บทที่ 636 การล่มสลายของราชามังกร

โปรดเรียกผมว่า วีรบุรุษรีไซเคิล

RC:บทที่ 636 การล่มสลายของราชามังกร

ใบหน้าของราชินีมังกรไร้สีเลือดและบิดเบี้ยวเพราะเธอหวาดกลัวและตกตะลึง

ราชามังกรแห่งกาลเวลาไม่ได้มองไปที่เธอ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตั้งใจ

แต่ราชินีมังกรก็เข้าใจดี เธอรีบตะโกนออกมาราวกับกลัวจะสูญเสียบางอย่างไป: “เจ้าทำอย่างนี้ไม่ได้! คิดดูอีกครั้ง มันจะต้องมีหนทางสิ”

ราชามังกรแห่งกาลเวลายิ้ม ยิ้มที่เต็มไปด้วยความข่มขื่นและสิ้นหวัง เขามองไปยังท้องฟ้าแล้วกล่าว: “ยังมีหนทางอื่นอีกเหรอ? พี่หญิง ท่านก็น่าจะรู้ชัดถึงคำตอบแล้ว“

 

“ในวันนี้ ระหว่างเราสองคน จำเป็นต้องทิ้งคนใดคนหนึ่งไป ท่านปกป้องข้ามาตั้งแต่เล็ก ครานี้เป็นคราวของข้าที่ต้องปกป้องท่านแล้ว“

เป้าหมายของเขานั้นช่างพร่ามัวและไกลเกินเอื้อม เห็นเพียงความว่างเปล่า: “อีกอย่าง ข้าที่ควรจะตายในสนามรบ กลับเป็นเพราะบรรดาพี่ชายและพี่สาวที่สละชีวิตตนเองลงตรงหน้าข้า ข้าจึงมีชีวิตอยู่มาได้ยาวนานเช่นนี้“

“เวลานี้ ข้าก็แค่ทำตามภารกิจของข้า ข้าขอให้ท่านอย่าหยุดข้าเลย พี่หญิง”

พอได้ยินคำพูดที่ออกมาจากความรู้สึกของราชามังกรแห่งกาลเวลา ราชีนีมังกรจึงปิดปากเอาไว้แล้วหลั่งน้ำตาออกมา

เธอเข้าใจความหมายของราชามังกรเป็นอย่างดีจึงไม่หยุดยั้งเขา แต่หัวใจของเธอกลับเจ็บปวดร้าวราวกับถูกอบอยู่ในกองไฟยิ่งนัก

 

ราชามังกรแห่งกาลเวลาหันหน้ามาอย่างช้า ๆ สายตาอันซับซ้อนถูกส่งไปยังหลินเฟิง เวลานั้น หลินเฟิงกำลังยกมือปิดอกและลุกขึ้นมาจากพื้นดิน

ราชามังกรแห่งกาลเวลาเอ่ยอย่างนุ่มนวล: “พอจบคำนี้ ก็ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว“

“เราจะต้องมีชีวิตอยู่ เราจะต้องช่วยชีวิตนับล้านให้ได้”

ด้วยน้ำเสียงอันเร่าร้อน ใครก็ตามที่ได้ยินก็จะรู้ได้ว่ามันมีบางอย่างที่ผิดปกติ

หัวใจของหลินเฟิงเต้นแรงและรีบถามออกมา: “ ผู้อาวุโส ท่านอยากจะทำอย่างนั้นเหรอ? “

ราชามังกรแห่งกาลเวลาไม่ได้มองเขา แต่กลับตรึงสายตาไว้ที่ราชาแห่งการเหยียบย่ำ

ในเวลาเดียวกัน ก็เกิดแสงสีขาวเหลือบเงินปรากฏขึ้นบนร่างของราชามังกรแห่งกาลเวลา

ราชาแห่งการเหยียบย่ำเห็นอย่างนั้นจึงเอ่ยเยอะเย้ย: “เจ้าจนมุมแล้วยังจะสู้อยู่อีกเหรอ? เจ้าที่อยู่ในสภาพอ่อนแอและมีพลังอยู่ขั้นดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะทำอะไรได้? “

 

ราชามังกรแห่งกาลเวลากล่าว: “ข้าไม่ปฏิเสธความจริง แต่เจ้าก็ไม่ได้อยู่ในจุดสูงสุด มิใช่หรือ?”

แสงของราชามังกรแห่งกาลเวลาเข้มขึ้นเรื่อย ๆ ใบหน้าของเขาแสดงความเจ็บปวดและมีเลือดไหลออกมาจากปาก

ทันใดนั้น ลมปราณที่ทรงพลังอย่างยิ่งยวดของราชามังกรแห่งกาลเวลาก็ระเบิดออก

นี่คือพลังที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่หลินเฟิงได้รู้จักกับเขา

ราชาแห่งการเหยียบย่ำจึงเข้าใจได้ในทันที น้ำเสียงของเขาตื่นตะหนก: “เจ้ากำลังเผาแก่นวิญญาณ?! เจ้าบ้าไปแล้วหรือ? “

“ทำเช่นนั้นเจ้าจะตาย!”

ราชามังกรแห่งกาลเวลาเผยสีหน้าที่ดุร้ายและป่าเถื่อน: “ถึงข้าจะตาย แต่เจ้าก็ต้องไม่ดีไปกว่ากัน!”

เขาส่งเสียงคำรามและรีบปล่อยเสียงมังกรคำรามที่น่าตื่นตะลึงตามมาติด ๆ กัน

อ๊างงง!!!

เมื่อส่งเสียงคำรามไปบนท้องฟ้า ราชามังกรแห่งกาลเวลาจึงกลายร่างเป็นมังกรที่ยาวนับหมื่นเมตรและพุ่งตรงไปบนท้องฟ้า ร่างสีเงินยวงราวกับแสงที่ทิ่มแทงยามคำคืน!

 

หลินเฟิงมองขึ้นไปดูราชามังกรแห่งกาลเวลา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

เขาเข้าใจถึงสิ่งที่ราชามังกรแห่งกาลเวลาทำได้ในทันที ราชามังกรแห่งกาลเวลากำลังเผาไหม้แก่นวิญญาณและตั้งใจที่จะต่อสู้กับราชาแห่งการเหยียบย่ำ!

ราชาแห่งการเหยียบย่ำนั้นลนลานไปหมด เขาเพิ่งจะเพลิดเพลินไปกับรสชาติแห่งอิสระ เขายังไม่อยากสูญเสียมันไปในตอนนี้!

เขาคำรามใส่ราชามังกรแห่งกาลเวลา: “หยุดนะ! หยุดสิ”

ในเวลาเดียวกัน เขาก็รีบสะบัดมีดแล่เนื้อขึ้น เกิดแสงสว่างมากมายระดมโจมตีใส่ราชามังกรแห่งกาลเวลา

ราชามังกรแห่งกาลเวลาว่ายวกวนไปตามสายลมและก้อนเมฆในอากาศ น้ำเสียงของเขาราวกับพลังแห่งพระเจ้า: “ข้าจะไม่ยอมให้ศักดิ์ศรีของสิ่งมีชีวิตนับล้านต้องถูกเหยียบย่ำอย่างป่าเถื่อน!”

กีซ!!!

กีซ!!!!!!

ราชามังกรแห่งกาลเวลาส่งเสียงร้องยาวออกไปอีกครั้ง แม้แต่เวลาก็ดูเหมือนจะบิดเบี้ยวไปตามอารมณ์โกรธของเขา

จากนั้น ร่างของเขาก็ระเบิดออกเป็นเสี่ยง ๆ กลายเป็นแสงที่สว่างไสว

เกิดลมเสียงดัง เกิดประตูที่บิดเกลียวอันหนึ่งตั้งอยู่เคียงข้างกับประตูพื้นที่ที่ยังไม่เปิดออกเต็มที่

เสียงระฆังดังสนั่นออกมาจากประตูที่บิดเกลียวราวกับเสียงระฆังงานศพ

ราชาปีศาจที่อยู่บริเวณแอ่งน้ำ

รู้สึกสังหรณ์ได้ถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น เขาจึงรีบออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้!

แต่ยังคงช้าไป ประตูที่บิดเกลียวเกิดคลื่นแปลกประหลาด จากนั้นราชาแห่งการเหยียบย่ำก็ลอยขึ้นแล้วพุ่งเข้าไปในประตูที่บิดเกลียวนั้น!

 

“ไม่! ไม่”

เขาถูกดูดเข้าไปอย่างง่ายดายราวกับเมล็ดถั่วและไม่ได้ออกมาจากประตูที่บิดเกลียวอีกเลย

ต่อมาเสียงระฆังก็หยุดลงทันที จากนั้นประตูที่บิดเกลียวจึงค่อย ๆ จางหายไปในท้องฟ้า

ฉากที่ปรากฏทำให้เขาตกตะลึงจนมาถึงฉากที่ทุกอย่างเงียบงัน

“เขาหายไปไหนแล้ว?” จากนั้นสักพัก หลินเฟิงก็ถามออกมาอย่างโง่งม

ดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตาหันขวับมา: “น้องชายของข้าใช้ชีวิตของเขาผนึกมันอีกครั้ง“

“อะไรนะ?” หลินเฟิงได้ยินแค่เสียงหึ่ง ๆ อยู่ในใจ

ราชามังกรแห่งกาลเวลา นี่คือสิ่งที่ท่านเสียสละเหรอ?

ในขณะที่เขากำลังฟุ้งซ่านอยู่นั้น เหล่าปีศาจก็มายืนล้อมรอบตัวเขา พวกมันเต็มไปด้วยความเกลียดชังเหมือนกับจะล้างแค้นกับราชาแห่งการเหยียบย่ำ

 

หลินเฟิงฟื้นสติขึ้นมา พอเขาหันมองไปรอบ ๆ หัวใจก็ตกไปอยู่ที่ตาตุ่มทันที

เพราะเขาสัมผัสได้ว่าในหมู่พวกมันมีดินแดนศักดิ์สิทธิ์อยู่หลายคน ขั้นเจ็ด, ขั้นแปด รวมถึงขั้นเก้า

คนหนึ่งก็พอจัดการได้อยู่ แต่นี่ดันมาเป็นกลุ่มใหญ่

หลินเฟิงกลิ่นน้ำลายอึกใหญ่ และเดินไปยืนกันที่ด้านหน้าราชินีมังกรเอาไว้: “ผู้อาวุโส ข้าจะรั้งพวกมันเอาไว้ ท่านรีบหนีไปก่อนเถอะ“

เวลานี้เขาจำต้องก้าวออกมาเพราะเขาเป็นผู้ชาย!

แต่เขากลับได้ยินเสียงเย็นชาของราชินีมังกรที่อยู่ข้างหลัง: “เจ้าพูดอะไร เจ้าคือผู้กอบกู้จะยังยืนอยู่ตรงนี้อีกทำไม?”

น้ำเสียงนั้นเยือกเย็นเป็นพิเศษ เย็นซะจนทำให้หลินเฟิงตัวสั่น

เขาหันหน้ามามองราชินีมังกรที่ไม่ได้หลั่งน้ำตาอีกต่อไปแล้ว ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความเยือกเย็น

เขาคิดขึ้นได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ: “นี่ท่าน”

ราชินีมังกรโบกมือโยนเขาขึ้นไปบนท้องฟ้า จากนั้นเสียงคำรามอันแข็งแกร่งของมังกรก็พรั่งพรูออกมาจากร่างของเธอ

หลินเฟิงประคองตัวอยู่บนอากาศและตกตะลึง

มันยากนักหรือที่ราชินีมังกรจะสละตัวเอง?

ลมปราณที่แข็งแกร่งกระจายไปทั่วแอ่งน้ำ ราชินีมังกรกลายร่างเป็นมังกรยักษ์กวาดไปตามพื้นโลกด้วยร่างอันแข็งแกร่ง

ทันใดนั้น ทั่วทั้งแอ่งน้ำก็สั่นไหวอย่างรุนแรง เหล่าปีศาจแต่ละคนที่ถูกโจมตีต่างกรีดร้องออกมา และด้วยตบะที่ต่ำต้อยพวกเขาจึงตายลงทันที!

 

เสียงที่เกรี้ยวกราดและเศร้าหมองของราชินีมังกรดังปกคลุมไปทั่วจนทำให้หลินเฟิงตื่นตกใจ

ทันใดนั้นนางก็ส่งเสียงร้องที่แหลมคมออกมา จากนั้นร่างทั้งร่างก็ระเบิดออกมาอย่างรุนแรงจนกลืนกินแอ่งน้ำไปจนหมดสิ้น

ความหนาวเย็นปกคลุมไปทุกหนแห่งอย่างรวดเร็ว และแอ่งน้ำทั้งหมดก็กลายเป็นทะเลสาบน้ำแข็งที่ใสแจ๋ว

เมื่อมองดูรอบ ๆ เหล่าปีศาจที่อยู่ภายในผลึกน้ำแข็งทั้งหมดนั้นไม่สามารถขยับเขยื้อนได้เลย

ลมเย็นพัดผ่านและโลกทั้งใบก็ตกอยู่ในความเงียบงันอีกครั้ง