ตอนที่ 515 ห้องเครื่อง / ตอนที่ 516 จุ่มหม้อไฟ

ลิขิตฟ้าชะตารัก

ตอนที่ 515 ห้องเครื่อง 

 

 

 

 

 

“คุณหนู เหตุใดท่านจึงรับปากองค์รัชทายาทเช่นนั้นเล่าเจ้าคะ ที่บอกว่าสามารถทำอาหารออกมาได้ภายในระยะเวลาน้ำชาเดือด จะเป็นไปได้อย่างไรกัน แม้ว่าจะมีบ่าวและคนในห้องเครื่องหลวงคอยช่วยก็เถิด อย่างไรก็ทำไม่ได้แน่เจ้าค่ะ” 

 

 

“เจ้าวางใจเถิด คุณหนูของเจ้านั้นหากไม่มั่นใจแล้ว ไหนเลยจะกล้ากล่าววาจาส่งเดชได้” อวี้อาเหราไม่สนใจความวิตกกังวลของนาง แต่กลับเดินเข้าห้องเครื่องไปด้วยความแช่มชื่น ไม่ได้กินหม้อไฟตั้งนานแล้ว นับตั้งแต่มายังดินแดนนี้ ไม่ต้องพูดถึงหม้อไฟเลย แม้แต่เนื้อปิ้งย่างกับเบียร์ก็ยังไม่มี ดีที่นางไม่ติดโทรศัพท์มือถือ มิเช่นนั้นคงเป็นบ้าตายไปแล้ว 

 

 

ยิ่งคิดนางก็ยิ่งอยากกินหม้อไฟมากยิ่งขึ้น เช่นนั้นจึงเร่งฝีเท้าเพื่อจะได้ถึงห้องเครื่องเร็วๆ 

 

 

เมื่อมาถึงห้องเครื่องแล้ว ทุกคนที่มองเห็นนางต่างก็พากันตกอกตกใจเสียยกใหญ่ เมี่ยวอวี้ที่กำลังหั่นผักอยู่นั้นถึงกับหยุดชะงัก 

 

 

อวี้อาเหรายิ้มออกมาเล็กน้อย “ทุกคนไม่ต้องสนใจข้า ทำอาหารของตัวเองไปเถิด” 

 

 

“เจ้าค่ะ” แม้ว่าทุกคนจะพูดเช่นนี้ แต่บรรยากาศก็เงียบลงอย่างเห็นได้ชัด จนไม่ได้ยินเสียงจอแจเลยทีเดียว ได้ยินแต่เสียงลั่นเปรี๊ยะของเปลวไฟเท่านั้น 

 

 

นางกำนัลอาวุโสผู้หนึ่งรีบเดินเข้ามา ยิ่งพูดเสียงก็ยิ่งสั่นเพราะหวาดกลัว “คุณหนูรองหลิง ไม่ทราบว่าท่านมีคำสั่งอะไรให้พวกเราห้องเครื่องหรือไม่เจ้าคะ ที่นี่มีแต่น้ำมันและควันไฟ คนสูงศักดิ์เช่นท่านมาถึงที่นี่ ต้องการอะไรก็สั่งบ่าวมาเถิดเจ้าค่ะ บ่าวจะรีบส่งไปให้ในทันที หรือว่าไม่พอใจอาหารที่ทำส่งให้ตำหนักไทเฮาเมื่อครู่นี้หรือเจ้าคะ” 

 

 

“ไม่หรอก ข้าพอใจอาหารมาก เพียงแต่ข้ามีเรื่องบางอย่างที่อยากจะทำ เจ้าไปทำงานของเจ้าเถิดไป ไม่ต้องสนใจข้า” อวี้อาเหราบอกให้นางถอยไป เมื่อนางกำนัลอาวุโสเห็นท่าทีของนางแล้ว ก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก  

 

 

อวี้อาเหราเดินไปหาเมี่ยวอวี้ 

 

 

“บ่าวคารวะคุณหนูเจ้าค่ะ” เมี่ยวอวี้รีบทำความเคารพอย่างลุกลี้ลุกลน เงยหน้าขึ้นถามว่า “คุณหนูมาได้อย่างไรเจ้าคะ” 

 

 

เจาเอ๋อร์พูดขึ้นมาแทน “ไม่รู้ว่าคุณหนูคิดอะไรอยู่ นึกอยากจะทำหม้อไฟถวายไทเฮา รัชทายาทและเหล่าองค์หญิง ไม่ผิดหรอก เป็นหม้อไฟน่ะ ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรกันแน่ เจ้าเคยได้ยินหรือไม่” 

 

 

เมี่ยวอวี้พยายามที่จะค้นความคิดในสมอง สุดท้ายก็ส่ายหน้า “ไม่เคยได้ยินมาก่อน” 

 

 

“เมื่อถึงตอนนั้น พวกเจ้าก็จะรู้เองว่าหม้อไฟเป็นอย่างไร” อวี้อาเหรามองไปรอบๆ ยังดีที่ห้องเครื่องแห่งนี้มีทุกอย่าง อาหารที่ไทเฮาอยากกินก็มีไม่น้อย ดังนั้นนางจึงหยิบกระดาษออกมาจากเอวแล้วส่งให้เมี่ยวอวี้และเจาเอ๋อร์ แล้วจึงสั่งว่า “เจ้าทำตามที่เขียนไว้ในนี้ หั่นเนื้อที่ไทเฮาและรัชทายาทต้องการเสวยเป็นแผ่นบางๆ ยิ่งบางยิ่งดี พวกผักต่างๆ ก็ล้างให้สะอาด ส่วนกุ้งมังกร แกะเปลือกออกแล้วล้างให้สะอาด เมื่อทำเสร็จแล้วให้แบ่งใส่ชามทีละใบ ทุกอย่างต้องใส่นชามใบใหญ่” 

 

 

“เจ้าค่ะ” เมี่ยวอวี้และเจาเอ๋อร์รับฟังอย่างมึนงง แล้วตอบรับด้วยความรู้สึกประหลาดใจ 

 

 

เมื่อจัดการออกคำสั่งเครื่องส่วนผสมของอาหารต่างๆ แล้ว อวี้อาเหราก็มองไปรอบๆ เพื่อหาเตาไฟเล็กๆ จากนั้นก็ค้นหาหม้อที่คล้ายๆ กับหม้อยวนยาง[1] หลังจากเตรียมของทั้งสองอย่างแล้ว ก็ไปเตรียมของที่จะเอามาทำหม้อไฟ ด้านหนึ่งใส่หมาล่า[2] อีกด้านไม่เผ็ด เผื่อไทเฮาจะกินเผ็ดไม่ได้ เพียงเท่านี้ก็สามารถจัดเตรียมรสชาติที่เหมาะสำหรับทุกคนได้แล้ว 

 

 

หลังจากที่เตรียมทุกอย่างแล้ว ก็หันไปมองทางด้านเมี่ยวอวี้และเจาเอ๋อร์ ทั้งสองหั่นได้ช้ายิ่งนัก ดังนั้นจึงเรียกมือหั่นมาช่วยหั่นเนื้อ สมแล้วที่เป็นคนของห้องเครื่องในวังหลวง หั่นเนื้อออกมาได้บางราวกระดาษ ขนาดได้มาตรฐาน อีกทั้งยังรวดเร็วกว่าเมี่ยวอวี้และเจาเอ๋อร์ตั้งไม่รู้กี่เท่า 

 

 

นางเองก็ไปช่วยหั่นผักกวางตุ้ง เมื่อเห็นว่าเวลาผ่านไปยังไม่มาก จึงไปหั่นผักที่ตัวเองชอบมาจำนวนหนึ่ง 

 

 

หลังจากที่ยกเนื้อออกมาจากห้องครัวแล้ววางที่โต๊ะ เจาเอ๋อร์และเมี่ยวอวี้ก็จัดเตรียมบรรดาผักทั้งหลายเสร็จพอดี 

 

 

อวี้อาเหราเรียกสาวใช้สองสามคนมาช่วยกันยกจานอาหารน้อยใหญ่ทั้งหลาย รวมไปถึงเตาไฟ เข้าไปยังพระตำหนักรู่หวง 

 

 

แม่ครัวและนางกำนัลอาวุโสต่างพากันจ้องมองพลางอ้าปากค้าง ไม่ผัดไม่นึ่งก็กินได้เลยหรือ? 

 

 

 

 

 

—— 

 

 

[1] หมอยวนยาง มีลักษณะคล้ายหม้อชาบู แบ่งออกเป็นสองฝั่งเพื่อใส่น้ำซุป 

 

 

[2] หม่าล่า เป็นเครื่องเทศจีน มีรสเผ็ดร้อน และจะทำให้ชาลิ้น 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 516 จุ่มหม้อไฟ 

 

 

 

 

 

เมื่อจัดเตรียมวัตถุดิบสำหรับทำหม้อไฟแล้ว ก็เข้ามายังตำหนักรู่หวง 

 

 

ไทเฮาและคนที่เหลือพากันจ้องมองอย่างกระตือรือร้น ทั้งยังยืดคอออกมามองว่าของในมือของพวกนางคืออะไร กระนั้นก็พบว่าเป็นของธรรมดาสามัญ แต่ที่น่าแปลกก็คือ อาหารเหล่านั้นยังไม่ผ่านการปรุงสุกมาก่อนหรือ หรือว่าจะให้กินดิบๆ? 

 

 

ไม่นานนัก พวกเขาก็เห็นอวี้อาเหราเดินเข้ามาด้วยความแช่มชื่น แล้วทำความเคารพต่อไทเฮา “ถวายบังคมไทเฮาเพคะ อาเหราเตรียมหม้อไฟเอาไว้แล้ว จะเริ่มกันได้เลยหรือไม่เพคะ” 

 

 

“เอาสิ” ไทเฮาพยักหน้าด้วยความไม่แน่พระทัยนัก จากนั้นก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นด้วยความสงสัยว่า “เจ้าจะทำอาหารที่นี่น่ะหรือ? เกรงว่าจะไม่ได้กระมัง อีกทั้งยังเหลือเวลาอีกเพียงแค่หนึ่งถ้วยน้ำชา เดิมทีก็ไม่ทันเสียแล้ว” 

 

 

เหลือเวลาอีกสิบห้านาทีหรือ? อวี้อาเหรามองไปยังอาหารที่เตรียมเอาไว้ ดูแล้วคงจะต้องเร่งมือเสียหน่อย เช่นนั้นจึงเอ่ยกับไทเฮาอย่างเร่งร้อน “เพียงใช้หม้อใบเดียวก็พอแล้วเพคะ ไม่ต้องผัดต้องทอดอะไร ไทเฮาทรงรออีกหนึ่งถ้วยชาก็จะได้เสวยแล้ว” 

 

 

“อืม เช่นนั้นเจ้าก็รีบทำเถิด” ไทเฮาพูดขึ้นอย่างไม่ค่อยเชื่อเท่าไรนัก เมื่อเห็นสีหน้ามั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมของนางแล้วก็จำต้องพยักหน้าลง เมื่อเห็นท่าทีนางที่มั่นใจว่าทำได้ แต่ก็ไม่รู้ว่านางนั้นมีความคิดอย่างไรอยู่กันแน่ 

 

 

อวี้อาเหราเรียกคนมายกเตาและหม้อขึ้นวางบนโต๊ะ ก่อนจะขนย้ายอาหารเดิมออกไป แล้วจึงเติมเครื่องปรุงรสหม้อไฟที่เตรียมเอาไว้แล้วลงไป ด้านหนึ่งเผ็ด อีกด้านหนึ่งไม่เผ็ด สุดท้ายก็สั่งให้เจาเอ๋อร์ยกน้ำร้อนเข้ามา ในหม้อไม่เพียงมีแต่เครื่องปรุงเท่านั้น แต่ยังมีน้ำแกงใสที่ต้มด้วยไฟอ่อนนาน เมื่อรวมกับพริกก็จะได้กลิ่นหอมหวน ในเตาเติมถ่านแดงๆ ไปจนเต็ม ผ่านไปเพียงไม่นาน กลิ่นหอมของหม้อไฟก็ลอยโชย  

 

 

ทุกคนพากันจ้องมองตาไม่กะพริบ เมื่อได้กลิ่นหอมๆ แล้วก็ลอบกลืนน้ำลายลงคอ พริกนั้นเป็นอาหารที่ทำให้เกิดความอยากอาหารอยู่แล้ว ยิ่งรวมกับน้ำแกงใสและเครื่องปรุงที่สดใหม่จึงมีรสชาติเลิศล้ำหาใดเปรียบ จึงมองอย่างสนใจว่าจะต้องทำอย่างไรต่อ 

 

 

จึงค่อยๆ เห็นว่าอวี้อาเหราเติมอาหารที่หั่นเอาไว้แล้วลงในหม้อยวนยาง 

 

 

จากนั้นเวลาก็ผ่านไปจนจะถึงเวลาสองถ้วยน้ำชาแล้ว เนื้อก็สุกพอดี อวี้อาเหราใช้ตะเกียบคีบเนื้อปลาแผ่นส่งลงไปในชามของไทเฮา “ไทเฮา เสวยได้แล้วเพคะ ทรงลองดูเถิด” 

 

 

ไทเฮานิ่งงันไป ไม่คิดว่านางจะใช้วิธีหั่นอาหารเป็นแผ่นบางๆ แล้วจุ่มลงในหม้อเท่านั้น 

 

 

จ้องมองเนื้อปลาในชาม กลิ่นหอมไม่เลว กลิ่นหอมชวนกินมาก 

 

 

ทุกคนจ้องมองนางไม่วางตา เพราะอยากรู้ว่าจะอร่อยหรือไม่ 

 

 

สุดท้ายไทเฮาก็ส่งเนื้อปลาแล่เข้าปากอย่างกล้าๆ กลัวๆ เมื่อกลืนลงคอไปแล้วก็เงยหน้าขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แล้วเอ่ยชมอวี้อาเหราไม่ขาดปาก “อร่อยจริงๆ รสชาติสดใหม่ไม่เลี่ยน อีกทั้งยังใช้เวลาในการทำให้สุกได้เป็นอย่างดี แล้วยังมีกลิ่นหอม รสหมาล่านี้ ช่างเลิศรสนัก!” 

 

 

“หากทรงโปรดก็เสวยมากๆ เถิดเพคะ อาเหราเตรียมให้พร้อมแล้ว” มุมปากของอวี้อาเหราโค้งขึ้นด้วยความยินดี 

 

 

ไม่น่าเชื่อว่านางจะสามารถปรุงอาหารของศตวรรษที่ยี่สิบให้ถูกปากคนโบราณได้เช่นนี้ 

 

 

ไทเฮาให้สาวใช้ตักอาหารขึ้นมาอีก แล้วค่อยๆ ลิ้มรส เมื่อสั่งเกตได้ว่าทุกคนต่างกำลังจ้องมองนาง ก็รีบแนะนำขึ้นมาในทันที “พวกเจ้าก็กินเถิด ไม่เลวเลยจริงๆ เราถูกใจในรสชาตินี้ยิ่งนัก จะต้องทานได้มากแน่!” 

 

 

“พ่ะย่ะค่ะ / เพคะ” ทุกคนรับคำ 

 

 

อวี้อาเหรายิ้มออกมา “ไทเฮาอยากเสวยอะไรเพคะ อาเหราจะลวกให้” 

 

 

จวินฉางอวิ๋นเห็นท่าทีชื่นชมของไทเฮาแล้ว ก็ไม่ง่ายเลยที่เขาจะได้เห็นเสด็จย่าของตัวเองชื่นชมผู้ใดอย่างไม่ลังเลเช่นนี้มาก่อน