ตอนที่ 728

The Divine Nine Dragon Cauldron

DND.728 – อัญเชิญอสูร

 

เมื่อจักรพรรดิโลหิตพูดจบและมองซือหยูอีกครั้งซือหยูได้พบกับพลังทำลายล้างมหาศาลตามมาในที่สุด แต่ซือหยูก็จะไม่รอความตายเฉยๆ เขาเงยหน้าพร้อมกับรอยแดงกลางหน้าผากที่เปิดออก มันคือเนตรดวงที่สามของเขา

 

ดวงตานี้มีสีเงินลึกล้ำพลังทำลายล้างจากสายตาของจักรพรรดิโลหิตถูกดูดกลืนไปจนหมด ซือหยูไม่เป็นอะไรเลย!

 

“นั่นมันอะไร?”

 

จักรพรรดิโลหิตตกใจมากเขามองตาดวงที่สามของซือหยู ดวงตานี้ทำให้เขารู้สึกประหลาด

 

ซือหยูไม่ตอบและยืนขึ้นก้าวไปข้างหน้าแม้โลหิตจะไหลออกมาจากมุมปาก แต่ดวงตาของเขาก็ไร้ความรู้สึก

 

“การสังหารข้าไม่ใช่เรื่องง่ายนักหรอกนะ”

 

จักรพรรดิโลหิตตัวแข็งทื่อไปครู่หนึ่งก่อนจะสุขุมตามเดิม

 

“เจ้ากลายเป็นคนที่หัวใจตายไปแล้วมันน่าเบื่อจริงๆ”

 

เขาพูดและฟันมือไปทางซือหยูทำให้สิ่งรอบข้างซือหยูแหลกสลายมิติกลายเป็นความว่างเปล่าดำสนิท มันเป็นเวลาเดียวกับที่สิ่งที่เหมือนกับยอดเขายักษ์พุ่งลงมาจากท้องนภาจากทิศอื่น

 

ในตอนนั้นเองมิติได้แหลกสลาย ขุนเขาแม่น้ำถูกทำลาย ทั้งทวีปเฉินหลงสั่นสะเทือนอย่างบ้าคลั่ง พลังของยอดเขานี้ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าจักรพรรดิโลหิตเลบย!

 

จักรพรรดิโลหิตเลิกคิ้วและใช้พลังที่จะจู่โจมซือหยูไปป้องกันยอดเขาที่พุ่งเข้าใส่เขาแทนการปะทะกันทั้งสองมิได้เกิดเสียงอันใด และเป็นยอดเขาขนาดยักษ์ที่แตกสลายพร้อมกับหอกยาวยี่สิบลี้ที่เผยออกมาจากด้านใน

 

“สมบัติภูติ…หอกสังหารเทพงั้นรึ?”

 

จักรพรรดิโลหิตสายตาหม่นหมองดูเหมือนว่าเขาจะรู้จักหอกนี้

 

ซือหยูมองยอดเขาที่แตกสลายถ้าเขาจำไม่ผิด ยอดเขานี้ควรจะเป็นยอดเขายักษ์ของอาณาจักรทมิฬที่มีมิติเก้าชั้นอยู่ภายใน

 

สมบัติภูติชิ้นหนึ่งถูกซ่อนเอาไว้ในยอดเขาแห่งนี้โดยไม่มีใครรู้จักรพรรดิโลหิตดันฝ่ามือออกไปเมื่อสมบัติภูติพุ่งเข้าใส่

 

“ฝ่ามือมังกรแปดทิศ!”

 

จักรพรรดิโลหิตใช้พลังอสูรเนรมิตรเพื่อใช้วิชาระดับภูติ!ในตอนนั้น ชายร่างสูงสวมชุดดำด้านหลังหอกสังหารเทพยาวยี่สิบลี้ได้ปรากฏตัวออกมาที่ขอบนภา

 

คนผู้นั้นตะโกนเบาๆ

 

“จุดเนตรมังกรคราม!”

 

ทั้งเฉินหลงได้สั่นสะเทือนเมื่อสมบัติภูติและวิชาระดับภูติได้ปะทะกันราวกับว่าเฉินหลงจะแตกสลายได้ทุกเมื่อ!

 

พลังมหาศาลที่มากพอจะทำลายล้างโลกได้ทำให้ทุกสิ่งในเฉินหลงต้องตาไม่กระพริบทุกสิ่งต่างรู้ว่าวันสุดท้ายของเฉินหลงได้มาถึงแล้ว

 

แค่ก!แค่ก!

 

เมื่อทั้งสองปะทะกันจักรพรรดิโลหิตนั้นยืนอยู่กับที่ไม่ขยับเขยื้อน แต่พื้นเบื้องล่างเขาได้มลายหาย เหลือเพียงความว่างเปล่ามืดสนิท

 

ส่วนชายร่างสูงชุดดำที่อยู่หลังหอกสังหารเทพนั้นไออย่างหนักหน่วงเขาได้พ่ายแพ้ในการปะทะและบาดเจ็บ

 

“อดีตสมบัติของจักรพรรดิจิวโจว…”

 

จักรพรรดิโลหิตมองหอกยาวยี่สิบลี้

 

เพลิงความโลภลุกโชนในดวงตา

 

“แค่นามของหอกอย่างเดียวก็สั่นคลอนไปทั้งจิวโจว!น่าเสียดายที่เด็กจ้าวเทวะอย่างเจ้าใช้พลังของมันได้ไม่ถึงหนึ่งในร้อย แต่เจ้าก็ยังคิดฝันจะใช้มันกับข้ารึ?”

 

ซือหยูมองไปยังชายร่างสูงแม้ซือหยูจะไม่เคยเห็นเขามาก่อนก็รู้ว่าคนเดียวที่เป็นจ้าวเทวะในเฉินหลงก็คือยอดฝีมือลำดับหนึ่งในอดีตแห่งเฉินหลง…ราชาแห่งความมืด!

 

ราชาได้ปิดประตูฝึกตนมาหลายร้อยปีและวันนี้เป็นวันแรกที่เขาได้ก้าวออกมาต่อสู้ ใครจะไปคิดเล่าว่าจะมีจ้าวเทวะเกิดขึ้นในเฉินหลง? เพราะเฉินหลงแทบจะไม่มีภูติอยู่เลย!

 

ด้วยสมบัติภูติในมือเขาได้กลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งกว่าคนอื่นไปหลายเท่า แต่ก็น่าเสียดายที่พลังของเขาแทบจะรับมือกับอสูรเนรมิตรไม่ได้

 

“ไอ้ทรราชย์!สุดท้ายเจ้าก็กลับมา! ข้ารอคอยการมาของเจ้าตั้งแต่ที่เห็นร่างเงาของกู้ไทซูในเฉินหลง นี่คือเวลาตายของเจ้า!”

 

ราชาแห่งความมืดพูดเสียงดัง

 

ในอดีตเขาได้มายังทวีปเหนือในฐานะราชาแห่งความมืดเพื่อกำจัดกองทัพของศัตรู แต่จู่ๆเขาก็ถอยหายไปและปิดประตูฝึกตนมาหลายร้อยปี

 

นี่เป็นเรื่องที่ทั้งโลกสับสนและไม่เคยเข้าใจมาจนถึงตอนนี้ดูเหมือนว่าตอนที่เขาไปล้างบ้างตระกูลยี่ เขาได้พบว่ายี่ซงคือหนึ่งในองครักษ์ของราชาเขตกลาง

 

หลังจากที่ต่อสู้กันเขาได้หนีออกมาหลังจากที่บาดเจ็บสาหัส จากนั้นเขายังพบร่องรอยของกู้ไทซูอีกด้วย!

 

พูดสั้นๆก็คือเขามองแผนการของเขตกลางจิวโจวออกเขาจึงต้องรีบเตรียมการทั้งหมดเพื่อวันนี้และบ่มเพาะพลังโดยไม่หยุดพัก

 

“ในอดีตท่านเฉินดูแลเจ้าอย่างกับลูกในไส้ ตั้งแต่ที่เจ้าออกจากภูเขาภูติ เขาใช้ทั้งใจในการฝึกฝนเจ้า แต่เจ้ากลับหักหลังเขาหลังจากที่ไอ้ชั่วนั้นหักหลังเขาเพราะคิดว่าเจ้าต้องเอาตัวรอด เจ้ายังทำร้ายเทียนจี่จื้อที่บ่มเพาะพลังด้วยกันกับเจ้า เจ้าทำให้เทียนจี่จื้อเกือบตาย! เจ้ามันเลวยิ่งกว่าเดรัจฉาน!”

 

คำพูดนั้นดังไปทั่วทุกมุมของแดนเฉินหลงทุกคนได้ยินเสียของราชาแห่งความมืดอย่างชัดเจน

 

ซือหยูรู้รายละเอียดมากมายในเรื่องนี้กลายเป็นว่าจักรพรรดิโลหิตคือหนึ่งในศิษย์ของเฉินอี้เจิงและมาจากภูเขาภูติเหมือนกับเทียนจี่จื้อ เทียนจี่จื้อพูดว่าเขามาจากสำนักเดียวกับจักรพรรดิโลหิต แม้จักรพรรดิโลหิตจะแข็งแกร่งมาก ท้ายสุดเขาก็คือคนชั่วที่ขายอาจารย์ของตัวเอง!

 

จักรพรรดิโลหิตสีหน้าใจเย็นเขายิ้มเยาะออกมา

 

“วิหคย่อมเลือกสร้างรังบนต้นไม้ที่แข็งแรงอย่างไรเขาก็ต้องตายเพราะปรับตัวกับสิ่งใหม่ไม่ได้”

 

“ส่วนเจ้าแม้จะผ่านมาหลายปี เจ้าก็ยังภักดีอยู่กับราชาตกบัลลังก์ ความภักดีของเจ้าน่ายกย่องแต่ก็น่าเวทนาที่เขาทำอะไรไม่ได้แล้ว มิเช่นนั้นเขาก็คงจะไมให้สมบัติภูติเจ้ามาใช้”

 

ในตอนนั้นจิตสังหารเอ่อล้นในดวงตาของเขา

 

“ก็ได้…ข้าจะฆ่าเจ้ากับไอ้แก่นั่นแล้วจะทำลายเฉินหลงซะ!”

 

จักรพรรดิโลหิตจู่โจมอีกครั้งขณะที่ราชาแห่งความมืดถือหอกเผชิญหน้าตาต่อตาหลายส่วนของโลกเฉินหลงถูกทำลายเพราะการต่อสู้ของทั้งสองคน หลายตำแหน่งกลายเป็นเศษมิติที่แตกกระจาย มันคือการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ที่กินเวลายาวนานหนึ่งชั่วยาม

 

แม้ราชาแห่งความมืดจะมีหอกสังหารเทพที่มีพลังอันน่ากลัวเขาก็มิใช่อสูรเนรมิตร ดังนั้นจึงยากมากที่เขาจะทนสู้มาได้นานขนาดนี้

 

ท้ายสุดพลังชีวิตของเขาก็ถูกใช้จนหมดสิ้น เขากระเด็นไปไกลเพราะแรงตบของจักรพรรดิโลหิต เขาพุ่งกระเด็นไปไกลถึงเกาะเฉินยี่

 

ซือหยูก้าวเข้าไปรับตัวราชาแห่งความมืดเอาไว้เขาร้องคำรามด้วยความเจ็บปวดเพราะต้องทนรับพลังอสูรเนรมิตรที่ส่งผ่านมาจากร่างของราชาแห่งความมืด

 

เขามองราชาแห่งความมืดและพบว่าร่างกายของเขาเสียหายอย่างหนักแม้แต่ดวงวิญญาณของเขาเองก็อยู่ในสภาพไม่สู้ดีนัก จักรพรรดิโลหิตนั้นมีชีวิตมายาวนาน การที่ราชาแห่งความมืดมีพลังไม่มากพอนั้นก็นับว่าสมเหตุสมผล

 

แค่ก!

 

ราชาแห่งความมืดไออย่างแรงขณะที่โลหิตพุ่งออกจากปากมือของเขายังคงถือหอกสังหารเทพเอาไว้ แต่มือนั้นสั่นไม่หยุด เขาถึงขีดจำกัดแล้ว

 

แม้ราชาแห่งความมืดจะอยู่ในสภาพเช่นนี้เขาก็ยังดูสง่างามไม่แปรเปลี่ยน เขามองซือหยู แม้นี่จะเป็นครั้งแรกที่ทั้งคู่ได้เจอกัน ทั้งคู่ก็รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร

 

ในตอนนั้นเองพลังจากเนตรของจักรพรรดิโลหิตได้พุ่งตามมายังทั้งสอง ราชาแห่งความมืดยกหอกขึ้นป้องกันและมองจักรพรรดิโลหิตอย่างเยือกเย็น จักรพรรดิโลหิตนั้นต่อสู้มานานแต่ก็ไม่ได้บาดเจ็บเลย เขาใช้พลังไปเพียงส่วนเดียวเท่านั้น

 

“มันจะจบลงแล้วคงดีถ้าได้ส่งเจ้าสองคนไปลงนรกพร้อมกัน”

 

จักรพรรดิโลหิตเริ่มขยับมือทั้งสองเพื่อที่จะใช้ฝ่ามือมังกรแปดทิศอีกครั้งเพื่อสังหารซือหยูกับราชาแห่งความมืดไปด้วยกัน

 

แต่ราชาแห่งความมืดก็หัวเราะราวกับคนมีความสุข

 

“จักรพรรดิโลหิตเอ๋ยฝันไปเถอะว่ามันจะจบง่ายๆอย่างที่เจ้าคิด!”

 

ฟึ่บ!

 

ราชาแห่งความมืดที่ไม่มีพลังวิญญาณในการต่อสู้เหลือได้โยนกล่องหยกสีดำออกมากล่องหยกนี้เหมือนกันกับกล่องที่ราชาโลกดับสูญถือเอาไว้

 

“ประตูชีวาล่อง!”

 

จักรพรรดิโลหิตอุทานเสียงดังสีหน้าของเขาตื่นตระหนกทันที

 

ราชาแห่งความมืดยืนขึ้นด้วยความยากลำบากเขาหัวเราะชอบใจขณะที่เส้นผมสยายตามแรงของพลัง

 

“เจ้าคงจะไม่คิดละสิแต่ข้าก็ใช้ประตูชีวาล่องได้แล้วหลังจากที่บ่มเพาะพลังมาหลายร้อยปี”

 

“จักรพรรดิโลหิตไอ้คนทรยศ! อาจารย์เจ้าใช้ประตูชีวาล่องอัญเชิญอสูรจากต่างโลกมาทำร้ายท่านเฉินในตอนนั้น และตอนนี้ก็ถึงคราวเจ้า ข้าจะตอบแทนมันให้สาสม!”

 

ราชาแห่งความมืดตะโกน

 

ราชาแห่งความมืดหยิบแผ่นกระดาษบางที่มีอักษรประหลายมากมายออกมาอักษรเหล่านั้นมีรูปร่างที่ดูน่าเกลียด อักษรแต่ละตัวได้ปล่อยจิตสังหารและพลังอสูรที่น่ากลัวออกมาด้วย

 

“ประตูชีวาล่องเป็นประตูมิติของตระกูลอสูรถ้าอ่านข้อความในกล่องนั่นได้ก็จะอัญเชิญร่างเงาของอสูรมาได้เจ็ดนาที ข้าเขียนซ้ำข้อความของมันและศึกษามาหลายร้อยปีก่อนจะใช้มันได้”

 

ใบหน้าจักรพรรดิโลหิตเต็มไปด้วยความกลัวในแววตานั้นตื่นตระหนกยังไม่หาย

 

“เจ้ากำลังเล่นกับไฟถ้าอสูรมาที่นี่มันก็จะไม่ปล่อยใครไปทั้งนั้น! มันจะสังหารทุกสิ่ง มันจะฆ่าเจ้าด้วย!”

 

ราชาแห่งความมืดหัวเราะเมื่อได้ยิน

 

“หึหึแล้วถ้าข้าไม่อัญเชิญมา เจ้าจะปล่อยพวกข้าไปงั้นรึ?”

 

จักรพรรดิโลหิตส่ายหน้า

 

“มันจะจบแล้วจงตายซะ”

 

“”หลิงหลี่หมาเหมาฟ่าฮง…

 

ราชาแห่งความมืดเริ่มพูดคำที่แปลกอย่างมากมันบาดหูและเต็มไปด้วยจิตสังหารในน้ำเสียง

 

จักรพรรดิโลหิตตะโกนลั่น

 

“หยุดนะ!”

 

แต่มันก็สายไปแล้วกล่องหยกทมิฬเริ่มเปิดออกช้าๆ ลำแสงทมิฬยาวยี่สิบลี้ได้พุ่งทะยานสู่นภาจากกล่อง

 

พลังมหาศาลปะทุออกมาจากลำแสงทมิฬซือหยูคุ้นเคยกับพลังของมันเพราะมันคือพลังเดียวกับขนอสูรที่เขาเคยต่อสู้ในกระโจมเทพสวรรค์! แต่พลังของเส้นขนอสูรเส้นเดียวที่มากพอจะสังหารเหล่าจ้าวเทวะกลับเทียบหนึ่งในร้อยส่วนของอสูรครั้งนี้ไม่ได้

 

เมื่อลำแสงสลายไปอสูรที่ตัวสูงยี่สิบลี้ก็ได้ปรากฏตัวออกมา มันก้าวลงบนพื้นขณะที่หัวนั้นอยู่บนชั้นฟ้า ดวงตาสีเลือดของมันเปล่งแสงจ้าเมื่อมองลงมายังโลก

 

ในตอนนั้นพลังอสูรได้ปกคลุมไปทั่วโลก อสูรได้จ้องมองไปยังอสูรเนรมิตรคนหนึ่งที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกแห่งนี้

 

มันแผดเสียงน่าสยดสยองออกมาดูเหมือนว่ามันหัวเราะ แต่ก็ดูเหมือนมันขู่คำราม

 

ปั้ง!

 

อสูรเตะออกไปมันดูเหมือนกับอัสนีทมิฬและมันเตะไปที่จักรพรรดิโลหิต! ความกลัวปรากฏในใบหน้าของเขาแต่เขาก็ต้องรวบรวมความกล้าเค้นพลังออกมาต่อสู้

 

ปั้ง!

 

ความหวาดกลัวฉาบใบหน้าจักรพรรดิโลหิตฝ่ามือที่ปะทะกับขาอสูรนั้นไม่ต่างกับก้อนหินที่ขว้างเข้าใส่มหาสมุทร เขารู้สึกราวกับได้ปะทะกับดาวหมื่นดวงพร้อมกัน!

 

เอื้อก!

 

จักรพรรดิโลหิตที่ไร้บาดแผลจนถึงตอนนี้กระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมากเขากระเด็นไปพันลี้ เพียงแค่มองก็บอกได้ว่าใครเป็นผู้ที่แข็งแกร่งกว่า

 

จักรพรรดิโลหิตรวบรวมความกล้า

 

“เจ้าอยากตายสินะ”

 

“เป็นแค่ร่างเงาของอสูรแต่กล้าอวดดีเช่นนี้เชียวรึ?”

 

จักรพรรดิโลหิตหยิบเอามัจฉาไม้สีทองออกมา

 

มัจฉาไม้นี้เสียหายอย่างหนักและค่อนข้างเก่าแก่แต่มันก็ยังคงมีพลังอรหันต์ที่หนาแน่น เพียงแค่มองมันจิตใจก็แจ่มใสขึ้นมา มันน่าเคารพบูชาอย่างมาก