ตอนที่ 398 มองเป็นน้องชาย / ตอนที่ 399 ใกล้จากลา

ออกแบบรักโปรเจกต์หัวใจ

ตอนที่ 398 มองเป็นน้องชาย

 

 

“ไม่เปลี่ยนก็ไม่เปลี่ยนสิ” ในเมื่อไม่อาจตอบโต้ได้ เขาจึงทำได้เพียงถอยออกมาก้าวหนึ่ง

 

 

ตอนนี้เสิ่นหลานอีรู้แล้ว รู้แล้วว่าเมื่อสักครู่ทำไมจู่ๆ ลั่วเซ่าเซินถึงได้เรียกเธอว่าแม่ ที่แท้ก็เพราะว่าลูกสาวของเธอฟื้นความทรงจำแล้วนี่เอง มิน่าล่ะ…

 

 

“หู่…โจวโจว ลูกตอบตกลงว่าจะกลับไปกับเขาหรือยังล่ะ” เสิ่นหลานอีมองออกว่าตัวถังโจวโจวเองก็ไม่อยากใช้ชื่อหู่พั่วอีกต่อไปแล้ว อย่างไรเธอก็คือถังโจวโจว หู่พั่วเป็นเพียงสัญลักษณ์ที่กักเก็บความทรงจำของเธอภายในสองปีนี้เท่านั้น

 

 

เห็นแม่ของตัวเองเปลี่ยนคำพูด โอวหยางหงก็ไม่จำเป็นต้องทะเลาะกับลั่วเซ่าเซินอีก “โจวโจว พี่ตัดสินใจดีแล้วใช่ไหม?”

 

 

หากถังโจวโจวอยากจะกลับไปกับลั่วเซ่าเซิน ก็จำเป็นต้องจากกับเสิ่นหลานอี ไม่รู้ว่าแม่ของเขาจะรับได้หรือไม่? โอวหยางหงอดไม่ได้ที่จะวางสายตาอยู่ที่เสิ่นหลานอี

 

 

“ใช่ค่ะ หนูรับปากกับเซ่าเซินแล้ว แม่คะ หงเอ๋อร์ ขอโทษด้วยนะคะ หนูทำให้พวกคุณแม่ต้องผิดหวังแล้ว”

 

 

ถังโจวโจวรู้ดีว่าโอวหยางหงอยากให้เธออยู่ที่ประเทศ H ต่อไป เสิ่นหลานอีเองก็คงไม่อยากให้เธอจากไป หลังจากที่พี่สาวตายไป เสิ่นหลานอีก็มองเห็นเธอที่เป็นลูกสาวคนเดียวเป็นดั่งแก้วตาดวงใจ เธอคงไม่อยากพรากจากลูกรักของเธอไปแน่ เธอต้องเจ็บปวดใจอย่างแน่นอน

 

 

เพียงแต่ว่าสถานที่ที่ลั่วเซ่าเซินอยู่ถึงจะเป็นบ้านของเธอ ตอนนี้เธอเป็นภรรยาของลั่วเซ่าเซินแล้ว แม้ว่าแม่กับน้องชายจะเป็นคนสำคัญ แต่เธอก็ทำให้ลั่วเซ่าเซินผิดหวังไม่ได้

 

 

สิ่งที่จะทำให้ถังโจวโจวรู้สึกยินดีอยู่บ้างก็คือ ตอนนี้การคมนาคมเป็นเรื่องสะดวก อีกอย่างอินเทอร์เน็ตก็ก้าวไกล ถ้าเสิ่นหลานอีคิดถึงพวกเขาก็สามารถเปิดวีดิโอคอลหรือว่านั่งเครื่องบินไปหาพวกเขาได้

 

 

“โจวโจว อย่าพูดอย่างนี้สิ แม่มีแต่จะภูมิใจในตัวลูก ต่อให้เราไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน แต่แม่ก็ไปเยี่ยมลูกได้ ลูกเองก็มาหาแม่ได้นี่นา”

 

 

เสิ่นหลานอียังคงคิดอย่างใจกว้างเหมือนอย่างเคย ก่อนหน้านี้เธอมักจะกลัวว่าลูกสาวจะยึดติดกับความคิดที่จะอยู่ตัวคนเดียวไปทั้งชีวิต ตอนนี้ความทรงจำของเธอกลับมาแล้ว เธอไม่ได้ผลักไสลั่วเซ่าเซินอีกต่อไป สามีภรรยารักใคร่กลมเกลียวกัน นี่สิถึงจะเป็นสิ่งที่เสิ่นหลานอีอยากเห็น

 

 

ลั่วเซ่าเซินรอให้อาหารของถังโจวโจวมาถึงก่อนถึงกินพร้อมกับเธอ ทว่าตอนนี้พ่อบ้านอยู่ระหว่างทาง โอวหยางหงจึงเอาข้าวกล่องให้ทั้งสองคนก่อน “โจวโจว พี่กับเขาก็กินอะไรรองท้องกันก่อนเถอะนะ พี่นอนไปนานขนาดนั้น จะต้องหิวแน่ๆ”

 

 

ลั่วเซ่าเซินเองก็เฝ้าเธอมาทั้งคืนแล้ว ความจริงเมื่อวานเขาก็ไม่ได้กินอะไรเลย วันนี้ถังโจวโจวฟื้นขึ้นมาแล้ว เชื่อว่าเขาเองก็ต้องอยากกินอะไรอยู่บ้าง

 

 

“เซ่าเซิน หงเอ๋อร์ก็พูดถูกนะ พวกเรากินอะไรรองท้องกันก่อนเถอะ อย่างนี้จะได้ไม่ปวดกระเพาะ” ถังโจวโจวไม่แน่ใจว่าสองปีที่ผ่านมาลั่วเซ่าเซินใช้ชีวิตอย่างไร แต่เธอเชื่อว่าลั่วเซ่าเซินจะต้องไม่ได้ดูแลตัวเองให้ดีแน่ๆ

 

 

เมื่อก่อนตอนที่เธออยู่ ลั่วเซ่าเซินก็ไม่ได้ใส่ใจสุขภาพของตัวเองสักเท่าไหร่ เขามักวางงานไว้เป็นเรื่องสำคัญที่สุดเสมอ หากเธอไม่อยู่ก็จะยิ่งหนักมากกว่าเดิม ดังนั้นถังโจวโจวจึงคิดว่าเธอจะต้องปรับเปลี่ยนนิสัยของเขากลับมาให้ลั่วเซ่าเซินเห็นความสำคัญของปัญหาเรื่องสุขภาพของตัวเอง

 

 

“ได้สิ ขอแค่โจวโจวเป็นคนพูด ผมก็ฟังทั้งนั้นแหละ” ลั่วเซ่าเซินมองไปยังเสี่ยวอวี่ ดวงตาพลันนุ่มนวลไปหมด นั่นคือลูกชายของเขา! อยู่ใกล้กับเขาแค่นี้เอง น่าตลกที่ก่อนหน้านี้เขาไม่ทันสังเกต แต่ตอนนี้ก็ยังไม่สายเกินไป ต่อไปเขายังมีเวลาอีกมากที่จะชดเชยให้กับสองแม่ลูก

 

 

ทั้งสองคนแบ่งข้าวคนละครึ่ง เมื่อมีอาหารตกถึงท้องก็สบายตัวขึ้นเล็กน้อย ถังโจวโจวเห็นว่าเสี่ยวอวี่มองเธออย่างน่าสงสาร เธอเองก็อยากอุ้มเขา แต่กลัวว่าแขนจะไม่มีแรงมากพอ จึงทำได้เพียงเอ่ยปลอบใจ “ลูกรัก รอให้แม่หายป่วยก่อนแล้วแม่จะอุ้มลูกนะจ๊ะ”

 

 

“อือๆ…” ก็ไม่รู้ว่าเสี่ยวอวี่เข้าใจที่ถังโจวโจวพูดหรือเปล่า โบกไม้โบกมืออย่างตื่นเต้น อย่างกับว่าจะเต้นรำอย่างไรอย่างนั้น ดูเขาเบิกบานใจเป็นอย่างมาก

 

 

ลั่วอิงได้ยินที่ผู้ใหญ่พูดคุยกันก็รู้ว่าถังโจวโจวฟื้นคืนความทรงจำแล้ว คิดว่าคุณแม่โจวโจวจะกลับไปกับคุณพ่อ ต่อไปใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันทั้งครอบครัว เธอก็ดีใจเป็นอย่างมาก ขอเพียงให้เวลาเดินเร็วกว่านี้หน่อย พอคุณแม่โจวโจวหายป่วยก็จะกลับบ้านไปด้วยกันได้แล้ว!

 

 

ลั่วเซ่าเซินโอบลั่วอิงเอาไว้ เอ่ยกับเธออย่างเอาจริงเอาจัง “ลั่วอิง ต่อไปเสี่ยวอวี่ก็จะเป็นน้องชายของลูกแล้วนะ เขาเป็นลูกชายของพ่อ ต่อไปลูกจะต้องปกป้องเขาให้ดี เข้าใจไหม?”

 

 

ลั่วอิงไม่ค่อยเข้าใจนัก เธอมองเสี่ยวอวี่เป็นน้องชายของเธออยู่แล้ว ทำไมคุณพ่อจะต้องพูดขึ้นมาอีกรอบด้วย?

 

 

 

 

ตอนที่ 399 ใกล้จากลา

 

 

แต่ว่าเธอไม่ได้พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “คุณพ่อ หนูรู้แล้วค่ะ เดิมทีหนูก็เห็นว่าเสี่ยวอวี่เป็นน้องชายของหนูอยู่แล้วนี่คะ!” เพราะความเข้าใจผิดที่ลั่วเซ่าเซินผิดพลาดไป ตอนนี้ลั่วอิงจึงเข้าใจไปเองแล้วว่าเสี่ยวอวี่ไม่มีความสัมพันธ์อะไรกับลั่วเซ่าเซิน

 

 

ลั่วเซ่าเซินเองก็ฟังออกถึงความหมายในคำพูดของเธอ เขาย่อตัวลงและอธิบายรายละเอียดให้เธอฟัง “ลูกรัก ความหมายของพ่อก็คือเสี่ยวอวี่เป็นลูกชายของพ่อ ก็คือน้องแท้ๆ ของลูก”

 

 

ลั่วอิงอ้าปากกว้าง ไม่อยากเชื่อเลยว่าเซอร์ไพรส์นี้จะเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน “คุณพ่อบอกว่าเสี่ยวอวี่คือน้องชายของหนูเหรอคะ?!”

 

 

เธออยากให้คุณแม่โจวโจวช่วยคลอดน้องชายออกมาให้เธอมาตลอด ในที่สุดก็เป็นความจริงแล้วเหรอเนี่ย?

 

 

แม้ว่าก่อนหน้านี้ลั่วอิงจะรักใคร่เสี่ยวอวี่อย่างน้องชาย แต่ความรู้สึกในตอนนี้กลับแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ตอนนี้พวกเขาเป็นสมาชิกคนใหม่ที่เกี่ยวพันกันทางสายเลือด ลั่วอิงยังเด็กนัก อาจจะไม่เข้าใจ แต่ว่าความรู้สึกนี้ก็ตั้งมั่นอยู่ที่กลางใจของเธอ ทำให้ไม่อาจสงบอารมณ์ให้นิ่งเฉยได้เป็นเวลานาน

 

 

“ใช่แล้ว ลูกมีน้องชายแล้วนะ ดีใจหรือเปล่า?”

 

 

“แน่นอนว่าต้องดีใจสิคะ ดีใจมากเลยล่ะค่ะ” ลั่วอิงปรี่เข้าไปข้างกายเสี่ยวอวี่ทันที จับมือของเขาเอาไว้ด้วยความสุขุม “น้องชาย ต่อไปพี่สาวจะเป็นคนเล่นกับน้องเองนะ ตอนนี้คุณแม่โจวโจวเหนื่อยแล้ว พวกเราควรจะให้คุณแม่ได้พักผ่อนให้เต็มที่”

 

 

คำพูดจากผู้ใหญ่ตัวน้อยอย่างลั่วอิงไม่ได้มีผลกับหูของเสี่ยวอวี่เลยแม้แต่น้อย เขาเป็นเพียงเด็กตัวเล็กๆ เท่านั้น จะเข้าใจอะไรได้มากมาย ถึงเวลากินก็กิน ถึงเวลานอนก็นอน นานสองนานก็ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไร เพียงแต่รู้ว่าแม่ของเขาอุ้มเขาไม่ได้ ทำให้เขามุ่ยปากอันเล็กจิ๋วนั่น

 

 

ลั่วอิงเห็นอย่างนั้นก็รีบปลอบใจ “เป็นเด็กดีนะจ๊ะ อีกไม่นานคุณแม่โจวโจวก็จะหายดีแล้ว”

 

 

ในห้องผู้ป่วยไม่ได้เงียบเชียบอย่างเช่นที่ผ่านมาอีกแล้ว แม้ว่าโอวหยางหงกับลั่วเซ่าเซินจะยังคงไม่ถูกกัน แต่ว่าเห็นแก่หน้าของถังโจวโจว เขาก็ยังคงไว้หน้าลั่วเซ่าเซินอยู่บ้าง ต่อหน้าถังโจวโจวพวกเขาทั้งสองคนสุภาพอ่อนโยนจะตายไป

 

 

เวลาผันผ่าน คนที่มีคนรักคอยเฝ้าอยู่มักจะรู้สึกว่าเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วเสมอ หลังจากที่ถังโจวโจวได้พักพักผ่อนอย่างเต็มที่แล้ว ในที่สุดก็มาถึงวันที่จะได้ออกจากโรงพยาบาลเสียที และคราวนี้ก็เป็นวันที่เธอใกล้จะจากประเทศ H ไปเช่นกัน

 

 

กำหนดวันเอาไว้เรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้สามวันเป็นอันว่าออกเดินทาง ตั๋วเครื่องบินก็ซื้อเรียบร้อยแล้ว โอวหยางหงอยากให้พวกเขานั่งเครื่องบินส่วนตัวกลับไป แต่ว่าถูกถังโจวโจวปฏิเสธ เมื่อเห็นท่าทีหนักแน่นของพวกเขา โอวหยางหงถึงไม่ได้เกลี้ยกล่อมอีก

 

 

คืนก่อนที่ถังโจวโจวจะจากไป เสิ่นหลานอีก็ดึงตัวเธอมาพูดคุยด้วยทั้งคืน คุยกันทุกเรื่องไม่ว่าเรื่องเล็กเรื่องน้อย แม้กระทั่งเรื่องราวในชีวิตของถังโจวโจวก็ยังถูกพูดถึง เพียงแต่ว่าถังโจวโจวไม่ยินดีจะเผชิญหน้ากับเรื่องนี้ เสิ่นหลานอีเองก็ไม่ได้พูดอะไรมาก ถ้าหากลูกสาวถูกรังแก เธอก็จะกลับไปช่วยเหลืออย่างแน่นอน

 

 

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง ถังโจวโจวกับลั่วเซ่าเซินช่วยกันพาเด็กทั้งสองไปยังสนามบิน เสิ่นหลานอี โอวหยางเลี่ยและโอวหยางหงต่างตามมาส่งกันครบทุกคน

 

 

“โจวโจว กลับไปแล้วก็ดูแลตัวเองให้ดีๆ นะ” แม้ว่าเสิ่นหลานอีจะเคยบอกลาเธอแล้ว แต่ว่าตอนนี้ในใจก็ยังอาลัยอาวรณ์มากอยู่ดี เพียงแค่คิดว่าจะไม่ได้เห็นถังโจวโจวอีกเป็นเวลานาน ความรู้สึกของเธอก็พลันหม่นหมองลงไปมาก แล้วก็ยังหลานๆ ของเธออีก

 

 

“แม่คะ วางใจเถอะนะคะ พอหนูถึงแล้วจะโทรมาหา แล้วหนูก็จะวิดีโอคอลกับแม่บ่อยๆ ด้วย ถึงเวลาจะกลับมาเยี่ยมทุกคนนะคะ” ถังโจวโจวขอบคุณสองพ่อลูกโอวหยางเป็นอย่างมากที่ดูแลเธอในระหว่างที่เธอสูญเสียความทรงจำไป

 

 

เธอเข้าใจดีว่า ทุกอย่างที่ลุงโอวหยางทำก็เพราะเห็นแก่หน้าแม่ของเธอทั้งนั้น ไม่อย่างนั้นมีหรือที่เธอจะเข้าตาอันเฉียบคมของเขา ทว่าถังโจวโจวก็ยังขอบคุณเขาด้วยใจจริง ต่อให้เขาจะไม่ได้สันทัดในการพูดจากับเธอ สองปีที่ผ่านมาทั้งสองก็ไม่เคยพูดอะไรกันมากนัก

 

 

อาจเป็นเพราะว่าการจากลาอยู่ตรงหน้า ถังโจวโจวจึงรู้สึกเสียใจไปหมด จู่ๆ ก็หุนหันพลันแล่นว่าเธอจะเลือกอยู่ที่นี่ต่อไป แต่นี่ก็เป็นความคิดเพียงชั่วขณะเท่านั้น ลั่วเซ่าเซินไม่มีวันยอมให้เธอทำอย่างนั้นเป็นอันขาด

 

 

“แม่คะ ลุงโอวหยาง หงเอ๋อร์ พวกเราไปก่อนนะคะ”

 

 

ใกล้ถึงเวลาแล้ว ลั่วเซ่าเซินเตรียมจัดการเรื่องเช็คอิน ถังโจโจวดูเวลา แทบจะไม่ทันแล้วจริงๆ เสียด้วย ทันใดนั้นจู่ๆ เธอก็กอดเสิ่นหลานอีอย่างแนบแน่น ในที่สุดน้ำตาที่เสิ่นหลานอีอดกลั้นไว้มาตลอดก็ไหลลงมาในที่สุด

 

 

“โจวโจว แม่ไม่อยากให้ลูกไปเลย” ถังโจวโจวกอดเธอแน่น “แม่คะ อย่าเสียใจไปเลยนะคะ พวกเราจะได้เจอกันอีก แม่เป็นแบบนี้ ทำเอาหนูคิดว่าจะไม่ได้เจอกับแม่แล้วนะคะเนี่ย”