทัพตั้งอยู่ ที่แคมป์มีธงของจักรวรรดิจันทราม่วงประดับเอาไว้และมีผู้คนมากมายแออัดกันอยู่ตรงทางเข้า