เมื่อเห็นสีหน้าของเธอชิงสุ่ยก็อุ้มเธอแล้วเดินไปรอบๆอย่างช้าๆ ตั้งแต่ต้นจนจบ เขาไม่เคยบังคับเธอมากจนกระทั่งถึงตอนนี้ แต่อย่างไรตามชิงสุ่ยก็ยังไม่ได้กดดันเธอมากเกินไป
“ข้าก็ไม่รู้แต่คงไม่ใช่ในเร็วๆนี้อย่างแน่นอน เราคงต้องอยู่ที่นี่ต่อไปอีกสักพักใหญ่” สุ่ยกล่าว
“อืม ข้าก็คิดเช่นนั้น”
“ทำไมเจ้าถึงอยากกลับไปละ?” ชิงสุ่ยถามออกมา
“ข้าคิดถึงทุกๆคน และก็ยังมีที่อีกหลายที่ๆข้าอยากไป ข้าคิดถึงบ้านของข้า “เธอยิ้มออกมาและจ้องมองไกลออกไป
ในขณะนั้นเธอไม่สามารถซ่อนสายตาของความเหงาเอาไว้ได้ชิงสุ่ยรู้สึกเสียใจอย่างยิ่เมื่อเห็นเธอในมุมนี้ แต่เขาก็ไม่สามารถแสดงออกใดๆออกมา เขาได้แต่กอดเธอเอาไว้แน่นกว่าเก่า
“ข้าเป็นคนน่าสมเพชหรือไม่” เธอกระซิบออกมาเมื่อเห็นทางทางเห็นอกเห็ใจของชิงสุ่ย
“ไม่มีใครในโลกนี้ที่คิดว่าเจ้าหน้าสมเพชหรอกเพียงแค่ข้ารู้สึกเจ็บปวดใจเล็กน้อยในตอนนี้ ที่ไม่สามารถทำให้เจ้ามีความสุขได้ ฟ้าได้ส่งข้ามาเพื่อเจ้า เพราะเช่นนั้นแล้วข้าจะทำให้เจ้ามีความสุข ข้าจะกอดเจ้าให้แน่น หลิงเหยียนข้าสัญญาว่า ข้าจะไม่ปล่อยเจ้า ไม่ว่าอะไรเราจะเผชิญหน้าด้วยกัน” ชิงสุ่ยรู้สึกคลุมเครือในคำพูดของเธอราวกับว่าเธอนั้นพร้อมจะหายตัวไปตลอกเวลา
“จริงเหรอ” เธอเงยหน้าขึ้นและจ้องมองที่เขา
“อย่างแน่นอน” ชิงสุ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ฮ่าๆ!
เธอหัวเราะเบาๆออกมาเมื่อเห็นเธอในตอนี้ ชิงสุ่ยตระหนักได้ว่าเขาไม่สามารถต้านทานผู้หญิงคนนี้ได้เลยแม้แต่น้อย ในที่สุดเขาก็สูญเสียการควบคุมตัวเองอีกครั้ง
“แม้ว่ากระดูกของข้าสลายไป หรือเจ้าจะเอาวิญญาณของข้าไป แต่ข้าขอจูบเจาอีกครั้งจะได้มั้ย ให้ข้าได้ลิ้มรสความหวานของเจ้าอีกครั้ง!” ชิงสุ่ยดึงเธอเข้ามาและพูดอย่างไม่เกรงกลัว เขากอดเธอแน่นจนเธอไม่สามารถขยับได้ ไอรีนโนเวล
“จิตใจของข้ายุ่งเหยิงไปหมดตอนนี้ เพราะเจ้าคนเดียว……” เอกล่าวออกมาขณะที่กระซิบที่ข้างหูของเขา
ในตอนนี้เขาไม่รอช้าอีกต่อไปชิงสุ่ยเอนตัวลงไปและก้มลงประกบริมฝีปากของเขาเข้ากับเธอ
อย่างไรก็ตามชิงสุ่ยชิงสุ่ยก็ได้ให้โอกาสเธอเขาค่อยๆโน้มตัวลงไปอย่างช้าๆ หากเธอต้องการปฏิเสธมันเธอสามารถทำได้ในทันที ออย่างไรก็ตามลึกๆแล้วเขาก็ไม่ต้องการให้เธอปฎืเสธเขา
ในขณะนี้เขารู้ได้สึกถึงความละเอียดอ่อนและกลิ่นหอมสดที่ชื่นในเวลานี้เธอได้หลับตาลงจนสนิท ชิงสุ่ยค่อยๆบรรจงจูบเธออย่างลึกซึ้งและอย่างช้าๆ อย่างจริงจังและพิถีพิถัน……
ในเวลาเดียวกันชิงสุ่ยก็รู้สึกเหมือนรูขุมขนทั่วร่างกายของเขากำลังเปิดออกผลกระทบทางจิตวิญญาณและร่างกายทำให้เลือดในร่างกายของเขาสูบฉีดขึ้น
ในตอนนี้ร่างกายของเธอเกร็งตัวเล็กน้อยเพราะเธอไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวยังไง ในตอนนี้เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอควรเอามือไปไว้ตรงไหน
ชิงสุ่ยเริ่มดูดปากเธอเบาๆก่อนที่จะค่อยๆเปิดริมฝีปากอันบอบบางของเธอ ก่อนที่จะสอดใส่ลิ้นของเข้าไปในปากของเธอ ขณะใช้มือของเขาจับลงไปที่เอวเล็กๆของเธอเบาๆ อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่กล้าทำอะไรมากกว่านั้น
ชิงสุ่ยรู้ดีว่าความอดทนของเธอมีขีดจำกัดดังนั้นเขาจึงไม่คิดที่จะล้ำเส้นตรงนั้นไป
หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ชิงสุ่ยค่อยๆคงศีรษะของเขาขึ้น
“พอใจแล้วหรือยัง?” ใบหน้าที่เย้ายวนและน่าหลงใหลของหลิงเหยียนได้แส้งออกมาถึงความเขินอาย ชิงสุ่ยรู้สึกว่าเสน่ห์ของเธอในตอนนี้มันช่างเป็นอันตรายต่อชีวิตของเขาอย่างมาก
ชิงสุ่ยส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนที่เขาจูบลงไปอีกครั้ง เป็นอีกครั้งที่ลิ้นของเขาบุกเข้าไปในปากของเธอ ก่อนที่มันจะสัมผัสกับลิ้นนุ่มที่นุ่มนวลของเธอ
“เจ้าเป็นผู้หญิงของข้าข้ากำลังเอาใจผู้หญิง ข้าทำอะไรผิดหรอ?” ชิงสุ่ยยิ้มแย้มอย่างซุกซน
“ชิงสุ่ยในตอนนี้ข้าเป็นห่วงอาการบาดเจ็บของท่าแม่และพ่อบุญธรรม พวกเขาจะหายดีเมื่อไหร่กัน” เธอกล่าวออกมาเพื่อหลบหนีคำถามของชิงุ่สย
“หนึ่งเดือน อย่างน้อยหนึ่งเดือน”
“ถ้าอย่างนั้น เราจะอยู่ที่นี่อีกหนึ่งเดือนจะได้มั้ย?”
“แน่นอนว่าได้ ถ้าเจ้าต้องการ!”
วันต่อมาได้ผ่านไปอย่างเงียบสงบชิงสุ่ยได้ใช้เวลาตลอดทั้งวันกับหลิงเหยียน แม้ว่าเขาจะยังไม่ทำลายกำแพงสุดท้ายของความสัมพันธ์ไปได้ก็ตาม ถึงกระนั้นตอนนี้พวกเขาก็ยอมรับในตัวของกันเรียบร้อยแล้ว
แม้ว่าทุกอย่างจะเกิดขึ้นเมื่อพวกเขาพบกันครั้งแรกจะเป็นอุบัติเหตุ แต่เขาก็ไม่เคยละสายตาไปจากเธอได้เลย
ในตอนนี้หยินเทียนและชายชราหวังเกือบฟื้นจากอาการบาดเจ็บได้เกือบทั้งหมดแล้ว แต่ยังต้องใช้เวลาสักพักเพื่อรักษาให้หายขาด โดยพื้นฐานแล้วพวกเขาเป็นคนที่แข็งแรงอย่างมาก
ในพริบตาเวลาหนึ่งเดือนก็ผ่านไปชิงสุ่ยรู้สึกดีอย่างมากในตอนนี้ ตลอดเดือดที่ผ่านมาความสัมผัสของทั้งคู่ก้าวหน้าขึ้นอย่างมาก อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้ทำอะไรเกินเลยกับเธอนอกจาการจูบ
อย่างไรก็ตามชิงสุ่ยก็ยังไม่ได้เร่งรีบบังคับเธอมาหนักเพราะเขารู้ดีว่ายังมีด่านบางด่านที่เขาไม่สามารถผ่านมันไปได้ในตอนนี้
หนึ่งเดือนที่ผ่านมาไม่มีวีแววของนิกายกระบี่อสูรอมตะเลยแม้แต่น้อยมันทำให้ชิงสุ่ยมั่นใจว่าสิ่งที่เขาคิดเอาไว้ถูกต้อง ดังนั้นก่อนที่ชิงสุ่ยจะจากไปเขาได้ทิ้งจดหมายฉบับหนึ่งให้กับหยินเทียน เพื่อให้เขาส่งมันให้กับนิกายกระบี่อสูรอมตะ
จดหมายของชิงสุ่ยเป็นการบ่งบอกว่าตัวตนของเขามีอยู่จริงโดยที่เนื้อความเขียนไว้ว่าเขาเป็นคนที่สังหารชายชรากับมือ เหตุผลที่ชิงสุ่ยเขียนจนหมายนี้ขึ้นมาเพื่อเตือนสตินิกายกระบี่อสูรอมตะว่าหากพวกขากล้ามาแตะต้องนิกายจันทรานิรันกาลอีก พวกเขาจะได้พบเจอกับชิงสุ่ยอย่างแน่นอน
“สาวน้อย ชิงสุ่ยระวังตัวในการเดินทางตัวนะ” เฟิงซี่กล่าวออกมาด้วยความเป็นห้วง
“แม่บุญธรรมท่านต้องดูแลตัวเองดีเหมือนกัน เราจะไปจะแวะมาเยี่ยมท่านในวันหน้า “หลิงเหยียนพูดกับเฟิงซี่
ในตอนนี้ผู้คนในกายจันทรานิรันกาลได้ออกมาส่งชิงสุ่ยและ หลิงเหยียน ขณะที่เฝ้ามองพวกเขาจากไปไกลจนลับสายตา
ในตอนนี้หยินเทียนถอนหายใจอย่างโล่งอกเช่นเดียวเฟิงซี่, หยินชาและคนอื่นๆ พวกเขารู้ดีว่าที่พวกเขารอดมาได้ก็เพราะชิงสุ่ย เป็นอีกครั้งที่พวกเขาได้ชิงสุ่ยช่วยเหลือเอาไว้ มันทำให้พวกเขารู้สึกติดหนี้เขาจนไม่สามารถตอบแทนได้ อย่างไรก็ตามแม้ว่าพวกเขาจะเอาชีวิตของพวกเขามาตอบแทนมันก็ไม่เพียงพอ ดังนั้นพวกเขาจึงหยุดคิดที่จะตอบแทนความเมตตานั้น พวกเขาเขาเป็นคนฉลาด พวกเขารู้ดีว่าพวกเขาไม่สามารถพึ่งชิงสุ่ยไปได้ตลอดในตอนนี้พวกเขาต้องเร่งแข็งแกร่งขึ้นเพื่อที่จะได้รบกวนเขาน้อยลง พวกเขาต้องทำให้รากฐานของนิกายจันทรานิรันกาลกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้งให้ได้