ตอนที่ 426 ผิดเอง

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 426

ผิดเอง

“น้องจูล่ง ขอบใจเจ้ามากที่มาช่วยข้า”ลั่วสุนว่าพลางนั่งลงที่เก้าอี้ภายในสำนักคร่าตะวันของตน

“ข้าแค่ไปรับพี่กลับมาเอง ไม่ได้ช่วยอะไรเสียหน่อย”จูล่งตอบด้วยใบหน้างงๆ ตนทำอะไรไปหรือถึงได้รับคำขอบคุณเช่นนี้ เท่าที่มันจำได้ มันก็แค่แก้มัดให้พี่ลั่วสุนแล้วขอพี่สาวคนนั้นเพื่อจะพาพี่ลั่วสุนออกมาเอง

“ไม่หรอก พวกเราต้องขอบใจเจ้าจริงๆ”หลิงจงว่าพลางยิ้มออกมา หากไม่ใช่เพราะจูล่งช่วยไว้มันคงต้องเข้าไปรบกวนท่านอาจารย์ที่ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องราวภายนอกเท่าไหร่ให้มารับหน้าเสียแล้ว

“แต่น้องจูล่งทำเหล่าลี่โกรธขนาดนั้น ข้ากลัวว่าเรื่องนี้จะไม่จบง่ายๆนะสิ”พี่สาวซูว่าพลางมองไปที่จูล่ง นางกับหลิงจงตามไปเห็นเหตุการณ์เข้าพอดี ทำให้นางได้ทราบแล้วว่าจริงๆแล้วจูล่งนั้นมีฝีมือสูงมากเกินกว่าระดับพี่พวกหลิงจงจะรับมือได้

“อย่างที่น้องซูว่า เหล่าลี่ไม่ใช่คนจะยอมอะไรง่ายๆ”ลั่วสุนตอบพลางถอนหายใจออกมา หากสำนักจันทร์กระจ่างยอมอะไรง่ายๆเรื่องระหว่างสองสำนักคงไม่ยืดเยื้อมาหลายสิบปีเช่นนี้หรอก

“นางต้องหาทางมาแก้แค้นน้องจูล่งแน่ๆ”หลิงจงทำสีหน้าครุ่นคิด แม้นางจะยอมให้จูล่งพาลั่วสุนออกมาเพราะฝีมือสู้กันไม่ได้ แต่นางต้องไม่คิดว่าจูล่งจะเก่งกว่าอาจารย์ของนางเป็นแน่ บางทีนางอาจจะเอาเรื่องนี้ไปขอร้องไห้อาจารย์ของนางเข้ามาช่วยก็เป็นได้

“แก้แค้น? ข้าไปทำอะไรให้พี่สาวคนนั้นโกรธกัน”จูล่งเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ทำไมพี่สาวคนนั้นต้องมาแก้แค้นมัน ก็มันขอพี่สาวไปตรงๆแล้วนี่นา แถมนางยังยอมให้มันออกมาด้วย

“น้องจูล่ง เจ้าไม่รู้จริงๆงั้นหรือ”ลั่วสุนว่าพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา มันหักหน้าเหล่าลี่ขนาดนั้น นางไม่โกรธแค้นเลยสิถึงจะแปลก

“ข้า….”จูล่งทำสีหน้าครุ่นคิดพลางนึกถึงเรื่องที่ตนทำลงไปทั้งหมด มันแค่ตามหาพี่ลั่วสุน เข้าไปแก้มัดแล้วขอพามันออกมาเท่านั้นนี่….

“อ๊ะ…”จูล่งส่งเสียงออกมาเหมือนจะนึกออก ในขณะกำลังจะพาพี่ลั่วสุนออกมา มือมันปัดไปโดนกระบี่ของนางเข้า มันไม่ได้ตั้งใจหรอก แต่ก็ทำกระบี่ของนางหักจนได้ ตอนนั้นมันไม่ได้สนใจเพราะกำลังอยากจะพาพี่ลั่วสุนออกมาเท่านั้นเอง

“เป็นความผิดของข้าจริงๆด้วย”จูล่งหน้าหมองลงทันทีเมื่อทราบว่าตนทำอะไรพลาดไป มันทำลายข้าวของของผู้อื่น ไม่แปลกเลยที่นางจะโกรธตนเองได้

“พี่หลิงจง พี่ลั่วสุน ข้าจะไปขอโทษนางด้วยตนเอง พวกท่านรอสักครู่นะขอรับ”ไป๋จูล่งว่าพลางวิ่งออกจากห้องไปโดยไม่รอให้หลิงจงและลั่วสุนห้ามเอาไว้เลย

“น้องจูล่งพูดว่าอะไรนะ”หลิงจงถามพลางหันมามองลั่วสุน

“มันบอกจะไปขอโทษเหล่าลี่”ลั่วสุนตอบพลางกะพริบตาปริบๆ

“มิน่าเล่าท่านไป๋จูเหวินถึงอยากให้ข้าไปสอนสามัญสำนึกให้จูล่ง”หลิงจงถอนหายใจเฮือกออกมา ตอนนี้ขืนบุกเข้าไปหาเหล่าลี่ไม่เท่ากับหาเรื่องใส่ตนหรอกหรือ

“ตามน้องจูล่งไปเถอะ”หลิงจงว่าพลางเปิดประตูออกก่อนจะเดินไปทางประตูสำนักช้าๆไม่มีท่าทีรีบร้อนอะไร

“นั่นสินะ”ลั่วสุนตอบพลางเดินตามหลิงจงไป พวกมันไม่มีท่าทีรีบร้อนแต่อย่างไร เพราะทราบดีว่าต่อให้เร่งแค่ไหนก็ไม่มีทางตามจูล่งทันแน่ๆ พวกมันทำได้แค่ตามไปดูผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นเท่านั้น

.

.

ฟุบ!! ม้าสีขาวนามว่าตงฟางทะยานผ่านทางเดินอย่างรวดเร็วจนเหมือนจะทิ้งภาพเงาสีขาวเอาไว้เบื้องหลัง โชคดีที่ยามนี้มืดค่ำแล้วทำให้มี่ผู้คนบนถนนไม่มาก ทำให้ตงฟางสามารถวิ่งได้โดยไม่ต้องกลัวว่าจะชนใคร

“พี่ตงฟาง ทางขวาๆ”จูล่งว่าพลางชี้ไปทางด้านขวาซึ่งมีบ้านเรือนขวางเอาไว้ จูล่งใช้ดวงตาสีม่วงตามหาเหล่าลี่ ไม่ได้มองบ้านเรือนรอบๆเลยแม้แต่น้อย

ฟุบ!! ตงฟางเห็นจูล่งชี้ทางก็กระโดดผ่านบ้านหลังทางขวาไปอย่างรวดเร็ว หากมีคนมาเห็นละก็ต้องตกตะลึงเป็นแน่ เพราะม้าธรรมดาไม่มีทางกระโดดได้สูงเช่นนั้นแน่ๆ แต่เรื่องเช่นนี้กลับเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับตงฟาง แม้มันจะไม่ได้เป็นอสูร แต่มันก็กินแก่นอสูรเข้าไปจนมีสภาพเหมือนกลุ่มนักล่าอสูรไม่มีผิด แถมมันยังถูกเลี้ยงดูอย่างดีภายในวังหลวงของอาณาจักรไป๋มาเกือบ 70 ปี มีหรือที่พลังของมันจะไม่พัฒนาเลย อีกอย่างมันสามารถบินได้ แค่กระโดดสูงนิดหน่อยจะไปเหลือบ่ากว่าแรงอะไรเล่า

“เจอแล้ว”จูล่งว่าพลางชี้ไปทางห้องหนึ่งในสำนักจันทร์กระจ่าง ดวงตาสีม่วงของมันสามารถแยกแยะผู้อื่นได้ด้วยเอกลักษณ์ของพลังวิญญาณ ทำให้จูล่งทราบได้ทันทีว่าเหล่าลี่อยู่ที่ห้องใด

“พี่ตงฟาง พี่รออยู่ที่นี่นะ ข้าจะไปขอโทษนางก่อน”จูล่งพูดพลางบอกให้ตงฟางยืนรออยู่บนหลังคา

ก๊อก ก๊อก…. จูล่งกระโดดลงไปที่หน้าห้องของเหล่าลี่ ก่อนจะเคาะประตูห้องตามมารยาท

“ใครกัน”เหล่าลี่ขมวดคิ้วพลางเดินมาเปิดประตูห้องช้าๆ นางพึ่งพ่ายแพ้มา ไม่อยากเจอใครทั้งนั้น แถมเวลานี้ยังมืดค่ำแล้ว ไม่ควรมีศิษย์คนไหนมารบกวนไม่ใช่หรือ

“พี่สาว ข้ามาขอโทษท่านเรื่องเมื่อเย็น”ทันทีที่เหล่าลี่เปิดประตูออกมา จูล่งก็รีบแจ้งธุระทันที เพียงแต่เหล่าลี่ยามนี้ไม่ฟังสิ่งที่จูล่งพูดออกมาเลย นั่นเพราะ

“เจ้า…”เหล่าลี่ว่าพลางชี้มาทางจูล่ง นางพึ่งเห็นพลังฝีมือของจูล่งมาหมาดๆ ทราบดีว่ามันมีกำลังขนาดไหน นางไม่มีทางสู้มันได้แน่ๆ การที่มันบุกเข้ามาในหอฝั่งสตรีในยามวิกาลเช่นนี้มีเรื่องดีๆอะไรมาแก้ตัวได้ด้วยงั้นหรือ

“ศิษย์พี่ เกิดอะไรขึ้น”เหล่าลี่ยังไม่ทันจะได้ร้องตะโกน เหล่าศิษย์หญิงที่อยู่ในหอต่างออกมาดูเพราะพวกตนได้ยินเสียงผู้ชายทันที

“กรีดดด”ศิษย์หญิงบางคนเห็นชายหนุ่มลอบเข้ามาในหอพักของฝั่งผู้หญิงพลันส่งเสียงกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ หอพักหญิงแม้แต่อาจารย์ผู้ชายยังห้ามเข้า มันกล้ามาจากไหนถึงบุกมากลางค่ำกลางคืนเช่นนี้

“ไปแจ้งอาจารย์เร็วเข้า เจ้านี่เป็นคนที่มาหาเรื่องศิษย์พี่เมื่อเย็น”เหล่าศิษย์ของสำนักจันทร์กระจ่างที่ยังพอมีสติอยู่บ้างรีบร้อนบอกให้ศิษย์น้องไปตามอาจารย์มา พวกนางหลายๆคนได้เห็นพลังของจูล่งแล้ว หากไม่ขอแรงอาจารย์มาช่วยเกรงว่าจะทำอะไรมันไม่ได้แน่ๆ

“พี่สาว ข้าสำนึกผิดจริงๆนะ ท่านอย่าได้ถือโทษโกรธข้าเลยนะ”จูล่งพูดพลางมองไปทางเหล่าลี่ แต่ท่าทางนางจะตกใจจนไม่ฟังจูล่งเลย

เปรี้ยง!! ฝ่ามือของเหล่าลี่กระแทกเข้าที่อกจูล่งอย่างจัง แต่เพราะจูล่งมาเพื่อขอโทษมันจึงไม่ได้หลบหลีกแต่อย่างไร เพียงแต่ฝ่ามือของเหล่าลี่เบาดุดปุยนุ่นไม่ได้ทำให้จูล่งกระทบกระเทือนเลยแม่แต่น้อย

“พี่สาว ท่านโกรธข้าก็ตีข้าเถอะ”จูล่งก้มหน้ายอมรับความผิด มันทำของผู้อื่นเสียหายสมควรถูกลงโทษเป็นธรรมดา

เปรี้ยง!! อยู่ๆแรงกระแทกมหาศาลก็ผลักเอาร่างของจูล่งกระเด็นออกไปจากระเบียงหน้าห้องของเหล่าลี่ พริบตานั้นจูล่งเหลือบมองไปข้างหน้ากลับพบว่าผู้ลงมือไม่ใช่เหล่าลี่ แต่เป็นหญิงวัยกลางคนผู้หนึ่งต่างหาก

“เจ้า กล้าดียังไงมาบุกสำนักข้าเช่นนี้”หญิงวัยกลางคนพูดพลางเดินออกมายืนตรงหน้าจูล่งช้าๆ ฝ่ามือของนางผลักจูล่งให้ลอยออกมาอยู่หน้าหอได้ ต้องยอมรับว่านางมีกำลังฝีมือไม่น้อยเลย

“อาจารย์ มันเป็นคนที่เข้ามาช่วยลั่วสุนเมื่อเย็นเจ้าค่ะ”เหล่าลี่รายงานพลางชี้มาทางจูล่ง

“เจ้านี่นะหรือคนที่เอาชนะเจ้าได้”อาจารย์ของเหล่าลี่ว่าพลางมองมาทางไป๋จูล่งนิ่ง นางสัมผัสพลังวิญญาณของจูล่งไม่ได้ แต่เมื่อครู่เหล่าลี่ซัดฝ่ามือใส่อกมันเต็มๆกลับไร้ผลราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แถมฝ่ามือของนางแม้จะไม่ได้ใช้กำลังเต็มที่ กลับไม่ทำให้จูล่งแสดงท่าทีเจ็บปวดออกมาเลย เกรงว่าชายหนุ่มผู้นี้จะซ่อนพลังวิญญาณเอาไว้เป็นแน่

“ท่านป้า..ข้ามาที่นี่เพื่อ….”ไป๋จูล่งยังพูดไม่ทันจบ กระบี่เล่มหนึ่งก็ถูกเรียกออกมาในมือของเจ้าสำนักจันทร์กระจ่างทันที

“ป้างั้นหรือ….”ท่าทางนางจะไม่ชอบให้เรียกแบบนั้นเท่าไหร่ ทำให้นางใช้กระบี่แทงเข้ามาจูล่งในทันที แต่ช่วยไม่ได้นี่นา ก็นางดูแก่กว่าท่านแม่ของจูล่งนี่นา จูล่งก็เลยเรียกนางว่าป้า

ฟุบๆๆๆ ร่างของจูล่งหลบกระบี่ของเจ้าสำนักจันทร์กระจ่างอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่เพราะจูล่งกลัวว่ากระบี่เล่มนั้นจะทำร้ายตนเอง แต่เพราะกลัวว่าตนจะทำลายกระบี่ของผู้อื่นอีกต่างหาก

“ท่านป้า ข้ามาที่นี่เพื่อขอโทษพี่สาวท่านนั้นเท่านั้นเอง”จูล่งว่าพลางเอี้ยวตัวหลบกระบี่ของเจ้าสำนักจันทร์กระจ่างอย่างง่ายดายราวกับทราบวิถีกระบี่ก่อนที่นางจะเริ่มกระบวนท่าเสียอีก

“หุบปาก”เจ้าสำนักจันทร์กระจ่างตั้งแต่ได้ยินคำว่าท่านป้าก็ไม่ได้ยินเนื้อหาอื่นที่จูล่งพูดออกมาอีกเลย

“…..”ยิ่งปล่อยกระบวนท่าออกมาเท่าไหร่ เจ้าสำนักจันทร์กระจ่างก็ยิ่งเกิดท่าทีงุนงง กระบี่ของนางไวและซับซ้อน แม้แต่เจ้าสำนักคร่าตะวันที่นับเป็นคู่แข่งของตนยังไม่อาจหลบหลีกได้เช่นนี้ แต่เจ้าหนุ่มนี่กลับสามารถเดินหลบได้อย่างง่ายดายแถมยังดูไม่ได้กินแรงอีกด้วย ขืนปล่อยไปเป็นนี้นางคงเป็นฝ่ายหมดแรงก่อนเป็นแน่

วูบ…อยู่ๆระดับพลังวิญญาณของเจ้าสำนักจันทร์กระจ่างก็เพิ่มมากขึ้นเหมือนกำลังจะบอกว่านางเริ่มเอาจริงแล้วนั่นเอง

“ออกไป ท่านอาจารย์จะใช้วิชานั้นแล้ว”เหล่าลี่เห็นอาจารย์เริ่มจะเอาจริง นางจึงบอกให้เหล่าศิษย์หนีออกไปจากบริเวณนั้นทันที วิชาลับของอาจารย์นอกจากคู่แข่งอย่างเจ้าสำนักคร่าตะวันก็ต้องมีแต่นางเท่านั้นที่ทราบ

แกร๊ก…อยู่ๆใต้เท้าของจูล่งก็เริ่มเปลี่ยนเป็นน้ำแข็ง แต่มันกลับไม่ได้ทำให้จูล่งลำบากแต่อย่างไร

“ดูสิจะหลบได้อีกไหม”เจ้าสำนักจันทร์กระจ่างยิ้มพลางมองพื้นเบื้องล่างที่กลายเป็นพื้นน้ำแข็งจนหมดแล้ว วิชาลับของนางคือวิชาเขตสังหาร ทันทีที่นางสร้างพื้นน้ำแข็งสำเร็จ นางจะสามารถสร้างลิ่มน้ำแข็งขึ้นมาโจมตีในพื้นที่ได้ทั้งหมด พริบตาที่พื้นน้ำแข็งถูกสร้างจนสมบูรณ์เท่ากับผู้ที่อยู่บนพื้นน้ำแข็งนั้นได้โดนโจมตีไปแล้วนั่นเอง

ตูม!! ยังไม่ทันเรียกลิ่มน้ำแข็งขึ้นมา อยู่ๆจูล่งก็ซัดฝ่ามือลงพื้นในทันที เพียงพริบตาเดียวพื้นน้ำแข็งที่กำลังจะก่อลิ่มน้ำแข็งขึ้นมาก็โดนฝ่ามือของไป๋จูล่งทำลายในทันที

“อ๊ะ…”จูล่งมองพื้นเบื้องล่างด้วยท่าทีตกใจ มันเพียงจะทำลายพื้นน้ำแข็งเท่านั้น แต่เหมือนมันจะออกแรงมากไปหน่อยทำให้พื้นน้ำแข็งรวมทั้งพื้นหินของสำนักพังไม่เหลือชิ้นดี

“ท่านป้า ข้าขอโทษ…ข้าจะซ่อมให้นะ….”จูล่งกำลังจะโค้งหัวขอโทษขอโพยเจ้าสำนักจันทร์กระจ่าง แต่เมื่อมันหันไปหาท่านเจ้าสำนักมันกลับพบว่าแรงกระแทกของฝ่ามือเมื่อครู่ทำเอาท่านเจ้าสำนักจันทร์กระจ่างกระเด็นไปชนกำแพงหอเสียแล้ว แม้จะทำให้ท่านบาดเจ็บไม่มาก แต่ก็ทำให้ทราบว่าจูล่งนั้นเหนือกว่าเจ้าสำนักจันทร์กระจ่างมากนัก

“ท่านเจ้าสำนัก”เหล่าศิษย์สำนักจันทร์กระจ่างเห็นเจ้าสำนักของตนเองโดนกระแทกออกมาก็พากันเข้าไปหาทันที บ้างถึงกับร้องไห้บ้างก็หันมามองจูล่งด้วยท่าทีหวาดกลัว

“เกิดเรื่องอะไรที่นี่กัน”อยู่ๆเสียงของชายคนหนึ่งก็ดังขึ้น พร้อมร่างในชุดสีขาวที่ปรากฏออกมาตรงหน้าเจ้าสำนักจันทร์กระจ่างที่กำลังพยายามลุกขึ้นมาอีกครั้ง

“ท่านเป็นใคร”เจ้าสำนักจันทร์กระจ่างถามพลางมองชายที่อยู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นมาเสียเฉยๆ

“ข้าได้ยินเสียงกรีดร้อง ก็เลยมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น”ชายหนุ่มคนนั้นตอบพลางมองมาทางไป๋จูล่งนิ่ง มันมาถึงก็เห็นฉากไป๋จูล่งซักฝ่ามือลงพื้นทำลายพื้นสำนักเสียย่อยยับแล้ว ท่าทางเด็กหนุ่มผู้นี้จะฝีมือสูงไม่น้อย

“เจ้านั่นบุกเข้ามาหาศิษย์หญิงคนหนึ่งของข้า ข้าก็เลยพยายามหยุดมันเอาไว้”เจ้าสำนักจันทร์กระจ่างว่าพลางลุกขึ้นมายืนอีกครั้ง

“งั้นหรือ…”ชายหนุ่มตอบพลางเดินเข้าไปขวางระหว่างไป๋จูล่งกับเจ้าสำนักจันทร์กระจ่างเอาไว้นิ่ง

“น้องชาย ทราบหรือไม่ว่าการบุกเข้าที่พักของหญิงสาวยามค่ำคืนเช่นนี้เป็นเรื่องไม่สมควรกระทำ”ชายหนุ่มว่าพลางเรียกเอาอาวุธออกมา