ตอนที่ 525 ลองดูแล้วจะรู้ / ตอนที่ 526 ร่วมมือ

ลิขิตฟ้าชะตารัก

ตอนที่ 525 ลองดูแล้วจะรู้ 

 

 

 

 

 

แม้ว่าจะถูกฮองเฮารับเลี้ยงในภายหลัง โดยเลี้ยงเหมือนลูกของตัวเอง แต่ในใจก็ยังรู้สึกโดดเดี่ยว นับตั้งแต่หลังจากที่ฮองเฮาจากไป เขาก็กลายเป็นเด็กที่ไม่มีใครต้องการอย่างแท้จริง ก็ถูกกีดกันขึ้นอีกครั้ง แต่ว่าเพราะเขาเป็นองค์รัชทายาท จึงไม่มีใครกล้าที่จะพูดจาล่วงเกิน ทำได้แต่เพียงพูดลับหลังเท่านั้น 

 

 

แต่เด็กที่อายุไม่เท่าไหร่ จะเข้าใจถึงจิตใจของผู้อื่นจนถ่องแท้ได้อย่างไร? 

 

 

ดังนั้นไม่รู้ว่าเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ ร่างของจวินฉางอวิ๋นเหมือนแบกดาบแหลมคมเอาไว้เสมอ ขอแค่มีใครกล้าที่จะเข้ามาหา เขาก็พร้อมที่จะลงดาบประหัตประหาร ในใจก็ได้รับความทุกข์ทน จึงทำให้เขามีนิสัยเป็นดังเช่นทุกวันนี้ 

 

 

และเขายังเป็นเด็กที่ไทเฮาเลี้ยงดูมาจนเติบใหญ่ แน่นอนว่าจะต้องเข้าใจถึงนิสัยของเขาได้เป็นอย่างดี 

 

 

เพราะมีความรักมากมาย จึงทำให้เกิดความลำเอียง ซึ่งนี่น่าจะเป็นเพียงหนึ่งในสาเหตุเท่านั้น อีกอย่าง เขาเป็นลูกเลี้ยงของฮองเฮา เท่ากับมีสถานะเป็นตัวแทน จวินจื่อหร่านนั้นเป็นคนของบ้านราชเลขาเริ่น แน่นอนว่าต้องช่วยคนในครอบครัวตัวเองอยู่แล้ว  

 

 

ดังนั้นจึงไม่อาจยอมให้จวินจื่อหร่านได้ตำแหน่งรัชทายาทไปได้ 

 

 

แต่ที่น่าปวดหัวก็คือ ในช่วงหลายปีมานี้จวินฉางอวิ๋นไม่เพียงทำตัวเสเพล อีกทั้งยังตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์กับฮ่องเต้ ทำให้นางเป็นทุกข์ยิ่งนัก ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่ช้าก็เร็วคงจะต้องสูญเสียตำแหน่งรัชทายาทไปแน่ๆ 

 

 

แต่นางก็ไม่อาจหักใจดุว่าเขาได้ ที่เขาเป็นอย่างทุกวันนี้ก็เป็นผลมาจากเหตุการณ์ในอดีต 

 

 

แต่นางก็ไม่อาจทนดูเขาโดนฮ่องเต้ปลดได้ 

 

 

ตอนนี้หลิงอ๋องเป็นผู้ทรงอิทธิพล หากสามารถยืมมืออวี้อาเหราได้ ก็สามารถกุมอำนาจของจักรพรรดิเอาไว้ในมือ 

 

 

แต่ใครเลยจะรู้ว่า จวินจื่อหร่านจะลงมือต่อท่านหญิงแห่งจวนเซิ่นอ๋องหรือไม่ 

 

 

แต่ว่า ฮ่องเต้ไม่มีทางยอมรับการแต่งงานเช่นนั้นแน่… 

 

 

ไทเฮาก้มหน้าลงเล็กน้อย ในใจรู้สึกสับสน 

 

 

จวินฉางอวิ๋นถูกสายตาของอวี้อาเหราจ้องมอง ทันใดนั้นก็ถลึงตาจ้องมองอย่างโกรธเคือง ความเขินอายบนใบหน้าหายไปเสียสิ้น 

 

 

เป็นครั้งแรกที่เขาถูกคนชมเช่นนี้ แน่นอนว่าย่อมรู้สึกประหม่าอยู่บ้างเป็นธรรมดา 

 

 

เมื่อคิดไปคิดมา นี่ก็เป็นครั้งแรกที่มีคนอื่นชมเขาอย่างจริงจัง 

 

 

เมื่อไทเฮาได้สติก็เห็นว่าทั้งสองคนหยุดการกระทำทั้งหมด แล้วจึงคลี่ยิ้มออกมา “รัชทายาท เจ้ารีบมาสอนอาเหราบรรเลงเพลงพิณเถิด” 

 

 

“พ่ะย่ะค่ะ” จวินฉางอวิ๋นจำต้องบรรเลงเพลงพิณต่อไป 

 

 

อวี้อาเหรามองไปทางไทเฮา จากนั้นก็มองมาที่เขาอีกครั้ง แล้วก้มหน้าลงพร้อมทั้งทำตาม 

 

 

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ หากนางเรียนไม่ดี ไทเฮาก็จะใช้โอกาสนี้ในการกักตัวนางเอาไว้ในตำหนักรู่หวง ซึ่งเป็นความปรารถนาของอีกฝ่าย ในเมื่อเป็นเช่นนี้นางก็จำต้องเรียนให้ดี นางตั้งใจเรียนมากยิ่งขึ้น จวินฉางอวิ๋นช่างเชี่ยวชาญเป็นอย่างยิ่ง แทบจะเข้าใจในเรื่องของพิณอย่างทะลุปรุโปร่ง ดังนั้นจึงสอนได้อย่างรวดเร็ว หลังจากที่อวี้อาเหราตั้งใจเรียนแล้ว แน่นอนว่าจะต้องเรียนได้อย่างรวดเร็ว 

 

 

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ดวงตะวันก็ตกลงสู่ท้องฟ้าต้านทิศตะวันตก  

 

 

อวี้อาเหราบรรเลงได้หนึ่งเพลง ไทเฮาก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจแล้วปล่อยนางกลับได้ 

 

 

อวี้อาเหราและจวินฉางอวิ๋นเดินออกมาจากตำหนักรู่หวงด้วยกัน 

 

 

เมื่อเห็นแผ่นหลังกว้างใหญ่ของเขาแล้ว ทันใดนั้นนางก็เกิดความคิดขึ้นมา หากไทเฮาปรารถนาจะให้นางแต่งงานกับจวินฉางอวิ๋นจริงๆ นางคงไม่อาจจัดการไทเฮาได้ง่ายๆ และนางคงไม่อาจถอนหมั้น แต่ทางจวินฉางอวิ๋นนั้นไม่เหมือนกัน พวกเขาทั้งสองล้วนแล้วแต่ไม่ชอบกัน ในใจอาจจะต้องการที่จะถอนหมั้นอยู่แล้วก็เป็นได้ แต่เพราะเห็นแก่หน้าของไทเฮาจึงพูดออกมาไม่ได้ 

 

 

หากเป็นเช่นนั้นก็ใช้ความสัมพันธ์นี้ในการจัดการเรื่องราวทั้งหมด แล้วร่วมมือกันทั้งสองฝ่ายเสียยังจะดีกว่า 

 

 

แต่เขาจะช่วยเรื่องถอนหมั้นหรือไม่นะ? 

 

 

เป็นเรื่องที่ยังไม่อาจรู้ได้ ต้องลองก่อนจึงจะรู้ 

 

 

ดังนั้น นางจึงหยุดฝีเท้าลง แล้วมองไปทางจวินฉางอวิ๋น “องค์รัชทายาท” 

 

 

จวินฉางอวิ๋นเองก็หยุดฝีเท้าเช่นเดียวกันหันกลับมามองนาง มีท่าทีรำคาญเล็กน้อย “มีอะไร” 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 526 ร่วมมือ 

 

 

 

 

 

“ข้าเพียงอยากคุยกับเจ้า ในเมื่อพวกเราล้วนไม่ชอบหน้ากัน เจ้าก็…” อวี้อาเหราปรายตาไปมองเจาเอ๋อร์และเมี่ยวอวี้ที่อยู่ด้านหลังเล็กน้อย พวกนางจึงรีบก้มหน้าลงในทันที 

 

 

นางจึงค่อยหันหน้ามา มองไปทางจวินฉางอวิ๋น 

 

 

“เจ้าไปบอกไทเฮาว่าไม่อยากแต่งงานกับข้า หรือไม่พวกเราก็แกล้งทะเลาะกันให้นางเห็น เพื่อให้นางยกเลิกแผนการการแต่งงานของเรา ในเมื่อเราต่างก็ล้วนไม่ชอบหน้า ก็ทำเช่นนี้คงจะดีกว่า เป็นเพราะเจ้ารังเกียจข้ามิใช่หรือ จึงได้ผลักข้าตกหน้าผาน่ะ? หากไม่ได้ ข้าก็จะล้มอีกรอบ แต่อย่างไรก็จะไม่ทำให้เจ้าลำบากแน่ ทางด้านเสด็จพ่อนั้นข้าจะช่วยพูดเอง…” 

 

 

“อวี้อาเหรา เจ้ารู้หรือไม่ว่าพูดเรื่องอะไรออกมา” จวินฉางอวิ๋นหรี่ตาลง แล้วก้าวเดินไปข้างหน้า 

 

 

“ข้า…ข้า…” อวี้อาเหรามองท่าทีของนาง จู่ๆ ก็พูดตะกุกตะกัก พูดไม่ออกขึ้นมา 

 

 

นางไม่อยากจะทำเช่นนี้หรอก ไม่เพียงแต่นางที่เหนื่อย ไทเฮาเองก็เหนื่อย จวินฉางอวิ๋นเองก็เหนื่อย เหตุใดต้องเลือกนางให้แต่งงานด้วย คุณหนูจวนอื่นก็ไม่เลว ทั้งยังเชื่อฟังกว่านางตั้งมาก แต่ทำไมมีเพียงนางเท่านั้นที่โชคร้ายโดนไทเฮาเลือกเท่านั้นเล่า 

 

 

ชายารัชทายาทอะไรกัน ใครอยากได้ก็เอาไป นางไม่อยากได้เลยแม้แต่น้อย! 

 

 

อวี้อาเหราสูดลมหายใจเข้าลึกๆ  

 

 

“เจ้าไม่ต้องพูด” จวินฉางอวิ๋นโบกมือขัดไม่ให้นางได้พูดในสิ่งที่นางอยากจะพูด แล้วกวาดตามองเจาเอ๋อร์และเมี่ยวอวี้ “พวกเจ้าออกไปก่อน เรามีเรื่องที่จะต้องพูดกับคุณหนูของพวกเจ้าสักหน่อย” 

 

 

“องค์รัชทายาท…” เจาเอ๋อร์และเมี่ยวอวี้ยังคงไม่วางใจ รัชทายาทมีชื่อเสียงอย่างไร มีหรือพวกนางจะไม่รู้? 

 

 

อวี้อาเหรามองไปที่พวกนางทั้งสอง “พวกเจ้าไปเถิด” 

 

 

“เจ้าค่ะ” เมื่อเห็นนางพูดเช่นนี้ เจาเอ๋อร์และเมี่ยวอวี้ก็ไม่พูดอะไรออกมาอีก 

 

 

เมื่อคนทั้งสองจากไปแล้ว อวี้อาเหราจึงหันมา มองไปทางจวินฉางอวิ๋นที่ก้มหน้าอยู่ตลอดเวลา แล้วพูดขึ้นอย่างเปิดอกว่า “เจ้าอยากพูดอะไรก็พูดเถิด” 

 

 

ในนาทีต่อมานั้น จวินฉางอวิ๋นก็ก้าวเดินเข้ามากระชั้นชิดเสียจนน่าแปลกใจ ต้อนนางเสียจนมุม 

 

 

อวี้อาเหราไม่มีที่ให้ถอยอีกต่อไป พยายามที่จะสงบสติอารมณ์ เงยหน้าขึ้นมองเขา “เจ้าทำอะไร?” 

 

 

“เจ้าจะได้เป็นพระชายารัชทายาทของเราอยู่แล้ว เจ้าว่าข้าจะทำอะไรเล่า” จวินฉางอวิ๋นเดินเข้ามาใกล้เข้าไปอีก จมูกของเขาแทบจะติดอยู่กับหน้าของนาง กลิ่นกายของเขาที่พวยพุ่งออกมา ถูกนางสูดเข้าจมูกไปจนหมด นางมองชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าไม่กี่นิ้ว ใบหน้าของนางแดงซ่าน แต่ไม่ใช่เพราะเขินอายแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะนางโกรธเสียจนหน้าแดงต่างหาก! 

 

 

จวินฉางอวิ๋น เจ้ากล้าทำเรื่องส่งเดชเช่นนี้หรือ? 

 

 

นางลองขัดขืนสองสามครั้ง แต่ก็ไม่สามารถขัดขืนได้อย่างที่คิดเอาไว้ กำลังของบุรุษและสตรีนั้นไม่อาจเทียบกันได้จริงๆ  

 

 

ทำได้แต่เพียงเงยหน้าขึ้นไปมองเขา แล้วแสร้งทำสีหน้าสงบนิ่ง แต่ในใจกลับกระวนกระวายเป็นที่สุด 

 

 

นางยังไม่เคยเข้าใกล้บุรุษเพศขนาดนี้มาก่อน นอกจากที่ฉู่ป๋ายที่กอดนางทั้งที่ป่วยเมื่อคราวก่อน 

 

 

ลมหายใจของเขา ตั้งใจที่จะทำให้นางไม่ชอบใจ 

 

 

ร่างกายของฉู่ป๋ายมีกลิ่นดอกไม้ กลิ่นกายหอมกว่าชายหนุ่มทั่วไป แต่กลิ่นหอมนั้นก็ไม่เหมือนกับกลิ่นดอกไม้ เพราะบางเบามาก ไม่ได้ฉุนจมูกเหมือนกลิ่นดอกไม้ทั่วไป แต่กลับทำให้ใจสั่นไหว ทว่ากลิ่นกายของจวินฉางอวิ๋นนั้นกลับเป็นกลิ่นแป้งหอมที่แสนฉุนจมูก จนทำให้นางรู้สึกคลื่นเ**ยน 

 

 

นางเบือนหน้าหนีอย่างจงใจ 

 

 

ราวกับจวินฉางอวิ๋นรู้ใจของนาง จึงยื่นมือออกไปดึงใบหน้าของนางกลับคืนมา สีหน้ายิ้มแย้มดูร้ายกาจ 

 

 

“การหมั้นของเรานั้น หากเจ้าอยากถอนก็ถอนได้ง่ายๆ หรือ? เจ้ากลั่นแกล้งคิดบัญชีกับข้ามาตั้งกี่ครั้งกี่หน จะใช้เหตุผลเพียงแค่ว่าไม่ชอบหน้าแล้วจะถอนหมั้นได้อย่างนั้นหรือ ข้าจะทำให้เจ้าทนไม่ได้ และจะไม่ยอมให้เจ้าถอนหมั้น ให้เจ้าเป็นทุกข์ เสียจนข้าพอใจเสียก่อน”