ตอนที่ 630 คนข้างกายเซียวเหยี่ยน / ตอนที่ 631 แต่งตั้งหยวนเฟย

ชายาหยุดเย้าข้าเสียทีเถิด

ตอนที่ 630 คนข้างกายเซียวเหยี่ยน

 

 

เวลานี้ ภายในห้องใต้ดินที่จวนแห่งหนึ่งในเมืองอวิ๋นเฉิง เซียวเหยี่ยนกำลังนั่งอยู่บนตั่งไม้ ด้านข้างมีโลงโปร่งแสงตั้งอยู่ โลงนี้ทำจากผลึกหินแร่ จึงใสและโปร่งแสง ด้านในมีผงยาที่ช่วยถนอมศพไว้ในโลง ทำให้ศพไม่เน่าไม่เปื่อย

 

 

หลิงอวี้จื้อนอนอยู่ในนั้น บนร่างสวมเสื้อผ้าสีเหลืองไข่ไว้ หลับตาคล้ายคนนอนหลับ ท่าทางดูสบายดี แม้แต่ผิวพรรณก็ยังแดงระเรื่อ

 

 

เมื่อเซียวเหยี่ยนทำงานเสร็จก็จะมานั่งที่นี่ทุกวัน แม้แต่เตียงของเขาก็ยังย้ายมาที่นี่ ทุกวันที่ลืมตาตื่นก็จะได้เห็นหลิงอวี้จื้อนอนอยู่ไม่ไกลนั้น

 

 

“อวี้จื้อ ยามนี้แค้วนเว่ยตะวันตกมีภัยแล้งทั้งมีน้ำท่วม ไม่นานเรากองทัพเราก็จะออกเดินทางแล้ว หากสำเร็จ แผ่นดินนี้ก็จะเป็นของเรา หากไม่สำเร็จ ข้าก็จะไปอยู่นอนหลับอยู่ใต้พิภพเป็นเพื่อนเจ้า ดีหรือไม่”

 

 

น้ำเสียงเซียวเหยี่ยนอ่อนโยนนัก ราวว่าหลิงอวี้จื้อยังมีชีวิตอยู่ จึงกลัวว่าจะทำให้นางตกใจตื่น

 

 

เขาจะพูดคุยกับหลิงอวี้จื้อทุกวันจนกลายเป็นความเคยชินไปแล้ว เขาคิดเสมอว่าหลิงอวี้จื้อแค่หลับไป การที่เขาได้เห็นเธอหลังจากที่กลับถึงจวนและได้อยู่ข้างเธอยามค่ำคืนเช่นนี้ เซียวเหยี่ยนก็รู้สึกพอใจมากแล้ว เขาไม่รู้สึกเหงาเลย

 

 

เวลานี้อู่จิ้นก็เดินเข้ามาด้วยฝีเท้าอันแผ่วเบา เห็นชัดแล้วว่าคุ้นเคยกับการที่เซียวเหยี่ยนมานั่งอยู่ข้างโลงศพเช่นนี้ทุกวัน เมื่อมีเรื่องรายงาน เขาก็จะมาที่นี่ แต่ที่นี่เป็นสถานที่ต้องห้ามของจวนเซียวอ๋อง มีเพียงเขาและม่อชิงที่เข้ามาได้ คนอื่นๆ ไม่มีสิทธิ์โดดเด็ดขาด

 

 

หลังจากได้ยึดครองครึ่งหนึ่งของแค้วนเว่ยตะวันตก เซียวเหยี่ยนก็ตั้งตนเป็นเซียวอ๋อง สร้างจวนเซียวอ๋องขึ้นมา และรอวันที่จะยึดครองเมืองหลวง ถึงตอนนั้นคงได้เปลี่ยนรัชศกของแผ่นดินนี้ และขึ้นเป็นฮ่องเต้อย่างเป็นทางการ

 

 

“นายท่าน มีข่าวจากเมืองหลวงมาว่า ฮ่องเต้จับตัวเจียงอวี้ไว้ขอรับ”

 

 

เมื่อได้ยินว่าเฉินม่อฉือจับเจียงอวี้ไว้ สีหน้าของเซียวเหยี่ยนกลับไม่เปลี่ยนเลย เขายังคงมองหลิงอวี้จื้อที่นอนในโลงศพเช่นเดิม น้ำเสียงที่เอ่ยก็ออกจะเอื่อยเฉื่อยอยู่เล็กน้อย

 

 

“เขาช่างใส่ใจกับอวี้จื่อจริงๆ ในเมื่อเจียงอวี้อยู่ในมือเขา เช่นนั้นเจียงสือต้องปรากฏตัวแน่ อู่จิ้น เจ้าให้ม่อชิงพาคนไปที่เมืองหลวง หากเจียงสือปรากฎตัวเมื่อใดก็หาทางจับเขาไว้ หากจับไม่ได้ก็ให้หาทางพาเจียงอวี้กลับมา ขอเพียงมีเจียงอวี้อยู่ อย่างไรก็ต้องจับเจียงสือได้แน่”

 

 

“เข้าใจแล้วขอรับ ข้าจะไปแจ้งม่อชิงเดี๋ยวนี้”

 

 

เซียวเหยี่ยนโบกมือบอกให้อู่จิ้นออกไปได้ อู่จิ้นโค้งกายถอยหลังออกไป แต่เดินไปเพียงไม่กี่ก้าวก็อดเอ่ยขึ้นไม่ได้ว่า “นายท่าน ดึกแล้ว รีบพักผ่อนเถิดขอรับ พระชายาก็คงอยากให้ท่านรักษาสุขภาพเช่นกันขอรับ”

 

 

เซียวเหยี่ยนไม่ได้เอ่ยรับคำ อู่จิ้นก็ไม่กล้าพูดอะไรต่ออีก เขาถอนหายใจเสียงเบาแล้วเดินออกไป สวรรค์ช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย เหตุใดต้องพรากพระชายาของพวกเขาไปด้วยเล่า

 

 

ทั้งที่ทั้งสองรักกันมากยิ่ง แม้แต่คนที่ไม่รู้จักความรักเช่นเขายังสัมผัสได้ถึงความหวานล้ำอันมากล้นเมื่อยามทั้งสองอยู่ด้วยกัน

 

 

หลายปีมานี่แม้เซียวเหยี่ยนจะยังคงทำงานทุกอย่างเป็นปกติเช่นที่ผ่านมา อู่จิ้นที่อยู่รับใช้ข้างกายเซียวเหยี่ยนมาหลายปีรู้ดีถึงความเจ็บปวดในใจของเขา

 

 

ห้าปีนี้ เขาแทบไม่เคยเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของเซียวเหยี่ยนเลย เขามีสีหน้านิ่งเฉยไร้อารมณ์เช่นนี้มาตลอด คล้ายว่าผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ที่ชอบยิ้มแย้มผู้นั้นเป็นเพียงภาพฝัน

 

 

เซียวเหยี่ยนลุกขึ้นแล้วเอ่ยพึมพำเสียงต่ำอยู่ข้างโลงของหลิงอวี้จื้อ “อวี้จื้อ เจ้าจะต้องกลับมาแน่ ใช่หรือไม่ เจ้าจะกล้าตัดใจทิ้งข้าให้อยู่ที่นี่คนเดียวเช่นนี้ได้อย่างไร เจ้าจะต้องฟื้นคืนมาอย่างแน่นอน ใช่หรือไม่”

 

 

วาจานี้เขาพูดกับหลิงอวี้จื้อและพูดกับตัวเองด้วยเช่นกัน เขาเชื่อมาตลอดว่าหลิงอวี้จื้อจะต้องฟื้นคืนมาแน่ ไม่ว่าต้องรอนานเพียงใด เขาก็จะหาไข่มุกเมฆาสวรรค์และศิลาวิญญาณให้พบให้จงได้

 

 

มิเช่นนั้นชั่วชีวิตอันยาวนานนี้ของเขาคงไม่มีเรื่องใดน่าอภิรมย์อีก แม้แต่ยิ้มก็คงทำไม่ได้แล้ว

 

 

เซียวเหยี่ยนปิดฝาโลงลงแผ่วเบา สายตานั้นยังคงอ่อนโยนอย่างที่สุด หลังจากปิดโลงเรียบร้อยแล้ว เขาก็ยังยืนอยู่ด้านข้างครู่หนึ่ง แล้วค่อยจากไป

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 631 แต่งตั้งหยวนเฟย

 

 

เช้าวันต่อมาหลิงอวี้จื้อนอนจนแดดส่องฟ้าจึงตื่น หลังจากที่เฉินม่อฉืออไปแล้ว เธอก็นอนพลิกตัวไปมากระมั่งฟ้าสางจึงผล็อยหลับไป

 

 

เพราะเหนื่อยเกินไป จึงหลับจนถึงตอนสายถึงรู้สึกตัวตื่น

 

 

หลังกินข้าวเช้าเสร็จ เธอก็อยากจะออกไปเดินเล่นเพื่อดูว่าจะสามารถสืบข่าวคราวอะไรได้บ้าง เท้าเพิ่งจะย่างเหยียบพ้นประตูก็ได้ยินเสียงแหลมสูงดังออกมาจากด้านนอกว่า “มีราชโองการ”

 

 

หลิงอวี้จื้อรู้สึกจับต้นชนปลายไม่ถูกอยู่บ้าง เวลานี้จะมีราชโองการมาที่นี่ได้อย่างไร เฉินม่อฉือคิดจะเล่นลูกไม้อะไรอีก

 

 

แม้จะรู้สึกสงสัย แต่เธอก็ไม่อาจปฏิเสธการรับราชโองการได้ จึงรีบเดินออกไปคุกเข่าลงตรงหน้ากงกงผู้มาประกาศราชโองการทันที

 

 

แต่เนื้อหาในราชโองการกลับทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่าเป็นเสี่ยงๆ กระทั่งลืมเอ่ยขอบพระทัย

 

 

เมื่อเห็นหลิงอวี้จื้อคุกเข่านิ่งไม่ขยับ เติ้งกงกงที่ประกาศราชโองการจบแล้วได้แต่ยิ้มประจบ “หยวนเฟย รีบรับราชโองการเถิดพะยะค่ะ”

 

 

หลิงอวี้จื้อลุกขึ้นด้วยร่างอันแข็งทื่อ เฉินม่อฉือต้องเสียสติไปแล้วแน่ๆ ทั้งที่ตกลงกันชัดเจนแล้วว่าจะให้เวลาเขาหนึ่งเดือน แต่กลับแต่งตั้งเธอเป็นหยวนเฟย ให้เธอเป็นหนึ่งในสนมของเขา มันช่าง…

 

 

เธอไม่รู้จะใช้คำไหนมาอธิบายความรู้สึกของเธอในตอนนี้ หากเฉินม่อฉือไม่ใช่ฮ่องเต้ เธอคงไปต่อยเขาแล้ว

 

 

“หม่อมฉันน้อมรับราชโองการเพคะ”

 

 

หลิงอวี้จื้อไม่อาจแสดงท่าทีต่อต้านได้อย่างเปิดเผย เธอจึงเพียงรับราชโองการมาด้วยรอยยิ้มแห้งๆ

 

 

เติ้งกงกงกลับดีใจยิ่ง เขายังคงเอ่ยประจบด้วยรอยยิ้มต่อไปว่า “ยินดีกับหยวนเฟยด้วยพะยะค่ะ ฝ่าบาททรงมีพระเมตตากับหยวนเฟยเช่นนี้ ต่อไปพระองค์คงได้เลื่อนตำแหน่งอย่างแน่นอนพะยะค่ะ”

 

 

หลิงอวี้จื้อให้นางกำนัลเอาเงินมาให้เติ้งกงกงเป็นน้ำใจ หลังจากไล่เติ้งกงกงไปแล้วก็เดินกลับห้องไปเช่นเดิม

 

 

คนทั่วศาลาฟังฝนต่างดีใจกันยกใหญ่ แต่เมื่อเห็นสีหน้าบูดบึ้งของหลิงอวี้จื้อก็ต่างมึนกันไปหมด ไม่รู้ว่าหลิงอวี้จื้อเป็นอะไรกันแน่ ควรต้องทราบว่านี่เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่สุดเลยต่างหาก

 

 

นางเพิ่งจะเข้าวังมาเมื่อวาน วันนี้ถูกแต่งตั้งให้เป็นหยวนเฟยแล้ว เห็นชัดว่าฝ่าบาททรงให้ความสำคัญกับนาง เป็นครั้งแรกเลยที่วังหลังมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น

 

 

เฉินม่อฉือเฉยชากับบรรดาชายาสนมมาตลอด ทั้งนานๆ ทีจะมาที่วังหลังสักครั้ง เมื่อเขาปฏิบัติกับสตรีผู้หนึ่งเช่นนี้ก็ย่อมกลายเป็นเรื่องเล่าลือขนานใหญ่ในวังหลังเป็นธรรมดา

 

 

เสี่ยวเตี๋ยนางกำนัลใหญ่แห่งศาลาฟังฝนเดินตามหลิงอวี้จื้อเข้าไปในห้อง แล้วเอ่ยถามด้วยความระแวดระวังว่า “หยวนเฟย เป็นอันใดหรือเพคะ”

 

 

“เลิกเรียกข้าว่าหยวนเฟยได้แล้ว ข้าไม่ใช่หยวนเฟยของพวกเจ้า” หลิงอวี้จื้อรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา “เจ้าออกไปเถอะ ข้าอยากอยู่คนเดียว”

 

 

เสี่ยวเตี๋ยดูออกว่าหลิงอวี้จื้ออารมณ์ไม่ดีจึงไม่กล้าพูดมาก ได้แต่ออกจากห้องไปก่อนเท่านั้น

 

 

ต่อจากนั้นสิ่งของพระราชทานต่างๆ จากเฉินม่อฉือก็หลั่งไหลมาที่ศาลาฟังฝนดั่งสายน้ำ ทั้งอัญมณี ไข่มุก เครื่องประดับ เสื้อผ้าแพรพรรณ มีพร้อมสรรพทุกสิ่ง ไม่นานคลังห้องเก็บของในศาลาฟังฝนก็เต็ม

 

 

บ่าวไพร่น้อยใหญ่ในศาลาฟังฝนต่างดีใจจนยิ้มไม่หุบ มีเพียงหลิงอวี้จื้อที่เอาแต่หน้าบึ้ง ตอนนี้เธออยากจะถามเฉินม่อฉือเหลือเกินว่าเขาต้องการอะไรกันแน่

 

 

เดิมคิดจะไปหาเฉินม่อฉือด้วยตัวเอง แต่ถูกองครักษ์ที่เฝ้าหน้าประตูศาลาฟังฝนขวางไว้ หมายความว่าเฉินม่อฉือก็กักบริเวณเธอเหมือนกันหรือ

 

 

คิดจะขังเธอไว้หนึ่งเดือนงั้นหรือ เมื่อคิดได้เช่นนี้ หลิงอวี้จื้อก็หงุดหงิดยิ่ง แล้วมันแตกต่างกับนกน้อยที่อยู่ในตรงไหนหรือ

 

 

เมื่อถึงยามบ่าย เฉินม่อฉือก็มาหาเธอในที่สุด หลิอวี้จื้อต้องอดกลั้นแล้วอดกลั้นอีกจึงสามารถสะกดไฟโทสะที่เก็บไว้ในท้องให้สงบลงและทำให้ตัวเองพูดจาด้วยน้ำเสียงอันเป็นปกติได้ “ฝ่าบาท ทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรเพคะ”

 

 

“ไม่ชอบของที่เราให้หรือ งั้นพรุ่งนี้เราจะส่งแบบใหม่มาให้”

 

 

“เราจะไม่พูดเรื่องสิ่งของกันเพคะ แต่หม่อมฉันอยากทราบว่าตำแหน่งหยวนเฟยคืออะไรเพคะ”

 

 

เฉินม่อฉือนั่งลงด้วยอารมณ์อันดียิ่ง ใบหน้าบึ้งตึงที่หงุดหงิดอยู่เสมอนั้นถึงกับยิ้มออกมา “นี่เป็นตำแหน่งที่เราตั้งใจมอบให้เจ้าโดยเฉพาะ ‘หยวน’ เหมาะกับเจ้ายิ่ง”