โลกาวินาศล่มสลาย ตอนที่ 744 วางแผน
ทางเดินเงียบสนิทถูกปกคลุมไปด้วยความมืดเหล่าสัตว์ตัวน้อยจำนวนมากก่อนหน้านี้หายไปหมดไม่เหลือร่องรอย หลังจากออกมาจากที่พักของชูฮัน ฉางกวนยวีซินก็เดินมาจนถึงศูนย์ใจกลางค่ายหนานตู้ เธอเป็นลูกสาวคนเดียวของผู้นำค่าย ทำให้เธอได้ข้อได้เปรียบในทุกด้าน เธอได้มีกินมีดื่มด้วยของที่คุณภาพดีที่สุด และไม่มีใครกล้าที่จะทำอะไรเธอทั้งนั้น
มันมีถนนเพียงเส้นเดียวและแม้แต่ฉางกวนยวีซินก็ไม่คาดคิดเลยว่าจะมีคนรอเธออยู่กลางถนน
มองไปที่กลุ่มคนที่แต่งตัวราวกับผู้ลี้ภัยตรงหน้าทันใดนั้นจู่ๆสมาชิกทีมกุ้งเสือดำหลายคนก็ปรากฏตัวขึ้นและจู่โจมทันที ไม่ต้องพูดถึงอัตราความสำเร็จเลย แม้แต่ความเร็วของทีมกุ้งเสือดำยังทำให้ฉางกวนยวีซินยืนตะลึงเพราะมองตามไม่ทัน
ฉางกวนยวีซินยังคงหยุดค้างอยู่ที่เดิมมองไปที่เหล่านักฆ่าที่จัดการสถานการณ์ได้ภายในชั่วพริบตา ทีมกุ้งเสือดำจับตัวกลุ่มผู้ลี้ภัยออกไปทันที ความสงสัยในแววตาของฉางกวนยวีซินไม่ใช่แค่การดักรอเธอของกลุ่มผู้ลี้ภัยเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเรื่องที่ระหว่างทางเดินมาตลอดเธอไม่ได้รับรู้เลยว่าท่ามกลางความมืดมีคนติดตามเธอมาด้วย?
”ได้โปรดมั่นใจพวกเราจัดการคนพวกนั้นให้หมดแล้วครับ มันเป็นกลุ่มผู้ลี้ภัยที่เจตนาจะดักปล้น” เสี่ยวเคินก้าวออกมา โค้งคำนับและรายงานให้ฉางกวนยวีซินฟัง
ฉางกวนยวีซินรู้สึกขบขันในใจสักพักเธอก็เอ่ยออกมา “ชูฮันให้พวกคุณตามฉันมาเหรอ? นี่พวกคุณตามฉันมาตลอดทางเลย?”
”ครับ”เสี่ยวเคินมีความเคารพ “ได้โปรดมั่นใจ เราจะพาคุณกลับที่พักอย่างปลอดภัยครับ”
ท่ามกลางความมืดมีหญิงสาวที่สวมเครื่องแต่งกายครบองค์ทรงเครื่อง รอบตัวมีเหล่าผู้ชายที่ดูขันแข็งและเก่งกาจเดินคุ้มกันตลอดทางล้อมหน้าล้อมหลัง
หน้าของเธอแดงเล็กน้อยยังไม่ทันจะได้ขยับตัวกันไปไหน ฉางกวนยวีซินก็ถามขึ้น “แล้วถ้าฉันอยู่ในอันตราย ชูฮันจะปรากฏตัวขึ้นแล้วช่วยฉันทันทีมั้ย?”
”ความคิดของท่านหัวหน้าไม่อาจคาดเดาได้ครับ”เสี่ยวเคินตอบเสียงนิ่ง หากประโยคต่อกลับดูเป็นการยั่วยุอารมณ์ของคนฟัง “แต่ถึงแม้จะอยู่ค่ายหนานตู้ แต่ถ้าท่านอยากจะปกป้องใครท่านก็คงจะปรากฏตัวขึ้นเองครับ”
”ฉันรู้”มุมของฉางกวนยวีซินยกขึ้น เธอก้าวเท้าออกเดิน พึมพำเสียงเบาอยู่ในคอ “ขอบคุณ”
เสี่ยวเคินเองก็ยิ้มมุมปากเมื่อได้ยินแม้มันจะแผ่วเบาอยู่ในอากาศเป็นอีกครั้งที่ทีมกุ้งเสือดำแฝงตัวอยู่ในความมืด ราวกับว่าก่อนหน้านี้ไม่มีพวกเขาเคยอยู่ที่นี้มาก่อนเลย
ความรู้สึกของการมาถึงของชูฮันสำหรับชาวหนานตู้ได้แพร่กระจายไปทั่วเพียงแค่คืนเดียวหากเหตุการณ์ยังคงอยู่ในความสงบ แต่ในช่วงบ่ายของวันถัดมาเป็นอีกครั้งที่ค่ายหนานตู้ตกอยู่ในความวุ่นวาย มีเสียงดังโหวกเหวกเกิดขึ้น
ขบวนเฮลิคอปเตอร์ที่ราวกับนัดแนะกันมาเฮลิคอปเตอร์จำนวนมากบินมาจากทุกสารทิศมุ่งหน้ามาที่ค่ายหนานตู้ แต่ละลำต่างลงจอดกันคนละจุด และบนลำตัวเครื่องเฮลิคอปเตอร์แต่ละลำก็จะมีสัญลักษณ์ของแต่ละค่ายที่เห็นได้ชัดเจนบ่งบอกอยู่
ไม่เพียงแค่เท่านั้นเพราะเฮลิคอปเตอร์ลำใหญ่จำนวนมากที่มาจากทุกทิศทาง ทำให้เกิดลมพัดกรรโชก กระพรือไปทั่งทั้งค่ายหนานตู้ ฝุ่นปลิวว่อนลอยขึ้นในอากาศจนมัวไปหมด
เหล่าประชาชนในค่ายหนานตู้ต่างตกใจกันจนหัวใจเต้นรัวด้วยความประหม่าและหวาดกลัวเฮลิคอปเตอร์ลำใหญ่มากมายพวกนี้มาจาดไหนกันในเวลานี้ แล้วทำไมทุกคนถึงมาที่หนานตู้กัน?
ขณะที่ชูฮันซึ่งพักที่อยู่ในที่พักVIP กลับไม่คิดจะสนใจความวุ่นวายที่กำลังเกิดขึ้นด้านนอกเลยสักนิด
และเมื่อเหมิงชีเหว่ยมาหาชูฮันในวันต่อมานอกเหนือจากไปทำความสะอาดเนื้อตัวมาแล้ว เขาก็นำข้อมูลที่ไปตรวจสอบมาแล้วมาส่งชูฮันอีกด้วย
”เร็วจัง?”ชูฮันรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับประสิทธิภาพการทำงานของเหมิงชีเหว่ย มันผ่านไปแค่สิบกว่าชั่วโมงเท่านั้นเอง แต่ผู้ชายคนนี้กลับหาข้อมูลมาให้ได้เร็วขนาดนี้?
เหมิงชีเหว่ยถอดเชื้อคลุมด้านนอกออกเผยให้เห็นเสื้อเชิ้ตราคาแพงด้านใน น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเคารพขนาดรายงานต่อชูฮัน “ผมได้ยินข้อมูลมาเพียงแค่ครึ่งเดียวครับ เกี่ยวกับพ่อของหัวหน้า สถานการณ์ของชูยุนเทียนเหมือนกับหินที่จมน้ำ ไม่มีข้อมูลอะไรที่สามารถตรวจสอบยืนยันได้เลยครับ คนของผมแทบจะพลิกหาทั่วทั้งสถาบันวิจัย แต่กลับไม่มีอะไรที่สื่อถึงหรือเกี่ยวข้องกับชื่อชูยุนเทียนเลยครับ ไม่มีแม้แต่คนนามสกุลชู”
ชูฮันถอนหายใจ”ถ้างั้น แสดงว่าฟานฮงเหวียนอยู่ที่สถาบันวิจัยในค่ายหนานตู้จริงๆสินะ?”
”ครับ!”เหมิงชีเหว่ยพยักหน้าตอบรับทันที “แต่เราไม่เห็นเขาครับ เรารู้แค่ว่าเขาอยู่ในที่ที่ลึกและมีการป้องกันหนานแน่นที่สุด ซึ่งมีแต่สมาชิกหลักระดับสูงเท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้ ซึ่งคนของเราผ่านไปไม่ได้ครับ”
”ยืนยันมั้ยว่ายังมีชีวิตอยู่?”แววตาของชูฮันเป็นประกายวาว แม้เขาจะพอเดาได้บางอย่าง แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมฟานฮงเหวียนถึงได้ไปอยู่ในชั้นลึกสุดของสถาบันวิจัยในค่ายหนานตู้ได้
”ครับ”เหมิงชีเหว่ยทันเห็นแววตาของชูอัน “หัวหน้าครับ แล้วเราจะทำยังไงต่อไป?”
”ฉันต้องการเข้าไปในนั้นด้วยตัวเอง”คำพูดนิ่งๆของชูฮันทำให้ทุกคนในห้องกลัว
หลูปิงเซ่อและเสี่ยวเคินมองหน้ากันและกันหลังจากเห็นแววตาเป็นประกายชัดเจนของชูฮัน ทุกคนก็รู้ได้ทันทีว่าไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็ต้องเข้าไป
เหมิงชีเหว่ยกระพริบตาปริบๆอย่างพูดอะไรไม่ออกอยู่ครู่หนึ่งหลังจากนั้นก็พยักหน้ารับทำความเข้าใจ “ครับ แต่มันมีเวลาจำกัด เราจะลอบเข้าไปได้แค่ในช่วงกลางคืนและต้องออกมาก่อนฟ้าสางครับ เพราะคนของเราในสถาบันวิจัยเป็นเจ้าหน้าที่ที่เข้าปฏิบัติหน้าที่ในช่วงเวลานี้ แต่หัวหน้าจำเป็นต้องพรางตัวนะครับ เราต้องหลีกเลี่ยงไม่ได้ใครเห็น แล้วพอเข้าไปข้างในได้แล้วคนของเราที่ด้านในจะมาเข้าร่วมและนำทางให้หัวหน้าครับ”
หลังจากเหมิงชีเหว่ยพูดจบทุกคนก็หันมามองเหมิงชีเหว่ยกันหมด ความสามารถที่ซ่อนไว้ของเหมิงชีเหว่ยนั้นเหนือความคาดหมายของทุกคน แม้แต่สถาบันวิจัยก็ยังแฝงตัวเข้าไปได้ ไม่ธรรมดาเลย!
สำหรับความสามารถของเหมิงชีเหว่ยชูฮันเองก็ค่อนข้างพอใจอย่างมาก ในตอนแรกเขาคิดว่าเหมิงชีเหว่ยคงจะแค่มาวางเครือข่ายที่ค่ายหนานตู้เท่านั้น แต่ในเมื่อเหมิงชีเหว่ยทำได้ดีขนาดนี้แถมเตรียมการพร้อมทุกขั้นตอนมาไว้แล้ว ชูฮันจึงตัดสินใจทันที “เราจะเข้าไปคืนนี้”
”วันนี้”เหมิงชีเหว่ยสับสนกับคำพูดของชูฮัน เขาอดไม่ได้ที่จะถาม “หัวหน้า หัวหน้าลืมไปรึเปล่าครับว่ามีงานเลี้ยงคืนนี้ แล้วหัวหน้ายังเป็นตัวเอกของงานด้วย มีคนมากมายรอหัวหน้าอยู่ด้านนอก แม้ผมจะไม่รู้ว่าพวกเขาไปได้ข่าวของหัวหน้ามาจากไหนกัน แต่เห็นได้ชัดว่าทุกคนมาเพื่อมาเจอหัวหน้า! หัวหน้าจะปลีกตัวออกจากงานคืนนี้มาได้ยังไงครับ?”
ชูฮันยิ้มกับคำถามของเหมิงชีเหว่ย”เพราะว่ามีคนมากมายไง ฉันจะได้อาศัยความวุ่นวายปลีกตัว”