ตอนที่ 531 ห้องข้างๆ / ตอนที่ 532 ช่วยแปล

เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก

ตอนที่ 531 ห้องข้างๆ

 

 

อันหรานได้ฟังสวีรั่วชีพูดแบบนี้ก็หมดคำบรรยาย “เธออิจฉาแม้กระทั่งผู้ชายคนหนึ่งจริงเหรอ”

 

 

“ไม่ใชแค่เพราะสวีอันหรานนะ”สวีรั่วชียกมือขึ้นมานับประกอบกับคำพูดเธอ

 

 

“เหยียนเค่อยังสามารถทำให้ซย่าเสี่ยวมั่วมีสภาพเป็นแบบตอนนี้ได้อีกด้วย”

 

 

อันหรานยิ้มนิดๆ เอาเถอะ ตอนนี้ท่อนไม้ยิ่งหนาขึ้นเรื่อยๆ เลื่อยอย่างไรก็คงไม่หักแล้ว

 

 

ครั้งนี้หลังจากที่ซย่าเสี่ยวมั่วเดินออกมาจากสนามบิน มีสภาพน่าสงสารมาก เธอคิดว่าเธออาจจะกลัวการนั่งเครื่องบินจนต้องบอกลาประเทศบ้านเกิดตัวเองแล้วใช้ชีวิตโดดเดี่ยวอยู่ที่เกาะบาหลีแทน

 

 

สวีรั่วชีรู้เวลาที่ซย่าเสี่ยวมั่วจะมาถึง ในเมื่อเหยียนเค่อทำให้เธออารมณ์ไม่ดีก็อย่าหวังว่าตัวเองจะได้อยู่อย่างสบายใจเลย เธอโทรหาสวีอันหรานอยู่หลายสายถึงโทรติด เมื่อมอบหมายภารกิจให้เสร็จก็เตรียมตัวรอดูอะไรสนุกๆ

 

 

เหยียนเค่อคิดว่าสวีอันหรานจะหน้าไม่อายอยู่บนเตียงกับเขาต่ออีกสักพัก แต่กลายเป็นว่าสวีอันหรานเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย เหยียนเค่อจึงเอ่ยถามอย่างแปลกใจ “ดึกขนาดนี้แล้วจะออกไปไหน”

 

 

“ซย่าเสี่ยวมั่วถึงแล้ว ฉันจะออกไปรับ” สวีอันหรานพูดไปหาวไป ความจริงเขาไม่อยากออกไป แต่เมื่อเห็นสีหน้าของเหยียนเค่อแล้วต่อให้เขาไม่อยากไปแค่ไหนก็ต้องไปรับหล่อนกลับมาอยู่ดี

 

 

ขณะที่สวีอันหรานกำลังผลักประตูออกไป ก้ได้ยินเสียงเหยียนเค่อกำชับมาอีก “ข้างนอกลมแรง เอาผ้าพันคอไปด้วย”

 

 

สวีอันหรานแลบลิ้น เหยียนเค่อที่ปกติแล้วไม่เคยเอาใจใส่ผู้หญิงคนไหนตอนนี้กลับเปลี่ยนไปเพราะซย่าเสี่ยมั่ว

 

 

“รู้แล้วน่า” ถ้าเป็นไปได้เขาก็อยากให้เหยียนเค่อเป็นคนไปรับซย่าเสี่ยวมั่วเอง แต่เขาก็เข้าใจความรู้สึกของเพื่อน ที่ทั้งๆที่อยากเจอหน้าแต่ก็ต้องฝืนบังคับตัวเองไม่ให้ไปเจอเป็นอะไรที่ไม่รู้ต้องทำอย่างไรจริงๆ

 

 

เสื้อผ้าที่ซย่าเสี่ยวมั่วใส่ถือว่าหนาพอตัวอยู่ พอลงจากเครื่องแล้วรู้สึกร้อนขึ้นเธอจึงถอดเสื้อคลุมออก แต่สภาพร่างกายก็ยังอ่อนแอจากอาการเมาเครื่องอยู่ ดังนั้นการที่ต้องปรับสภาพร่างกายให้เข้ากับอุณหภูมิที่นี่จึงยังไม่ค่อยจะดีนัก

 

 

แวบแรกสวีอันหรานยังไม่ค่อยมั่นใจว่าผู้หญิงที่นั่งก้มหัวอยู่ที่เก้าอี้จะเป็นซย่าเสี่ยวมั่ว แต่เมื่อเดินเข้าไปใกล้ๆจึงพบว่าสภาพร่างกายของหล่อนดูไม่โอเคอย่างมาก คิ้วขมวดอยู่ตลอดเวลา ใบหน้าก็ซีดเผือด

 

 

“ซย่าเสี่ยวมั่ว?”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วได้ยินน้ำเสียงอบอุ่นของผู้ชายเรียกชื่อตนจึงหันไปมองทันที พอเห็นสวีอันหรานก็เหมือนได้เห็นญาติที่จะมารับตนกลับบ้าน

 

 

“ไฮ” ซย่าเสี่ยมั่วโบกมือทักทายชายหนุ่มอย่างไร้เรี่ยวแรง

 

 

สวีอันหรานช่วยหล่อนลากกระเป๋าเดินทาง แล้วพาหล่อนกลับโรงแรม

 

 

“ทำไมกลายเป็นแบบนี้ล่ะ ถ้าเสี่ยวชีเห็นได้บ่นไม่หยุดแน่ๆ” สวีอันหรานพบว่าเมื่อขึ้นมาบนรถหล่อนก็เอนหัวพิงเบาะหลับตาลงไม่พูดไม่จา

 

 

ความจริงซย่าเสี่ยวมั่วก็อยากแสงความตื่นเต้นออกมาเหมือนกัน แต่การนั่งเครื่องบินมาครั้งนี้มันสูบเอาวิญญาณเธอไปหมดแล้ว

 

 

“เดี๋ยวไปส่งฉันที่ที่พักเลยได้ไหม ฉันไม่อยากเจอเสี่ยวชีตอนนี้ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวหล่อนได้กังวลอีก”

 

 

“ก็ได้ แต่เสี่ยวชีรอเจอคุณมานานแล้วนะ”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วคิดๆแล้ว ก็ตัดสินใจโทรหาสวีรั่วชีเพื่อบอกว่าตนเองมาถึงแล้ว แล้วหาข้ออ้างเพื่อที่จะเลี่ยงเจอสวีรั่วชีว่าโดยการบอกว่าตอนนี้ว่าเธอง่วงมาก จึงให้สวีอันหรานพาเธอไปส่งโรงแรมที่พักเลย

 

 

“ก็ได้ๆ ไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้มีเรื่องให้ทำอีกเยอะเลย” สวีอันหรานพาซย่าเสี่ยวมั่วมาส่งที่หน้าห้องพัก พร้อมเอ่ยกำชับ

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วพยักหน้ารับ อยากจะยิ้มออกมากว้างๆแต่กลับยิ้มไม่ออก จึงได้แต่เอ่ยตามมารยาท “นายก็เหมือนกัน ยินดีกับนายแล้วก็เสี่ยวชีด้วยนะ”

 

 

“ขอบคุณ” สวีอันหรานเอ่ยขอบคุณ ท่าทางดูมีความสุขมาก

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วไม่รู้ว่าสวีอันหรานจะยังยืนอยู่ทำไม หรือจะรอให้เธอเชิญเข้าไปนั่งพักด้านใน? สวีอันหรานยืนอยู่สักพัก ก็สังเกตเห็นสายตาที่มองมาอย่างสงสัยของซย่าเสี่ยวมั่ว ก็พอจะเดาได้ว่าหล่อนกำลังคิดอะไรอยู่ ชายหนุ่มจึงเดินผ่านสายตาที่มองมาอย่างไม่เข้าใจของหญิงสาวเข้าไปในห้องที่อยู่ข้างๆกัน จากนั้นก็หันมาเอ่ยราตรีสวัสดิ์กับหล่อน

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 532 ช่วยแปล

 

 

สวีอันหรานปิดประตูเสร็จก็เดินสาวเท้าเข้าไปหาเหยียนเค่อ

 

 

เหยียนเค่อที่กำลังนั่งพิมพ์งานอยู่ในโน้ตบุ๊คได้ยินเสียงฝีเท้าของสวีอันหรานก็เอ่ยทักพอเป็นพิธี “รับกลับมาแล้วเหรอ”

 

 

“เออ!” สวีอันหรานเหวี่ยงเสื้อสูทไปที่โซฟา แล้วล้มตัวลงนอนที่เตียง “ซย่าเสี่ยวมั่วน่าจะป่วย ดูเหมือนร่างกายเธอจะไม่ค่อยมีเรี่ยวแรง”

 

 

ถ้าหล่อนสบายดีสิถึงจะแปลก เหยียนเค่อบ่นในใจแต่ก็ไม่ได้แสดงอะไรออกไป แต่กลับเปลี่ยนเรื่องพูดแทน “นายกะจะนอนกับฉันที่นี่ทั้งคืนเลยหรือไง”

 

 

สวีอันหรานพยักหน้าอย่างแน่วแน่ “ถ้านายไม่รับฉันไว้ ฉันก็ไม่มีที่ไปที่ไหนแล้วนะ” ความจริงสวีอันหรานก็หมดคำพูดแล้ว แต่จู่ก็นึกถึงคำพูดที่พวกเขาพูดเล่นไว้ได้ “นายคงไม่ได้กะจะเก็บไว้ให้ซย่าเสี่ยวมั่วมานอนด้วยจริงๆหรอกใช่ไหม”

 

 

“ซย่าเสี่ยวมั่วพักที่ไหน” เหยียนเค่อไม่ได้ตอบคำถามไร้สาระของเพื่อน แต่กลับถามกลับในอีกประเด็นแทน

 

 

สวีอันหรานชี้ไปที่กำแพง ทำท่าทางลับๆล่อๆ “ห้องข้างๆเรา”

 

 

เหยียนเค่อขมวดคิ้ว ในที่สุดก็จัดให้เธอมาอยู่ห้องข้างๆได้จริงๆเสียด้วย เหยียนเค่อเอื้อมแขนไปหยิบโทรศัพท์โทรหาแผนกต้อนรับด้านล่าง คุยอยู่พักหนึ่งจึงวางสายไป

 

 

สวีอันหรานได้ยินเพื่อนคุยกับพนักงาน แต่ด้วยความเหนื่อยจึงไม่ได้สนใจว่าทั้งคู่คุยอะไรกัน ชายหนุ่มสอดตัวไปในผ้าห่มแล้วหลับไป พรุ่งนี้เขาจะแต่งงานแล้ว ไม่มีอารมณ์จะไปสนใจเรื่องรักๆใคร่ของเหยียนเค่อกับซย่าเสี่ยวมั่วอีก

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วอาบน้ำเสร็จ ก็ได้รับโทรศัพท์จากพนักงานต้อนรับด้านล่าง

 

 

“ไม่ทราบว่าใช่คุณซย่าไหมคะ”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วได้ฟังสำเนียงภาษาอังกฤษที่ดูคล่องแคล่วก็รู้สึกงง ตอบออกไปอย่างูๆปลาๆ “Yes(ใช่ค่ะ)”

 

 

ฝ่ายตรงข้ามพูดมาเป็นชุด ซย่าเสี่ยวมั่วฟังแทบไม่เข้าใจ จึงเอ่ยบอกให้ฝ่ายตรงข้ามหยุดก่อน “แปปนะคะ ฉันหาคนช่วยแปลก่อน”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วอุ้มเครื่องโทรศัพท์วิ่งออกไปเคาะประตูห้องข้างๆ เหยียนเค่อได้ยินเสียงเคาะประตูก็ขมวดคิ้ว ใครมานึกขนาดนี้ แต่ก็ลุกขึ้นเดินไปเปิดประตู

 

 

แต่เมื่อเห็นผู้หญิงที่ยืนอยู่หน้าประตูก็ชะงักไป ซย่าเสี่ยวมั่วเงยหน้าขึ้นเพื่อจะพูด แต่สิ่งที่เห็นตรงหน้าไม่ใช่สิ่งที่เธอคิดว่าจะเจอจึงตะลึงงันไป แต่ดูเหมือนเธอจะได้สติเร็วกว่าเหยียนเค่อ จึงรีบเอ่ยขอโทษ

 

 

“โทษทีที่รบกวน”  จากนั้นก็อุ้มโทรศัพท์วิ่งกลับเข้าห้องตัวเองไป

 

 

เหยียนเค่อยังไม่ทันได้พูดสักคำหล่อนก็วิ่งกลับไปแล้ว อดยิ้มเยาะตัวเองไม่ได้ ต้องรังเกียจกันขนาดไหนถึงได้วิ่งกลับไม่โดยไม่แม้แต่จะทักทายกันเลยสักคำ เหยียนเค่อปิดประตูลงดังเดิม แต่เขากลับไม่มีสมาธิทำงานต่อแล้ว

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่ววิ่งกลับเข้าห้องตัวเองอย่างรวดเร็ว หลังพิงแนบกับประตูห้องพร้อมสูดหายใจเข้าลึก จนเมื่อกลับมาเป็นปกติจึงได้รู้สึกว่าสิ่งที่ตนแสดงออกไปเมื่อครู่มันน่าอาย แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมพอเห็นหน้าเหยียนเค่อเธอต้องรีบหลบขนาดนี้

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วปรับอารมณ์อยู่สักพักจึงนึกได้ว่าที่เธอต้องไปขอความช่วยเหลือก็เพราะโทรศัพท์สายนี้ แต่เธอก็ไม่มีหน้าไปเคาะประตูห้องชายหนุ่มอีกครั้งแล้ว

 

 

ขณะที่ซย่าเสี่ยวกำลังต่อสู้กับความคิดตัวเองอยู่ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น เธอสะดุ้ง ค่อยๆเดินไปมองผ่านตาแมว จึงเห็นว่าเป็นชายแปลกหน้าคนหนึ่งยืนอยู่ แต่เธอฟังไม่เข้าใจว่าเขากำลังพูดอะไรอยู่ ขณะที่เธอกำลังลังเลว่าควรจะเปิดประตูดีหรือไม่ จู่ๆก็ได้ยินเสียงเขาเดินออกมาจากห้องข้างๆ ดูเหมือนว่าจะเป็นเหยียนเค่อ ผู้ชายที่เคาะประตูห้องเธอหันไปพูดอะไรบางอย่างกับชายหนุ่ม จากนั้นเธอก็ได้ยินเสียงของชายหนุ่มเอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบ “เขาเป็นพนักงานที่นี่ เอาชานมแดงมาเสิร์ฟให้” พอพูดจบคนก็เดินจากไป

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วรีบเปิดประตูออกไป แต่เหยียนเค่อไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้วมีแค่พนักงานยืนอยู่ ซย่าเสี่ยวมั่วให้พนักงานเดินเข้าไปในห้อง พลางกวาดตามองหาเหยียนเค่อแต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงา จึงมองไปทางประตูห้องของชายหนุ่มแวบหนึ่ง จากนั้นก็ปิดประตูห้องตัวเองลง