ตอนที่ 521 โต้กลับ / ตอนที่ 522 ร้องเรียน

ลิขิตฟ้าชะตารัก

ตอนที่ 521 โต้กลับ 

 

 

 

 

 

“ไม่ปล่อย” จวินฉางอวิ๋นยังคงขมวดคิ้วไม่ยอม 

 

 

อวี้อาเหราโกรธเคือง และกล่าวต่อไปว่า “ข้าและสาวใช้ของข้าเห็นว่าเจ้าตั้งใจจะทำเสียงดังปลุกคนอื่น หากข้าทูลต่อไทเฮาว่าเจ้าที่เป็นถึงองค์รัชทายาทแต่ทำเรื่องเด็กๆ เช่นนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะเอาพระพักตร์ไว้ที่ใด” 

 

 

“ก็ไปฟ้องเลยสิ” จวินฉางอวิ๋นนิ่งสงบเป็นอย่างยิ่ง แล้วหันกลับมาถามองครักษ์ “พวกเจ้าได้ยินเสียงตีกลองเอะอะหรือไม่” 

 

 

องครักษ์ส่ายหน้า “ไม่ได้ยินพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

อวี้อาเหราโกรธจนพูดไม่ออก เจ้าจวินฉางอวิ๋นคนนี้ช่างฉลาดนักเชียว ที่เลียนแบบคำพูดของนางเอามาเล่นงานนางเสียเอง เรียนปุ๊บใช้งานปั๊บ คำนี้ช่างสมจริงยิ่งนัก ไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่ฉลาดแต่ช่างเป็นสิ่งที่สอนใจได้ดียิ่งนัก 

 

 

จะต้องหอบเงินไปมอบเพื่อขอบพระคุณหรือไม่? 

 

 

จวินฉางอวิ๋นเห็นใบหน้าของนางเปลี่ยนสีเป็นสีแดงและม่วง ก็ยิ้มขึ้นอย่างยินดี “คุณหนูรองหลิง เจ้ารบกวนเวลาพักผ่อนขององค์รัชทายาท ก่อนหน้านี้ข้าก็อารมณ์เสียอยู่แล้ว แต่เจ้าอย่าได้คิดว่าจะเอาเรื่องนี้ไปทูลไทเฮาเชียว มิเช่นนั้นไทเฮาคงคิดว่าเจ้าต้องการที่จะยกเลิกการหมั้นหมาย เจ้าจะสร้างความลำบากให้ตัวเองเปล่าๆ” 

 

 

“เหอะ” อวี้อาเหราส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว ไม่หันไปมอง “ขอให้รัชทายาทพักผ่อนอย่างดีด้วย!” 

 

 

ทันใดนั้นก็เดินกลับเข้ามาในห้อง นั่งอยู่บนเตียง หันไปออกคำสั่งกับเจาเอ๋อร์และเมี่ยวอวี้ด้วยความโกรธขึ้ง “พวกเจ้าก็ไปหาเครื่องดนตรีมาเล่นเถิด วันนี้เราจะไม่นอน เอาไปสู้กับมัน ดูซีว่าใครจะชนะ!” 

 

 

เจาเอ๋อร์และเมี่ยวอวี้มองใบหน้าโกรธเคืองของนางอย่างกระวนกระวาย จากนั้นก็ถอยออกไป ตอนนี้คงไม่อาจที่จะไปขัดขวางได้ 

 

 

ตามที่นางสั่ง นำเครื่องดนตรีเข้ามามากมาย ดังนั้นภายในตำหนักรู่หวงจึงเต็มไปด้วยเสียงเครื่องดนตรีอึกทึก เสียงดังจนดึงดูงความสนใจของคนหลายๆ คน โชคดีที่ตำหนักรู่หวงนั้นกว้างใหญ่ ไทเฮาอยู่ด้านหน้า จึงไม่ได้ยินเสียงที่เกิดขึ้นที่นี่ แต่คนที่อยู่ใกล้ย่อมได้ยินเสียงนี้จนตื่นขึ้นมาแน่ จนเกือบที่จะมุดหน้าลงเตียงเพื่ออุดหูหนีจากเสียงดังนี้ 

 

 

เสียงนี้ไม่ได้เป็นเพียงเสียงดังธรรมดา แต่เป็นเสียงกัมปนาท! 

 

 

จวินฉางอวิ๋นไม่คิดว่านางจะโต้กลับมาเช่นนี้ ดังนั้นจึงไปหยิบเครื่องดนตรีมากมายเข้ามา 

 

 

ในช่วงเวลานั้น เสียงต่างๆ ดังปนเปกัน จนทุกอย่างเละเทะแทบจะกลายเป็นโจ๊ก 

 

 

อวี้อาเหราเองก็ปวดหัวจากเสียงเครื่องดนตรีเหล่านี้ แต่หากยังไม่สามารถทำให้จวินฉางอวิ๋นยอมแพ้แล้ว นางก็ยังไม่ยอมถอดใจแน่ 

 

 

เสียงดังไปตลอดทั้งบ่าย ทั้งสองแข่งกันจนไม่ได้นอน สุดท้ายก็ง่วงเสียจนลืมตาไม่ขึ้น 

 

 

เมื่อไทเฮาตื่นขึ้นมา ได้ยินเข้าก็โกรธขึ้ง บอกให้คนไปสั่งให้หยุด จึงค่อยหยุดส่งเสียงดัง แต่เสียงทะเลาะเบาะแว้งก็ยังทำให้คนอื่นปวดหัว โตขนาดนี้แล้ว ทั้งยังเป็นคนที่มีชื่อเสียง กลับเถียงกันเหมือนเด็กตัวเล็กๆ 

 

 

ช่างน่าหัวเราะเป็นอย่างยิ่ง 

 

 

คนของไทเฮามาเชิญ อวี้อาเหราง่วงจนหาวออกมา แล้วเดินไปทางตำหนักใหญ่พร้อมกัยจวินฉางอวิ๋น 

 

 

อวี้อาเหราเห็นอีกฝ่ายดูไร้ชีวิตจิตใจ ก็สบถอย่างพึงพอใจ “รัชทายาท ไม่ได้บรรทมหรือ? ฮ่าๆ อายุเพียงเท่านั้นยังนอนไม่หลับ ต่อไปจะทำอย่างไรกัน ลองไปตรวจกับหมอหลวงเถิดเพคะ มิเช่นนั้นจะเกิดประชวรเรื้อรังได้” 

 

 

“เจ้าไม่ต้องกังวลหรอก” จวินฉางอวิ๋นว่าเสียงเย็น ทันใดนั้นเสียงโกรธก็กลายเป็นเสียงหัวเราะ “เจ้าลองดูหน้าตัวเองให้ดีก่อนเถิด” 

 

 

อวี้อาเหราชะงัก แล้วลูบใบหน้าไร้สีสันของตัวเอง 

 

 

ไม่ต้องใช้กระจกก็รู้ว่าดูหม่นหมองเพียงใด เพราะเป็นผลมาจากการนอนไม่พอ นางถูกจวินฉางอวิ๋นกวนจนนอนไม่หลับแล้วจึงรู้สึกโกรธ จนไม่รู้จะทำอย่างไร จึงใช้วิธีการเด็กๆ ในการแก้แค้น ตอนนี้ไทเฮารู้แล้วแน่นอนว่าต้องถูกดุว่าเป็นแน่ จนทำให้เสียเวลาในการพักผ่อนไปเสียหมด 

 

 

ได้ไม่คุ้มเสีย คำนี้จะใช้ในการนิยามนางในตอนนี้ได้หรือไม่นะ? 

 

 

รู้ว่าไม่ควรทำเรื่องที่ไร้สาระถึงเพียงนี้ แต่เป็นเพราะหากรังแกอีกฝ่ายแล้วก็อยากจะรังแกให้ถึงที่สุด 

 

 

แต่ว่า หากมาสำนึกผิดตอนนี้ก็คงไม่มีประโยชน์แล้ว 

 

 

เพราะว่า เมื่อเข้ามาในตำหนักรู่หวง ก็เห็นไทเฮายืนอยู่หน้าประตูเสียแล้ว 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 522 ร้องเรียน 

 

 

 

 

 

“เข้ามา” เมื่อเห็นทั้งสองคนเดินเข้ามา แต่รั้งเอาไว้ไม่ยอมเดินเข้ามาเสียที ไทเฮาก็เรียกให้เข้ามาอย่างเสียไม่ได้ ทั้งสองจ้องหน้ากัน แล้วจึงยอมเข้าไปในห้องแต่โดยดี 

 

 

ไทเฮาอยู่ท่ามกลางวงล้อมของเหล่าบ่าวไพร่ เมื่อทั้งสองเข้ามาก็ใช้สายตาเจือความโกรธมองสำรวจ 

 

 

“ถวายพระพรไทเฮา…” จวินฉางอวิ๋นและอวี้อาเหราถวายความเคารพอย่างถูกต้อง สุดท้ายก็ถูกไทเฮาโบกมือใส่เพื่อตัดบท “ไม่ต้องแล้ว เราไม่อยากได้การถวายความเคารพของพวกเจ้า” 

 

 

เพียงได้ยินเสียง ก็รู้ว่านางกำลังโกรธ 

 

 

สีหน้าของอวี้อาเหราเต็มไปด้วยความลำบากใจ ทันใดนั้นก็คุกเข่าลง “ไทเฮา ต้องช่วยอาเหรานะเพคะ” 

 

 

“ช่วยทำไม?” ไทเฮาชะงัก “เมื่อครู่เราได้ยินคนเข้ามารายงานว่าพวกเจ้าทั้งสองก่อเรื่องขึ้น ที่นี่คือตำหนักรู่หวงของเรา ไม่อนุญาตให้พวกเจ้ามาก่อความวุ่นวาย!” ไทเฮาพูดไป น้ำเสียงก็ค่อยๆ เปลี่ยนไปเป็นเข้มขึ้นมาก 

 

 

อวี้อาเหราแสดงสีหน้าไร้เดียงสา “ไทเฮา พระองค์ก็ทรงรู้ดีว่าหม่อมฉันขี้ขลาดเสมอ ไหนเลยจะกล้าก่อเรื่องในตำหนักรู่หวงเล่าเพคะ” 

 

 

“ที่เจ้าว่ามาก็มีเหตุผล แต่เจ้าก่อเรื่องร่วมกับองค์รัชทายาทใช่หรือไม่?” ไทเฮาถามด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ 

 

 

“พระองค์ลองพิจารณาดูนะเพคะ หากไม่ใช่รัชทายาทที่กดดัน ไหนเลยอาเหราจะกล้า แต่เป็นเพราะรัชทายาทที่รบกวนหม่อมฉันเสียจนไร้หนทาง จะอ้อนวอนอย่างไรก็ทรงไม่ฟัง จึงต้องใช้อุบาย จึงทำให้โต้ตอบรัชทายาทด้วยความโง่เขลา เพื่อให้องค์รัชทายาททรงทราบว่าทรงทำเรื่องรบกวนผู้อื่นเช่นนี้ แต่เพราะอย่างนั้นจึงเป็นการรบกวนไทเฮา สมควรตายสักหมื่นครั้งเพคะ” 

 

 

อวี้อาเหราพูดเสียงสั่นๆ จนจบ ก้มหน้าลงนิ่งงัน ทำราวกับรู้ว่าตัวเองก่อเรื่องใหญ่เข้าเสียแล้ว 

 

 

จวินฉางอวิ๋นโกรธขึ้นมาทันที ชี้หน้าอวี้อาเหราแล้วร้องด่า “หญิงสมควรตาย กล้าที่จะทูลความเท็จใส่ร้ายเรา ช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก!” 

 

 

ยามที่พูดก็ก้าวเข้าไปข้างหน้าอย่างโกรธเคือง กำหมัดเตรียมที่จะลงไม้ลงมือ 

 

 

อวี้อาเหรารีบวิ่งไปหาไทเฮาในทันที แล้วพูดขึ้นอย่างขวัญหนีดีฝ่อ “ไทเฮา ช่วยด้วยเพคะ..” 

 

 

“อย่าทำอะไรส่งเดช!” ไทเฮาปกป้องนาง แล้วเอ่ยดุจวินฉางอวิ๋น 

 

 

จวินฉางอวิ๋นที่ถูกไทเฮาดุจึงหยุดชะงักลง แล้วจำต้องหยุดมือเอาไว้ ใบหน้าโกรธเคืองขณะที่พูดกับไทเฮา “เสด็จย่า หญิงผู้นี้กล่าววาจาส่งเดช พระองค์อย่าได้ถูกท่าทางซื่อบริสุทธิ์ของนางหลอกเอาได้นะพ่ะย่ะค่ะ!” 

 

 

“พูดส่งเดชหรือไม่ เราจะเป็นผู้ตัดสินเอง” ไทเอาแสดงสีหน้าเฉียบขาด “องค์รัชทายาท เจ้ามีนิสัยมุทะลุโกรธง่าย จะต้องปรับปรุงตัวเสียใหม่ อย่าได้ทำให้คุณหนูรองหลิงตกใจอีก ต่อไปจะต้องเป็นสามีภรรยากัน หากกล้าที่จะสร้างเรื่องอีก อย่าว่าย่าไม่เห็นแก่สายสัมพันธ์ย่าหลาน เข้าใจหรือไม่?!” 

 

 

“เสด็จย่า…” จวินฉางอวิ๋นไม่อยากจะเชื่อว่าเสด็จย่าจะเชื่อคำพูดไร้สาระของอวี้อาเหรา… 

 

 

“รัชทายาท” ไทเฮาเรียกด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม 

 

 

จวินฉางอวิ๋นไม่กล้าที่จะพูดอะไร ทำได้แต่เพียงจ้องมองพื้น 

 

 

อวี้อาเหราเลิกคิ้ว จ้องมองจวินฉางอวิ๋น ในใจก็สบถเสียงเย็น จากนั้นก็มองไทเฮาด้วยสายตาแปลกประหลาด แปลกนัก ไทเฮานั้นรักใคร่จวินฉางอวิ๋นเสมอมา เหตุใดจึงเข้าข้างนางเช่นนี้ได้ง่ายนัก? 

 

 

หรือต้องการที่จะเอาอกเอาใจนาง? 

 

 

ดังนั้นจึงยอมพูดให้นาง? 

 

 

นางคาดเดาอยู่ในใจ 

 

 

ไทเฮากระแอมไอออกมาแรงๆ “เรื่องในวันนี้ห้ามใครพูดออกไปเด็ดขาด มิเช่นนี้จะต้องถูกลงโทษ รัชทายาท เจ้าเองก็ต้องปรับปรุงนิสัยให้ดี ย่าไม่ได้พูดเล่น เข้าใจหรือไม่” 

 

 

“พ่ะย่ะค่ะ หลานน้อมรับพระบัญชา” จวินฉางอวิ๋นคิดอยู่เป็นนาน สุดท้ายก็ต้องยอมรับคำสั่งของไทเฮา 

 

 

ทุกคนก้มหน้าลง ไหนเลยจะกล้าเงยหน้าขึ้นมอง ในเมื่อไทเฮาเอ่ยขึ้นมาเช่นนี้ ไม่มีใครกล้าที่จะขัดขวาง นอกจากคนที่ไม่เสียดายชีวิตอีก