บทที่ 665 สังหาร!

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

การระวังตัวมากขึ้นของโยวหรันทำให้ชายชราติดตามหวังเป่าเล่อได้ช้าลง ความรู้สึกโกรธเกลียดที่อัดแน่นอยู่ในจิตใจจากการเผชิญหน้าในเรือบินรบปรากฏขึ้นอีกครั้ง พลังปราณของเขาแข็งแกร่งกว่าหวังเป่าเล่อมาก แต่ชายหนุ่มตรงหน้าก็หลบลี้หนีเอาตัวรอดไปได้ตลอด ไม่ต่างจากปลาไหลที่ลื่นออกจากมืออยู่ร่ำไป!

ก่อนหน้านี้เขาเกือบสังหารหวังเป่าเล่อได้แล้ว แต่ชายหนุ่มก็กลับเอาตัวรอดไปได้อีกครั้ง แม้จะบาดเจ็บปางตาย แต่ก็ไม่ได้สลบไป นอกจากนี้ยังเพิ่มจำนวนก้อนสายฟ้าให้มากขึ้นด้วยขณะหลบหนีอย่างเอาเป็นเอาตาย จำนวนก้อนสายฟ้าที่มากขึ้นนี้ทำให้คำสาปออกฤทธิ์รุนแรงขึ้นไปอีก ส่งให้ความวุ่นวายในบริเวณนั้นเพิ่มขึ้นมากโข แม้โยวหรันจะเป็นผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณ แต่ก็ต้องเดินหน้าต่อด้วยความระมัดระวัง

“ไอ้หวังเป่าเล่อ!” อารมณ์ของโยวหรันในตอนนี้ข้ามความเดือดดาลไปแล้ว นอกจากนี้เขายังกระวนกระวายอีกด้วย เขาออกจากเรือบินรบนานไม่ได้ เนื่องจากยังมีหลายสิ่งที่ต้องทำ ยิ่งเขาอยู่ที่นี่นานเท่าใด ก็ยิ่งจะซ่อมแซมเรือบินรบยากขึ้นเท่านั้น และจะทำให้แผนการพังลงไปมากกว่าเดิม

ท่ามกลางความกระวนกระวายใจนั้น แววตาของโยวหรันก็เปลี่ยนเป็นมุ่งมั่น!

เบื้องหน้าเขาคือหวังเป่าเล่อที่ยังคงหนีตาย ชายหนุ่มจิตใจพร่าเลือนไปหมด หากไม่ใช่เพราะดอกบัวสีเขียวในกายที่กำลังปล่อยพลังออกมาเต็มที่ จนทำให้ร่างกายของเขาเยียวยาตนเองได้อย่างต่อเนื่องแม้จะบาดเจ็บสาหัส เขาคงสลบคาที่ไปนานแล้ว

แม้จะมีดอกบัวสีเขียว แต่หวังเป่าเล่อก็ใกล้หมดพลังงานเข้าไปทุกที มีเพียงกำลังใจในการเอาชีวิตรอดเท่านั้น ที่ส่งให้เขาเดินหน้าหลบหนีการไล่ล่าต่อไป

หวังเป่าเล่อลืมทิศทางไปหมดสิ้นแล้ว เขาไม่รู้ซ้ายไม่รู้ขวา ใจจดจ่ออยู่อย่างเดียวเท่านั้น ว่าต้องหาแท่นคงกระพันให้เจอและออกไปจากที่นี่ให้จงได้!

กระนั้น…ความแตกต่างด้านพลังปราณและอาการบาดเจ็บก็ทำให้จุดมุ่งหมายห่างไกลออกไปทุกที หากโยวหรันไม่ได้ไล่ตามเขาอย่างไม่ลดละเช่นนี้ สภาพของชายหนุ่มคงไม่ย่ำแย่ถึงเพียงนี้ เขาทุลักทุเลก้าวไปข้างหน้าอยู่ราวครึ่งชั่วโมง ก่อนที่แรงระเบิดจะอุบัติขึ้นเบื้องหลังชายหนุ่มอีกครั้ง

โยวหรันใช้พลังชีวิตของตนเองโดยไม่ลังเลอีกครั้ง เพื่อทะลุผ่านคำสาปมากมายที่ระเบิดตามทางที่ผ่าน ร่างของเขาเหมือนสายฟ้าที่ทะยานไปข้างหน้าโดยไร้ซึ่งความกลัวใดๆ เมื่อเทียบกันในเชิงพลังแล้ว หวังเป่าเล่อเหมือนเม็ดฝุ่นที่ต้องแตกสลายกลายเป็นเศษธุลีทันทีที่เข้าปะทะ

ชายหนุ่มหัวเราะอย่างขมขื่นเมื่อเห็นความตายที่ไล่กวดมา แต่ในดวงตาก็ไม่ได้แสดงความสิ้นหวังแต่อย่างใด เขาไม่คิดถอยหนีแม้แต่น้อย แม้เกราะจักรพรรดิจะถูกทำลายไปแล้ว และแม่นางน้อยก็หมดสติไปเรียบร้อย แต่หวังเป่าเล่อก็ยังมีไพ่ตายเหลืออยู่!

ปัญหาของเขาคือไม่รู้ว่าจะใช้ไพ่ตายนี้อย่างไรเท่านั้นเอง พลังของมันไม่ได้ตื่นขึ้นแม้เขาจะตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตในถ้ำทะเลสาบสีทอง เป็นไปได้ว่าทางเดียวที่จะปลุกมันขึ้นมาได้คืออาจต้องทำให้ตนเองตกอยู่ในอันตรายมากกว่าเดิม!

ก่อนหน้านี้ชายหนุ่มไม่อยากเสี่ยง แต่ตอนนี้…ถึงอย่างไรเขาก็คงรอดไปไม่ได้แน่ จึงไม่มีเหตุผลอะไรให้กลัว

ความอำมหิตแรงกล้าวาบผ่านเข้ามาในตาของหวังเป่าเล่อ ทันทีที่โยวหรันปรากฏกายขึ้นเหมือนสายฟ้าฟาด ชายหนุ่มจึงหันหลังกลับไปเผชิญหน้าทันที มือสร้างผนึกฝ่ามือท่วงท่าต่างๆ แล้วตบลงบนเส้นปราณของตนเองอย่างแรง พร้อมตะโกนก้อง “เมล็ดดูดกลืน!”

โยวหรันพุ่งเข้าหาหวังเป่าเล่อที่กำลังปล่อยพลังของเมล็ดดูดกลืนออกจนหมดสิ้น มือขวาของชายชรายกขึ้นเปลี่ยนสภาพเป็นยอดเขาสูงที่สร้างจากหมอกมืดพัดเข้าใส่หวังเป่าเล่อ

“ตายไปเสีย!”

การโจมตีนั้นทรงพลังมากเสียจนทำให้ท้องฟ้าและพื้นดินสั่นไหว รวมถึงภูเขาและแม่น้ำที่อยู่ตรงกลางระหว่างสวรรค์และปฐพีด้วยเช่นกัน เมื่อมันพุ่งเข้าใส่หวังเป่าเล่อ พลังงานที่ปล่อยออกมาเป็นคลื่น ก็กระจายแหวกอากาศจนทำให้บรรยากาศขาดออกจากกัน แต่ขณะที่มันกำลังจะพุ่งเข้ากระทบตัวชายหนุ่ม เมล็ดดูดกลืนในกายเขาก็ปล่อยพลังดูดมหาศาลออกมา เปลี่ยนร่างชายหนุ่มให้กลายเป็นหลุมดำขนาดใหญ่

หลุมดำนี้อุบัติขึ้นกลางอากาศและเริ่มหมุนวนในทันที ทำให้ภูเขาหมอกมืดที่กำลังเข้ามาใกล้สั่นสะเทือน หลุมดำของหวังเป่าเล่อกำลังจะดูดภูเขาเข้าไปทั้งลูก!

ความแตกต่างระหว่างขนาดของทั้งสองสิ่งนี้น่าตกใจเป็นอันมาก ดูราวกับงูที่กำลังพยายามกลืนช้างเข้าไปทั้งตัวอย่างไรอย่างนั้น!

“ข้าเห็นสิ่งประหลาดในกายเจ้า เจ้าอยากดูดพลังเวทของข้าหรือ เอาเลย ดูดเข้าไปให้หมดเลยสิ!” ความดุร้ายวาบอยู่ในดวงตาของโยวหรัน เขาปล่อยพลังปราณของตนเองออก คลื่นพลังงานกระจายจากร่างออกสู่บรรยากาศ

พลังปราณนั้นทำให้หวังเป่าเล่อควบคุมแทบไม่ได้ ร่างกายสั่นสะท้านไปหมด เมล็ดดูดกลืนของเขาพยายามดูดพลังน่ากลัวที่อันแน่นอยู่ในภูเขาหมอกมืด แล้วก็ดูดไปได้เยอะเสียด้วย กระนั้นส่วนที่เหลืออยู่ก็ยังคงไหล่บ่าออกมาไม่หยุดจนท่วมร่างหวังเป่าเล่อและพื้นที่ที่รอบกาย

ร่างของชายหนุ่มเริ่มเกิดรอยร้าว กระดูกเริ่มแตกสลายกลายเป็นเศษฝุ่น หวังเป่าเล่อกัดฟันทนความเจ็บปวดรุนแรง แต่ก็ยังต้านทานเมล็ดดูดกลืนภายในกายที่ขยายขนาดขึ้นและเดินหน้าดูดพลังต่อไม่ได้ หวังเป่าเล่อรู้สึกราวกับร่างกำลังจะถูกฉีกเป็นชิ้นๆ เหมือนร่างกายของเขาเก็บระเบิดต้านทานวิญญาณเอาไว้ภายใน

“ดูดเข้าไปให้หมดเลย ไม่ชอบหรือ เอาเลยสิ ดูดเข้าไปอีก!” โยวหรันหน้าบูดเบี้ยวด้วยความรุนแรงกระหายเลือด

ความเจ็บปวดเข้าครอบงำใบหน้าของหวังเป่าเล่อ เขารู้สึกว่าร่างของตนกำลังจะขาดเป็นชิ้นๆ ในวินาทีใดวินาทีหนึ่งและทั้งร่างกายรวมถึงวิญญาณของเขาจะถูกทำลายหายไป ความรู้สึกนี้รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ตามเวลาที่ผันผ่านเป็นวินาที เนื้อของชายหนุ่มเริ่มกลายเป็นไอหมอก พลังทำลายล้างเปลี่ยนทุกสิ่งให้บิดเบี้ยว และกำลังจะกวาดเขาหายไปจากโลกใบนี้ แม้กระทั่งแม่นางน้อยเองยังสะดุ้งตื่นขึ้นเพราะอันตรายที่หวังเป่าเล่อหามาใส่ตัว นางเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าและกรีดร้องใส่เขาทันที

“หวังเป่าเล่อ เป็นบ้าไปแล้วหรือ เจ้าทำอะไรกัน”

“เมล็ดดูดกลืน…ระเบิดเสีย!” หวังเป่าเล่อไม่ได้เป็นบ้า เขาหยิบหน้ากากที่แม่นางน้อยอาศัยอยู่ออกมา ตะโกนสั่งเมล็ดดูดกลืน และโยนหน้ากากออกไปให้พ้นตัวด้วยพลังที่เหลืออยู่น้อยนิด เพื่อที่แม่นางน้อยจะได้ออกห่างจากแรงระเบิดของเมล็ดดูดกลืน ต่อให้ทั้งร่างกายและวิญญาณของเขาถูกทำลาย นางก็จะยังมีโอกาสรอดอยู่

แม่นางน้อยแทบคลั่ง แต่ก็หยุดหวังเป่าเล่อไม่ได้ นางทำได้เพียงมองหวังเป่าเล่อตะโกนคำสั่งออกมาเท่านั้น เมล็ดดูดกลืนเริ่มสั่นด้วยความไม่เสถียร ดอกบัวสีเขียวส่งสัญญาณว่ากำลังจะดับสลาย และกำลังจะทำลายตนเองไปพร้อมเมล็ดดูดกลืน โยวหรันเริ่มรู้สึกตัวเช่นกันว่ากำลังจะเกิดสิ่งใดขึ้น ระดับพลังปราณของเขาเพิ่มสูงขึ้น พร้อมที่จะโต้กลับเมื่อถูกโจมตี… ตอนนั้นเอง ฝักกระบี่ในกายของหวังเป่าเล่อที่บัดนี้เป็นอาวุธเวทระดับเจ็ด และไม่ยอมตกอยู่ใต้อาณัติของเขาตั้งแต่นั้น ก็เริ่มสั่นเทาอย่างรุนแรง ดูเหมือนว่าฝักกระบี่จะรู้สึกได้ว่าเจ้าของของมันใกล้สิ้นชีพเต็มทน เส้นสีดำพุ่งออกจากตัวฝักที่สั่นสะท้าน!

เส้นสีดำที่ว่าคือลำแสงหนึ่งในหลายร้อยคำสาปที่หวังเป่าเล่อหลอมรวมเข้ากับฝักกระบี่ในกาย ระหว่างการหลอมฝักกระบี่ที่ดาวเอกของสำนักวังเต๋าไพศาล!

เส้นดังกล่าวพุ่งเข้าใส่เมล็ดดูดกลืนของหวังเป่าเล่อ ดูดกลืนพลังทำลายล้างที่สะสมเอาไว้ภายในเมล็ดเข้าไปจนหมดสิ้น แสงสีดำเรืองรองออกจากเส้นสีดำ มันพุ่งออกจากร่างของหวังเป่าเล่อ และปรากฏขึ้นตรงกลางระหว่างเขากับโยวหรัน!

นี่เป็นเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด ก่อนหน้านี้โยวหรันได้เปรียบหวังเป่าเล่อ แต่เมื่อเห็นเส้นสีดำตรงหน้า ใบหน้าของชายชราก็ตื่นกลัวในทันที เขารู้สึกได้ถึงพลังงานที่อัดแน่นอยู่ภายในแสงนี้ จึงรีบล่าถอยและทำแม้กระทั่งยอมเสี่ยงดวงเคลื่อนย้าย

แต่ก็ช้าไปเสียแล้ว…หวังเป่าเล่อกระอักเลือดออกมาชุดใหญ่ แต่ก็รู้สึกได้ถึงพลังจากฝักกระบี่ที่ถูกปล่อยออกมาเมื่อครู่ ชายหนุ่มหอบหนัก ยกมือขวาขึ้นด้วยความยากลำบาก ก่อนตะโกนใส่โยวหรันที่กำลังถอยหนี

“ฆ่ามัน!”

ท้องฟ้าบริเวณตัวกระบี่สั่นสะเทือนทันทีที่มือของชายหนุ่มตกลง พร้อมคำพูดที่เอื้อนเอ่ย คำสาปมากมายแตกสลาย กระบี่สำริดเขียวโบราณสั่นสะท้าน เส้นสีดำพุ่งไปข้างหน้าไม่ต่างจากคมกระบี่ที่ทำลายสิ่งมีชีวิตได้ทุกชนิด ทะลุผ่านทุกอย่างที่ขวางทาง แม้แต่ความว่างเปล่าอันไร้ที่สิ้นสุดก็ต้องสะเทือนเมื่อเจอมัน ความตกใจถึงขีดสุดเข้าครอบงำโยวหรันขณะที่เจ้าตัวกำลังพยายามเคลื่อนย้ายออกจากที่แห่งนั้น ในตอนนั้นเอง บางสิ่งในดวงตาของชายชราก็เปลี่ยนไป ร่างกายของเขากระตุกเล็กน้อยในเสี้ยววินาทีนั้น!

ทุกสิ่งเกิดขึ้นเร็วมากจนทำให้ไม่มีใครสังเกตเห็น แม้แต่หวังเป่าเล่อและแม่นางน้อยเองก็เช่นกัน เส้นสีดำพุ่งเข้าใส่โยวหรันเหมือนสายฟ้าฟาด ตัดผ่านร่างของชายชราไปในที่สุด!

เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังก้องไปในอากาศ ตามด้วยความเงียบที่เข้าปกคลุมโดยฉับพลัน ร่างของโยวหรันถูกผ่าครึ่งอย่างคมกริบเป็นสองซีก เลือดสดๆ ทะลักออกจากทั้งสองส่วนนั้น หวังเป่าเล่อกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง ร่างกายหมดสิ้นเรี่ยวแรงและสิ้นสติไปในที่สุด

แม่นางน้อยปรากฏกายขึ้น ใบหน้าซีดเผือด ร่างของนางพร่ามัวและแทบมองไม่เห็น นางพุ่งเข้ารับร่างของหวังเป่าเล่อไว้ทันที ดวงตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดใจเมื่อเห็นสภาพของชายหนุ่ม แต่ก็โล่งใจไปในคราวเดียวกัน นางหันกลับไปมองร่างของโยวหรันที่ถูกผ่าครึ่ง และเห็นแสงดาวเรืองรองทอประกายระยิบระยับออกมาจากบาดแผลของร่างทั้งสองซีก สีหน้าของแม่นางน้อยเปลี่ยนเป็นตื่นตกใจทันที!

“เมล็ดพันธุ์ดาราเต๋าหรือ”

แม่นางน้อยด้วยสั่น ความตกใจวาบเข้ามาในแววตา นางรีบอุ้มหวังเป่าเล่อหนีอย่างเร่งรีบโดยไม่ลังเล ไม่ได้มุ่งหน้าไปยังสำนักวังเต๋าไพศาลที่ด้ามกระบี่…แต่เป็นแท่นคงกระพันที่หวังเป่าเล่อตั้งใจจะไปเยือนตั้งแต่แรก!

………………………………………