ตอนที่ 557 แทบจะเป็นทูนหัว
เฝิงเยี่ยไป๋ออกจากวังขึ้นรถม้าก็ถอดชุดไว้ทุกข์ออกด้วยความรู้สึกรังเกียจ เฉาเต๋อหลุนได้เตรียมชุดใหม่ไว้ให้เขาอยู่ในรถแล้ว ชุดที่เปลี่ยนลงมาก็โยนออกไป เฉาเต๋อหลุนจัดการได้ สถานการณ์ตอนนี้สำหรับซู่อ๋องจะว่าดีก็ใช่ว่าจะดี รัชทายาทสืบทอดบัลลังก์ ในมือก็มีอำนาจเคลื่อนพลทหาร อีกทั้งรัชทายาทเป็นคนฉลาด ไม่ใช่คนไร้ความสามารถ นี่เป็นเรื่องที่ไม่ดีสำหรับซู่อ๋อง สองคือรัชทายาทยังเยาว์วัยเกินไป คำพูดที่ตรัสออกมายากจะทำให้ทุกคนยอมรับได้ แถมยังขาดประสบการณ์ การจัดทัพสู้รบพระองค์ไม่ชำนาญ ประทับอยู่บนบัลลังก์ก็ไม่อาจสั่งได้ทันท่วงที ไม่สู้ความสุขุมเยือกเย็นของซู่อ๋อง สิ่งที่ตัดสินใจยากจะครอบคลุม เรื่องนี้สำหรับซู่อ๋องแล้วเป็นเรื่องดี
เพียงแต่เขาคิดเรื่องเหล่านี้ไปล้วนไม่มีประโยชน์ เพราะไม่ได้เกี่ยวกับเขาเลย ตอนนี้ที่สำคัญที่สุดคือจะกลับหรู่หนานอย่างไร แถมยังต้องปัดเรื่องวุ่นวายเหล่านี้ออกจากตัวเองและครอบครัวให้ขาด นี่เป็นเรื่องยาก ฐานะของตัวเองสะดุดตาเกินไป คิดจะลอบออกไปก็ไม่ได้ เรื่องนี้รอช้าไม่ได้ ยิ่งปล่อยให้ยืดเยื้อไม่ได้อีก หากจะตัดขาดก็ต้องตัดให้เด็ดขาด
ยามพอกลับไปถึงจวนแล้วกลับไม่เห็นเฉินยาง ซั่งเหมยบอกว่าวันนี้อากาศดี นางอุ้มเสี่ยวจินอวี๋ไปตากแดด เขาหานางเจอที่สวนหลังจวน เสี่ยวจินอวี๋ถูกห่อไว้แน่น บอกว่าออกมาตากแดด ที่จริงแล้วเด็กก็มีเพียงตา จมูกและใบหน้าที่โผล่ออกมา แม่นมตามอยู่ข้างๆ สอนนางว่าอุ้มเด็กอย่างไร บอกนางว่าเด็กโตเท่านี้มีเรื่องใดบ้างที่ต้องระวัง พร่ำพุดเสียยาว ยังจัดผ้าที่ห่อเด็กอยู่เป็นเวลานาน คนพูดก็พูดเสียจริงจัง คนฟังก็ฟังอย่างตั้งใจ ไม่มีใครสังเกตเห็นเขาเลย
เฝิงเยี่ยไป๋ขยับเข้าไปดูใกล้ๆ เด็กน้อยกำลังหลับสนิท นางหอมแก้มลูกชายตัวเองอยู่ตลอด ใบหน้าเต็มไปด้วยความสุข พอนางเงยหน้าขึ้นมาก็เหลือบเห็นเฝิงเยี่ยไป๋ที่ก้าวเท้าเดินมา ใบหน้าของนางถูกแสงแดดสาดส่อง ยิ่งมีความงดงาม ชวนให้ใครๆ ก็รัก เขาไม่อาจอธิบายความรู้สึกที่อยู่ในใจนั้นได้ เหมือนดั่งถูกบางอย่างเติมเต็มไม่มีช่องว่าง
“คุยอะไรกันหรือ” เขาจิ้มไปที่ใบหน้าของเสี่ยวจินอวี๋ ช่างเป็นวัยที่ดีอะไรเช่นนี้ ไม่รู้เรื่องใดๆ ไม่มีเรื่องกวนใจ ดีใจก็ยิ้ม ไม่พอใจก็เบะปาก ข้างกายมีแต่คนเอาใจ แทบจะเป็นทูนหัวเสียจริงๆ
เฉินยางเล่าเรื่องที่พูดคุยกันเมื่อครู่ให้เขาฟังย่อๆ แล้วส่งเสี่ยวจินอวี๋ให้เขา “แม่นมบอกไว้ เป็นพ่อแม่ต้องอุ้มลูกบ่อยๆ นี่เป็นช่วงเวลาที่สร้างความผูกพัน ท่านไม่ค่อยได้อุ้มเขาเลย อย่าได้กลายเป็นว่าเขาโตแล้วไม่รู้จักท่านแล้วท่านก็มาบ่นอีก”
เฝิงเยี่ยไป๋ยังจำท่าทางอุ้มเด็กที่ไทเฮาสอนครั้งก่อนได้ แขนที่แข็งแรงทั้งสองข้างโค้งท่าอุ้มขึ้นมา เฉินยางวางเสี่ยวจินอวี๋เข้าไป กลัวเฝิงเยี่ยไป๋ไม่ระวังทำเด็กเจ็บอีก ยังไม่ทันปล่อยมือก็เริ่มกำชับ “ท่านอย่าได้แกว่งไปมา เขาถูกท่านแกว่งไม่ไหว”
นี่เป็นลูกชายของเขา แม้ว่าบางครั้งจะไม่ค่อยพอใจกับลูกชายคนนี้นัก นึกชิงชังที่เขาแย่งความสนใจของภรรยาจากเขาไป เพียงแต่นี่ก็เป็นเลือดเนื้อของเขา อุ้มอยู่ในอกใจก็สั่นระรัว เด็กตัวเล็กๆ เช่นนี้ จะต้องโตขึ้น จะเรียกเขาว่าท่านพ่อ เรียกเฉินยางว่าท่านแม่ วิ่งได้กระโดดได้ เขาก็จะสอนเขาอ่านหนังสือ รำกระบี่ฝึกวิชา ในเมื่อเป็นผู้ชายก็ต้องเลี้ยงให้แข็งแรงสืบตระกูลของเขา อนาคตหน้าตาต้องไม่แย่นอนนอน จะขาดความเป็นลูกผู้ชายไม่ได้ ต่อจากนั้น เขาก็จะแต่งงานมีภรรยา แล้วลูกชายก็จะมีลูกชายอีก สืบตระกูลของเขาต่อไปเรื่อยๆ
ตอนที่ 558 คนนี้เขาเอามาไม่ได้
เฝิงเยี่ยไป๋และเว่ยเฉินยางเพิ่งได้เป็นพ่อแม่คนครั้งแรก เพียงแต่ความรักลูกนั้นเหมือนกันหมด คนที่ครอบครัวไม่สมบูรณ์ตั้งแต่เด็กทั้งสอง ตอนนี้ได้มีครอบครัวที่สมบูรณ์อย่างยากลำบาก ในบ้านยังมีเลือดเนื้อที่สืบวงศ์ตระกูลได้ จิตใจก็ไม่สนใจเรื่องอื่นใดแล้ว คิดเพียงกลับไปอยู่ที่บ้าน ทั้งครอบครัวอยู่ห่างไกลจากความวุ่นวายนี้ยิ่งไกลยิ่งดี
อวี่เหวินลู่ย่อตัวอยู่ที่ปลายหลังคามองท่าทางมีความสุขของครอบครัวนี้ ยิ่งมองในใจก็ยิ่งรู้สึกทรมาน เพราะเหตุใด เขาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเฝิงเยี่ยไป๋ ต่อให้บางอย่างจะสู้เขาไม่ได้ ตัวเองก็ยังอายุน้อยกว่าเขา เฝิงเยี่ยไป๋อายุมากกว่านางหลายสิบปี หากจะบอกว่าเหมาะสม ก็ยังเป็นพวกเขาสองคนที่อายุใกล้เคียงกันเหมาะสมกว่า นางบอกไม่ดูหน้า หากเทียบเรื่องอื่น เฝิงเยี่ยไป๋ดีต่อนาง เขาก็สามารถดีต่อนางได้ หากนางให้โอกาสเขา จะเข้ากันได้หรือไม่ยังไม่นึกถึงก่อน ลองดูก็ยังดี ตัวเองไม่น่าจะแย่เช่นนั้นกระมัง แม้แต่โอกาสก็ไม่ให้เขาก็ตัดสินเขาเสียแล้ว
สองคนที่อยู่ใต้ชายคาเดินใกล้เข้ามาทุกทีระหว่างนั้นมีเด็กกั้นอยู่ ใบหน้าแนบชิดกัน ริมฝีปากค่อยๆ สัมผัสกัน จูบกันอยู่ในสวนกลางวันแสกๆ เช่นนี้ ไม่สนใจเลยว่าข้างๆ ยังมีแม่นมอยู่ เฝิงเยี่ยไป๋นี้ก็ช่างมือไวนัก มือข้างหนึ่งอุ้มเด็กอยู่ยังสามารถใช้มืออีกข้างหนึ่งไปโอบเอวเฉินยาง เจ้าคนถ่อยนี้!
เขาจูบภรรยาตัวเองก็เป็นเรื่องปกติ เขาอยู่ที่นี่รู้สึกไม่พอใจ ยังดีที่ไม่มีใครเห็น ไม่เช่นนั้นคงคิดว่าเขาเป็นคนเสียสติ ท่าทางร้อนรนเช่นนี้ ทำเอาน่าตกใจนัก
แต่เดิมใบหน้าของเฉินยางก็แดงอยู่แล้ว พอถูกเฝิงเยี่ยไป๋จูบเข้าให้ก็ยิ่งแดงขึ้นไปอีก เฝิงเยี่ยไป๋แนบอยู่ที่หูนาง พูดอะไรบางอย่างออกมา นางยื่นมือไปตีเขาหนึ่งที นางหน้าแดงไปถึงคอ ตอนนี้ก็รีบร้อนเช่นนี้ไม่หลบสายตาคน กลับไปแล้วยังจะมีเรื่องดีอะไรได้อีก เขาเองก็เป็นผู้ชาย เฝิงเยี่ยไป๋แนบอยู่หูนางพูดอะไรก็เดาได้ไม่ยากเย็นนัก
จะดูอยู่เช่นนี้ต่อไปหรือ ไม่ได้! ไม่สนว่าพวกเขาจะทำเรื่องนี้เมื่อใด อย่างไรเสียอยู่ในสายตาของเขาก็คือไม่ได้ เพียงแค่เขาเห็นภาพนี้ก็โมโหมากพอแล้ว เรื่องเช่นนั้น แค่คิดก็แทบจะระเบิดแล้ว จะอย่างไรก็ให้พวกเขาสำเร็จไม่ได้
ในใจอวี่เหวินลู่ตัดสินใจแล้วก็กระโดดลงจากหลังคา กลัวว่าตัวเองแอบมองจากด้านหลังถูกเฝิงเยี่ยไป๋สังเกตเข้าแล้วจะเยาะเย้ยเขา จึงจงใจเดินอ้อมเสียรอบใหญ่เพื่อไปหา เขาขวางอยู่ตรงหน้าทั้งสองคน หางตากวาดผ่านเสี่ยวจินอวี๋ที่อยู่ในอ้อมกอด ไม่มองแม้แต่เฉินยาง เขาจ้องมองไปที่เฝิงเยี่ยไป๋ “ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้า อีกเดี๋ยวรอที่สวนตะวันตก พวกเราดื่มกันเสียหน่อย”
เฝิงเยี่ยไป๋ก็มีเรื่องอยากจะคุยกับเขาพอดีจึงไม่ลังเลที่จะตกลงอย่างง่ายดาย “ได้เลย ข้าก็มีเรื่องจะคุยกับเจ้าพอดี เจ้ารอหน่อย อีกเดี๋ยวข้าก็ไป”
อวี่เหวินลู่สะบัดแขนเสื้อหันหลังอย่างสง่าแล้วก้าวเท้ายาวๆ จากไป ยามที่ไปนั้นสง่า เพียงแต่พอหันกลับมา ในใจเขาช่างเศร้ายิ่งนัก ความน้อยใจนี้ไม่อาจเล่าให้ใครฟังได้ น่าสงสารจนไม่เป็นท่า ไฉนถึงได้กลายเป็นเช่นนี้ เมื่อก่อนท่านอ๋องบิดาเขาก็ไม่ใช่ไม่เคยหาผู้หญิงให้เขา มีทุกรูปแบบ เขาก็เคยลอง กระนั้นก็เพียงแค่ระบายง่ายๆ เท่านั้น ดีไม่ดีเลวไม่เลวสำหรับเขาแล้วก็ไม่แตกต่าง เพียงแต่ตอนนี้กลับไม่ได้แล้ว เลือกมากขึ้น สิ่งที่ยอมรับได้ก็ไม่ต่ำแล้ว จะทำอย่างไรดี ในใจถูกแทรกจนเต็มแล้ว คนนี้เขาเอาไม่ได้ เพียงแต่จะทำอย่างไรถึงจะตัดนางออกไปจากหัวใจได้