บทที่ 1015 รู้ว่าคุณแยกจากฉันไม่ได้ / บทที่ 1016 พิสูจน์ยังไง

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 1015 รู้ว่าคุณแยกจากฉันไม่ได้

 

 

ประโยคนี้ของเยี่ยหวันหวั่นยังคงใช้เสียงของผู้หญิง แต่ทว่า ดวงตากระจ่างใสคู่นั้นกับน้ำเสียงการพูดที่คุ้นเคยกลับทำให้หานเซี่ยนอวี่หยุดมือได้สำเร็จ จากนั้นเขาก็นิ่งอึ้ง

 

 

ดวงตาของผู้หญิงคนนี้ แล้วยังน้ำเสียงการพูดนี้…

 

 

ทำไม…

 

 

ทำไมทำให้เขานึกถึงเยี่ยไป๋ได้…

 

 

แต่นี่เป็นหญิงสาวชัดๆ นี่!

 

 

เขาต้องบ้าไปแล้วแน่…

 

 

ทว่าคำพูดเมื่อครู่นี้ของหญิงสาวหมายความว่ายังไงกันอีก?

 

 

ซือเยี่ยหานตกใจจนนิ่งค้างอยู่ตรงนั้น ในหัวสับสนอยู่บ้าง

 

 

เยี่ยหวันหวั่นหอบหนักขณะกุมหน้าผาก พอได้แล้วจริงๆ!

 

 

เยี่ยหวันหวั่นหันไปหาซือเยี่ยหานที่อยู่ด้านข้างก่อน “คุณเก้า ฉันต้องคุยกับหานเซี่ยนอวี่สักหน่อย…อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ! เป็นแบบนี้ต่อไปฉันต้องถูกทรมานตายแน่! หรือว่าคุณทำใจมองหวานใจของคุณจิตใจแตกสลายได้ลงคอ? คุณคิดดูว่าฉันทำทั้งหมดนี้เพื่อใคร! อีกอย่างเป็นเพราะเมื่อกี้คุณไม่ให้ความร่วมมือสักนิด ถึงได้ทำให้ฉันตกม้าตาย!”

 

 

สีหน้าของซือเยี่ยหานยังคงไม่ค่อยน่ามอง

 

 

หานเซี่ยนอวี่กับเฟ่ยหยางที่อยู่ด้านข้างไม่เข้าใจแม้แต่น้อยว่าเธอพูดอะไร

 

 

“โอ๊ยๆ ก็ได้ๆ คนดี แค่สิบนาที! ฉันรู้น่ะว่าคุณแยกจากฉันไม่ได้…” เยี่ยหวันหวั่นหอมแก้มซือเยี่ยหานหนึ่งที ทั้งยังชื่นชมเขาราวกับเป็นดอกไม้

 

 

ซือเยี่ยหานกวาดสายตาผ่านร่างหานเซี่ยนอวี่ หลังจากนั้นหลายวินาที ในที่สุดเขาก็มองเยี่ยหวันหวั่น “ฉันจะไปรอที่รถ”

 

 

“ตกลงๆ!” เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้า

 

 

ถึงแม้หานเซี่ยนอวี่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่เขารู้ว่าหญิงสาวน่าจะมีเรื่องสำคัญบางอย่างอยากบอกกับเขา ดังนั้นเขาจึงเอ่ยกับเฟ่ยหยางที่อยู่ด้านข้าง “พี่หยาง พี่ก็ไปรอที่รถเถอะ”

 

 

“หา” หยางเฟ่ยมีสีหน้างุนงง จะวางใจให้หานเซี่ยนอวี่อยู่คนเดียวได้อย่างไร เขาส่ายหน้าไม่ยอมทันที “ไม่ได้ ฉันไปแล้วนายเกิดหุนหันพลันแล่นจะทำยังไง!”

 

 

เวลานี้ เยี่ยหวันหวั่นมองเฟ่ยหยาง “ไม่ต้องห่วง ฉันจะคอยดูเขาเอง”

 

 

“โอ้…งั้น…งั้นก็ได้…” เฟ่ยหยางสบตาหญิงสาว เอ่ยปากโดยจิตใต้สำนึก จากนั้นเขาก็ชะงักไป แปลกใจว่าทำไมเขาถึงเชื่อฟังคำสั่งเธอแปลกๆ?

 

 

ตอนมองหญิงสาวคนนี้ เขาเกิดความเชื่อใจอย่างบอกไม่ถูก…

 

 

เฟ่ยหยางเอ่ยว่า “งั้นฉันไปก่อนนะ ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น นายต้องใจเย็นไว้นะ…”

 

 

หานเซี่ยนอวี่พยักหน้า “ผมรู้แล้ว”

 

 

หลังจากซือเยี่ยหานกับเฟ่ยหยางจากไป ในที่สุดก็เหลือแค่เยี่ยหวันหวั่นกับหานเซี่ยนอวี่สองคน

 

 

เยี่ยหวันหวั่นพูด “ไปเถอะ หาสักที่คุยกัน”

 

 

เยี่ยหวันหวั่นพูดจบก็เดินไปที่ร้านกาแฟฝั่งตรงข้าม หานเซี่ยนอวี่เดินตามไปโดยไม่รู้ตัว

 

 

เยี่ยหวันหวั่นพาหานเซี่ยนอวี่เข้าห้องแยกที่ห่างไกลผู้คน

 

 

“นั่งสิ” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยปาก

 

 

สายตาของหานเซี่ยนอวี่มองที่เยี่ยหวันหวั่นตลอดอย่างสงสัยไม่แน่ใจ เมื่อได้ยินแบบนั้นจึงนั่งลงตรงข้ามหญิงสาวอย่างเหม่อลอย

 

 

เยี่ยหวันหวั่นก็นั่งลงพร้อมกัน จากนั้นเธอเงยหน้าขึ้น มองหานเซี่ยนอวี่พลางเอ่ยว่า “เซี่ยนอวี่ ฉันเอง ฉันคือเยี่ยไป๋”

 

 

ตอนนี้ เยี่ยหวันหวั่นใช้เสียงผู้ชายพูด

 

 

หานเซี่ยนอวี่ที่เพิ่งนั่งลงลุกพรวดขึ้นมาทันที หน้าเปลี่ยนสีแล้ว “คะ…คุณ…”

 

 

เขาได้ยินเสียงเยี่ยไป๋จากปากของหญิงสาวคนหนึ่งเนี่ยนะ?

 

 

แม้สำหรับนักพากย์หรือคนที่มีทักษะเปลี่ยนเสียงได้จะเป็นเรื่องง่ายมาก แต่เขาก็ยังรู้สึกว่าเหลือเชื่ออยู่ดี

 

 

เพราะแม้แต่โทนเสียงของเธอก็เหมือนกับเยี่ยไป๋มาก…

 

 

เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เยี่ยหวันหวั่นได้แต่พูดความจริง

 

 

เธอกลับมาใช้เสียงเยี่ยไป๋ พูดอีกครั้งว่า “ฉันคือเยี่ยไป๋”

 

 

——————————————————————————–

 

 

 

 

บทที่ 1016 พิสูจน์ยังไง

 

 

พอได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังออกมาจากปากหญิงสาวอีกครั้ง สมองของหานเซี่ยนอวี่ก็ขาวโพลนในพริบตา

 

 

“นาย…ว่าอะไรนะ”

 

 

หญิงสาวตรงหน้าใช้เสียงของเยี่ยไป๋ เรียกตัวเองว่า…เยี่ยไป๋?

 

 

เยี่ยหวันหวั่นนวดหัวคิ้ว ครั้งนี้ เธอกลับมาใช้เสียงผู้หญิงของตัวเองเอ่ยอธิบาย “ขอโทษจริงๆ เซี่ยนอวี่ เมื่อก่อนปิดบังตัวตนกับนายมาตลอด รวมถึง…เพศด้วย ฉันไม่ใช่เยี่ยไป๋ แล้วก็ไม่ใช่ผู้ชาย ฉันเป็น…ผู้หญิง…”

 

 

หานเซี่ยนอวี่จ้องหญิงสาวตรงหน้าเขม็ง ไม่รู้ว่านานเท่าไรถึงจะหาเสียงตัวเองเจอในที่สุด “คุณผู้หญิง…คุณ…พูดอะไรของคุณกันแน่?”

 

 

เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยปากด้วยสีหน้าจริงจังต่อ “ฉันรู้ว่าเรื่องนี้เหลือเชื่อมาก แต่นี่เป็นเรื่องจริง คุณเก้าไม่ได้นอกลู่นอกทาง ไม่ได้จับปลาสองมือ คนที่เขาชอบมีแค่ฉันมาตั้งแต่แรก

 

 

ฉันก็คือเยี่ยไป๋ ผู้หญิงคนที่นายเห็นในโรงหนังครั้งก่อนก็เป็นฉันเอง ตอนนั้นเขาจูบฉัน ความจริงก็เพื่อช่วยฉันปิดบัง กลัวว่านายจะจำฉันได้…”

 

 

“คุณ…คือเยี่ยไป๋…” หานเซี่ยนอวี่กุมหัว สับสนโดยสมบูรณ์แล้ว “เป็นไปไม่ได้…จะเป็นไปได้ยังไง” 

 

 

จู่ๆ มาบอกว่าสาวสวยตรงหน้าคนนี้คือพรรคพวกที่แสนดีของเขา ต่อให้เนื้อแท้จิตใจแข็งแกร่งขนาดไหน ก็ไม่สามารถยอมรับได้ทันที

 

 

เยี่ยหวันหวั่นย่อมเข้าอกเข้าใจเป็นธรรมดา

 

 

เพื่อนพ้องที่สนิทกันจู่ๆ กลายเป็นผู้หญิง เป็นคนปกติก็ตะลึงกันทั้งนั้น

 

 

เยี่ยหวันหวั่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ล้วงภาพใบหนึ่งออกมาจากในกระเป๋าของตัวเองที่อยู่ด้านข้าง

 

 

เธอเลื่อนภาพไปตรงหน้าหานเซี่ยนอวี่ “นี่คือภาพลายเซ็นนาย ฉันเพิ่งช่วยนายถ่ายเมื่อเช้า ยังไม่ทันได้ให้เพื่อน นี่คือตัวอักษรที่นายเซ็นเองกับมือ นายน่าจะดูออก”

 

 

หานเซี่ยนอวี่รับภาพลายเซ็นมา ยืนยันว่าเป็นภาพใบที่เมื่อเช้าเยี่ยไป๋ช่วยถ่ายให้เขาไม่ผิดแน่…

 

 

“นอกจากเรื่องนี้ นายอยากพิสูจน์ว่าฉันเป็นเยี่ยไป๋ยังไงก็ได้ทั้งนั้น” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยปาก

 

 

ความคิดของหานเซี่ยนอวี่สับสน ไม่อาจกลับมาคิดได้อย่างปกติ…

 

 

จะพิสูจน์ว่าเธอคือเยี่ยไป๋?

 

 

ผ่านไปสักพัก ในที่สุดหานเซี่ยนอวี่ก็ใจเย็นลง และมองหญิงสาวตรงหน้า “ได้…งั้นผมถามคุณสองสามคำถาม…”

 

 

เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้า “ได้”

 

 

หานเซี่ยนอวี่เรียบเรียงถ้อยคำ จากนั้นพูดว่า “ข้อแรก…ตอนที่พวกเราพบกันครั้งแรก…เยี่ยไป๋บุกเข้าการประชุมคณะกรรมการบริหารของโกลบอลเอ็นเตอร์เทนเมนต์โดยพลการ…ตอนนั้นไม่มีใครเชื่อผม เบื้องบนทุกคนเตรียมละทิ้งผมแล้ว เขาปรากฏตัวขึ้นเวลานั้น…ตอนนั้น เขาสัญญาว่าอะไร”

 

 

เยี่ยหวันหวั่นไม่เปลี่ยนสีหน้า “ฉันสัญญาว่า ภายในเจ็ดวันจะล้างมลทินให้นาย”

 

 

พริบตาที่หญิงสาวพูดจบ ดวงตาของหานเซี่ยนอวี่ฉายแววตกใจทันที

 

 

จนตอนนี้มีแค่เบื้องบนของโกลบอลไม่กี่คนในตอนนั้นที่รู้เรื่องนี้…

 

 

หลังจากสีหน้าเปลี่ยนไปมาหลายครั้ง เขาพูดต่อว่า “ต่อมา การประชุมจบลง ที่ชั้นล่างของโกลบอลเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ผมพูดกับเธอว่า ไม่ว่าจุดประสงค์ของเธอคืออะไร ทำไมถึงช่วยผม ก็ขอบคุณที่เชื่อกัน เธอพูดกับผมว่าอะไร…”

 

 

หานเซี่ยนอวี่ไม่ได้สังเกตว่า คำที่เขาเรียกผู้หญิงตรงหน้าเปลี่ยนจาก ‘เขา’ เป็น ‘เธอ’ แล้ว

 

 

เยี่ยหวันหวั่นย่อมจำเรื่องพวกนี้ได้ เธอตอบว่า “ฉันพูดว่าไม่ต้องเกรงใจ เพื่อนฉันเป็นแฟนคลับนาย ชอบนายมาก ฉันก็เหมือนกัน”

 

 

วันนั้น เยี่ยไป๋พูดจนทุกคำสลักแจ่มชัดอยู่ในความทรงจำของหานเซี่ยนอวี่

 

 

และคำที่หญิงสาวคนนี้พูดกับคำที่เยี่ยไป๋พูด ก็ตรงกันทุกตัวอักษร…

 

 

……………………………………….