บทที่ 267 หารายได้
เนื่องด้วยจำนวนของพวกเขาที่มีกันหลายคน มันจึงไม่สะดวกที่จะอาศัยในโรงแรม
ที่สำคัญกว่านั้น มี่ไลและหลิวเฟ่ยเฟ่ยยังต้องศึกษาวิชาเจตจำนงแปลงสรรพสิ่งโดยไม่ให้ใครเห็น
ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้เพียงเช่าสถานที่เงียบสงบสำหรับพวกเขาเองเท่านั้น หลังจากค้นหาอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดพวกเขาก็พบเรือนเช่าราคาถูกทางตอนใต้ของเมือง ชื่อของมันคือสวนอี้หลาน
เพียงแค่เช่าสวนอี้หลานแห่งนี้เพียงวันเดียวก็ต้องใช้เหรียญคริสตัลระดับวิญญาณกว่า 20,000 ชิ้น
หลังจากที่ซือโถวเหวินหยวนจ่ายค่าเช่าเรือนด้วยเหรียญคริสตัลระดับสวรรค์ด้วยความเจ็บปวดแล้ว หลิงตู้ฉิงและคนอื่น ๆ ก็ได้รับสิทธิ์ในการเช่าเรือนเป็นเวลา 2 เดือน
สิ่งที่ต้องรู้คือ เหรียญคริสตัลระดับสวรรค์ 1 เหรียญนั้นมีค่าเท่ากับเหรียญคริสตัลระดับจักรพรรดิ 1 หมื่นเหรียญ หรือ 1 ล้านเหรียญของระดับวิญญาณ เมื่อพวกเขาจ่ายด้วยเหรียญคริสตัลระดับสวรรค์ ดังนั้นพวกเขาจึงได้รับสิทธิ์ในการเช่าและอาศัยอยู่ที่นี่เป็นเวลา 2 เดือน
ไม่เพียงแต่เหรียญคริสตัลระดับสวรรค์จะบริสุทธิ์กว่าเหรียญคริสตัลระดับจักรพรรดิเท่านั้น ที่สำคัญกว่านั้นยังมีร่องรอยของกฎระดับสวรรค์อยู่ภายใน ดังนั้นมันย่อมมีค่ามากกว่าเหรียญคริสตัลระดับจักรพรรดิ
เมื่อเข้าสู่สวนอี้หลาน ทุกคนรู้สึกได้ทันทีว่าพลังวิญญาณในเรือนแห่งนี้นั้นหนาแน่นยิ่งกว่าข้างนอกเป็นร้อยเท่า
เดิมทีหากมองจากภายนอกมันเป็นเรือนที่มีขนาดเล็กมาก แต่หลังจากที่ทุกคนเข้าไปด้านในแล้วพวกเขาก็พบว่าสถานที่ทั้งหมดมีขนาดใหญ่มากและมีขนาดเกือบครึ่งหนึ่งของคฤหาสน์สราญรมย์ แน่นอนว่ายังมีความแตกต่างที่สำคัญนั่นก็คือพลังวิญญาณที่หนาแน่น
เสี่ยวเยว่เฟิงและซือโถวเหวินหยวนรู้อยู่แล้วว่าลานเหล่านี้ล้วนมีลักษณะเช่นนี้ ในทางกลับกันมี่ไลและหลิวเฟ่ยเฟ่ยไม่เคยเห็นมาก่อน ดังนั้นพวกนางจึงประหลาดใจมาก
“สถานที่แห่งนี้นั้นน่าจะถูกสร้างขึ้นโดยผู้เชี่ยวชาญค่ายกลและเหล่าช่างหลอมที่ระดับสูงอยู่พอสมควร หากดูจากตำแหน่งของค่ายกลต่าง ๆ แล้ว มันถูกวางไว้เป็นอย่างดีเพื่อดึงดูดพลังวิญญาณจากภายนอกเข้ามาควบแน่นด้านในนี้” หลิงตู้ฉิงอธิบาย
“สามี ท่านต้องฝึกหนักอีกแล้ว!” มี่ไลหัวเราะ
นางรู้ว่าหลิงตู้ฉิงต้องการพลังวิญญาณจำนวนมากเพื่อบ่มเพาะ และสถานที่แห่งนี้ก็เต็มไปด้วยพลังวิญญาณ ซึ่งมันน่าจะเป็นที่ที่หลิงตู้ฉิงชอบเป็นอย่างมาก
หลิงตู้ฉิงยิ้มและส่ายหัว “มีเพียงเทียนหยุน หลิงเฟิง และ กงหนิวเท่านั้นที่จะได้รับประโยชน์จากที่นี้ ส่วนพวกเราที่เหลือคงไม่ได้ประโยชน์จากมันมากนัก”
ถ้าเขาขาดพลังวิญญาณในการบ่มเพาะ หลิงตู้ฉิงคงจะใช้ค่ายกลวิญญาณบรรจบมานานแล้ว ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้วิธีใช้ค่ายกลระดับที่สูงระดับนี้ แต่สิ่งที่เขาขาดอย่างแท้จริงคือปฏิกิริยาทางอารมณ์ที่รุนแรง
สำหรับคนอื่น ๆ เช่น มี่ไลและหลิวเฟ่ยเฟ่ยที่ระดับการบ่มเพาะของพวกนางได้มาถึงจุดสูงสุดของขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 12 แล้ว พวกนางจะต้องหยุดการบ่มเพาะของพวกนางลงก่อนชั่วคราว ส่วนเสี่ยวเยว่เฟิงที่อยู่ในขอบเขตสวรรค์และซือโถวเหวินหยวนที่เป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตครึ่งสวรรค์ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ต้องการพลังวิญญาณมากนัก
เหตุผลที่เขาเลือกเรือนนี้ก็เพราะว่ามันกว้างขวางมาก และไม่มีใครจากด้านนอกสามารถมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายในเรือนได้ นั่นคือเหตุผลทั้งหมด
“เอาล่ะ ตอนนี้พวกเจ้าได้รับที่พำนักแล้ว ต่อไปจงขยันฝึกฝน! ข้าต้องรีบสร้างสมบัติวิเศษขายก่อน ไม่เช่นนั้นเราจะไม่มีเงินสำหรับเช่าเรือนนี้หลังจาก 2 เดือนผ่านไป” หลิงตู้ฉิงพูด
เมื่อได้ยินคำสั่ง เสี่ยวเยว่เฟิงก็ลากตัวน้องสาวของนางไปหาที่บ่มเพาะเหมาะ ๆ
เนื่องจากเงื่อนไขสำหรับเสี่ยวหลิงเฟิงในการเข้าสู่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับคือการเข้าสู่ขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 12 ให้ได้ และเมื่อตอนนี้พวกนางได้เข้ามาอยู่ในสถานที่ที่เต็มไปด้วยพลังวิญญาณ ดังนั้นนางต้องบังคับน้องสาวฝึกฝนให้หนักสักหน่อย
“พี่สาว ข้าอยากเห็นนายท่านสร้างอาวุธวิเศษระดับราชวงศ์!” เสี่ยวหลิงเฟิงขอร้อง
นางไม่มีแม้แต่อาวุธวิเศษระดับวิญญาณ ดังนั้นนางจึงอยากจะคอยดูวิธีสร้างอาวุธวิเศษระดับราชวงศ์
เสี่ยวเยว่เฟิงพูดอย่างขุ่นเคือง “เจ้าจะดูไปทำไม? งานของเจ้าคือการเข้าสู่ขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 12 ให้เร็วที่สุด นายท่านถึงจะสนใจเจ้า เจ้านี่มันโง่นัก เจ้าไม่สังเกตเหรอว่าตอนนี้ที่ข้างกายของนายท่านมีคนตั้ง 6 คนแล้วที่เต็มใจจะเข้าไปด้านในเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ?”
“เมื่อถึงเวลา ถ้าเจ้าไม่พยายาม เจ้าอาจจะเป็นหนึ่งในคนที่นายท่านไม่พาเข้าไปด้านใน นอกจากนี้นายท่านยังเตรียมที่จะทำการแลกเปลี่ยนกับหนิงเฟิง และนั่นก็ยิ่งทำให้โอกาสของเจ้าน้อยลงไปอีก อย่ามัวแต่ทำอะไรเล่น ๆ! นั่งลง ข้าจะถ่ายทอดคาถ าวัฏจักรศักดิ์สิทธิ์ให้เจ้า ดังนั้นจงฝึกให้ดี!”
หนิงเฟิง คือ นายน้อยของภูเขาฟีนิกซ์
ในฐานะพี่สาว นางอดไม่ได้ที่จะกังวลแทนน้องสาวเพราะโอกาสอยู่ตรงหน้าแล้ว หากไม่พยายามที่จะคว้ามันเอาไว้ มันก็คงจะเป็นโศกนาฏกรรมที่แย่ที่สุด
หลังจากนั้นเสี่ยวหลิงเฟิงก็ได้รับการถ่ายทอดคาถาวัฏจักรศักดิ์สิทธิ์และเริ่มบ่มเพาะ
สำหรับหลิงตู้ฉิง หลังจากที่เขาสร้างเขตป้องกันสำหรับมี่ไลและคนอื่น ๆ ในสวนอี้หลานแล้ว เขาก็ปล่อยให้พวกเขาทำความเข้าใจวิชาเจตจำนงแปลงสรรพสิ่งกันต่อไป
สำหรับตัวเขาเอง เขาหยิบวัสดุออกมาและเริ่มสร้างอาวุธวิเศษระดับราชวงศ์ทันที
ตามความสามารถในปัจจุบันของเขาเขาสามารถสร้างอาวุธวิเศษระดับราชวงศ์ 1 ชิ้นได้ในเวลา 2 หรือ 3 วัน
หลังจากผ่านไปครึ่งเดือน ตอนนี้หลิงตู้ฉิงได้สร้างไปแล้ว 3 หรือ 4 ชิ้น
“ข้าจะไปหาหอการค้าและขายอาวุธวิเศษระดับราชวงศ์ เฟิงเจ้าอยู่ที่เรือนและคอยปกป้องทุกคน ซือโถวมากับข้า ถ้าข้าเข้าไปคนเดียว มันอาจมีพวกน่ารำคาญมาคอยก่อกวนข้าอีก” หลิงตู้ฉิงสั่งขึ้น
ซือโถวเหวินหยวนพยักหน้าและยิ้ม “นายท่าน นี่ท่านกลัวปัญหาอย่างนั้นเหรอ”
หลิงตู้ฉิงพูดอย่างช่วยไม่ได้ “ข้าไม่ต้องการจะฆ่าคนหากมันไม่จำเป็น!”
หลิงตู้ฉิงเข้าใจสภาพจิตใจของเขาเองตอนนี้ดีว่าสถานการณ์ปัจจุบันของเขาแตกต่างออกไป เขาจะไม่ตามใจตัวเองเหมือนก่อนหน้านี้อีก
ซือโถวเหวินหยวนยิ้มและคิดกับตัวเองว่า ‘ถึงแม้ท่านจะไม่อยากฆ่าคน แต่บางทีการฆ่าเพื่อขู่มันก็จำเป็นเช่นกัน’
ทั้งสองเดินไปตามถนนมองหาหอการค้า อย่างไรก็ตามพวกเขาอาศัยอยู่ในย่านเขตที่พักอาศัย ซึ่งมันห่างจากเขตการค้า
หลังจากเดินมานาน ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงส่วนทิศเหนือของเมืองและพบกับหอการค้ายู่หลาน ทั้งสองจึงเดินเข้าไปด้านใน
“ท่านทั้งสองกำลังมองหาอะไรงั้นหรือ?” พนักงานของหอการค้าเดินมาถาม
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “ข้ามาขายอาวุธวิเศษระดับราชวงศ์ และซื้อของบางอย่าง”
เมื่อเขาได้ยินว่าหลิงตู้ฉิงกำลังจะขายอาวุธวิเศษระดับราชวงศ์ พนักงานก็พูดด้วยรอยยิ้มทันที “ข้าสงสัยว่าท่านจะขายอาวุธวิเศษระดับราชวงศ์ ระดับไหน?”
หลิงตู้ฉิงหยิบอาวุธวิเศษระดับราชวงศ์ออกมา และพูดว่า “โปรดประเมินดู!”
เมื่อพนักงานเห็นว่าเป็นอาวุธวิเศษระดับราชวงศ์จริง ๆ และรู้สึกได้ถึงอำนาจกดดันที่ออกมาจากอาวุธชิ้นนี้ เขาก็พูดทันทีว่า “ลูกค้าที่เคารพกรุณารอสักครู่!”
แม้ว่าอาวุธวิเศษระดับราชวงศ์จะสามารถใช้ได้กับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตนภาเท่านั้น แต่มันก็ไม่ใช่ว่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตนภาทุกคนจะมีมันในครอบครอง ต้องรู้ไว้ว่าแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์บางคนที่ไม่ได้ร่ำรวยนักยังต้องใช้อาวุธวิเศษระดับราชวงศ์อยู่เลย ดังนั้นด้วยมูลค่าและความนิยมของอาวุธวิเศษระดับราชวงศ์ หากมีคนต้องการขายมัน มันย่อมได้รับความสนใจจากหอการค้า
ต่อมาไม่นานผู้เชี่ยวชาญที่อยู่จุดสูงสุดของขอบเขตนภาก็เดินออกมา
เมื่อเขาได้พบกับหลิงตู้ฉิง เขาจึงเริ่มพูดก่อนว่า “ข้าคนชราผู้นี้คือหัวหน้าผู้ประเมินของหอการค้ายู่หลานของเรา ข้ามีนามว่าอู่เวิ่น ข้าขอทราบได้ไหมว่าท่านมีนามว่าอะไร?”
“เจ้าจำเป็นต้องรู้จักตัวตนของข้าด้วยเหรอ หากเจ้าต้องการซื้อของของข้า? เอาล่ะรีบประเมินมันเร็ว ๆ ได้แล้ว” หลิงตู้ฉิงตอบกลับ
“ขออภัยที่ชายชราคนนี้ได้กล่าววาจาหยาบคายออกไป” อู่เวิ่นยิ้ม
เมื่อพูดจบ อู่เวิ่นก็หยิบอาวุธวิเศษระดับราชวงศ์ขึ้นมาและเพ่งมองมันอย่างระมัดระวัง หลังจากนั้นไม่นานเขาก็พูดว่า “ด้วยโลหะที่ใช้สร้างและการประสานกฎแห่งปฐพีเข้าไปในมัน มันจึงเป็นอาวุธที่คมและหนักกว่าอาวุธวิเศษระดับราชวงศ์ทั่วไป มันเหมาะมากสำหรับการใช้งานของผู้บ่มเพาะที่มีทักษะอยู่ในระดับสูง… 3.5 ล้านเหรียญคริสตัลวิญญาณ ท่านคิดว่าอย่างไร?”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าเล็กน้อย “ก็สมเหตุสมผลแล้ว แต่ข้ายังมีอีกอัน!”
ขณะที่เขาพูด เขาหยิบชุดเกราะออกมาและส่งให้อู่เวิ่น
อู่เวิ่นมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยสายตาเพ่งพินิจ และจากนั้นเขาก็ตรวจสอบชุดเกราะอย่างละเอียด
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็หายใจเข้าลึก ๆ และพูดกับหลิงตู้ฉิง “ชุดเกราะชิ้นนี้ถือเป็นเครื่องป้องกันวิเศษระดับราชวงศ์ชั้นยอด ข้าไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมา ข้าให้ 11 ล้านเหรียญคริสตัลระดับวิญญาณ ท่านเห็นด้วยกับราคาของข้าหรือไม่?”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและพูดว่า “ก็ได้ แต่ข้าต้องการเหรียญคริสตัลระดับสวรรค์!”
“ไม่มีปัญหา!” อู่เวิ่นหัวเราะ “แขกผู้มีเกียรติ ท่านยังมีของดีอื่น ๆ อีกรึเปล่า?”
หลิงตู้ฉิงยิ้ม “ข้ายังมี แต่ข้าจะยังไม่ขายมัน ต่อไปนี้ข้าต้องการแลกเปลี่ยน”
“ท่านต้องการที่จะแลกเปลี่ยนอะไรงั้นหรือ?” อู่เวิ่นถามอย่างใจเย็น
“ข้ายังมีโอสถวิญญาณศักดิ์สิทธิ์คุณภาพเยี่ยม!” หลิงตู้ฉิงพูดขึ้น “ข้าต้องการแลกเปลี่ยนกับหน้ากระดาษเคลือบหยก”