หยุนหยานมองเฉินซงจื่อ เขายืนตัวตรงและสีหน้าเคร่งขรึมเล็กน้อย

“นายแข็งแกร่งจริง ๆ แต่สถานะของตระกูลหยุนไม่ใช่สิ่งที่นายจะสามารถจินตนาการได้ ผมขอเตือนนายเป็นครั้งสุดท้าย ออกไปจากเมืองจงไห่ซะ ตระกูลหยุนขอรับรองว่านายจะออกไปได้อย่างปลอดภัย!”

“นายคิดว่าตระกูลหยุนเยี่ยมมากเหรอ แต่สำหรับผมแล้ว ตระกูลหยุนของนายไม่คู่ควรให้เอ่ยถึง!” เฉินซงจื่อกล่าวเยาะเย้ย ท่าทางของเขาเหมือนเฉินโม่มาก

“นาย…….” หยุนหยานรู้สึกโมโหมาก แล้วพลังที่ทรงพลังก็ปะทุออกมาจากร่างกายของเขา ไม่สามารถดูหมิ่นความแข็งแกร่งของแดนในชั้นสูงสุดได้

“ผมจะคอยดูว่านายจะแข็งแกร่งแค่ไหน ถึงทำให้นายจองหองมากขนาดนี้!”

หยุนหยานขยับร่างกาย แล้วกรงเล็บของเขาก็คว้าไปที่หน้าอกของเฉินซงจื่อ

ชายหนุ่มสองคนยิ้มด้วยความลำพองใจ “ลุงหยุนลงมือแล้ว นักพรตเฒ่าคนนี้โชคร้ายแน่นอน!”

เพียงแต่ผลลัพธ์อยู่เหนือความคาดหมายของพวกเขาสองคน

เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีที่ทรงพลังของหยุนหยานแล้ว เฉินซงจื่อยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ เขาเพียงแค่ยกมือขึ้นแล้วสะบัดมือไปทางหยุนหยาน

ปัง!

หยุนหยานเหมือนชายหนุ่มเมื่อสักครู่ เขากระเด็นออกไปกระแทกกับผนังถึงจะหยุดลง

แต่หยุนหยานดีกว่าชายหนุ่มคนนั้น อย่างน้อยเขาก็ไม่กระอักเลือด

“เป็นไปได้ยังไง!” ชายหนุ่มสองคนรู้สึกตกตะลึง หยุนหยานเป็นยอดฝีมือแดนในชั้นสูงสุด ความแข็งแกร่งของเขาอยู่ในสิบอันดับแรกของตระกูลหยุน แต่เขากลับไม่สามารถต้านรับแม้แต่การโจมตีเพียงครั้งเดียวของนักพรตเฒ่าได้

ความแข็งแกร่งของนักพรตเฒ่าคนนี้ถึงระดับไหนแล้ว?

“กลับไปบอกคนพวกนั้น ถ้าไม่พอใจ ก็สามารถมาได้ทุกเมื่อ จะมาอย่างเปิดเผยหรือมาอย่างลับ ๆ ผมสามารถรับได้ทุกอย่าง หอการค้าโม่เจียจะเป็นจ้าวแห่งเมืองจงไห่!”

คำพูดของเฉินซงจื่อ แสดงถึงการวางอำนาจบาตรใหญ่ เมื่อเปรียบเทียบกับความถ่อมตนของเฉินโม่แล้ว ตอนนี้ภาพลักษณ์ของเฉินซงจื่อนั้นเหมือนเป็นเศรษฐีใหม่

แน่นอนว่าสิ่งนี้เกี่ยวข้องกับเวลาการฝึกที่สั้นเกินไปของเฉินซงจื่อ ความแข็งแกร่งของเขาพัฒนาเร็วเกินไป ทำให้อารมณ์ของเขาตามไม่ทัน จึงทำให้เขามีความหุนหันพลันแล่นเล็กน้อย

หยุนหยานพยายามยืนขึ้น และมองเฉินซงจื่อด้วยความโกรธ

“นายกำลังจะเป็นศัตรูกับคนทั้งเมืองจงไห่!”

เฉินซงจื่อหัวเราะเบา ๆ แล้วหยิบแก้วสีม่วงที่อยู่ตรงหน้าอย่างช้า ๆ “แล้วไงล่ะ?”

หยุนหยานกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “โอเค ผมจะนำคำพูดของนายไปถึงอย่างแน่นอน หวังว่านายจะไม่เสียใจภายหลัง!”

“ไป!” หยุนหยานตะโกนใส่ชายหนุ่มสองคน แล้วเดินจากไป

เฉินซงจื่อมองพวกเขาสามคนเดินจากไปด้วยสีหน้าเยาะเย้ย

มหาวิทยาลัยหัวหนาน หอพักห้อง 306

จี๋ต๋าจิ่วตูมองเตียงของเฉินโม่ด้วยสีหน้าครุ่นคิด

“พวกนาย ไอ้เบื๊อกเฉินไม่มาเรียนสามวันแล้ว โทรไปก็ไม่รับสาย เกิดอะไรขึ้นกับเขาหรือเปล่า?”

ห่าวเจี้ยนขยับแว่นตา เหลือบมองจี๋ต๋าจิ่วตู “นายคิดว่าจะเกิดเรื่องกับเฉินโม่ได้เหรอ? เขาเก่งขนาดนั้น!”

จี๋ต๋าจิ่วตูส่ายศีรษะ “มันก็ไม่แน่ ถ้าข้ามทัณฑ์ล้มเหลวล่ะ?”

คนที่เหลือต่างกลอกตาใส่จี๋ต๋าจิ่วตู จากนั้นพวกเขาก็ละเลยเขาทันที

นับตั้งแต่เห็นเฉินโม่ทำให้นายชายหวางตกใจกลัวจนถอยกลับตอนอยู่ที่โรงแรมอี้หวง จี๋ต๋าจิ่วตูก็บอกพวกเขาทุกวันว่าเฉินโม่เป็นคนข้ามทัณฑ์ที่เป็นข่าวดังก่อนหน้านั้น

พวกเขาฟังจนเบื่อแล้ว

“ไอ้อ้วน นายหยุดพูดเรื่องนี้ได้ไหม? ฉันฟังจนเบื่อแล้ว นายคิดวิธีช่วยเฉินโม่หาเหตุผลที่จะหลอกอาจารย์พรุ่งนี้ดีกว่า!” กู่หลินเฟิงพลิกตัว แล้วนอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียงต่อ

สีหน้าของจี๋ต๋าจิ่วตูเปลี่ยนเป็นขมขื่นทันที “นี่ก็สามวันแล้ว วันแรกบอกว่าเขาปวดท้อง วันที่สองบอกว่าไส้ติ่งอักเสบ วันที่สามบอกว่าไส้ติ่งอักเสบยังไม่หายดี ถ้าบอกเรื่องไส้ติ่งต่ออีก เกรงว่าอาจารย์คงจะไปผ่าตัดไส้ติ่งให้เขาด้วยตนเองแล้ว!”