ภาค 5 ผู้ขี่มังกรสู่ฟากฟ้า บทที่ 411 ของขวัญของเยี่ยนจ้าวเกอ

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ที่อิงหลงถูบอกว่าใช้วิชากายเพชร วิชาวายุอัคคี และดาบเทพผสานปราณได้แล้ว และต่อจากนี้อาจจะเรียนวรยุทธ์อีกอย่างหนึ่ง ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกเหนือความคาดหมายเล็กน้อย

ตามปกติ เมื่อผู้เป็นอาจารย์ถ่ายทอดวิชา ก็จะถ่ายทอดสุดยอดวิชาหนึ่งให้ในเวลาที่กำหนดเท่านั้น

เมื่อลูกศิษย์ใช้กระบวนท่านี้ได้ถึงระดับหนึ่ง หลังจากผ่านการทดสอบโดยผู้อาวุโสแล้ว ก็อาจจะได้รับการถ่ายทอดอีกกระบวนท่าหนึ่ง

ในช่วงเวลานี้ หากลูกศิษย์ต้องการเรียนเอง ก็ต้องสร้างผลงานขึ้น

อิงหลงถูเรียนวิชาใดล้วนสำเร็จอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังเข้าใจถึงแก่นแท้ที่อยู่ด้านในได้ในระยะเวลาอันสั้น เรื่องนี้เยี่ยนจ้าวเกอทราบดี

สือเถี่ยถ่ายทอดวิชากายเพชร เยี่ยนตี๋ถ่ายทอดวิชาดาบเทพผสานปราณ ถึงแม้เมื่อครั้งภัยพิบัติกว่างเฉิงอิงหลงถูจะยังเด็ก แต่ก็ติดตามสือเถี่ยและสวีเฟยเสี่ยงอันตราย หลังภัยพิบัติจึงได้รับอนุญาตให้เข้าหอคัมภีร์ยุทธศาสตร์ และได้เรียนวิชาวายุอัคคี

เยี่ยนจ้าวเกอล้วนทราบเรื่องราวเหล่านี้ บางทีหลงเอ๋อร์อาจจะยังไม่รู้ แต่เยี่ยนจ้าวเกอรู้มาว่าเหล่าผู้อาวุโสระดับสูงของสำนักได้ปรึกษากันแล้วว่า หลังจากหลงเอ๋อร์เลื่อนเป็นระดับปรมาจารย์ขั้นเคียงนภา ก็จะให้อำนาจเขาในการเข้าออกหอคัมภีร์ยุทธ์ศาสตร์สี่ชั้นล่างได้อย่างอิสระ

อิงหลงถูจะกลายเป็นลูกศิษย์แห่งกว่างเฉิงระดับปรมาจารย์ ที่ได้รับเกียรติอันสูงส่งเช่นนี้เป็นลำดับที่สี่ ต่อจากจ่านตงเก๋อ เยี่ยนตี๋ และเยี่ยนจ้าวเกอ

เห็นได้ชัดเจนว่าทั่วทั้งสำนักให้ความสำคัญต่ออิงหลงถูเพียงใด แต่ตามที่เยี่ยนจ้าวเกอทราบ นั่นต้องรอให้หลงเอ๋อร์บรรลุถึงขั้นเคียงนภาเสียก่อน

“หรือว่าเจ้าตัดสินใจไว้ก่อนแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอมองอิงหลงถูด้วยความประหลาดใจ

ความจริงแล้วเยี่ยนจ้าวเกอก็อยากจะมอบอำนาจนี้ให้แก่อิงหลงถูโดยเร็วเช่นกัน เพราะเขาคาดหวังในตัวศิษย์น้องผู้นี้มาก

หลงเอ๋อร์พลันเบิกบาน อธิบายเหมือนอยากจะให้ชายหนุ่มกล่าวชม “ศิษย์พี่เยี่ยน ก่อนหน้านี้ข้าได้รับอนุญาตให้ออกสำนักเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์แล้ว ท่านอาจารย์ลุงเจ้าสำนักบอกว่าข้าแสดงผลงานได้ดี ทำความดีความชอบได้ จึงให้ข้าเข้าไปยังชั้นที่สามของหอคัมภีร์ยุทธศาสตร์เป็นรางวัล”

เมื่อได้ยินอิงหลงถูอธิบาย เยี่ยนจ้าวเกอก็รู้ว่าก่อนหน้านี้ไม่นาน เด็กหนุ่มออกจากเขาเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์เป็นครั้งแรก และได้ช่วยคนของหอคลื่นโหมเอาไว้

การเข้าไปพัวพันกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งอื่น อย่างไรก็มีความสำคัญไม่เท่ากัน ด้วยเหตุนี้รางวัลย่อมแตกต่างกันออกไป

ขณะมองท่าทางที่อยากให้ชมของเด็กน้อยตรงหน้า เยี่ยนจ้าวเกอก็กล่าวยด้วยรอยยิ้มว่า “เป็นเรื่องดีนัก หลงเอ๋อร์โตขึ้นแล้ว”

เมื่อได้รับคำชมจากเยี่ยนจ้าวเกอ อิงหลงถูก็ร่าเริงมากขึ้น

เยี่ยนจ้าวเกอมองอิงหลงถู ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มขึ้น

ใบหน้าของเด็กน้อยที่เต็มไปด้วยน้ำตาและความงงงวยเพราะสูญเสียบิดามารดา ณ เขานิมิตเมฆ คล้ายกับปรากฏขึ้นตรงหน้า ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอต้องทอดถอนใจ

ถึงแม้ยามนั้นจะพบว่าร่างจิตนภาของเขาจะไม่ธรรมดา จึงได้พาเข้ามาในสำนักกว่างเฉิง แต่ปัจจุบันขณะที่มองใบหน้ายิ้มแย้มของหลงเอ๋อร์ ในใจของเยี่ยนจ้าวเกอก็เกิดความยินดีเป็นที่สุด

หลังจากครุ่นคิดแล้วเล็กน้อย เยี่ยนจ้าวเกอก็ตบบ่าของเด็กน้อย “วิธีคิดของท่านพ่อของข้าตรงไปตรงมา หลงเอ๋อร์เหมาะกับการเรียนรู้ให้กว้างขวาง”

“วิชาหมัดมวย วิชาตัวเบา และวิชาดาบเจ้าล้วนได้เรียนแล้ว ต่อจากนี้เหมาะกับการเลือกฝึกฝนวิชากระบี่”

เยี่ยนจ้าวเกอพูดจาฉะฉาน “หลังจากเจ้าเรียนวิชากระบี่นี้เสร็จ ให้เจ้าวกกลับไปอีกครั้ง เรียนท่าหมัดมวยอีกรอบ ให้เลือกระหว่างฝ่ามือม่านทองและฝ่ามือดุสิตตามอย่างใดอย่างหนึ่ง จากนั้นค่อยเรียนดาบ ร่ำเรียนดาบวิญญาณแปดฉาก แล้วจึงค่อยเรียนวิชากระบี่ที่สอง

“เจ้ามีความสามารถ จงเรียนยอดวิชาแปดพิภพ”

เมื่อพูดเรื่องวรยุทธ์ ใบหน้าของอิงหลงถูก็จริงจังขึ้นมา กอปรด้วยความศรัทธาอยู่หลายส่วน “ศิษย์พี่เยี่ยน ข้าจะพยายาม”

ชายหนุ่มกล่าวต่อ “ตามประเพณีของสำนัก ตอนที่เจ้าบรรลุขั้นเคียงนภาแล้ว ทางสำนักจะมอบอาวุธวิญญาณชิ้นหนึ่งให้เจ้า แต่เจ้าในตอนนี้เริ่มเดินทางอยู่ด้านนอก เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝัน ข้าจะให้เจ้าก่อนชิ้นหนึ่ง

“เจ้าต้องเรียนท่ากระบี่ทันที ข้าจะมอบอาวุธวิญญาณซึ่งเป็นกระบี่ให้เจ้าเล่มหนึ่ง เพื่อให้เป็นกำลังใจ และเพื่อสร้างแรงกระตุ้น”

พูดจบเยี่ยนจ้าวเกอก็กางเแขนเสื้อ แสงสีเขียวกะพริบขึ้น กระบี่สั้นสีเขียวมรกตปรากฏในมือ เขาส่งมันให้กับอิงหลงถู

“กระบี่วิญญาณมังกรมรกต?!” อิ่นหลิวหัวที่ตามหลังเยี่ยนจ้าวเกอกลับมา ครั้นเห็นชายหนุ่มกับอิงหลงถูสนิทสนมกันก็เกิดความอิจฉา และทันทีที่ได้ยินว่าเขาจะมอบอาวุธวิญญาณให้อิงหลงถูชิ้นหนึ่ง นางก็ยิ่งรู้สึกอิจฉากว่าเดิม

แต่เมื่อจนนางเห็นว่าเป็นอาวุธวิญญาณอะไร นางก็อดร้องขึ้นมาไม่ได้

เฟิงอวิ๋นเซิงที่ยกดาบยืนนิ่งเหมือนรูปสลักเมื่อครู่ นางเห็นกระบี่มังกรวิญญาณมรกตแล้ว ก็รู้สึกเหนือความคาดหมายเล็กน้อยเช่นกัน

แม้กระบี่วิญญาณมังกรมรกตจะเป็นอาวุธวิญญาณชั้นล่าง แต่เป็นอาวุธที่มีชื่อเสียงของเยี่ยนจ้าวเกอ และเป็นอาวุธวิญญาณชิ้นแรกที่เขาได้มา

มันติดตามเยี่ยนจ้าวเกอขึ้นเหนือล่องใต้ บนเส้นทางแห่งความโดดเด่นของเยี่ยนจ้าวเกอในหลายปีมานี้ จะเห็นเงาของกระบี่เล่มนี้อยู่ด้วยตลอด

ชายหนุ่มเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ ปลดอาวุธวิญญาณมาได้เป็นจำนวนมาก แต่กระบี่วิญญาณมังกรมรกตก็เป็นอาวุธที่เขาใช้ค่อนข้างถนัดมือ

หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอเลื่อนเป็นมหาปรมาจารย์ขั้นกำเนิดญาณ อาวุธวิญญาณชั้นล่างอย่างกระบี่วิญญาณมังกรมรกตจึงถึงเวลาต้องไปแล้ว

ทว่าอาวุธวิญญาณที่มีความสำคัญถึงเพียงนี้ ต่อให้เยี่ยนจ้าวเกอเก็บไว้เป็นของที่ระลึกก็ไม่ถือว่าเป็นไร

ตอนนี้เขากลับมอบมันให้อิงหลงถู อย่าว่าแต่อิ่นหลิวหัวเลย แม้แต่เฟิงอวิ๋นเซิงก็รู้สึกคาดไม่ถึงเช่นกัน “ศิษย์พี่เยี่ยน…”

เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวด้วยรอยยิ้ม “กระบี่เมื่อฝุ่นจับแล้วถือเป็นเรื่องน่าเศร้า อยู่กับข้ารังแต่จะมีฝุ่นเกาะ สู้มอบให้หลงเอ๋อร์เพื่อให้รับมือกับศัตรูดีกว่า นี่จึงจะเป็นที่พักพิงที่ดีที่สุดของอาวุธวิญญาณ”

ขณะที่พูด เยี่ยนจ้าวเกอก็งอนิ้วดีดใส่คมกระบี่ ประกายกระบี่พลันสว่างวาบ เสียงมังกรครวญครางดังขึ้น

กระบี่เชื่อมต่อถึงจิตวิญญาณ เสียงของมันเหมือนกับไม่ได้เสียใจ แต่เป็นความฮึกเหิมเสียมากกว่า

เขาใช้นิ้วลูบผ่านคมกระบี่เบาๆ รำพึงรำพันในใจ

เนื่องจากความผูกพันธ์ที่มีต่ออาวุธวิญญาณชิ้นนี้แตกต่างกับกงจักรเพลิงสุริยะ กระบี่เผาไหม้ และมีดบินอัสนี เขาจึงคิดจะเก็บไว้ ไม่นำไปหลอมกับกระบอกไม้ไผ่สีเขียวขี้ม้า

แต่ว่ากระบี่นี้ยังไม่สิ้นประโยชน์ ยังคงคมกริบ หากต้องเก็บไว้ในฝักไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวัน คงจะเป็นเรื่องเศร้าน่าดู

การพกติดตัวแต่ไม่ได้ใช้ อาจจะพอทำให้หายคิดถึงได้ สามารถนำออกมาดูเพื่อรำลึกถึงเรื่องในอดีตได้ตลอดเวลา แต่กลับไม่ยุติธรรมต่อกระบี่วิญญาณมังกรมรกตนัก

กระบี่นี้มิใช่กระบี่ที่ใช้ประกอบพิธีกรรม แต่เป็นกระบี่ที่สำหรับฆ่าคน สมควรต่อสู้ในแนวหน้า มีแต่ทำเช่นนี้จึงจะทำให้คมกระบี่ไม่เสียเปล่า

เยี่ยนจ้าวเกอส่งกระบี่วิญญาณมังกรมรกตให้อิงหลงถู แล้วกล่าวว่า “ตอนอยู่ในมือข้า มันสังหารศัตรูมามากกว่าหนึ่งร้อย ดูสิว่าเมื่ออยู่ในมือเจ้า จะมากหรือน้อยกว่าเดิม”

สายตาของอิงหลงถูคล้ายมีความงงงัน ทว่าก็คล้ายจะเข้าใจความหมายของเยี่ยนจ้าวเกอเช่นกัน เขารับกระบี่วิญญาณมังกรมรกตมาอย่างงกๆ เงิ่นๆ “ขอบคุณศิษย์พี่เยี่ยน”

เฟิงอวิ๋นเซิงเอ่ยปาก “ศิษย์พี่เยี่ยน แล้วต่อจากนี้ท่าน…”

เยี่ยนจ้าวเกอยิ้ม “ถ้าเป็นอาวุธวิญญาณชั้นกลาง ข้าสามารถสร้างขึ้นได้ด้วยตัวเอง แต่ถ้าเป็นอาวุธโจมตี ไม่จำเป็นเท่าใดนัก อย่างมากเพียงสร้างอุปกรณ์ป้องกันจำนวนหนึ่ง”

“มิต้องกังวลว่าข้าจะไม่มีอาวุธที่ใช้ถนัดมือ ท่านอาจารย์เปิดตาแล้ว ข้าจะไปขอให้ท่านผู้เฒ่าช่วยอยู่พอดี”

เทียบกับอาวุธวิญญาณชั้นกลางและอาวุธวิญญาณชั้นล่างแล้ว อาวุธวิญญาณชั้นยอดมีค่ากว่ามาก แม้จะเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์เช่นเขากว่างเฉิงก็ยังมีไม่มาก

มหาปรมาจารย์ขั้นบรรลุธรรมที่สูงส่งกว่ามหาปรมาจารย์ขั้นรูปญาณ อาวุธวิญญาณชั้นยอดที่ครอบครองอยู่เองก็มีแค่คนละชิ้น ไม่มีเหลือพอจะมอบให้จอมยุทธ์ที่มีระดับค่อนข้างต่ำได้

ทว่าเพราะเหตุนี้เอง เยี่ยนจ้าวเกอเลื่อนเป็นมหาปรมาจารย์ขั้นกำเนิดญาณแล้ว จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์หยวนเจิ้งเฟิงจึงเปิดเตาสร้างอาวุธด้วยตัวเอง เพื่อเตรียมอาวุธที่ถนัดมือให้กับชายหนุ่ม

อาวุธศักดิ์สิทธิ์หายาก อาวุธวิญญาณชั้นยอดเองก็หายาก แต่ว่าอาวุธวิญญาณชั้นยอดที่หยวนเจิ้งเฟิงสร้างออกมาจะต้องเลิศล้ำที่สุดแน่นอน

เฟิงอวิ๋นเซิงมองเยี่ยนจ้าวเกอ จากนั้นก็มองอิงหลงถูอีกครั้ง นางยิ้มขึ้นมา

ส่งฟืนไฟให้กัน[1] มิให้คนนอก

……………………………………….

[1] ส่งฟืนไฟให้กัน สุภาษิตจีน หมายถึง ส่งต่อวิชาความรู้