ตอนที่ 551 เจ้าถึงกับเกิดความคิดเช่นนี้ได้
ทัพเรือของราชสำนักขาดการฝึกฝนมาหลายปี ขี้เกียจไร้ความกระตือรือร้น ความสามารถในการสู้รบย่ำแย่ห่างไกลจากแต่ก่อนมาก จะแพ้ก็ไม่น่าแปลกนัก วันนี้รัชทายาทก็ได้รู้ถึงรสชาติของความวุ่นวายเสียที ถึงยามหลับทำอย่างไรก็หลับไม่ลง ในใจนึกถึงระยะทางจากถงอันมาถึงเมืองหลวง เขาเปิดแผนที่ลากเส้นทาง วางแผนว่าหากจะส่งทหารควรจะส่งไปที่ใดเพื่อสกัดกั้น แล้วจะล้อมอย่างไร ทุกสิ่งล้วนต้องวางแผน ทุกสิ่งต้องอาศัยว่าในมือมีทหารถึงจะดำเนินได้
ฮองเฮาเข้าใจถึงความลำบากของเขา ทรงตุ๋นโสมด้วยพระองค์เองนำมาให้เขา รัชทายาทจิบเล็กน้อย แล้วอดไม่ได้ที่จะขอความคิดจากมารดา “เหล่าแม่ทัพไม่ยอมมอบตราทหาร จะเคลื่อนย้ายกำลังทหารก็ต้องมีราชโองการจากพระบิดา เพียงแต่จนถึงยามนี้พระบิดาก็ยังไม่ฟื้น ทัพของซู่อ๋องก็บุกเข้ามาเรื่อยๆ หากไม่มีกำลังเสริมไปอีก… พระมารดา พวกเราก็จะแพ้แล้วจริงๆ!”
ฮองเฮาถอนหายใจ “เพียงแต่พระบิดาของเจ้าเป็นเช่นนี้ หมอหลวงก็จนปัญญา แม่ก็อยากจะช่วยเจ้า เพียงแต่…”
ที่จริงแล้วในใจรัชทายาทมีแผนอยู่แล้ว ขาดเพียงแค่ฮองเฮายอมรับ เขาเป็นรัชทายาท เป็นผู้สืบทอดบัลลังก์ในอนาคต ขอเพียงฮ่องเต้สวรรคต เขาก็สามารถขึ้นครองราชย์อย่างถูกต้อง ถึงเวลาเขาได้เป็นฮ่องเต้ อยากจะเคลื่อนทหารจากที่ใดก็เพียงแค่เอ่ยปากเท่านั้น ไหนเลยจะทำอะไรไม่ได้เหมือนอย่างในตอนนี้ อยู่ในราชกิจยังต้องดูสีหน้าของเหล่าแม่ทัพ พวกเขาไม่ยอมมอบตราทหารให้เขา เขาก็ไม่อาจแย่งมาดื้อๆ จึงได้แต่มองเหล่าขุนนางใหญ่ที่มีความคิดเป็นอื่นหาข้ออ้างมากลบเกลื่อนเขา เหมือนดั่งเขาเป็นเด็กสามขวบที่หลอกได้ง่ายๆ เช่นนั้น
รัชทายาทเล่าสิ่งที่คิดอยู่ในใจให้ฮองเฮาฟังแล้ว ระหว่างแม่ลูกไม่มีอะไรต้องกังวล และรัชทายาทเองก็โตมากับฮองเฮาตั้งแต่เด็ก ความผูกพันของแม่ลูกมีมาก พูดเรื่องเหล่านี้โดยไม่ต้องปิดบัง อย่างไรเสียที่ฮ่องเต้ไม่สนใจพวกเขาแม่ลูกก็ไม่ใช่แค่ปีสองปีแล้ว แทนที่จะอาศัยจมูกคนอื่นหายใจ ไม่สู้ตัวเองตั้งตัวเป็นใหญ่เป็นฮ่องเต้ ตัดสินได้เองทุกสิ่ง ไม่ต้องมีชีวิตโดยอาศัยคนอื่นต่อไป
ฮองเฮารู้ใจลูกชายตัวเอง เพียงแต่ก็นึกไม่ถึงว่ารัชทายาทจะเกิดความคิดเช่นนี้ ฆ่าบิดาชิงบัลลังก์ นาไม่กล้าแม้จะคิด เขายังเป็นเพียงเด็กอายุสิบกว่าขวบ เมื่อก่อนนางก็ไม่เคยสอนเขาเรื่องเหล่านี้ ไฉนเขาถึงเกิดความคิดที่เ**้ยมโหดนี้ได้
ฮองเฮาตกใจ กดอกที่เต้นแรงพูดตำหนิว่า “อย่างไรเสียเขาก็เป็นพระบิดาของเจ้า ในร่างกายของเจ้ามีเลือดอยู่ครึ่งหนึ่งเป็นของเขา ไม่มีเขา จะมีเจ้าได้อย่างไร เจ้า… เจ้าถึงกับเกิดความคิดเช่นนี้ได้ ปกติข้าสอนเจ้าเช่นนี้หรือ บัลลังก์นี้เป็นของเจ้าไม่ช้าก็เร็ว เพียงแต่ยามนี้ยังไม่ใช่เวลา เจ้าอย่าได้วู่วาม!”
เรื่องที่รัชทายาทตัดสินใจแล้วก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงง่ายๆ เขากุมมือฮองเฮา พูดอย่างเด็ดเดี่ยวว่า “ข้ารอได้ เพียงแต่ซู่อ๋องไม่อาจรอได้ พระมารดา หากในมือไม่มีทหารที่สั่งได้ ไม่อาจขวางทัพของซู่อ๋องที่บุกเข้ามาเรื่อยๆ อย่าว่าแต่บัลลังก์เลย แม้แต่ตำแหน่งรัชทายาทนี้เกรงว่าข้าก็นั่งได้ไม่นานแล้ว ท่านลองคิดดูดีๆ พระบิดาป่วยหนักเช่นนี้แล้ว แม้แต่หมอหลวงก็บอกว่าจนปัญญา พวกเราจะปล่อยให้เวลาผ่านไปเช่นนี้ไม่ได้กระมัง!”
คำพูดนี้ไม่ผิดนัก เพียงแต่ฮองเฮาก็ยังไม่อาจก้าวข้ามอุปสรรคในใจตัวเองได้ อย่างไรเสียฮ่องเต้กับนางก็เป็นสามีภรรยากัน ต่อให้ฮ่องเต้จะเย็นชากับนางเช่นใด อย่างไรเสียแต่ก่อนทั้งสองคนก็มีช่วงเวลาที่มีความสุข ผู้หญิงมีความผูกพันยาวนาน หลายปีมานี้ก็ยังไม่อาจปล่อยวางความรู้สึกได้ ตอนนี้จู่ๆ บอกจะให้เขาตาย เป็นสามีภรรยามานานหลายปีเช่นนี้ จะให้นางใจเ**้ยมลงมือได้อย่างไร
ตอนที่ 552 ข้าฉวยสิ่งที่ข้าควรจะได้แล้วมันผิดหรือ
หากไม่พูดถึง ผู้หญิงก็ล้วนใจอ่อนกันทั้งนั้น สิ่งที่ผู้ชายคิดนั้นต่างจากผู้หญิง เผื่อความสำเร็จแล้วไม่แยแสสิ่งเล็กน้อย ตั้งแต่อดีตตระกูลราชวงศ์สังหารบิดาเพื่อชิงบัลลังก์ก็มีไม่น้อย พระบิดาของเขานั้นเพื่อจะได้ครองบัลลังก์แม้แต่พี่น้องแท้ๆ ก็ยังสามารถสังหารได้ ไฉนมาถึงที่เขาแล้วกลับไม่อาจลงมือได้ ที่เขาทำเช่นนี้ก็เพื่อแผ่นดินของเขา เพื่อแผ่นดินต้าเยี่ย หากซู่อ๋องบุกเข้ามาจริง คนที่ตายนั้นไม่ใช่แค่คนสองคน แต่เป็นคนทั้งวัง เหตุผลง่ายๆ อย่างเช่นการถอนรากถอนโคนไม่ต้องให้ใครสอน ทุกคนล้วนรู้อยู่แก่ใจ รวมถึงน้องสิบสองของเขาที่เพิ่งคลอดได้ไม่นานนั้นก็ไม่ยกเว้น ไม่มีใครรอดไปได้ ความแค้นสามารถฝังรากลึกอยู่ในใจ ซู่อ๋องมีตัวเองเป็นตัวอย่าง จะต้องเก็บกวาดให้เรียบร้อย อย่างไรเสียพระบิดาของเขานั้นก็เป็นฮ่องเต้ได้ไม่ดีนัก ประชาชนต่างไม่พอใจ พระบิดาอยู่บนบัลลังก์นี้มานาน ก็ถึงเวลาที่จะลงมาพักผ่อนได้แล้ว
ฮองเฮายังคงลังเลไม่ยอมตอบรับ เรื่องใหญ่โตเช่นนี้ก็ต้องให้เวลานางคิดสักนิด สิ่งใดสำคัญ ก็ต้องให้นางเป็นคนคิดเอง
เห็นได้ชัดว่ารัชทายาทรอไม่ไหวแล้ว เขารู้พระทัยพระมารดาของเขาดี เล่ห์เหลี่ยมก็พอมี การวางแผนก็ไม่แย่ เพียงแต่ระมัดระวังเกินไปเสียหน่อย มักจะคิดแล้วคิดอีก หากเป็นเรื่องอื่นในเวลาอื่นอาจจะให้นางมีเวลาได้คิด เพียงแต่ตอนนี้ไม่ได้ ช้าแม้แต่ชั่วยามเดียวก็ถึงชีวิตได้ โอกาสในศึกสงครามพลาดไปแล้วก็พลาดไปเลยหากอยากจะทวงคืนกลับมาก็ยากเสียแล้ว
“อย่างไรเสียพระองค์ก็เป็นพระบิดาของเจ้า… ทั้งยังเป็นพระสวามีของข้า ข้า… ในใจข้าก็ยังคงรู้สึก… อาลัยอาวรณ์”
“พระมารดา หากเมืองหลวงก็ยังรักษาไม่ได้ พวกเราก็จะต้องตาย ลูกชายเชื่อว่า พระบิดาที่จากไปหากทรงทราบเข้าก็จะต้องเข้าใจข้า”
ฮองเฮานิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เหมือนว่าตัดสินพระทัยได้ ฮองเฮามองรัชทายาทด้วยความลังเลพูดแนะนำว่า “ที่จริงแล้วก็ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น ข้ารู้จักที่แห่งหนึ่ง ลับสายตาคนนัก แทบไม่มีใครรู้ ไม่เช่นนั้นพวกเราแอบส่งพระบิดาของเจ้าไปที่นั่น จากนั้นก็ประกาศว่าพระบิดาได้สวรรคตเสียแล้ว เป็นเช่นไรบ้าง ไม่จำเป็นต้องให้พระบิดาของเจ้าไปตาย อย่างไรเสียขุนนางเหล่านั้นก็ไม่สืบหาความจริง เรื่องนี้ก็รู้เพียงเจ้ากับข้า ทำอย่างแนบเนียน เช่นนี้ดีกว่าหรือไม่”
ที่จริงแล้วนี่ก็เป็นความคิดที่ไม่เลว เพียงแต่หากวันหลังถูกคนพบเข้าหรืออาการของพระองค์ดีขึ้น ฟื้นคืนกลับขึ้นมา เช่นนั้นแล้วรัชทายาทจะไม่แย่เอาหรือ
ดังนั้นเพื่อฐานะในอนาคต เรื่องนี้จะใจอ่อนไม่ได้เด็ดขาด
“นิสัยของพระบิดาท่านรู้ดีที่สุด หากวันหน้าพระบิดาอาการดีขึ้น สืบหาความจริงขึ้นมา พวกเราแม่ลูกต้องแย่แน่ๆ ท่านก็อย่าได้ลังเลนักเลย นึกถึงช่วงหลายปีมานี้ พระบิดาเคยมาพบท่านหรือไม่ แม้กระทั่งวันเกิดของท่านก็ยังจำไม่ได้ พระบิดาหมดรักท่านไปนานแล้ว ไยต้องเฝ้าคิดถึงพระบิดาไม่เลิก ท่านเชื่อฟังลูกสักครั้งหนึ่งเถิด ลูกได้ขึ้นครองบัลลังก์ ท่านก็เป็นไทเฮา หลังจากนี้แผ่นดินนี้ก็ยังคงเป็นของตระกูลอวี่เหวิน พระบิดาเพียงแค่ไม่อยากให้แผ่นดินนี้ตกอยู่ในมือซู่อ๋อง แต่ข้าเป็นโอรสแท้ๆ ของพระบิดา ข้าฉวยสิ่งที่ข้าควรจะได้แล้วมันผิดหรือ”
ฮองเฮาพูดที่เขากล่าวจนหวั่นไหวขึ้นมา ที่จริงแล้วร้อยล้านคำพูดก็ไม่เจ็บปวดเท่าคำพูดที่ว่า ‘ในใจพระบิดาหมดรักท่านไปแล้ว’ ฮองเฮาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าในพระทัยพระองค์ไม่ได้มีความรักต่อนางแล้ว เพียงแค่ไม่ยอมรับมาตลอดเท่านั้น นางเป็นผู้หญิงที่มีชีวิตอยู่ในวังอันเปล่าเปลี่ยว หากในใจไม่มีที่พึ่งพิง ชีวิตที่ยาวไกลนี้ก็ไม่รู้จะอยู่ได้อย่างไร อยากจะให้นางตายใจ ประโยคนี้ประโยคเดียวก็เพียงพอแล้ว