บทที่ 1925+1926

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1925 ล้วนเป็นไก่อ่อนทั้งสิ้น

ดำเนินไปเช่นนี้อยู่เกือบสามชั่วยาม ในที่สุดรถม้าก็หยุดลง ยามที่ร่อนลงมารถม้าคันนั้นยังคงโคลงเคลงเล็กน้อย ราวกับมิได้ร่อนลงบนพื้นที่ราบเรียบอันใด

เห็นทีว่าจะถึงที่หมายแล้ว!

ซือชิงใจเต้นระส่ำดั่งมิใช่หัวใจตน

เขารับรู้ว่าตนถูกหิ้วขึ้นมาอีกครั้ง คล้ายว่าจะถูกแบกพาดไว้บนไหล่ของผู้ใด จากนั้นก็กระแทกขึ้นๆ ลงๆ กระเทือนจนเขาอยากอาเจียน

เขามองไม่เห็นด้านนอก จึงไม่ทราบว่าสรุปแล้วตอนนี้ตนอยู่ที่ไหน สัมผัสได้เพียงว่าร้อนรุ่มขึ้นเรื่อยๆ เหมือนเข้าสู่ลังถึงขนาดใหญ่อันใด นึ่งจนเขาเหงื่อออกท่วมร่าง

หัวใจของเขาสิ้นหวังขึ้นเรื่อยๆ เขาคำนวณระยะทางอยู่เงียบๆ พวกเขาถูกพาออกเป็นระยะทางสองพันลี้เต็มๆ และดูจากสถานการณ์แล้วน่าจะเป็นสถานที่ที่แม้แต่นกยังไม่อึรดเลยด้วยซ้ำ เช่นนี้แล้วผู้ใดจะตามหาพวกเขาพบแล้วช่วยเหลือได้เล่า? ต่อให้เป็นศิษย์พี่ใหญ่ผู้ทรงอำนาจของพวกเขาก็เกรงว่าจะตามหาไม่พบเช่นกัน…

หากรู้เช่นนี้แต่แรก พวกเขาสามคนน่าจะเชื่อฟังศิษย์พี่ใหญ่ รออยู่ในห้องไม่ออกมา! มิเช่นนั้นไหนเลยจะกลายเป็นคนหายสาบสูญได้?

ในที่สุด คนผู้นั้นที่แบกเขาไว้ก็หยุดลง จากนั้นเขาก็ได้ยินใครบอกคนซักถามรหัสลับ

คนที่แบกเขาอยู่ตอบอย่างฉะฉาน ก่อนได้ยินใครบางคนเอ่ยด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ “เหล่าเถี่ย ครั้งนี้เจ้าได้ของดีอะไรมาอีกล่ะ?”

น้ำเสียงของคนที่แบกเขาไว้ภาคภูมิใจนัก “ของดีจริงๆ นั่นแหละ! หยวนจวินน้อยสามคน! ชายสองหญิงหนึ่ง เป็นศิษย์รักของอวี่หังเจินเหริน แม่หนูน้อยอายุสิบสี่ปี เด็กชายทั้งสองคนหนึ่งสิบสาม คนหนึ่งสิบห้า ล้วนเป็นไก่อ่อนทั้งสิ้น”

“หวา อายุแค่นี้ก็ฝึกฝนถึงขั้นหยวนจวินแล้วรึ? เห็นทีจะเป็นของดีจริงๆ! เอาออกมาให้พวกพี่ชายดูหน่อยเถิด”

“ให้พวกเจ้าดูก่อนก็ไม่เป็นไรหรอก เมื่ออยู่ต่อหน้าท่านเจ้าวังก็รบกวนพวกพี่ชายก็พูดจาเสนาะหูสักสองสามประโยคหน่อยเถิด”

ขณะที่พูดคุยอยู่ ซือชิงรู้สึกว่าตนถูกวางลงบนพื้น จากนั้นเบื้องหน้าสว่างวาบ เขาถูกกระชากลากถูออกมาจากถุงกระสอบดำ

อยู่ในที่มืดมาตลอด จู่ๆ ก็ถูกพาออกมาเจอแสงเช่นนี้ ซือชิงจึงรู้สึกเพียงว่าแสงจ้าบาดตานัก

เขาหลับตาลงตามสัญชาตญาณ ได้ยินเสียงใครบางคนหัวเราะเสียงดังอย่างไม่เกรงใจ “เป็นของดีจริงๆ!”

เขาลืมตาขึ้น พบว่าตนอยู่ในถ้ำภูเขาที่เขียวครึ้มแห่งหนึ่ง

รอบข้างเต็มไปด้วยเถาวัลย์ที่แผ่เลื้อยไปอย่างบ้าคลั่ง บนเถาวัลย์มีบุปผาน้อยๆ สีแดงสดเบ่งบานอยู่ ลักษณะของบุปผาน้อยนั้นแปลกประหลาด แต่ละดอกเหมือนมือเด็กทารกกางนิ้วทั้งห้าออก

ซือชิงมองเพียงแวบเดียวก็รู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมา

เขาเป็นคนแรกที่ถูกลากออกมาจากถุงกระสอบ ดังนั้นจึงเป็นคนแรกที่เห็นผู้ที่ลักพาตัวเขา และได้เห็นคนเหล่านั้นอย่างชัดเจนในเวลาเดียวกัน หัวใจเขาพลันเต้นกระหน่ำ

อันที่จริงคนเหล่านั้นไม่คล้ายมนุษย์เลย กล่าวอีกนัยก็คือ เป็นครึ่งสัตว์

ใบหน้าเป็นหน้ามนุษย์ ถึงขั้นที่รูปโฉมไม่เลวเลยด้วย บ้างก็ดูอ่อนโยน บ้างก็องอาจหล่อเหลา แต่ร่างกายกลับเป็นร่างสัตว์ ทั้งร่างปกคลุมด้วยขน บ้างก็เหมือนลิง บ้างก็เหมือนเสือดาว บ้างก็เหมือนนกแร้ง…

แน่นอนว่าถึงแม้พวกเขาจะมีร่างเป็นสัตว์ ทว่ากลับยืดกายเดิน บนร่างถึงขั้นที่สวมใส่เสื้อผ้าด้วย เผยเพียงแขนขาที่มีขนปกคลุมรวมถึงพวงหางให้เห็น

สรุปคือ รูปโฉมประหลาดพิสดารกันไปต่างๆ นานา

เวลาที่พวกเขามองคนจะมอบความรู้สึกปฏิปักษ์มืดมนอย่างหนึ่งให้ สายตาดั่งมีรูปลักษณ์จับต้องได้ มองทะลุปรุโปร่งยิ่งนัก ซือชิงอยู่ภายใต้สายตาชำระล้างของพวกเขา เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าสวมเสื้อผ้าอยู่แต่กลับรู้สึกดุจร่างเปลือยเปล่า…

รูปโฉมของซือชิงยังคงหล่อเหลางามสง่ายิ่งนัก เป็นเด็กหนุ่มรูปงาม ไม่กี่คนนั้นล้อมเขาไว้ตรงกลาง มองเขาประหนึ่งชมดูสัตว์ ในดวงตามีแววละโมบกระหาย…

คนหนึ่งยังยื่นมือมาลูบแก้มเขาคราหนึ่งด้วย “เด็กน้อยที่หล่อเหลานุ่มนิ่ม! เอ๊ะ เขาตื่นอยู่นี่”

ดวงหน้าหล่อเหลาของซือชิงแดงก่ำ ถลึงตามองคนผู้นั้นอย่างดุดันแวบหนึ่ง

————————————————————————

บทที่ 1926 ดรุณีนางนี้เป็นใคร?

“ฝีมือสกัดจุดของข้าพิเศษยิ่ง ทำให้ร่างกายเขาอ่อนยวบปานปุยนุ่น แต่พูดไม่ออก ขยับไม่ได้ แต่สติสัมปชัญญะยังคงแจ่มใส” ชายร่างแร้งคนนั้นตอบอย่างทะนงภาคภูมิ

“รีบดูอีกสองคนที่เหลือเถอะ จะยอดเยี่ยมเช่นนี้ด้วยหรือไม่”

บางคนเร่งเร้า ด้วยเหตุนี้ ถุงกระสอบอีกสองใบจึงถูกเปิดออกเช่นกัน แล้วลากตัวอีกสองคน หนึ่งเด็กชายหนึ่งเด็กหญิงออกมา…

“หวา สองคนนี้ก็น่ามองยิ่งนักเช่นกัน! คนหนึ่งยอดเยี่ยมกว่าอีกคนหนึ่ง! สวรรค์ นังหนูคนนี้ยอดเยี่ยมเหลือเกิน!” บางคนที่ล้อมวงรอบสองคนนั้นอยู่อุทานขึ้นมา

หัวใจซือชิงเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง มองไปทางศิษย์น้องชายหญิงของตน

ทันใดนั้นเอง ร่างกายเขาพลันแข็งทื่อ เบิกตากว้าง

สองคนที่ถูกลากออกมาจากกระสอบสีดำ เด็กหนุ่มคนนั้นคือเหิงชิงศิษย์น้องชายของเขาจริงๆ แต่สาวน้อยเยาว์วัยคนนั้นกลับมิใช่!

สาวน้อยเยาว์วัยดูอายุราวสิบสามสิบสี่ รูปโฉมงดงามเยือกเย็น นัยน์ตาดั่งคลื่นธารา ปากกระจับ เครื่องหน้ามองแยกกันเดี่ยวๆ แล้วมิได้โดดเด่นปานนั้น แต่เมื่อผสมผสานกันแล้วกลับงามจนน่าตะลึง!

ที่หาได้ยากยิ่งกว่านั้นคือ บนร่างของสาวน้อยคนนี้มีความพิเศษประการหนึ่ง เป็นชนิดที่ทำให้คนเห็นแวบแรกแล้วอยากจะมองซ้ำเป็นหนที่สอง…

อันที่จริงชิงหลัวก็งดงามมากเช่นกัน ยามที่ออกไปข้างนอกก็ทำให้ผู้คนตื่นตะลึงได้เสมอ

แต่เมื่อเทียบกับสาวน้อยที่อยู่เบื้องหน้าแล้ว ความงามของชิงหลัวดาษดื่นผิวเผินไปเลย

ความงามของชิงหลัวดุจลำธารสายน้อยที่มองปราดเดียวก็ทะลุปรุโปร่งแล้ว แต่ความงามของสาวน้อยคนนี้กลับเปรียบเสมือนมหาสมุทรครามลึกล้ำ ทำให้คนอยากดื่มด่ำ…

เด็กน้อยวัยเช่นซือชิงอยู่ในช่วงวัยที่มีความสนใจใคร่รู้ในตัวเพศตรงข้ามแล้ว มุมมองความรักเปิดกว้างแล้ว ยามที่มองเห็นสาวน้อยคนนี้เป็นครั้งแรก หัวใจเสมือนถูกอะไรบางอย่างกระทบเข้าอย่างจัง! จากนั้นถึงตกตะลึง…

ดรุณีนางนี้เป็นใคร? เหตุใดจึงถูกจับมาในฐานะศิษย์น้องหญิงของเขา?

คนครึ่งสัตว์ที่มุงดูอยู่เหล่านั้นก็ถูกรูปโฉมของสาวน้อยทำให้ตกตะลึงเช่นกัน นัยน์ตาแต่ละคนเบิกกว้างดั่งตาวัว “ของชั้นเลิศ! เด็กคนนี้เป็นของชั้นเลิศ! หากว่านังหนูคนนี้ได้เติบใหญ่จะต้องกลายเป็นตัวหายนะแน่นอน! สวรรค์ เหล่าเถี่ย ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าจะเอาสมบัติเช่นนี้กลับมาได้! นางก็เป็นศิษย์ในสังกัดของอวี่หังเจินเหรินรึ?”

เหล่าเถี่ยผู้นั้นกลับทึ่มทื่อไปครู่หนึ่ง “เดี๋ยว นางไม่ใช่…”

“หือ?”

“จับผิดแล้ว! นางไม่ใช่นังหนูชิงหลัวที่พวกเราหมายตาไว้เมื่อตอนกลางวันนี่…”

“หา ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าก็จับผิดตัวเป็นเหมือนกัน…”

“อย่างไรก็ตาม นังหนูคนนี้ก็เป็นของชั้นเลิศเช่นกัน! หรือว่าชิงหลัวผู้นั้นจะเลิศล้ำยิ่งกว่า?”

“ไม่ ชิงหลัวไม่โดดเด่นเท่านังหนูนี่…” เหล่าเถี่ยคนนั้นเกาหัว ก้าวเข้าไปทันที ยื่นกรงเล็บข้างหนึ่งไปชีพจรของสาวน้อยคนนั้น ผ่านไปครู่หนึ่งจึงปล่อยมือ “ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นหยวนจวินเช่นกัน!”

เขากดมือลงบนร่างของสาวน้อยคนนั้นคราหนึ่ง แสงสีเขียวสายหนึ่งวาบออกมา เด็กคนนั้นพูดจาได้แล้ว

“เจ้าเป็นใครกันแน่? มาอยู่บนเตียงของชิงหลัวได้อย่างไร?” เหล่าเถี่ยซักถามเสียงกระโชกโฮกฮาก

เด็กหญิงคนนั้นเอ่ยตอบ “ขะ…ข้ากลัวโดนลักพาตัว ต้องการหาสหายร่วมห้อง เห็นว่าชิงหลัวผู้นั้นนอนคนเดียว ข้าจึงไปขอร้องนางขอนอนกับนางด้วย จะได้มีคนช่วยดูแล ไม่นึกเลย…ไม่นึกเลยว่าจะพวกเจ้าลักพาตัวมา ในเมื่อพวกเจ้าจับผิดตัว เช่นนั้นก็ปล่อยข้าไปเถอะ…”

เหล่าเถี่ยสบตากับเพื่อนร่วมงานเขาแวบหนึ่ง เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง “เช่นนั้นเจ้าคือผู้ใด?”

“ข้าคือเริ่นจ้งเซิงศิษย์ปิดสำนัก[1]ของจื่อฉุนซ่างเหริน”

เหล่าเถี่ยถอนหายใจอย่างโล่งอก จื่อฉุนซ่างเหรินก็เป็นเซียนที่ได้รับความเคารพนับถือยิ่งนักผู้หนึ่ง และเคยรับศิษย์หญิงคนหนึ่งเป็นศิษย์ปิดสำนักจริงๆ ปกติแล้วปกป้องคุ้มครองดั่งแก้วตาดวงใจ ไม่ให้ออกจากเขาเลย ถึงขั้นที่แม้แต่ชื่อเสียงเรียงนามก็ไม่เคยเปิดเผยออกมา

นึกไม่ถึงว่าวันนี้พวกเขาจะมีโชคหล่นทับ จับกุมนางมาได้!

เหล่าเถี่ยผู้นั้นโล่งอก อดไม่ได้ที่จะหัวเราะฮ่าๆ เสียงดังลั่น “ช่างบังเอิญเหลือเกิน!”

—————————————————————–

[1] ศิษย์ปิดสำนัก คือ ศิษย์คนสุดท้องและศิษย์คนสุดท้าย เมื่อมีศิษย์ปิดสำนักแล้วแปลว่าอาจารย์คนนั้นจะไม่รับศิษย์ใหม่อีกต่อไป