ส่วนที่ 4 ตอนที่ 19

ความลับแห่งจินเหลียน

ผู้อาวุโสเจี่ยควักบุหรี่ออกมาหนึ่งมวนพร้อมจุดไฟแล้วค่อยๆ พ่นควันออกมา พร้อมพยักหน้าพูดว่า “หินหยกทั้งสองชิ้นนี้ คุณซีเหมินคิดว่าเป็นยังไงบ้าง”

 

ซีเหมินจินเหลียนไม่จำเป็นต้องดู ก็รู้ว่าหินหยกสองชิ้นนี้มาจากงานประมูล นี่เป็นหยกที่เธอสนใจและถูกคนอื่นแย่งตัดหน้าไปด้วยราคาหนึ่งล้านหยวน ทำให้เธอรู้สึกโศกเศร้ามาจนถึงตอนนี้ ชิ้นหนึ่งเป็นหยกสีผสม ส่วนอีกชิ้นเป็นหยกฮกลกซิ่ว

 

“เป็นฝีมือผู้อาวุโสเจี่ยเหรอคะ” ซีเหมินจินเหลียนถาม

 

“นี่ไม่ใช่สินค้าของผม” ผู้อาวุโสเจี่ยส่ายหน้า

 

ซีเหมินจินเหลียนกดเก็บความรู้สึกไม่พอใจเอาไว้ แต่บนใบหน้าปรากฏเป็นรอยยิ้มเยือกเย็น “ผู้อาวุโสเจี่ยแกล้งฉันสนุกมากไหมคะ”

 

“ไม่ใช่ๆๆ…” ผู้อาวุโสเจี่ยส่ายหน้า “หินหยกสองชิ้นนี้ต่างมีเจ้าของ อีกไม่นานเขาคงจะใกล้มาถึงแล้ว ส่วนใครจะเป็นคนลงมือตัด ผมไม่สามารถตัดสินใจได้ ผมแค่ทำหน้าที่นัดคุณตามที่เขาสั่งเอาไว้”

 

ซีเหมินจินเหลียนนิ่งสงบลง จ่ายป๋ายก็ไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน ในใจได้แต่คิดว่าเขาเป็นใครกันแน่ ทำไมถึงดูลึกลับเช่นนี้? คิดไม่ถึงว่าเขาจะรู้ราคาที่ประมูล แถมที่สำคัญยังรู้ว่าเป็นซีเหมินจินเหลียนที่ประมูล

 

เรื่องนี้ดูมีพิรุธอย่างไม่ต้องสงสัย ตามกฎกติกาในงานประมูล นอกเหนือจากผู้จัดงานแล้ว คนอื่นก็ไม่สามารถรู้ชื่อของผู้ประมูลได้ ยิ่งโดยเฉพาะราคาประมูล

 

แต่คนคนนี้ ไม่เพียงแต่รู้หมายเลขที่เธอประมูล แต่กลับรู้ราคาที่เธอตั้งประมูลไว้ด้วย จากนั้นเขาจึงตั้งราคาสูงกว่าเธอเล็กน้อยเพื่อซื้อเอาไว้ แถมยังให้ผู้อาวุโสเจี่ยนัดเธอมาที่นี่อีก

 

ในเมื่อเป็นแบบนี้ คนผู้นั้นคงจะตามติดซีเหมินจินเหลียนมาโดยตลอด แล้วใช้โอกาสนี้ในการแย่งประมูล?

 

เมื่อจ่านป๋ายคิดเช่นนี้ หัวใจก็แสนจะปวดร้าว ดูจากสีหน้าของซีเหมินจินเหลียนที่แทบจะบ้าคลั่งแล้ว เธอก็สนใจหยกสองชิ้นนี้เป็นอย่างมาก ถ้าหากตอนนี้เจ้าของสินค้าคิดจะขึ้นราคา เธอก็คงทำอะไรไม่ได้ ถึงแม้การค้าจะคือการลงทุน แต่วิธีการเช่นนี้ก็โหดร้ายเกินไป แม้กระทั่งพูดได้ว่าเป็นวิธีการที่สกปรก

 

ซีเหมินจินเหลียนไม่ได้พูดอะไรออกมา เธอเดินไปนั่งบนหินหยกชิ้นหนึ่ง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ในเมื่อหินหยกทั้งสองชิ้นอยู่ตรงหน้าเธอ เธอก็จะไม่ปล่อยให้หลุดมือไปง่ายๆ

 

แน่นอนว่าถ้าเจ้าของสินค้าอยากจะโก่งราคาให้สูงขึ้นเกินกว่าที่เธอจะยอมรับได้ เธอก็คงจะยอมแพ้แล้วปล่อยมันไป

 

เวลาผ่านไปไม่นาน ข้างนอกก็มีชายชราผู้หนึ่งกำลังเดินเยื่องย่างเข้ามา ซีเหมินจินเหลียนกับจ่านป๋ายมองชายชราผู้นั่นเพียงแวบเดียวก็รู้เลยว่าคือชายชราหูที่พักอยู่ที่หมู่บ้านเก่าแก่คร่ำครึโบราณ

 

“อาจารย์!” ผู้อาวุโสเจี่ยเดินเข้าไปต้อนรับ

 

“ฉันบอกตั้งหลายครั้งว่าฉันไม่ใช่อาจารย์ของเธอ!” ชายชราหูไพล่มือทั้งสองไว้อยู่ที่ด้านหลัง ยังคงเป็นคนเย็นชา ไม่น่าเข้าใกล้เช่นเดิม

 

“ผู้อาวุโสหู!” ซีเหมินจินเหลียนลุกขึ้นมาและเดินไปที่ข้างหน้าหินหยกสองชิ้นนั่น บนใบหน้าแสดงออกถึงอาการทุกอย่างโดยไม่ต้องเอ่ยปากพูด

 

“คุณซีเหมินจินเหลียนคงอยากจะถามใช่ไหมว่าหินหยกทั้งสองชิ้นนี้เป็นของฉันหรือเปล่า” ชายชราหูพูดขึ้น ซีเหมินจินเหลียนจึงพยักหน้า ชายชราหูหัวเราะยิ้มแหะๆ แล้วตอบไปว่า “ใช่แล้ว หินทั้งสองชิ้นนี้เป็นของผม มันควรจะเป็นอย่างนั้น”

 

“ว่าไงนะ?” จ่านป๋ายกำมัดไว้แน่น พยายามควบคุมอารมณ์ไม่ให้ระเบิดออกมา เมื่อมองชายชราท่าทางดูไม่เดือดร้อนอะไรจึงรู้สึกอึดอัดใจ

 

“พลังความโกรธแค้นของคนหนุ่มสาวนี่ช่างมหาศาลนัก!” ชายชราหูถูจมูกตัวเอง จากนั้นใช้สายตาเย็นชามองไปที่จ่านป๋าย

 

จ่านป๋ายรู้สึกได้ว่าสายตาของชายชราหูผู้นี้เหมือนกับไฟฟ้าที่กำลังช็อตไปที่หัวใจของเขาอย่างจัง เขาเลยไม่ยอมแพ้ที่จะส่งสายตาพิฆาตแค้นกลับไปอย่างไม่ละสายตา

 

“ไม่เลวนี่ เป็นคนรุ่นใหม่ที่ใช้ได้ทีเดียว” ชายชราหูพูดชื่นชมเขา แต่สายตากลับหันไปจ้องซีเหมินจินเหลียน “คุณซีเหมิน เจ้าของที่แท้จริงที่ขายหินหยกทั้งสองชิ้นนี้ก็คือผม หรือจะพูดก็คือผมเป็นเจ้าของสินค้าและก็เป็นคนที่ขัดขวางรายการประมูลของคุณ”

 

ซีเหมินจินเหลียนพยายามสงบสติอารมณ์แล้วหายใจเข้าลึกๆ “ให้เหตุผลฉันมาหน่อยได้ไหมคะ ราคาที่ฉันตั้งมาไม่ทำให้คุณพึงพอใจเลยอย่างนั้นเหรอ”

 

“ผมแก่ปูนนี้แล้ว เรื่องเงินไม่ใช่สิ่งสำคัญหรอก” ชายชราหูพูด

 

ซีเหมินจินเหลียนคิดไม่ออกว่าเขาทำไปเพราะอะไร ในมือของชายชราหูผู้นี้มีหินหยกที่ใช้ได้ไม่น้อยเลยทีเดียว…

 

“ชิ้นนี้เป็นสีผสม ผมไม่สามารถคาดเดาได้ทั้งหมดแต่ก็ไม่น่าจะผิดพลาด” ชายชราหูมองไปที่หินชิ้นที่เล็กหน่อยแล้วสายตาก็เลื่อนไปพูดถึงหินชิ้นใหญ่ “ส่วนชิ้นนี้ ถ้าทายไม่ผิดก็น่าจะเป็นฮกลกซิ่ว…”

 

 “อาจารย์ จริงเหรอครับ” ผู้อาวุโสเจี่ยสีหน้าตื่นอกตื่นใจ

 

“การวิเคราะห์ของฉันมักแม่นยำไม่น้อยกว่าเจ็ดสิบเปอร์เซ็น” ชายชราหูพูดอย่างมั่นใจ

 

ในใจของซีเหมินจินเหลียนสงบลงไม่ได้จริงๆ บนโลกใบนี้มีคนที่มองจากภายนอกอย่างเดียวแล้วรู้ลึกไปถึงลักษณะเนื้อหินหยกข้างในเชียวเหรอ? ไม่เช่นนั้นความมั่นใจของชายชราหูจะมาจากไหนกัน

 

เขาขายหยกสีเลือดชิ้นนั้น แถมยังมีอีกสองชิ้น ในมือของผู้อาวุโสหูมีหินหยกลักษณะดีอีกกี่ชิ้นกันแน่? แต่ว่าคำถามของซีเหมินจินเหลียนก็ยังคงค้างคาใจ ในเมื่อเขารู้แก่ใจว่าหินหยกพวกนี้เป็นแบบไหน แล้วทำไมถึงไม่ผ่าหยกเองซะเลย เมื่อผ่าให้เห็นตัวหยกทั้งหมดราคาย่อมสูงกว่าขายเป็นหินหยกทั้งก้อน

 

“ในเมื่อรู้แบบนี้แล้วทำไมคุณถึงไม่ผ่าหยกเสียเองล่ะ ถ้าแบบนั้นคงทำเงินได้มากอยู่” จ่านป๋ายพูดจากระแทกแดกดันอย่างช้าๆ

 

“เพราะว่าผมอยากจะใช้หินหยกสองชิ้นนี้ แลกเปลี่ยนกับคำพูดจริงใจของคุณซีเหมินสักประโยค”

 

“คุณ…หมายความว่ายังไง” ซีเหมินจินเหลียนสงสัยเหลือเกิน

 

“ที่ผมจะพูดก็คือ หินหยกสองชิ้นนี้ผมจะไม่เอาเงินจากคุณแม้แต่แดงเดียว ผมจะให้มันกับคุณซีเหมิน แต่ผมอยากจะให้คุณซีเหมินบอกกับผมเรื่องหนึ่ง” ชายชราหูตอบคำถามที่ค้างคาใจเธอ

 

“เรื่องอะไรคะ” ซีเหมินจินเหลียนตอบกลับไป บนโลกใบนี้ไม่มีอะไรที่ได้มาอย่างฟรีๆ หรอก นี่คงจะไม่ใช่เรื่องที่ดีอะไร ถ้าชายชราไม่ได้บ้าไปแล้วก็คงจะต้องมีเรื่องลำบากใจอะไรบางอย่าง…

 

“เสี่ยวเจี่ยออกไปก่อน” ชายชราหูพูด

 

ผู้อาวุโสเจี่ยงุนงงแต่ก็หันหลังกลับออกไปด้านนอกแต่โดยดี ชายชราหูมองไปทางจ่านป๋ายแล้วหันไปมองซีเหมินจินเหลียน ซีเหมินจินเหลียนจึงมองไปยังจ่านป๋ายสื่อให้เข้าออกไป

 

จ่านป๋ายแม้ว่าจะไม่วางใจที่จะปล่อยเธอไว้กับชายชราหู แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่เดินออกไปข้างนอกเช่นกันแล้วพูดว่า “จินเหลียน ถ้าเขาทำอะไรคุณ คุณเรียกผมได้เลยนะ…”

 

“หึๆ…” ชายชราหูแค่นหัวเราะออกมา

 

ซีเหมินจินเหลียนส่งยิ้มบางๆ ไปให้เขา เมื่อเห็นจ่านป๋ายออกไปข้างนอกแล้ว ชายชราหูจึงเดินไปปิดประตู สายตาหันไปมองหลังมือขวาของเธอที่มีรูปดอกบัวสีทองแล้วพูดว่า “คุณเคยเลือกซื้อหยกในโกดังมาแล้วหนึ่งชิ้น”

 

“ใช่ค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า เขาคงไม่ได้จะถามแค่นี้หรอกนะ?

 

“ทำไมกัน?” ชายชราหูถาม

 

“ท่านผู้อาวุโสหูถามอะไรแปลกๆ คะ” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มผ่อนคลายพูดออกไป “การเดิมพันหยกก็ไม่ใช่แค่เดิมพันหรอกเหรอ ฉันแค่คิดว่าลักษณะของหินหยกชิ้นนั้นไม่ธรรมดาก็เลยตัดสินใจซื้อไปก็เท่านั้น”

 

“ถึงจะเป็นคนที่เข้าใจในการเดิมพัน แต่ก็ไม่เลือกซื้อหินหยกชิ้นนั้นไปจากโกดังหรอก!”

 

“ฉันชอบหินหยกชิ้นนั้นค่ะ!” ซีเหมินจินเหลียนขมวดคิ้ว ชายชราผู้นี้ดูสงสัยอะไรกับเรื่องแค่นี้

 

“คุณซีเหมิน คุณอยากรู้เรื่องเล่าเกี่ยวกับหินหยกก้อนนั้นไหม” ชายชราหูเปลี่ยนหัวข้อสนทนาขึ้นมา

 

“คะ?” ซีเหมินจินเหลียนถาม “มีเรื่องเล่าด้วยเหรอคะ”

 

“ใช่ครับ” ชายชราหูพยักหน้า “คุณซีเหมินก็เล่นเดิมพันหยก ไม่รู้ว่าเคยได้ยินเรื่องเล่าการเบิกเนตรนักเดิมพันหยกมาบ้างไหม”

 

ซีเหมินจินเหลียนกำมือแน่น เล็บมือของเธอจิกเข้าไปในเนื้อ เพื่อที่จะลดจิตใจที่ฟุ้งซ่านให้สงบลง ชายชราผู้นี้จะพูดอะไรกันแน่?

 

“นั่นไม่ใช่เรื่องไร้สาระที่เล่าต่อกันมาเหรอคะ” ซีเหมินจินเหลียนพูดอย่างสำรวมออกไป

 

“ใช่ครับ คนทั่วไปเรียกทักษะนี้ว่าตำราไร้สาระ” ชายชราหูหยิบบุหรี่ขึ้นมาหนึ่งมวนแล้วจุดไฟขึ้นมาอย่างมีสไตล์เป็นของตัวเอง สูดเข้าไปเต็มปอด เมื่อหัวบุหรี่ติดไฟสีแดงก็สูดควันพ่นออกมา…

 

ซีเหมินจินเหลียนไม่ได้พูดอะไร รอให้ชายชราหูเล่าต่อ เมื่อชายชราหูพ่นควันออกมาแล้วพูดว่า “การเบิกเนตรไม่ได้มีแต่ใช้ในการเดิมพันหยก…แต่ถูกค้นพบว่าในนั้นมีผลประโยชน์มหาศาล ใครก็ไม่อาจที่จะยั้งสติได้”    

 

ซีเหมินจินเหลียนยังคงไม่พูดต่อไป รอให้เขาเล่าเรื่องให้จบ จนถึงตอนนี้เธอก็ไม่รู้ว่าพลังพิเศษของเธอยังสามารถทำอะไรอย่างอื่นได้หรือเปล่า หรือเธอควรไปโรงพยาบาลบอกกับคุณหมอว่าควรจะยกเลิกรังสีเอกซ์ไป แล้วใช้เธอแทนรังสีเอกซ์ดี?

 

หรือว่าเธอควรจะใช้พลังพิเศษให้เป็นประโยชน์ อย่างเช่นแอบดูผู้ชายหล่อๆ ผ่านเสื้อผ้าของเขา? เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เธอก็อดที่จะคิดถึงจ่านป๋ายไม่ได้ ตอนที่เธอสัมผัสไปที่ร่างของเขา ก็ไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังใช้พลังพิเศษนี้ไปสอดส่องดูเขาอยู่

 

 

“หินหยกที่คุณซื้อไปครั้งก่อน เป็นของอาจารย์ของผมที่เก็บเอาไว้ ตอนนั้นอาจารย์ได้เบิกเนตรไว้ เพื่ออยากรู้ว่าหินข้างในจะมีสีเขียวออกมาหรือเปล่า แล้วคุณรู้ไหมว่าผลเป็นยังไง?” ชายชราหูถาม

 

ซีเหมินจินเหลียนได้แต่ส่ายหน้า ถ้าหากอาจารย์ของชายชราหูสามารถเห็นลักษณะข้างในของเนื้อหยกได้จริง เกรงว่าคงจะเหมือนเธอ ตกใจจนขวัญเสีย …

 

“ตอนที่ดูสินค้าตอนนั้น เขาอยู่ที่ร้านค้าแปรรูปหยกที่พม่า” ชายชราหูพูดพลางถอนหายใจแล้วจัดการสูบบุหนี่ที่เหลืออยู่ ก่อนจะปล่อยก้นบุหรี่ให้หล่นลงไปบนพื้นและบดขยี้มัน “ตอนนั้นสีหน้าของอาจารย์ ไม่ค่อยสู้ดีเหมือนตอนที่คุณเห็นหยกก้อนนั้นในครั้งแรก…”

 

“อะไรนะคะ” ซีเหมินจินเหลียนเงยหน้าขึ้นมองชายชราหู

 

“คุณอย่าพึ่งตกใจไป ฟังผมพูดก่อนเถอะ” ชายชราหูพูด “ตอนนั้นอาจารย์ก็แสดงอาการตกใจจนใบหน้าซีดขาว แต่ก็ยังยืนกรานที่จะซื้อหยกชิ้นนั้นเอาไว้ เมื่อผ่านการต่อรองราคาเขาก็ยังยืนหยัดที่จะซื้อมาไว้ในครอบครอง”

 

“หลังจากนั้นล่ะคะ” ซีเหมินจินเหลียนถามด้วยความสงสัย ในเมื่อตกเป็นของอาจารย์ของเขาแล้ว หลังจากซื้อหินหยกเสร็จทำไมถึงไม่ผ่าออกมา?

 

“แน่นอนว่าคืนนั้น อาจารย์ก็เสียอย่างไม่ทราบสาเหตุ” ชายชราหูถอนหายใจ

 

“หา?” ซีเหมินจินเหลียนอุทานออกมาอย่างตกใจ

 

“หลังจากที่เขาเสียไป บนใบหน้าของเขามีอาการตื่นกลัว เหมือนกับว่าโดนอะไรมากระตุ้นให้ตกใจจนตายไป” ชายชราหูยังคงพูดต่อ “คุณรู้ไหมว่าตอนที่ผมยังเด็กก็เป็นช่วงที่วุ่นวาย ผมตามติดอาจารย์ไปทั่วทุกทิศ สงครามการต่อสู้ก็เห็นมาหมด อาจารย์ก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยเห็นความจริงของโลกนี้มาก่อน แต่ว่าเขาก็ตายจากไปโดยไม่มีร่องรอยของบาดแผลหรือการถูกทำร้าย ตายไปโดยไม่ทราบสาเหตุ…”