ตอนที่ 620 เราแก่แล้วหรือ
“ลูกไม่ได้หมายความเช่นนั้น”
เห็นใบหน้าเข้มงวดของมู่หรงกวานเย่ว์เผยความเสียใจ เฉินมั่วฉือก็รู้สึกตัวว่าตนเองพูดแรงเกินไป น้ำเสียงอ่อนโยนลงมาก
“เสด็จแม่ ลูกยังมีบัญชีสมุดพับต้องดูอีก เสด็จแม่รีบไปพักผ่อนเถิด ลูกโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว อยากขอให้เสด็จแม่เข้ามายุ่งเกี่ยวน้อยลงสักหน่อย ลูกสามารถจัดการได้ดี และรู้ตัวว่าตนเองกำลังทำอะไร”
พูดถึงขั้นนี้แล้ว มู่หรงกวานเย่ว์ก็ไม่มีอะไรจะพูดอีก นางไม่พูดอะไร จับมือจื่ออีแล้วออกไปจากวังกานเฉวียนกง
เมื่อขึ้นเกี้ยวไปแล้ว มู่หรงกวานเย่ว์ก็ยังไม่พูดอะไรสักคำ แสดงสีหน้าแบบเดียวและเงียบตลอดทาง แต่ความเหนื่อยล้าบนใบหน้าไม่อาจปิดบังได้
เห็นความสัมพันธ์สองแม่ลูกแย่ลงทุกที จื่ออีก็ได้แต่เป็นกังวล อดใจไม่ไหวพูดปลอบว่า
“ไทเฮาเพคะ ฝ่าบาททรงเติบโตแล้ว บางเรื่องไทเฮาเข้าไปดูแลน้อยลงหน่อยไม่ดีหรือเพคะ จะได้ไม่กระทบต่อความสัมพันธ์แม่ลูก อย่างไรฝ่าบาทก็เป็นฝ่าบาท ซ้ำยังอยู่ในวัยหนุ่มชอบการแข่งขัน ก็ย่อมไม่อยากถูกควบคุม เช่นนี้แล้วไทเฮาจะได้ผ่อนคลายด้วยอย่างไรเพคะ”
“เราก็อยากยุ่งให้น้อยลง แต่ปัจจุบันสถานการณ์เช่นนี้เราไม่เข้าไปยุ่งได้หรือ เซียวเหยี่ยนยึดครองบ้านเมืองไปครึ่งหนึ่ง คอยจ้องจะตะครุบอยู่ตลอด มั่วฉืออยู่ในวัยหนุ่มชอบการแข่งขัน โมโหก็ง่าย ไม่ฟังคำตักเตือนเลย
เทียบกับเซียวเหยี่ยน เขาใหม่เกินไป ถึงแม้จะเป็นฮ่องเต้ที่ดีได้ แต่ก็ยังขาดประสบการณ์ หากเราไม่คอยตักเตือนแนะนำเขา เกรงว่าการปกครองบ้านเมืองจะไม่มีเสถียรภาพ ปัจจุบันนี้มิใช่ยุคแห่งสันติภาพและความเจริญรุ่งเรือง ตอนนี้เรายังคอยช่วยสนับสนุนเขาได้ แล้วเราจะมาวางมือในตอนนี้ได้อย่างไร”
มู่หรงกวานเย่ว์ถอนหายใจหนึ่งครั้ง
“จื่ออี เจ้าว่าตอนนั้นเราทำพลาดไปหรือไม่ เหตุใดเราถึงอยากให้มั่วฉือเป็นฮ่องเต้ให้ได้เท่านั้น เมื่อเขาเป็นฮ่องเต้แล้วก็กลายเป็นว่าห่างเหินกับเราไปทุกที ไม่เหมือนลูกชายเราเข้าไปทุกที”
“ไทเฮาอย่าคิดมากเลยเพคะ แม่ลูกจิตใจเชื่อมถึงกัน ตอนนี้ฝ่าบาทเพียงแต่ยังเยาว์ไปเท่านั้น ต่อไปเมื่ออายุมากขึ้นสักหน่อยได้เป็นพ่อคนแล้ว จะเข้าใจความยากลำบากของไทเฮาเองเพคะ”
มู่หรงกวานเย่ว์ยกมือขึ้นนวดขมับ
“เรานึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะหมกมุ่นกับหลิงอวี้จื้อขนาดนี้ เหลวไหลจริง ๆ”
“เรื่องนี้ไทเฮาปล่อยไปดีหรือไม่เพคะ มิเช่นนั้นฝ่าบาท…”
มิเช่นนั้นแม่ลูกต้องทะเลาะกันแน่นอน ไม่ต้องสงสัยเลย
“เราไม่สามารถให้เขาก่อเรื่องได้ตามใจ จื่ออี อย่าเพิ่งกลับวังฉางเล่อกง ไปศาลาฟังฝน”
หลิงอวี้จื้อถูกกักตัวไว้ที่ศาลาฟังฝน มู่หรงกวานเย่ว์ต้องการไปศาลาฟังฝนตอนนี้ จุดประสงค์ชัดเจนมาก จื่ออียังคิดจะห้ามปราม
“ไทเฮา…”
มู่หรงกวานเย่ว์โบกมือ เป็นสัญญาณว่าจื่ออีไม่ต้องพูดมาก
“เรื่องนี้เราต้องยุ่ง จื่ออี หลายปีมานี้เรามีชีวิตอยู่เพื่อเฉินมั่วฉือ ลืมตัวตนของตัวเองไปสิ้น ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจเรา เราก็ไม่สามารถนิ่งเฉยมองดูเขาทำอะไรเหลวไหลได้ เว้นเสียแต่ว่าเราตายไปแล้ว”
“เหตุใดไทเฮาต้องลำบากด้วยเพคะ บ่าวกลับหวังว่าไทเฮาจะนึกถึงพระองค์เองมากกว่านี้นะเพคะ”
จื่ออีอยู่เคียงข้ามู่หรงกวานเย่ว์มาหลายปี รู้สึกเพียงแต่ว่าสามสี่ปีมานี้มู่หรงกวานเย่ว์ลำบากเกินไปแล้ว
ถึงแม้ชีวิตจะมั่งคั่งสูงส่งหาใดเปรียบ แต่ภายในใจกลับเป็นทุกข์
นางเคยเป็นสาวน้อยไร้เดียงสาไม่มีพิษภัย มีรอยยิ้มที่สดใสที่สุด ใครจะคิดว่านางจะเกินมาถึงวันนี้ได้ ถึงแม้จะเป็นผู้หญิงที่มีตำแหน่งสูงศักดิ์ที่สุดในแคว้นเว่ยตะวันตก แต่ความโดดเดี่ยวทุกข์ยากภายในใจกลับไม่มีทางระบายออกมาได้
แต่ปีแล้วปีเล่าที่นางอยู่ในวังมา ชีวิตก็กลายเป็นลำบากมากขึ้นไปทุกที กลายเป็นไทเฮาที่เข้มงวดและมีแผนในใจยากลึกหยั่งถึง ราคาที่ต้องจ่ายไปกับสิ่งเหล่านี้มีเพียงจื่ออีเท่านั้นที่เข้าใจ
“จื่ออี เจ้าว่าเราแก่แล้วหรือยัง”
“ไม่เลยเพคะ ไม่เลย ไทเฮาจะแก่ได้อย่างไร ถึงแม้จะทรงยืนด้วยกันกับฮองเฮา ยังดูไม่ต่างกันเลยเพคะ”
ตอนที่ 621 ใครอยู่ใครตาย ก็ต้องดูลิขิตสวรรค์
ใบหน้าของมู่หรงกวานเย่ว์ปรากฏรอยยิ้ม
“ปากของเจ้าช่างปลอบใจคนได้ดีเหลือเกิน เราจะไปเทียบกับสาวน้อยอายุสิบกว่าปีได้อย่างไร ชีวิตนี้ เรามอบให้วังหลวงไปแล้วทั้งชีวิต แก่ไม่แก่จะสำคัญอะไร ตราบใดที่เซียวเหยี่ยนต้องอยู่คนเดียวเช่นกัน เราก็พอใจแล้ว”
มู่หรงกวานเย่ว์รู้ว่าระหว่างตนเองกับเซียวเหยี่ยนไม่มีทางเป็นไปได้อีกแล้ว แต่นั่นก็เป็นผู้ชายเพียงคนเดียวที่นางเคยรัก ท่ามกลางวันเวลาที่ผันผ่าน ครั้งหนึ่งเซียวเหยี่ยนก็เคยทำให้นางยืนหยัดผ่านไปได้ คิดว่าโลกนี้ยังมีคนรักนางอยู่ นางก็รู้สึกว่าใจนางมีที่พึ่ง
ต่อมาหลิงอวี้จื้อปรากฏตัวขึ้น นางก็รู้ว่าเซียวเหยี่ยนย้ายนางออกไปจากใจแล้ว ถึงแม้จะไม่ยินดี สุดท้ายก็ต้องยอมรับผลลัพธ์นี้
ตอนนี้เซียวเหยี่ยนกับหลิงอวี้จื้ออยู่กันคนละโลก พูดตามตรง นางรู้สึกดีใจ ชีวิตนางถูกลิขิตให้อยู่โดยลำพังบนโลกใบนี้ นางหวังว่าเซียวเหยี่ยนก็เป็นเช่นเดียวกัน ถือว่านางได้แก้แค้นเซียวเหยี่ยน ถึงแม้นางไม่มีเหตุผลที่จะต้องแก้แค้นเซียวเหยี่ยน ต้องเป็นเช่นนี้เท่านั้น นางถึงจะรู้ใจชื้นขึ้นมาได้บ้าง
“ทางท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์…”
ถึงแม้เซียวเหยี่ยนจะไม่ใช่ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์แล้ว แต่จื่ออีก็ยังเรียกเขาว่าอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ด้วยความเคยชิน พูดถึงเซียวเหยี่ยน แววตาของมู่หรงกวานเย่ว์ก็มีความซับซ้อน
“เรากับเซียวเหยี่ยนสุดท้ายก็ต้องมีคนเดียวที่รอด นี่เป็นจุดจบของเรากับเซียวเหยี่ยน ใครอยู่ใครตาย ก็ต้องดูลิขิตสวรรค์”
พูดจบ มู่หรงกวานเย่ว์ก็ไม่อยากพูดเรื่องนี้อีก หลับตาลง
“ไปศาลาฟังฝน”
“พะยะค่ะ ไทเฮา”
ตอนนี้หลิงอวี้จื้อกำลังทานอาหารอยู่ที่ศาลาฟังฝน เธอหิวนานแล้ว นับว่าเฉิงมั่วฉือดูแลเธอดี เตรียมอาหารให้เธอกินอย่างสมบูรณ์พูนพร้อม ปลากุ้งเนื้อสัตว์มีหมด
เธอหยิบน่องไก่ขึ้นมากัดหนึ่งคำ
เมื่อมาแคว้นเว่ยตะวันตกแล้ว เธอก็ปัดเป่าความโศกเศร้าเมื่อก่อนทิ้งไป ถึงแม้ยังไม่เจอเซียวเหยี่ยน อย่างน้อยได้อยู่โลกเดียวกับเซียวเหยี่ยนก็ยังดี สามารถฟังข่างคราวของเซียวเหยี่ยนได้ตลอดเวลา เธอรู้ว่าได้พบกันแน่นอน จะช้าหรือเร็วเท่านั้น ขอเพียงได้มา เธอไม่รีบร้อนมากนัก
ก่อนได้พบกับเซียวเหยี่ยนอีกครั้ง เธอจะต้องดูแลตัวเองให้ดี ถึงเวลากินก็กิน ถึงเวลาดื่มก็ดื่ม
ขาไก่น่องเดียวยังกินไม่หมด ก็มีเสียงบอกว่าไทเฮาเสด็จ เธอตกใจจนแทบโยนน่องไก่จากในมือทิ้งไป ทำไมจู่ ๆ มู่หรงกวานเย่ว์จึงมาหาเธอตอนนี้ หลิงอวี้จื้อเดาไม่ออกว่ามู่หรงกวานเย่ว์มีเจตนาอะไร และไม่กล้าชักช้า รีบวางน่องไก่ หยิบผ้ามาเช็ดมือ แล้วลุกขึ้นไปคารวะมู่หรงกวานเย่ว์
ตอนที่คุกเข่าคารวะ เธอแอบพินิจพิจารณามู่หรงกวานเย่ว์ด้วยหางตา
เทียบกับห้าปีก่อน มู่หรงกวานเย่ว์ตรงหน้านี้มีราศีมากขึ้นเรื่อย ๆ ดูเหมือนจะแก่ลงจากตอนนั้นอยู่บ้าง ตอนนั้นยังดูไม่ออกว่าอายุเท่าไหร่ ตอนนี้พอจะมองออกแล้ว มาดสง่างามและสูงศักดิ์ยิ่งกว่าเดิม ไม่เสียแรงที่ได้เป็นไทเฮา
“ลุกขึ้นเถิด!”
น้ำเสียงของมู่หรงกวานเย่ว์เรียบ ๆ น้ำเสียงเรียบ ๆ เช่นนี้กลับบ่งบอกถึงความสง่าผ่าเผยของนาง ทำให้คนไม่กล้ามองนางตรง ๆ ถึงขนาดไม่กล้าเงยหน้า
เพียงแต่หลิงอวี้จื้อไม่กลัวมู่หรงกวานเย่ว์ อย่างไรเธอก็อยู่ในวงการบันเทิงมาสักพักใหญ่แล้ว เจอคนมาทุกประเภท บทบาทไหนก็แสดงมาหมดแล้ว ทั้งตัวดีและตัวร้าย ต่อให้มีราศีแข็งแกร่งเพียงใดก็ไม่สามารถข่มเธอได้
“เจ้าคือเจียงอวี้หรือ”
จื่ออียกเก้าอี้มาให้มู่หรงกวานเย่ว์แล้ว มู่หรงกวานเย่ว์นั่งอยู่บนเก้าอี้ มองสาวน้อยชุดสีชมพูตรงหน้า
“หม่อมฉันคือเจียงอวี้จริง ๆ เพคะ ไทเฮาเสด็จมาพบหม่อมฉันมีอะไรจะรับสั่งหรือเพคะ”
มู่หรงกวานเย่ว์เห็นหลิงอวี้จื้อไม่ประจบแต่ไม่วางท่าใส่ แต่ก็ไม่รู้สึกแปลกใจ ในเมื่อเป็นคนจากสำนักอู๋จี๋ เคยเห็นโลกภายนอกมาก่อน