ตอนที่ 390 ผมจะพาเธอไปจากที่นี่ / ตอนที่ 391 ไปแล้วไม่ต้องกลับมาอีก

เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย

ตอนที่ 390 ผมจะพาเธอไปจากที่นี่

 

 

           จิ้นหยวนครางเสียงฮึ แล้วหันไปเอ่ยกับเฉียวซือมู่ “คุณทำกับข้าวเสร็จแล้วใช่ไหม ไปกับผม ที่นี่ปล่อยให้พวกเขาจัดการกันเอง”

 

 

           เธอลังเลเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าเขาจะทำแบบนี้ จึงเอ่ยกับเขา “ไม่ได้หรอกค่ะ พวกเขา…”

 

 

           จิ้นหยวนโมโหจนไม่อยากจะฟังอะไรทั้งสิ้น เขาเดินจูงมือเธอออกจากห้องครัวทันที “ดูตัวเองซิว่าผอมมากขนาดไหน ผมแต่งงานกับคุณ ให้คุณเป็นเมียนะ ไม่ใช่คนใช้ ปล่อยให้ผอมกว่านี้ อีกไม่นานคุณต้องป่วยแน่”

 

 

           เธอผอมมากขนาดนั้นเลยหรือ? เธอลูบใบหน้าตนเองอย่างไม่อยากจะเชื่อ

 

 

           จิ้นหยวนพูดด้วยความโมโหแล้วจูงมือเดินเธอออกจากห้องครัว ฉินเพ่ยหรงเห็นเข้าพอดี เธอขมวดคิ้วเอ่ยถาม “จะรีบไปไหนกัน?”

 

 

           จิ้นหยวนมองมองหน้าคุณแม่หน้าเข้ม ครางเสียงฮึเย็นๆ “เธอเป็นภรรยาผม ไม่ใช่คนใช้ ผมไม่ต้องการเห็นเธอต้องลำบากทำอาหารให้คนทั้งบ้านแบบนี้อีก”

 

 

           ฉินเพ่ยหรงหน้าตาถมึงทึง “ทำไม? เธอไปฟ้องลูกอย่างนั้นเหรอ? ทำตัวเป็นคุณหนูทำงานหนักไม่ได้ ทำอาหารให้คนทั้งบ้านแล้วมันเป็นยังไง? บ้านอื่นเขาก็ให้ลูกสะใภ้ทำทั้งนั้นแหละ ทำไมจะให้เธอทำไม่ได้? ก็แม่จะให้เธอทำ แล้วจะทำไม?”

 

 

           “ก็ไม่ทำไมหรอกครับ” จิ้นหยวนเห็นท่าทางของคุณแม่แล้วรู้ทันทีว่าท่านคงฟังอะไรไม่เข้าหูทั้งนั้น จึงเอ่ยตามตรง “บ้านอื่นก็เรื่องของบ้านอื่น ผมก็ส่วนผม ผมไม่มีทางให้ภรรยาตัวเองต้องมาทำงานพวกนี้แน่ ในบ้านมีคนใช้ตั้งเยอะแยะ ทำไมถึงไม่ให้คนใช้ทำ? คุณแม่ ผมขอร้องล่ะ อย่าใจร้ายกับเธอได้ไหมครับ เธอเป็นคนดี คุณแม่ไม่ควรมีอคติกับเธอแบบนี้นะครับ”

 

 

           “ก็แม่มีอคติ แล้วจะทำไม? ไม่เห็นเธอจะมีดีตรงไหนสักอย่าง” ผ่านไปตั้งหลายวันแล้ว เธอยังคงไม่เปลี่ยนความคิดที่มีต่อเฉียวซือมู่เสียที เฉียวซือมู่ทำงานหนักเอาเบาสู้ แต่เธอก็แสร้งทำเป็นมองไม่เห็น คิดแต่ว่าเฉียวซือมู่ไม่ยอมพูดจาเอาอกเอาใจเธอ ทุกครั้งที่อยู่ด้วยกันก็มักจะทำให้เธอต้องเสียหน้าอยู่บ่อยๆ เธอไม่เพียงไม่เปลี่ยนความคิดที่มีต่อเฉียวซือมู่ ต่อยังเกลียดขี้หน้ามากกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ

 

 

           จิ้นหยวนคำรามเสียงต่ำ “ในเมื่อเป็นแบบนี้ ผมก็จะพาเธอไปจากที่นี่ คุณแม่ไม่ชอบเธอมากขนาดนั้น ถ้างั้นเราต่างคนต่างอยู่ก็แล้วกัน”

 

 

           เอ่ยพลางจะพาเธอเดินออกจากบ้าน

 

 

           “หยุดนะ!” ฉินเพ่ยหรงร้อนใจ เธอยังไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ แล้วจะปล่อยให้พวกเขาย้ายออกจากบ้านได้อย่างไร? ไม่ ไม่ได้เด็ดขาด

 

 

           จิ้นหยวนชะงักฝีเท้า เอ่ยสีหน้าเรียบเฉย “คุณแม่ ไม่ว่ายังไง วันนี้ผมก็ต้องพาเธอออกไปจากที่นี่ ผมไม่อยากเห็นเธอถูกรังแกอีก นี่มัน…”

 

 

           “ดี ดี ลูกคิดแต่ว่าแม่รังแกเธอ แล้วแม่ทำเพื่อใครล่ะ? ก็เพื่อลูกทั้งนั้นไม่ใช่หรือไง? ลูกมันอตัญญู แม่ทุ่มเททำทุกอย่างเพื่อลูก แต่ลูกกลับเกลียดแม่ ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย…” ฉินเพ่ยหรงพูดไป น้ำตาร่วงเผาะด้วยความเจ็บช้ำน้ำใจ

 

 

           จิ้นหยวนเห็นน้ำตาของคุณแม่แล้ว สีหน้าที่เคยเฉียบขาดถูกแทนที่ด้วยความลังเลทันที “คุณแม่…”

 

 

           “หุบปาก ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าแม่ ฉันไม่มีลูกที่มีเมียแล้วลืมแม่อย่างแก อยากจะไปไหนก็ไสหัวไปเร็วๆ เลยนะ แน่จริงก็ไม่ต้องกลับมาอีก!” ฉินเพ่ยหรงก่นด่าพลางปาดน้ำตาพลาง

 

 

           จิ้นหยวนยังคงสีหน้าเย็นชา แต่กลับหยุดฝีเท้าอยู่กับที่

 

 

           เฉียวซือมู่ถอนหายใจพลางหยุดเดินตามไปด้วย “คุณไปปลอบท่านเถอะค่ะ”

 

 

           จิ้นหยวนมองเธอด้วยความประหลาดใจ จากนั้นส่ายศีรษะ “ไม่ได้หรอก คุณแม่ยังมีอคติกับคุณไม่เปลี่ยน ขืนอยู่ที่นี่ต่อ คุณแม่ต้องเล่นงานคุณหนักกว่าเดิมแน่”

 

 

           แม้เขาจะพูดอย่างนั้น แต่เฉียวซือมู่ดูออกว่ามีความยังอาลัยอาวรณ์บางๆ แฝงอยู่ในแววตาเขา

 

 

 

 

ตอนที่ 391 ไปแล้วไม่ต้องกลับมาอีก

 

 

           ขณะที่เฉียวซือมู่กำลังจะพูดอะไรสักอย่างนั้น ฉินเพ่ยหรงเห็นเข้าพอดี เธอคิดทันทีว่าเฉียวซือมู่ต้องเป็นคนเสี้ยมให้ลูกชายทำแบบนี้แน่ แล้วตอนนี้ยังคิดจะใส่สีตีไข่อีก เธอโกรธจนกระเด้งตัวลงจากเก้าอี้ “เฉียวซือมู่ นังปีศาจจิ้งจอกไร้ยางอาย!”                      

 

 

           เฉียวซือมู่มองไปยังเธอด้วยความแปลกใจ ไม่รู้ว่าตนไปทำอะไรให้เธอไม่พอใจอีก

 

 

           เธอไม่รู้เลยว่า การเกลียดใครสักคนนั้น มีเหตุผลให้เกลียดเป็นล้านแปด

 

 

           ฉินเพ่ยหรงกัดฟันกรอด “ฉันไม่เชื่อหรอกว่าเธอดูไม่ออกว่าฉันไม่อยากได้เธอมาเป็นลูกสะใภ้ แล้วยังจะแกล้งทำเป็นตีหน้าซื่อไม่รู้เรื่องอีก ทำไมเธอถึงได้หน้าด้านหน้าทนขนาดนี้? ปั้นหน้าอมทุกข์ทั้งวัน ทำหน้าอย่างกับบ้านเราเป็นหนี้เธอเป็นล้านอย่างนั้นแหละ ก็ได้ ถือว่าเราเป็นหนี้เธอก็ได้ เธอบอกมาเลยว่าอยากได้เท่าไหร่ ไม่ว่าเท่าไหร่ฉันก็ยอมจ่ายทั้งนั้น ได้เงินแล้วก็ไสหัวออกไปจากตระกูลจิ้นซะ ถือว่าฉันขอร้องล่ะ”

 

 

           จิ้นหยวนตวาดเสียงดังลั่น “คุณแม่ ถ้าคุณแม่ยังพูดแบบนี้อีก ผมจะพาเธอไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้แหละ และจะไม่กลับมาที่นี่อีก!”

 

 

           ฉินเพ่ยหรงจ้องเฉียวซือมู่ตาเขม็งราวจะกินเลือดกินเนื้อ เป็นความผิดของผู้หญิงคนนี้คนเดียว ลูกชายเธอถึงยอมตัดขาดกับเธอ ไม่ยอมเชื่อฟังเธอ เป็นเพราะผู้หญิงคนนี้คนเดียว ทำไมเธอถึงไม่ตายๆ ไปซะ!

 

 

           เฉียวซือมู่ถูกสายตาโหดเ**้ยมจับจ้องจนขนลุกเกรียว จนต้องถอยเท้ากรูดไปหลายก้าวแล้วหลบอยู่หลังจิ้นหยวน

 

 

           จิ้นหยวนจับมือเธอแน่น ฝ่ามือเธอเย็นเฉียบจนหัวใจเขาเย็นวาบ เขาไม่พูดพล่ามทำเพลง หมุนตัวแล้วพาเธอเดินออกจากบ้านทันที

 

 

           ฉินเพ่ยหรงเห็นลูกชายที่กำลังจะไปจากเธอ และแตกหักกับเธอต่อหน้าต่อตา ทันใดนั้น ความโกรธเกลียดพุ่งทะลุถึงขีดสูงสุด

 

 

           เวลานี้ สติสัมปชัญญะของเธอถูกความโกรธเกลียดครอบงำจนสิ้น เมื่อเห็นว่าพวกเขากำลังจะไปจากที่นี่อยู่รอมร่อ ความคิดที่จะไม่ยอมให้เฉียวซือมูออกไปจากที่นี่ง่ายๆ ผุดขึ้นในใจพลัน

 

 

           จู่ๆ เธอก็พุ่งตัวโถมเข้าหาเฉียวซือมู่เต็มกำลัง

 

 

           จังหวะนั้น จิ้นหยวนเปิดประตูออกแล้ว และกำลังเดินจูงมือเฉียวซือมู่ก้าวออกจากประตู เขาก้าวเท้าออกไปได้ครึ่งทางแล้ว และจังหวะที่เขาเอี้ยวตัวเล็กน้อย พลันเห็นฉินเพ่ยหรงพุ่งตัวเข้ามาพอดี

 

 

           เขาตกตะลึงพรึงเพริดจนชะงักกายนิ่ง เมื่อคิดได้ว่าควรจะทำอะไรบ้าง แต่ทุกอย่างก็สายเกินไปแล้ว

 

 

           เฉียวซือมูที่กำลังจะก้าวข้ามธรณีประตูรู้สึกถึงบางอย่างที่หนักอึ้งพุ่งเข้าชนหลังเธอ แรงกระแทกอย่างรุนแรงทำให้เธอล้มไปข้างหน้า จนศีรษะโขกกับประตูเหล็กอย่างแรง

 

 

           เสี้ยววินาทีนั้น เธอรู้สึกถึงความเจ็บร้าวบนหน้าผาก ตามมาด้วยอาการวิงเวียนจนตาลาย ภาพสุดท้ายที่เธอเห็น นอกจากประตูสีดำแล้ว คือใบหน้าที่ทั้งตกตะลึงทั้งโกรธสุดขีด

 

 

           เธออยากจะส่งยิ้มให้เขา แต่วินาทีต่อมา เธอก็จมดิ่งสู่ความมืดมิด

 

 

           จิ้นหยวนสูดหายใจลึก พยายามสะกดกลั้นความโกรธอันบ้าคลั่งเต็มที่ ไม่แม้แต่จะชายตามองไปทางด้านหลัง สีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธที่ดูน่าหวาดกลัว

 

 

           แต่การกระทำของเขากลับอ่อนโยนมาก ซึ่งแตกต่างจากสีหน้าเขาในยามนี้โดยสิ้นเชิง

 

 

           เขาช้อนตัวเธอขึ้น ยื่นมือกดบาดแผลบนหน้าผากเธอเพื่อห้ามเลือด จากนั้นก้าวเท้ายาวๆ อุ้มเธอออกจากที่ตรงนั้นทันที

 

 

           เขาไม่แม้แต่จะชายตามองตัวต้นเรื่องด้วยซ้ำ

 

 

           ฉินเพ่ยหรงยืนนิ่งอึ้งอยู่กับที่ สีหน้าเต็มไปด้วยความมึนงงและเลื่อนลอย

 

 

           เธอทำอะไรลงไป? ทำไมจู่ๆ เธอถึงทำแบบนั้น?

 

 

           นี่เธอเป็นบ้าไปแล้วหรือ?

 

 

           เธอทำแบบนั้น ต่อไปลูกชายจะไม่สนใจเธออีกแล้วใช่ไหม?

 

 

           เมื่อคิดได้ดังนี้ ความหวาดกลัวจึงผุดขึ้นในใจ เธอมองตามแผ่นหลังของลูกชาย อ้าปากอยากจะเรียกเขาเอาไว้ แต่กลับพูดอะไรไม่ออกสักคำ

 

 

           เธอรู้จักนิสัยจิ้นหยวนดี ตอนนี้ต่อให้เธอพูดจนปากฉีกถึงหู เขาก็ไม่มีทางฟังเธอแม้แต่คำเดียว…