1673-2 vs 1674 vs 1675-1 โดย Ink Stone_Romance

ตอนที่ 1673-2

พวกเน็ตติเซ่นแสดงความเห็นออกมาทันที

“เคยอ่านเจอเรื่องที่เกิดขึ้นในโรงเรียนนี้มาก่อน ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะมีโรงเรียนแบบนี้ด้วย พวกนักเรียนที่นี่ปกติหรือเปล่า นักเรียนแบบนี้ออกมาก็ทำร้ายคนอื่น ถึงกับต้องปล่อยคนร้ายออกมาเพื่อช่วยคนแบบนี้เนี่ยนะ มันไม่ค่อยถูกนะ”

“ฉันคิดว่า นักเรียนแบบนี้อย่ามีเสียเลยจะดีกว่า ไม่เข้าใจว่าจะช่วยไปทำไม”

“ใช่ คนแบบนี้ควรลงนรกไปซะ”

ความเห็นในอินเทอร์เน็ตทวีความรุนแรงขึ้นทุกทีๆ หลายๆ คนต่างประณาม โดยเฉพาะกลุ่มสืบสวนที่กำลังปวดหัวหนักอยู่แล้ว ยังต้องมาเผชิญกับเรื่องแบบนี้อีก คงเดาออกกันนะว่า ทั้งเบื้องบนและเจ้าหน้าที่ระดับล่างล้วนแต่กดดันมากแค่ไหน

ในที่สุดคนที่นั่งตรงกลางก็ตัดสินใจได้ “ประกาศออกไปว่า ปล่อย…”

ตัว…ยังไม่ทันได้พูดจนจบ พลันได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นในห้องสอบสวน เสียงนั่นไม่ดังและไม่เบาจนเกินไป แฝงความเป็นเอกลักษณ์ของป๋อจิ่ว “หลีจิ่น พอเถอะ คิงฝังคำสั่งอะไรทางจิตนั่นน่ะ จริงๆ แล้วนายไม่รู้หรอก”

“เอ่อ?” คนในห้องประชุมแทบทุรนทุราย

ชายหนุ่มในชุดสูทที่ไม่พูดอะไรมาตั้งแต่ต้นจนจบ กลับลุกขึ้นยืน “ลองฟังดูก่อนไหมครับ”

มีคนอยากจะพูดว่า จะมาพูดบ้าอะไรกันตอนนี้ แต่เมื่อเห็นใบหน้าของชายหนุ่ม ก็กลืนคำพูดตัวเองลงไป เอ่อ ทำไมคุณชายถังถึงมาอยู่ที่นี่เหรอครับ?

ภายในห้องสอบสวน หลีจิ่นคิดไม่ถึงว่าจะมีคนพูดแบบนี้ มือที่วางอยู่บนโต๊ะกำแน่น “ทำไมฉันจะไม่รู้ อาจารย์เชื่อใจฉันมากที่สุด ท่านมอบทุกอย่างให้กับฉัน ขนาดสายที่ท่านแฝงในห้องเรียน ท่านก็มอบอำนาจให้ฉันใช้พวกนั้นได้ ถ้าพวกนายไม่อยากปล่อยฉันไปก็พูดมาตรงๆ ยังไงฉันก็ก็ไม่แคร์หรอกว่าจะออกไปได้หรือเปล่า”

“หลีจิ่น จะหลอกตัวเองยังไงก็ต้องมีขอบเขต” ป๋อจิ่วเดินเข้าไปหา แววตาเปล่งประกาย “เมื่อกี้ฉันเพิ่งไปที่ห้องนายมา เรื่องคำสั่งที่แฝงทางจิตน่ะ ดูเหมือนนายจะไม่รู้เรื่องสักเท่าไรหอรก ไม่งั้นคงไม่มีหนังสือด้านพวกนี้ในระดับเริ่มต้นอยู่ในห้องนายหรอก นายรู้ดีพอๆ กับฉันว่า ถ้าอาจารย์ที่นายพูดถึงเขาแคร์นายล่ะก็ คงไม่หนีอย่างนั้นหรอก ในหัวใจของเขา นายมันก็แค่ใช้ง่ายกว่าคนอื่นเท่านั้น นายเป็นคนฉลาด รู้นี่ว่าไม่ว่าหมากจะใช้งานได้ดีหรือไม่ ยังไงก็เป็นแค่หมาก คนอย่างคิงต้องเก็บความลับไว้ในมือตัวเอง จะยอมให้หมากตัวหนึ่งรู้เรื่องได้ยังไง? เกรงว่านายคงเป็นคนเดียวที่รู้ว่าจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นในวันนี้ แต่เรื่องอื่นๆ นายกลับไม่รู้สักนิด ในเมื่อนายรู้จักอาจารย์ตัวเองดีขนาดนี้ นายรู้หรือเปล่าว่าเขาเป็นคนที่ไหน ผ่านอะไรมาบ้าง รวมถึงทำธุรกิจอะไร?

หลีจิ่วหัวเราะ สีหน้าเปลี่ยนเป็นฝืดเฝื่อน “ทำไมฉันต้องบอกนาย”

“นายไม่รู้” ป๋อจิ่วพูดอย่างเป็นปกติ “ถ้านายรู้จริงๆ ก็คงไม่แสดงออกแบบนี้ นายแค่อยากถ่วงเวลาให้ทุกคนทุ่มความสนใจในตัวนาย เพราะเราอาจจะละเลยข้อมูลอื่นๆ ได้  แล้วการปลุกคำสั่งที่แฝงทางจิตก็ยังไม่ถูกหยุดยั้ง แถมยังเกิดขึ้นได้สมบูรณ์แบบอีกต่างหาก แต่นายพูดความจริงมาอย่างหนึ่งว่า นายไม่แคร์อยู่แล้วว่าจะออกไปได้หรือเปล่า เพราะนายอยากเห็นคนที่มันรังแกนายลงนรกให้หมด นายแค้นกระทั่งแม่ตัวเอง นายรู้สึกว่าคุณน้าอ่อนแอทำอะไรไม่ได้สักอย่าง อยากจะสลัดอิทธิพลของแม่ที่มีต่อตัวนาย ก่อนหน้านี้นายอาจจะสะใจ เพราะได้กลายเป็นคนกุมชะตาของคนอื่น พวกเพื่อนนักเรียนที่มันดูถูกนาย ตอนนี้กลัวกันทุกคนแล้ว นายมีความสุขกับการมอบความกลัวให้พวกเขา นายต้องการแค่นี้”

……………………………………………..

ตอนที่ 1674

หลังจากที่ได้ยินป๋อจิ่วพูด ห้องประชุมตกอยู่ในความเงียบ พวกเขาคิดจะเคลื่อนไหว แต่กลับถูกเสียงหัวเราะของหลีจิ่นขัดจังหวะเสียก่อน เสียงหัวเราะนั่นใกล้จะไม่ปกติแล้ว เขาค้ำมือทั้งสองไว้บนโต๊ะ แววตาเขียวปัด “นายพูดไม่ผิดหรอก ฉันอยากให้พวกมันกลัว พวกมันจะมีประโยชน์อะไรที่จะมีชีวิตต่อไป คนอย่างนายจะรู้อะไร พวกมันทำลายฉันแทบจะหมดทุกสิ่ง พวกมันไม่ควรตายหรือไง? ฉันแค่อยากจะเรียนหนังสือดีๆ แต่พวกมันทำอะไร หาเรื่องเหยียดหยามรังแกฉันทั้งวัน เพราะมันคิดว่าฉันรังแกง่ายไม่ใช่เหรอ งั้นก็ตายกันให้หมดไปเลย แล้วนายด้วย จะว่าไป นายก็เหมือนกับฉัน อย่าปฏิเสธ นายมันเจ้าแผนการไม่แพ้ทุกคนหรอก ฉันไม่เห็นเลยว่านายมีใจอยากจะช่วยคนอื่นสักนิด? ได้ยินหลิวเจียหนิงบอกว่า นายอัดเขาเกือบตาย ดูจากนิสัยนาย พวกเราก็เหมือนกันนั้นแหละ คิดว่าคนพวกนี้ไม่สมควรจะถูกช่วย แล้วจะปกปิดความต้องการในใจทำไม”

พูดจบ ห้องประชุมตกอยู่ในความโกลาหล บ้างก็ยืนขึ้น

ป๋อจิ่วกลับเอ่ยขึ้นมาก่อน “บางคนก็ไม่น่าช่วยจริงๆ นั่นแหละ เช่น หลิวเจียหนิงไง ไม่ว่าเขาจะเป็นหรือตายก็ไม่เกี่ยวกับฉันสักนิด แต่ในโรงเรียนมีหลายๆ คนที่ไม่รู้จะทำยังไงเมื่อต้องเจอกับเรื่องแบบนี้ ถึงได้เงียบไม่ทำอะไร พวกเขาอยากช่วยนาย แต่กลับมีพลังไม่พอ นายต้องให้สิทธิ์พวกเขาในการปกป้องตัวเอง ซึ่งมันก็ไม่ได้ผิดนะ เนื้อแท้แล้วพวกเราคิดเหมือนกันจริง แต่หลักการไม่เหมือน  ฉันจะไม่มีวันลากคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่มาตายด้วย เพียงเพื่อจะฆ่าขยะไม่กี่ชิ้นหรอก”

หลีจิ่นมองดูป๋อจิ่วที่อยู่ตรงหน้า ก่อนจะค่อยๆ นั่งกลับที่เดิม พูดเสียงอ่อนลง “ไม่มีใครคิดจะช่วยฉัน กระทั่งแม่ฉันยังต้องเอาอกเอาใจพ่อเลี้ยง กลบเรื่องที่ฉันถูกทำร้ายไว้ คนที่มีทั้งพ่อและแม่แบบคุณชายอย่างพวกนายจะเข้าใจความรู้สึกของพวกเราได้ยังไง”

“ฉันเรียนมัธยมที่เมืองนอก” ป๋อจิ่วร่ายอดีตตัวเองด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ตอนนั้นพวกคนต่างชาติเหยียดจีนจะตาย แถมฉันเองก็ไม่มีพ่อมีแม่แล้ว หลายๆ คนมาหาเรื่องฉัน อยู่ในจีน อย่างน้อยนายก็สูงเท่าเทียมกับพวกเขา ต่อให้ต่อยกันก็ไม่เสียเปรียบสักเท่าไร ตอนนั้นฉันก็เหมือนกับนายในตอนนี้ที่ไม่มีเพื่อนสักคนออกมาช่วย แถมฉันยังเป็นคนเดียวที่เป็นคนเอเชียตาดำผมดำ แล้วจะยังไง? นายโดนต่อยตาเขียวหน้าบวมก็เข่าอ่อนเรียกเขาว่าพ่อแล้วเหรอ? หรือนายกลัวมากเสียจนเห็นคนที่เก่งกว่าตัวเองก็หดหัวอยู่ในกระดองเต่า ขนาดแม่นาย นายยังไม่กล้าปกป้องเลย? คนที่มันรังแกนายน่ะเหรอ ง่ายนิดเดียว พวกเขาไม่พูดกับนาย นายก็อย่าพูดกับพวกเขาสิ เทคโนโลยีก้าวหน้าตั้งมากมาย พวกมันเป็นแค่ตัวอะไร? ถ้านิสัยไปด้วยกันไม่ได้ ก็อย่าบีบตัวเองให้เข้ากับพวกมันให้ได้ การคุกเข่ายอมอ่อนข้อให้พวกมันก็รังแต่ทำให้มีคนดูถูกนายขึ้นทุกวันๆ ไม่มีใครเห็นค่าของนาย นายก็เลยไม่เห็นค่าของตัวเองงั้นสิ อายุเท่าไรแล้ว ยังคิดว่าชีวิตจริงจะเหมือนในนิทานหรือไง หลักการใช้ชีวิตมันก็ง่ายนิดเดียว ตรงนี้” ป๋อจิ่วพูดพลาง ยื่นมือไปจิ้มที่หลังของอีกฝ่าย “ต้องยืดให้ตรงทุกเวลา”

หลีจิ่นบรรยายความรู้สึกตัวเองไม่ถูก

ร่างของเขาเกร็งทื่อ ยกแขนกันบังนัยน์ตาตัวเอง ไหล่ทั้งสองสั่นไหว เสียงแหบเครือ “ฉันรู้ว่านายอยากได้ปากคำของฉันไปเป็นหลักฐาน นายพูดไม่ผิดหรอกว่าฉันเป็นหมากที่ไม่รู้อะไรสักเรื่อง แต่มันไม่ทันแล้ว”

…………………………………….

ตอนที่ 1675-1

ท้ายประโยค ‘ที่ว่าไม่ทันแล้ว’ ของหลีจิ่น ทำให้หัวใจของทุกคนร่วงลงเหว

ป๋อจิ่วคงเป็นคนเดียวที่เยือกเย็นที่สุดอเพราะหลีจิ่นพูดถูก เธอและเขามีเนื้อแท้ที่เหมือนกัน คนที่ไม่เคยเผชิญกับเรื่องพวกนี้มาก่อน ไม่มีวันเข้าใจหรอกว่าอะไรที่อ้างว้างไร้คนช่วย

เวลาที่เราต้องเผชิญกับความอยุติธรรม มักคิดกันว่า กฎหมายจะอยู่ไกล แต่กำปั้นอยู่ใกล้กว่า

ใช่ว่าจะไม่คิดสู้ แต่การลุกขึ้นสู้กลับถูกเสียงบางเสียงกลบให้หายไป พวกคนกระทำผิดมีเอกลักษณ์ที่เหมือนกัน นั่นคือความรักเปลือกนอกและกลับขาวให้เป็นดำ ซึ่งมันไม่เกี่ยวกับอายุสักนิด ไม่ใช่ว่าถูกทำให้เป็นคนคนชั่ว แต่พวกเขาเป็นอย่างนั้นมาตั้งนานแล้ว ส่วนพวกที่โหวกเหวกโวยวายว่า ฉันแค่เป็นคนแบบนั้นแบบนี้เท่านั้นเอง ก็ทำเพื่อให้ตัวเองหลุดจากโทษเท่านั้นแหละ การจะทำตัวอย่างไร เมื่อต้องเจอกับพวกหน้าด้านหน้าทน ถือประเด็นสำคัญที่สุด

ไม่ให้อภัย พวกคนเฮงซวยไม่มีค่าที่จะได้รับการให้อภัย

เช่นเดียวกัน จงอย่าปล่อยให้เราเต็มไปด้วยความแค้น

คุณต้องลองเปลี่ยนดู มองดูตัวเองในกระจกว่าควรจะต้องปรับตรงไหนให้ดีขึ้น นิสัย วิธีการพูด หรือบางครั้งอาจเป็นเพราะจิตใจคุณอ่อนแอเกินไป

เมื่อต้องเผชิญกับความยากลำบาก จะเอาแต่โทษสภาพแวดล้อมไม่ได้ คุณอยากใช้ชีวิตอย่างไร มันขึ้นอยู่กับว่าคุณพยายามจริงหรือเปล่า

ป๋อจิ่วรู้ว่า แม้กระทั่งในตอนนี้ ยังมีคนในโรงเรียนคิดว่า สิ่งที่พวกตนทำไม่เห็นจะเป็นอะไรมากมายเลย แต่ในทำนองเดียวกัน ป๋อจิ่วก็รู้อีกด้วยว่า นอกจากพวกเขา ยังมีคนไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรลงไปอยู่มากมาย

นานเท่านาน เธอก็ไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรลงไป ลืมคำพูดของพ่อจนเกือบหมด

เธอคิดว่า เมื่อคุณตกลงสู่ความมืดมิดไร้ขอบเขต โลกนี้จะต้องมีคนฉุดคุณออกมาสักคน ซึ่งถ้าไม่มีใครที่จะทำแบบนั้น ต่อไปจะกลายเป็นอย่างไร

ป๋อจิ่วเป็นคนที่โลดแล่นในความมืด ขอแค่มีร่างหนึ่งที่เมื่อปรากฏตัวชัดขึ้น คุณก็จะเข้าใจว่ามีบางเรื่องที่คุณจำเป็นต้องทำ

แม้ว่าความปรารถนาดีนี้ จะมีโอกาสตอบแทนสู่คุณเพียงเล็กน้อยก็ตาม

“ฉันไม่เชื่อหรอกว่าโลกเราจะใสสว่างสะอาดตา แต่ฉันเชื่อว่าฉันสร้างมันได้” สิ่งที่ป๋อจิ่วทิ้งไว้ให้อีกฝ่ายเป็นลำดับสุดท้าย “ทุกคนก็เหมือนกัน”

ทุกวินาทีที่เดินออกจากห้องประชุม กลายเป็นความบีบคั้นอันหนักหน่วง ไม่ได้ข้อมูลที่มีมูลค่าจากทางหลีจิ่นเลย

หนึ่งเดียวที่ป๋อจิ่วพอจะให้กับทางห้องประชุมได้ก็คือ เธอคิดว่าวันนี้คิงจะกระตุ้นคำสั่งที่แฝงทางจิตไว้แน่นอน แต่จะใช้วิธีไหน ก็ไม่มีหลักฐานที่ระบุไว้เช่นกัน

สิ่งที่ทำให้คนยากจะเชื่อก็คือ ความรู้สึกของหลีจิ่น ไม่มีใครเข้าใจว่าทำไมป๋อจิ่วถึงเชื่อความรู้สึกของนักโทษ

“เอาล่ะ ในเมื่อพวกเราเชื่อแล้ว ต่อไปจะทำยังไง? บอกให้พ่อแม่ดูแลลูกตัวเองดีๆ งั้นเหรอ” มีคนนวดหัวคิ้ว “มันเป็นไปไม่ได้หรอก นักเรียนในโรงเรียนมีตั้งมากมาย พ่อแม่บางคนก็ไม่ได้อยู่ในท้องที่นี่ แต่ต่อให้อยู่ในท้องที่ ก็ไม่รู้ว่าคิงจะใช้วิธีไหนมาปลุกคำสั่งที่แฝงทางจิตไว้ ถ้าข่าวนี้ถูกเผยแพร่ออกไป จะต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ พวกนักเรียนจะรู้สึกไม่ปลอดภัยมากขึ้น สภาพจิตใจจะไม่มั่นคง ถึงเวลานั้น จะทำให้เรื่องเลวร้ายขึ้นเรื่อยๆ แล้วถ้าเกิดอะไรขึ้นมา ใครจะเป็นคนรับผิดชอบ”

…………………………………………………………