บทที่ 377 ฆาตกรตัวจริง

รักหวานอมเปรี้ยว

มายมิ้นท์โกรธจนขำแล้ว “ฉันก็นึกว่า หล่อนสำนึกผิดแล้ว ที่แท้เป็นเพราะรู้ว่าหนีไม่พ้นก็เลยไม่หนีแล้ว”

เปปเปอร์จ้องมองเธอ “คนคนนี้ คุณอยากจะจัดการยังไง?”

“ยังไม่รีบร้อนค่ะ ฉันอยากรู้ว่า ทำไมหล่อนถึงต้องมาลอบทำร้ายฉันด้วย?” มายมิ้นท์หยิกฝ่ามือไป ใบหน้าเรียวเยือกเย็นถึงขีดสุด

จู่ ๆ ตาของเปปเปอร์ก็หรี่ลงมา “หล่อนไม่ได้สารภาพ”

“ไม่ได้สารภาพ?” มายมิ้นท์รู้สึกแปลกใจ

เปปเปอร์ลูบคลำนิ้วมือไปครู่หนึ่ง รอบตัวมีความโหดเหี้ยมปรากฏออกมา “ใช่ ไม่ว่าทางตำรวจจะสอบสวนยังไง หล่อนก็ไม่เปิดปากพูดเลย”

มายมิ้นท์กัดฟันกรอก “งั้นหล่อนก็ปากแข็งมากเลยนะคะ”

“ลาเต้ไปพบหล่อนแล้ว ฟังจากที่ลาเต้พูด เหมือนกับว่าจะมีอะไรคอยสนับสนุนหล่อนอยู่ หล่อนถึงได้ไม่สารภาพออกมาเลย” เรียวปากของเปปเปอร์เม้มกันเป็นเส้นตรง

ถึงเขาจะไม่เคยไปเจอคนคนนั้นที่สถานีตำรวจ แต่ผู้ช่วยเหมันตร์ไปมาแล้ว

ผู้ช่วยเหมันตร์บอกว่า ทางตำรวจใช้แม้กระทั่งแสงไฟแรงสูง ผู้หญิงคนนั้นก็ยังไม่ยอมสารภาพ ทั้ง ๆ ที่ดูไปแล้วก็ไม่ใช่คนแข็งแกร่งอะไร เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง แถมยังดูเป็นคนที่มีนิสัยอ่อนแอด้วย แต่ผู้หญิงคนนั้น ก็ยังคอยยืนกรานอยู่ตลอดไม่ยอมเปิดเผยอะไรเลย

เพราะฉะนั้นถ้าไม่ใช่เพราะว่ามีอะไรให้หล่อนเป็นห่วงอยู่ ความตั้งใจของหล่อน ก็คงจะไม่แกร่งขนาดนี้หรอก

“ผู้หญิงคนนั้น ชื่อว่าอะไรคะ?” มายมิ้นท์สูดหายใจเข้าลึก ๆ ทีหนึ่ง พยายามสงบสติลงมา

เปปเปอร์จ้องมองเธอ “ลำดวน”

เป็นชื่อที่เชยมากและธรรมดามากชื่อหนึ่ง

“ลำดวนเหรอคะ?” มายมิ้นท์มีความสงสัยอยู่เต็มหน้า เห็นได้ชัดว่าไม่รู้จัก แถมยังไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยด้วยซ้ำ

เพราะฉะนั้นคนที่ไม่เคยมีความแค้นอะไรต่อกัน ทำไมต้องมาทำกับเธอแบบนี้ด้วย?

เป็นเพราะโดนคนจ้างวานมาเหรอ หรือว่า……

ชั่วขณะหนึ่ง ใจของมายมิ้นท์เต็มไปด้วยความสงสัย

“พรุ่งนี้ฉันอยากจะไปดูผู้หญิงคนนั้นที่สถานีตำรวจสักหน่อย อยากไปถามหล่อนด้วยตัวเองค่ะ” มายมิ้นท์พูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

ถ้าไม่ได้ไปถามด้วยตัวเอง เธอจะไม่สบายใจ!

ตอนแรกเปปเปอร์ไม่ค่อยเห็นด้วยมากนัก ในเมื่ออาการบาดเจ็บของเธอยังไม่หายดี

แต่พอแววยึดมั่นบนใบหน้าเธอ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ขัดขวางอะไร

ที่บ้านตระกูลภักดีพิศุทธิ์ ในเขตฟอลร่าซีน

ในเวลานี้ชวนชมเองก็เพิ่งรู้ว่าลำดวนโดนจับแล้ว ในใจก็ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก อาหารเย็นก็กินไปแค่ไม่กี่คำ ก็อ้างว่าไม่ค่อยสบายขอตัวกลับห้องไปเลย

เธอนั่งอยู่ข้างเตียง ลมหายใจดูเร่งรีบและหนักหน่วง ความไม่สบายใจในดวงตาและบนใบหน้าทำยังไงก็แอบซ่อนไว้ไม่อยู่

ตอนนี้เธอรู้สึกกลัวมาก กลัวลำดวนจะซัดทอดเธอออกมา

ถึงแม้เธอจะทำการแลกเปลี่ยนกับลำดวน ให้ลำดวนตกลงยอมรับการสอบสวนจากตำรวจแทนเธอ ลำดวนเองก็รับปากไว้แล้วว่าจะไม่ซัดทอดเธอออกมา แต่ว่าสุดท้ายจะพูดหรือไม่พูดออกมา ใครจะไปรับประกันได้ล่ะ?

เพราะฉะนั้นตั้งแต่ช่วงบ่ายมา เธอก็หวาดระแวงมาตลอด ไปช้อปปิ้งก็แม่ก็ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จนถึงเวลาอาหารเย็นเมื่อกี้ เธอได้เห็นในข่าวแล้วว่าลำดวนโดนจับแล้ว ถึงได้ลนลานขึ้นมาทันที และเป็นกังวลว่าตำรวจจะบุกมากะทันหัน มาจับตัวเธอที่เป็นฆาตกรตัวจริงไป

ใช่แล้ว คนที่ลงมือกับมายมิ้นท์จริง ๆ คือเธอ ไม่ใช่ลำดวน

ก่อนหน้าที่เธอจะลงมือกับมายมิ้นท์วันหนึ่ง อยู่ ๆ ก็พบกับลำดวนเข้า และได้รู้ว่าลำดวนกำลังต้องการเงิน เพื่อไปช่วยลูกชายตัวเอง เธอก็เลยเป็นฝ่ายเข้าไปคุยกับลำดวนเอง ให้ลำดวนทำการแลกเปลี่ยนกับตัวเอง เธอจะออกเงินรักษาอาการป่วยให้ลูกชายลำดวนเอง แต่ลำดวน ต้องไปช่วยเธอรับโทษแทน

และแล้ว เธอก็คิดแผนการหนึ่งขึ้นมา ให้ลำดวนซื้อเสื้อผ้าผู้ชายมาชุดหนึ่ง แล้วให้เอาไปที่ห้างสรรพสินค้า และให้เข้าไปในห้องน้ำห้างตอนห้าโมงเย็น ไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากับเธอ เธอใส่เสื้อผ้าของลำดวนไว้ แล้วไปทำลายไฝแดงของมายมิ้นท์ที่คอนโดพราวฟ้า แล้วลำดวนปลอมตัวเป็นเธอ โบกรถกลับไปรอเธอที่หมู่บ้านในเมือง พอเธอทำลายไฝแดงของมายมิ้นท์ได้แล้ว ก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากับลำดวนที่หมู่บ้านในเมืองคืนมา และที่แผนการนี้สามารถดำเนินไปได้อย่างราบรื่น ก็เป็นเพราะว่าส่วนสูงและน้ำหนักของเธอกับลำดวนนั้นเท่าๆ กัน ไม่งั้นทางตำรวจก็จะต้องพบว่าคนที่ลอบทำร้ายมายมิ้นท์ กับคนที่โดนจับนั้นแตกต่างกัน

พอเธอเปลี่ยนเสื้อผ้าของตัวเองกลับมาแล้วกลับไปถึงบ้านตระกูลภักดีพิศุทธิ์ ก็หักไม้ที่ทำร้ายมายมิ้นท์ไป แล้วก็ใช้เสื้อผ้าเก่าส่วนหนึ่งมาห่อไว้แล้วยัดใส่ถุงขยะสีดำ แล้วโยนทิ้งไป

ที่เธอเอากลับมาทิ้งที่บ้านนั้น เป็นเพราะว่ากลัวถ้าทิ้งไว้ที่คอนโดพราวฟ้าหรือว่าหมู่บ้านในเมืองนั้นจะโดนตำรวจพบเห็นเข้า ในเมื่อบนนั้น อาจจะมีลายนิ้วมือที่เธอจัดการไม่หมดก็ได้ แล้วถ้าเกิดโดนพบเห็นเข้า แผนการนี้ก็จะใช้ไม่ได้อีกเลย

ครั้งนี้ ที่เธอไม่ให้ลำดวนเป็นคนลงมือกับมายมิ้นท์ แต่เลือกที่จะลงมือด้วยตัวเอง ก็เป็นเพราะว่าลำดวนขวัญอ่อนเกินไป ขวัญอ่อนยิ่งกว่าเธอซะอีก พอได้ยินว่าจะทำร้ายคนอื่น ก็ยังไงก็ไม่ยอมตอบตกลง เธอถึงต้องมาลงมือด้วยตัวเอง

ถึงเธอจะไม่ใช่คนดีอะไร แล้วก็เจ้าเล่ห์มาก แต่ว่าการทำร้ายคนจริง ๆ ก็เป็นครั้งแรกเหมือนกัน เพราะฉะนั้นตอนที่ลงมือกับมายมิ้นท์นั้น ก็ลนลานแล้วก็กลัวมากเหมือนกัน แต่เพื่ออนาคตของตัวเองแล้ว ถึงจะลนลานและกลัวแต่ก็ต้องกัดฟันทำ คิดไม่ถึงว่าพอทำเสร็จแล้ว เธอกลับไม่กลัวแล้ว กลัวแต่ว่าตัวเองจะโดนพบเห็นจะโดนจับเท่านั้น

แต่ในข่าวบอกว่า ลำดวนโดนจับไปตอนประมาณช่วงสี่โมงเย็น ตอนนี้ผ่านไปตั้งกี่ชั่วโมงแล้ว ทางตำรวจก็ยังไม่มาหาเธอ ดูท่าแล้ว ลำดวนน่าจะไม่ได้ซัดทอดเธอออกมา

พอคิดได้แบบนี้ จิตใจที่ตื่นกลัวและไม่สบายใจของชวนชม ก็สงบลงไปได้บ้าง

เธอลุกขึ้นมา เดินไปที่หน้าต่างบานใหญ่ มองไปบนท้องฟ้าข้างนอก แล้วพึมพำเสียงต่ำขึ้นว่า “คุณมายมิ้นท์ คุณอย่าโทษฉันเลยนะ ฉันก็ต้องทำเพื่ออนาคตของตัวเอง ในเมื่อคุณกัคุณทามทอยพาฉันมาถึงสวรรค์นี้แล้ว ทำให้จิตใจของฉันเกิดความโลภขึ้นมา งั้นคุณก็จะรับผิดชอบ เพราะฉะนั้นถ้าจะโทษ ก็โทษตัวคุณเองละกัน ที่ทำไมจะต้องเกิดมาเป็นชวนชมด้วย…….”

……

วันรุ่งขึ้น ตอนเก้าโมงเช้า

มายมิ้นท์ได้ให้ลาเต้ช่วยไปขออนุญาตให้ตัวเองออกไปครึ่งวัน เตรียมตัวจะไปสถานีตำรวจ เพื่อไปดูลำดวนคนนั้นสักหน่อย

ลาเต้เถียงเธอไม่ไหว จึงต้องเห็นด้วย แล้วหารถเข็นมาอันหนึ่งไปเป็นเพื่อนเธอด้วย

พอเดินมาถึงลานจอดรถ ทางด้านโน้นผู้ช่วยเหมันตร์ก็เข็นเปปเปอร์มาแล้ว

พอลาเต้เห็น ก็เท้าเอวขึ้นมาทันที “ยังไง คุณก็จะไปด้วยเหรอ?”

เปปเปอร์ไม่ได้แสดงออกอะไร “ไม่ได้เหรอ? ที่จับตัวคนร้ายได้ก็เป็นผลงานของผม ถ้าผมจะไปมันก็สมควรไม่ใช่เหรอ”

ลาเต้เบ้ปากเล็กน้อย “ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเห็นแก่จุดนี้ ไม่ว่ายังไงผมก็จะขัดขวางคุณแน่”

“เอาล่ะเต้ เลิกเล่นได้แล้ว พวกเราไปกันเถอะ” มายมิ้นท์มองไม่เห็น จึงได้แต่ลูบ ๆ คลำ ๆ ไปแตะต้องตัวลาเต้ แล้วตบมือลาเต้เล็กน้อย แล้วพูดเร่งขึ้นมาอย่างปวดหัว “อย่าลืมซะล่ะ พวกเรามีเวลาแค่ครึ่งวันเองนะ”

“ขอโทษด้วยนะยาหยี คุณก็รู้ ว่าพอผมเห็นเปปเปอร์ก็จะต้องพูดกวนเขาสักหน่อย ผมจะรีบพาคุณขึ้นรถเดี๋ยวนี้แหละ” ลาเต้พูดขึ้นมา แล้วก็เอากุญแจรถเปิดประตูรถออก

ที่ด้านข้าง ผู้ช่วยเหมันตร์เบ้ปากแล้วกระแอมไอขึ้นมาคำหนึ่ง และข่มความอยากขำลงไป แล้วพูดกับเปปเปอร์ขึ้นว่า “ประธานเปปเปอร์ครับ พวกเราก็ไปขึ้นรถเถอะนะครับ”

เปปเปอร์ตอบอืมไปคำหนึ่ง ถึงปากจะตอบตกลงแล้ว แต่ก็ไม่ขยับ แล้วจ้องมองมายมิ้นท์อยู่ตลอด

จนกระทั่งมายมิ้นท์เข้าไปนั่งในรถเรียบร้อยด้วยความช่วยเหลือของลาเต้ ถึงได้ให้ผู้ช่วยเหมันตร์เข็นตัวเองไปที่ข้าง ๆ รถ

รถทั้งสองขับมาตาม ๆ กันมาคันหนึ่งอยู่หน้าคันหนึ่งอยู่หลัง มาถึงสถานีตำรวจห่างกันไม่กี่สิบวินาที

ลาเต้เข็นมายมิ้นท์แล้วเดินเข้าไปข้างใน

ทางสถานีตำรวจได้รับโทรศัพท์ของเปปเปอร์มานานแล้ว และรู้ว่าพวกเขาจะมา เพราะฉะนั้นก็เลยไม่ได้พูดอะไร แล้วก็พาเธอไปเจอลำดวนเลย

ลำดวนโดนขังอยู่ในห้องสอบสวนมาตลอด ทางตำรวจกะว่าจะขังหล่อนไว้ยี่สิบสี่ชั่วโมง และไม่ให้อาหารและน้ำดื่ม และห้ามนอน แถมยังใช้แสงไฟแรงสูงส่องไว้ด้วย เพื่อต้องการกดดันจิตใจหล่อน ให้หล่อนทนไม่ไหวแล้วก็สารภาพออกมา

แต่ตอนนี้ได้ผ่านไปสิบกว่าชั่วโมงแล้ว เห็นได้ชัดว่าสภาพจิตใจของลำดวนห่อเหี่ยวมากแล้ว แต่หล่อนก็ยังกัดฟันไว้แน่นไม่ยอมพูดอะไร นี่ทำให้ทางตำรวจรู้สึกปวดหัวเป็นอย่างมากเลย

ในเมื่อคนที่ปากแข็งแบบนี้ พวกเขาพบเจอไม่บ่อยนัก ปกติแล้วมักจะเป็นแบบพวกที่ชั่วร้ายและทำผิดใหญ่หลวงถึงจะปากแข็งแบบนี้ เพราะว่าเชื่อมโยงอะไรไว้มากมาย

แต่ว่าลำดวนคนนี้ เป็นแค่ชาวบ้านธรรมดาคนหนึ่ง แล้วก็ทำผิดเล็กน้อยเท่านั้น แต่กลับปากแข็งเช่นนี้ ช่างทำให้คนเหนื่อยหน่ายจริง ๆ

“คุณก็คือลำดวน!” มายมิ้นท์โดนลาเต้เข็นเข้าไปในห้องสอบสวน ลาเต้กระซิบกับเธอเบา ๆ ว่าลำดวนอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว