ตอนที่ 462 ยืนอยู่ข้างคุณตรงนี้ / ตอนที่ 463 หมดอาลัยตายอยาก

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 462 ยืนอยู่ข้างคุณตรงนี้ 

 

 

           ซือเหยี่ยนมองดูลวกๆ สีหน้าเจือความหนักอึ้ง 

 

 

           เจียงมู่เฉินเงยหน้ามองซือเหยี่ยน เสียงต่ำเอ่ยถาม “มีอะไรอยากพูดไหม” 

 

 

           ซือเหยี่ยนหยุดชะงักสักพัก วางโน้ตบุ๊กลงบนโต๊ะด้านข้าง 

 

 

           เขาเงียบงันอยู่ไม่กี่นาที มองมาทางเจียงมู่เฉิน  สุดท้ายเสียงต่ำถึงเอ่ยขึ้น “คุณอยากเลือกทำอะไร ผมยืนอยู่ข้างคุณตรงนี้เสมอ” 

 

 

           ในใจเจียงมู่เฉินเองก็หงุดหงิดอยู่ไม่น้อย 

 

 

           เดิมทีเขาคิดว่าในที่สุดเขากับซือเหยี่ยนก็ได้ผ่านความทุกข์ มีความสุขเข้ามาแล้ว เมื่อได้รับความเห็นชอบจากผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย 

 

 

           แต่ตอนนี้… 

 

 

           เกิดเรื่องนี้ขึ้นมาอีก 

 

 

           ที่จริงจะจัดการเรื่องนี้ก็ค่อนข้างจะง่ายทีเดียว ขอเพียงแต่เจียงมู่เฉินกับจี้ฉิงทำให้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนนี้กระจ่างก็ได้แล้ว 

 

 

           เจียงมู่เฉินทางนี้แน่ใจว่าไม่มีปัญหาอะไร ส่วนจี้ฉิงทางนั้นก็ควรจะไม่มีปัญหาอะไร 

 

 

           เขาครุ่นคิดพร้อมหยิบมือถือเดินไปยังระเบียง เตรียมจะหารือกับจี้ฉิงสักหน่อย  

 

 

           ส่วนซือเหยี่ยนไม่ได้คิดอย่างนี้เหมือนเจียงมู่เฉิน 

 

 

           เขาพอจะรู้ได้ถึงแหล่งที่มาของรายงานข่าวนี้แล้ว 

 

 

           วันนี้เขาได้รับรูปถ่ายพวกนั้นมา จากนั้นหลินเหวินฮุ่ยมาปรากฏตัว สุดท้ายออกไปด้วยความรู้สึกไม่ดี แล้วไม่นานหลังจากนั้นก็มีข่าวนี้เป็นประเด็นขึ้นมา  

 

 

           ถ้าเขาเดาไม่ผิด ต้องเกี่ยวข้องกับหลินเหวินฮุ่ยอย่างแน่นอน 

 

 

           ในเมื่อหลินเหวินฮุ่ยพอจะถ่ายรูปพวกนี้มาได้ ก็ยากจะรับประกันว่าจะไม่เหลือรูปอื่นอีก 

 

 

           ซือเหยี่ยนมองดูเจียงมู่เฉินที่ยืนอยู่ตรงระเบียง คิดดูแล้วก็ส่งข้อความหาหลินเหวินฮุ่ย 

 

 

           [เรื่องของเจียงมู่เฉิน หยุดไว้แค่นี้เถอะ] 

 

 

           เพียงไม่นานหลินเหวินฮุ่ยก็ตอบกลับมา [พี่ซือเหยี่ยน พี่น่าจะลองรอดูนะ]  

 

 

           ซือเหยี่ยนกุมขมับแล้ว หวังว่าเธอจะพอรู้ว่าอะไรควรไม่ควรบ้าง อย่าทำอะไรเกินกว่านี้เลย 

 

 

           บนระเบียง เจียงมู่เฉินถือมือถือไว้เอ่ยเสียงต่ำหารือกับจี้ฉิง 

 

 

           ทางฝั่งจี้ฉิงตอนนี้เองก็วุ่นวายกันอุตลุด ผู้จัดการและตัวเธอกำลังไตร่ตรองกันว่าจะประกาศอย่างไรดีถึงจะแก้ปัญหาเรื่องในครั้งนี้ได้ 

 

 

           จี้ฉิงปวดหัวอยู่ไม่เบา พอสองคนจะเตรียมประกาศว่าเลิกกัน ก็ดันมีเรื่องแต่งงานโผล่ขึ้นมากะทันหันอีก 

 

 

           ถ้าเวลานี้ยกเรื่องเลิกกันขึ้นมา ต้องไม่เหมาะไม่ควรอยู่แล้ว 

 

 

           แต่ถ้าไม่ยกเรื่องเลิกกันขึ้นมา จะไม่เป็นการยอมรับเรื่องการแต่งงานไปโดยปริยายเหรอ… 

 

 

           เจียงมู่เฉินกุมขมับที่กำลังปวดอยู่ พลางเอ่ยเสียงต่ำ “งั้นก็เอาตามที่ฉันพูด ประกาศต่อสาธารณะว่าเลิกกัน” 

 

 

           “แล้วรูปถ่ายที่พ่อแม่ฉันกับพ่อแม่คุณกินข้าวด้วยกันล่ะ” 

 

 

           “ไม่ต้องอธิบาย” 

 

 

           จี้ฉิงปวดหัว แต่ใจเจียงมู่เฉินต้องการจะเลิกให้ได้ เธอเองก็ไม่เหลือที่จะดึงสถานการณ์กลับคืนมาแล้ว 

 

 

           “เอาเถอะ งั้นทางนี้ฉันจะเตรียมหาโอกาสที่เหมาะสมให้พวกเราทำเรื่องนี้ให้กระจ่าง” 

 

 

           “อืม” เจียงมู่เฉินขานรับ แล้วถึงได้กดตัดสายไป 

 

 

           ยืนอยู่ตรงระเบียงต่ออีกสักพัก เจียงมู่เฉินถึงได้ดึงประตูเปิดเดินกลับเข้ามายังห้องรับแขก 

 

 

           ซือเหยี่ยนไม่ได้นั่งอยู่ที่โซฟาแล้ว เจียงมู่เฉินรู้สึกแปลกๆ จึงเดินเข้าหาอยู่รอบสองรอบ ถึงได้พบว่าเขากำลังอาบน้ำอยู่ในห้องน้ำ 

 

 

           เจียงมู่เฉินได้ยินเสียงสะท้อนดังออกมาจากในห้องน้ำ ก็ไม่ได้ออกจากตรงนั้นไปในทันที แต่ยืนพิงผนังแล้วเบิกตาค้างไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ 

 

 

           หลังจากสิบนาทีผ่านไป ก็ได้ยินเสียงเปิดประตูห้องน้ำ ซือเหยี่ยนพันผ้าเช็ดตัวเดินออกมาจากข้างใน 

 

 

           ผมเขาเปียกชื้นเล็กน้อย มือข้างหนึ่งถือผ้าขนหนูเช็ดผมอยู่ 

 

 

           ซือเหยี่ยนพ้นประตูมาก็เห็นเจียงมู่เฉินยืนอยู่ตรงหน้าประตู เขามองอีกคนด้วยความขบขัน “ทำไมมายืนตรงนี้” 

 

 

           เจียงมู่เฉินไม่พูดจา เอื้อมมือดึงเขามาอยู่ต่อหน้า ไม่พูดพร่ำทำเพลง เงยหน้าประกบจูบเขา 

 

 

           ซือเหยี่ยนตะลึงงัน แต่ผ่อนคลายร่างกายเร็วมาก ให้ความร่วมมือเจียงมู่เฉินขณะที่จูบตัวเองอยู่ 

 

 

           จูบอยู่นานสองนาน เจียงมู่เฉินถึงได้ถอยออกมา แล้วพูดกับซือเหยี่ยนว่า “หลีกไป ฉันอยากจะเข้าไปอาบน้ำ” 

 

 

           ไม่มีหัวไม่มีท้าย เขาพูดมาทั้งอย่างนี้เลย ซือเหยี่ยนถอนหายใจอย่างทำอะไรไม่ได้ นอกจากหลบไปด้านข้างสองก้าว 

 

 

           เจียงมู่เฉินเดินเข้าไปในห้องน้ำ ข้างในยังมีกลิ่มหอมจางๆ อบอวลอยู่ เป็นกลิ่นของซือเหยี่ยนที่ทิ้งไว้จากการอาบน้ำเมื่อครู่นี้ 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 463 หมดอาลัยตายอยาก 

 

 

           เขาสูดหายใจลึกๆ อย่างอดไม่ได้ คิ้วขมวดผ่อนคลายลงเล็กน้อย 

 

 

           ยืนตัวเปียกท่ามกลางสายน้ำ หยดน้ำปกคลุมไปทั่วร่างกาย 

 

 

           จู่ๆ เจียงมู่เฉินก็ลืมตาเชิดมุมปากขึ้น รู้สึกว่าตัวเองโลเลไม่หนักแน่นขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ 

 

 

           ‘ก็แค่เรื่องเล็กๆ ไม่ใช่เหรอ’ 

 

 

           ‘ทำยังกับเป็นเรื่องอะไรใหญ่โต’ 

 

 

           เมื่อเขาคิดตกแล้ว ก็ไม่รู้สึกว่าเรื่องนี้จะมีอะไร ด้วยเหตุนี้จึงอาบน้ำให้เสร็จๆ ไป เช็ดตัว แล้วก็เดินออกมาทันที 

 

 

           ซือเหยี่ยนยืนสูบบุหรี่อยู่ริมระเบียง เจียงมู่เฉินพาร่างที่ยังคงชื้นไอน้ำเดินเข้าไป 

 

 

           “ทำไมมายืนสูบบุหรี่ตรงนี้” 

 

 

           ซือเหยี่ยนหันกลับไปมองเขา สายตาไล่มองตามแก้มที่ยังคงมีน้ำเกาะประปราย ค่อยๆ ไล่มองลงมาอย่างช้าๆ สุดท้ายมาหยุดอยู่ที่เอวคอดของเขา 

 

 

           ซือเหยี่ยนดึงบุหรี่ออกมาอีกมวนจากด้านข้าง ส่งต่อให้เจียงมู่เฉิน 

 

 

           เจียงมู่เฉินเองก็ไม่ลังเล ยื่นมือไปรับบุหรี่มวนนี้มา เขายกมือเกี่ยวคอซือเหยี่ยนให้โน้มลงมาแล้วเอาบุหรี่ของตัวเองไปเชื่อมติดกับปลายมวนบุหรี่ของซือเหยี่ยนค่อยๆ จุดไฟให้ติดอย่างช้าๆ 

 

 

           กลิ่นบุหรี่คละคลุ้งอยู่ตรงกลางระหว่างคนสองคน เจียงมู่เฉินปล่อยควันบุหรี่ออกมาเบาๆ 

 

 

           ซือเหยี่ยนเห็นใบหน้าเขาที่ยิ่งดูน่าดึงดูดใจมากกว่าเดิมเมื่ออยู่ในท่ามกลางควันบุหรี่ หัวใจอดจะสั่นสะท้านไม่ได้ เขาทิ้งบุหรี่ในมือลงในที่เขี่ยบุหรี่ที่อยู่ด้านข้าง แล้วโผตัวเข้าหาเจียงมู่เฉิน 

 

 

           เพียงชั่วครู่เดียวเจียงมู่เฉินถูกเขาโถมตัวเข้าหาจนหลังชิดกระจกที่อยู่ด้านหลัง ทั้งตัวขยับไปไหนไม่ได้ 

 

 

           โดนเขาประกบจูบดุเดือดแบบนี้ เจียงมู่เฉินรู้สึกว่าหัวใจใกล้จะกระโดดออกไปแล้ว 

 

 

           เขายื่นมือไปตบที่หลังของซือเหยี่ยนเบาๆ ด้วยความขบขัน พอเหลือช่องว่างตรงกลางระหว่างปากต่อปากที่จูบกัน เขาก็เอ่ยขึ้นมาด้วยความยากลำบาก “พี่ใหญ่…นาย ยังไงนายก็ให้ฉัน ให้ฉันวางบุหรี่ลงก่อนเถอะ” 

 

 

           เขาเอ่ยประโยคนี้อย่างติดๆ ขัดๆ ซือเหยี่ยนยื่นมือไปเอาบุหรี่ในมือเขาทิ้งลงที่เขี่ยบุหรี่ไปเสียเลย 

 

 

           ทันทีหลังจากนั้นก็ประกบปากเขาให้แน่นสนิท 

 

 

           ‘ทำ’ กันมาค่อนคืน ซือเหยี่ยนถึงได้หยุด เจียงมู่เฉินนอนฟุบอยู่บนเตียงมองซือเหยี่ยน ใบหน้าหมดอาลัยตายอยาก 

 

 

           “พี่ใหญ่ นายได้เอาของเมื่อวานมานับรวมกันด้วยใช่ไหม” 

 

 

           ซือเหยี่ยนอุ้มร่างเขาขึ้นมา พาไปล้างทำความสะอาดในห้องน้ำ เขากัดใบหูเจียงมู่เฉินไปคำหนึ่ง “เปล่า” 

 

 

           เจียงมู่เฉินหรี่ตาลง เขายังต้องขอบคุณเจ้าหมอนี่ที่ไม่ได้นับของเมื่อวานนี้รวมเข้าไปด้วย ให้เขาได้หายใจหายคอบ้างตั้งครึ่งหนึ่ง 

 

 

           ทั้งสองคนแช่น้ำกันในอ่างอาบน้ำ อาบน้ำกันอยู่ตั้งนานสองนาน ถึงเพิ่งออกมาจากอ่างอาบน้ำได้ 

 

 

           ผมที่แห้งอยู่แต่เดิมของเจียงมู่เฉินก็เปียกชื้นไปครึ่งหนึ่งแล้ว 

 

 

           ทั้งสองคนนั่งพิงกันอยู่บนเตียง เจียงมู่เฉินเอนซบซือเหยี่ยน ซือเหยี่ยนถือผ้าขนหนูค่อยๆ เช็ดผมที่เปียกชื้นให้เจียงมู่เฉินให้แห้งทีละนิดๆ  

 

 

           ท่าทางเขาอ่อนโยนและเบามือ ต่างกับมือหนักๆ แรงเยอะในยามปกติ 

 

 

           เช็ดผมแบบนี้ก็สบายอยู่ไม่น้อยทีเดียว 

 

 

           เจียงมู่เฉินพิงไปพิงมา ไม่รู้เพราะเหนื่อยมากถึงขีดสุดหรือเปล่า คิดไม่ถึงว่าเพียงไม่นานก็ผล็อยหลับลงไปแล้ว 

 

 

           ซือเหยี่ยนเห็นว่าเช็ดผมของเขาจนเห็นว่าแห้งพอประมาณแล้ว ถึงค่อยได้วางขนหนูในมือลง 

 

 

           หลังจากนั้นก็วางคนลงบนเตียงด้วยความระมัดระวัง แล้วปิดไฟนอน 

 

 

           เช้าวันต่อมา จี้ฉิงโทรศัพท์หาเจียงมู่เฉิน บอกว่าวันมะรืนจะจัดการสะสางเรื่องราวให้กระจ่าง 

 

 

           เจียงมู่เฉินก็ไม่ได้เห็นต่างจึงตบปากรับคำไป 

 

 

           หลังจากวางสายเสร็จ เจียงมู่เฉินถึงได้พบว่าซือเหยี่ยนไม่ได้อยู่ในห้องแล้ว 

 

 

           เขาชะงักงันไปพักหนึ่ง ทันทีหลังจากนั้นก็คิดได้ ว่าเวลานี้ซือเหยี่ยนควรจะไปบริษัทแล้ว จึงไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรแปลกประหลาดแล้ว 

 

 

           เขาเอวเคล็ดหลังยอก เมื่อคืนเที่ยงคืนกว่าถึงนอนได้ ตอนนี้ซือเหยี่ยนไม่อยู่ ก็ไม่ได้มีเรื่องอะไร จึงนอนฟุบหลับต่อไป 

 

 

           ซือเหยี่ยนเดินทางไปบริษัทจริงๆ เพียงแต่ว่าขณะที่เขากำลังมุ่งหน้าไปบริษัทอยู่นั้น เขาก็โทรไปหาคุณพ่อซือ 

 

 

           อยากถามคุณพ่อซือ ว่ากลับบริษัทมาคุมงานที่บริษัทสักช่วงเวลาหนึ่งได้หรือเปล่า 

 

 

           คุณพ่อซือเองก็เห็นรายงานข่าวในอินเทอร์เน็ตแล้ว รู้ถึงความหมายของเขา ก็ไม่ได้พูดอะไรรีบรับคำทันที