บทที่ 474 ยาต่ออายุ
ก่อนที่เย่เซิ่งเทียนจะตอบ หลี่หลานรีบคว้ามือของ หลี่กั๋วหรงเอาไว้ และกล่าวด้วยความกังวลว่า “คุณพ่อ คุณพ่อเป็นมะเร็งจริง ๆ หรือ? ผลการตรวจร่างกายเป็นอย่างไรบ้าง คุณพ่ออย่าทำให้หนูตกใจ”
หลี่กั๋วหรงพยักหน้าและกล่าวว่า “ตรวจเจอเมื่อเดือนที่แล้ว เป็นระยะสุดท้ายแล้ว หมอบอกว่าสามารถมีชีวิตอยู่ได้อีกหนึ่งปี”
ใบหน้าของหลี่หลานเปลี่ยนเป็นซีดเผือด รีบหันไปมองเย่เซิ่งเทียนอย่างรวดเร็ว “เซิ่งเทียน รักษาให้หายขาดได้ไหม? สามารถรักษาให้หายขาดได้จริงหรือ? แต่นี่เป็นระยะสุดท้ายแล้วน่ะ”
เย่เซิ่งเทียนพยักหน้าและกล่าวว่า “การรักษามะเร็งระยะสุดท้ายนั้นค่อนข้างลำบาก และคุณตาก็อายุเยอะแล้ว จึงไม่สามารถใช้ยาที่แรงได้ ทำได้เพียงใช้ยาบำรุงเท่านั้น ต้องใช้เวลาครึ่งปีถึงจะสามารถรักษาให้หายขาดได้”
“ครึ่งปีก็รักษาให้หายขาดได้?”
มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงหลี่กั๋วหรง แม้แต่หลี่หลานและหวางซีก็ไม่เชื่อ
ตอนนี้ไม่มีใครในโลกนี้สามารถรักษามะเร็งระยะสุดท้ายให้หายขาดได้!
“อย่า อย่าโกหกแม่ เซิ่งเทียน”
หลี่หลานยังคงไม่เชื่อ เธอคิดว่ามันเป็นเรื่องเหลวไหล
หวางซีถามด้วยความประหม่า “เซิ่งเทียน คุณ..คุณอย่าพูดจาเหลวไหล จะรักษามะเร็งระยะสุดท้ายให้หายขาดได้อย่างไร? ฉันรู้ว่าคุณพูดเพื่อปลอบโยนพวกเรา แต่คุณไม่ควรพูดจาเหลวไหล”
เย่เซิ่งเทียนกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “พวกคุณเชื่อผมเถอะ ตอนนี้ผมจะเขียนสูตรยาให้ แล้วกินยาตามสูตรของผมเป็นเวลาครึ่งปี ก็จะสามารถรักษาคุณตาให้หายขาดได้”
หลังจากกล่าวจบ เย่เซิ่งเทียนเดินไปโต๊ะที่อยู่ด้านข้างทันที หยิบปากกาและเริ่มเขียนสูตรยา
“ความจริงแล้ว การแพทย์แผนโบราณจีนมีเทคนิคทางการแพทย์ที่ใช้รักษาโรคซับซ้อนได้มากมาย เพียงแต่ไม่ได้สืบทอดมาสู่รุ่นหลังเท่านั้น และผมได้เรียนรู้โดยบังเอิญ ซึ่งสูตรนี้เป็นสูตรโบราณใน《เชียนจินฟาง》ของซุนซือเหมี่ยวราชาแห่งทางการแพทย์ และตามตำนานเล่าขานว่าสร้างโดยหมอเทวดาฮั่วถัว ซึ่งมีผลต่อการรักษาโรคมะเร็งค่อนข้างดีมาก และเรียกวิธีการบำบัดรักษานี้ว่า《คัมภีร์หวงตี้เน่ย์จิง》ซึ่งเป็นชื่อของโรคมะเร็งชนิดหนึ่ง สูตรนี้เรียกอีกชื่อหนึ่งว่ายาต่ออายุ ก่อนที่ผมจะรู้สูตรนี้ มันได้หายไปเป็นเวลานับพันปีแล้ว”
ขณะที่พูด เย่เซิ่งเทียนได้เขียนสูตรยาเสร็จแล้ว
พวกหวางซีสามคนที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะ มองสูตรยาด้วยความสงสัย
“คุณตา งั้นลองสูตรของเซิ่งเทียนเถอะ และเซิ่งเทียนเป็นคนให้สูตรยาปรับสภาพร่างกายของหนูด้วย”
หวางซีกล่าวว่าลองดูดีกว่ารอความตาย
หลี่กั๋วหรงมองเย่เซิ่งเทียนด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน “คุณมีน้ำใจ มีคุณอยู่ ถึงแม้ว่าผมตายไปแล้ว ผมก็รู้สึกวางใจ”
ซือซือถามด้วยความสงสัย “คุณตาทวด ความตายคืออะไร? ตอนที่หนูยังเป็นเด็ก คุณยายบอกว่าคุณตาตายไปแล้ว คุณยายบอกว่าคุณตาไปเป็นเทพเจ้าที่สวรรค์แล้ว”
หลี่กั๋วหรงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ตอนนี้หนูก็ยังเป็นเด็กอยู่ ตายแล้วจะได้ไปเป็นเทพเจ้าที่สวรรค์”
ตาโตของซือซือเต็มไปด้วยความปรารถนา และกล่าวอย่างมีความสุข “ถ้าอย่างนั้นคุณตาทวดรีบตายเร็ว ๆ เพราะตายแล้วจะได้กลายเป็นเทพเจ้า พวกเราไปเป็นเทพเจ้าบนสวรรค์ด้วยกันเถอะ เด็กคนอื่นบอกว่าเมื่อคนตายไปแล้ว ก็สามารถไปกินที่งานเลี้ยงได้ ซือซืออยากกินด้วย”
หลี่กั๋วหรงตกตะลึง เด็กคนนี้…….โง่เล็กน้อยหรือเปล่า?
หวางซีตีซือซือ และกล่าวด้วยความอึดอัดว่า “คุณตา เด็กคนนี้ค่อนข้างโง่ได้เชื้อโง่มาจากเย่เซิงเทียน”
เย่เซิ่งเทียนมองหวางซีด้วยความหดหู่ ทำไมถึงบอกว่าโง่เหมือนผมล่ะ? เห็นได้ชัดว่าโง่เหมือนคุณมากกว่า
หลี่หลานกระแอมเบา ๆ และกล่าวว่า “ฉันจะไปซื้อยาเดี๋ยวนี้ แล้วลองต้มกินก่อน”
หลี่กั๋วหรงไม่ได้คาดหวังมากนัก และกล่าวว่า “งั้นลองดูเถอะ ซีเอ๋อร์ พรุ่งนี้จะมีการประชุมโลกการแพทย์ของเมืองโมตู หลานและเซิ่งเทียนไปร่วมงานในนามของตระกูลหลี่ ช่วงที่ผ่านมาบริษัทของพวกเราเปิดตัวผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพตัวใหม่ ผลตอบรับถือว่าไม่เลว ไปดูว่าพวกเราจะสามารถหาคู่ค้าอีกได้ไหม? ตาจะให้พ่อบ้านโจงไปกับพวกคุณ ถ้ามีเขาอยู่ ไม่มีใครสามารถหลอกพวกคุณได้ นอกจากนี้ ตาได้ยินมาว่าคราวนี้จะมีคนจากตระกูลใหญ่ ซึ่งเป็นตระกูลใหญ่ที่แท้จริง และห้าตระกูลใหญ่ก็จะมาร่วมงานด้วย พวกคุณระวังตัวหน่อย”
คืนนั้น ครอบครัวของเย่เซิ่งเทียนพักอาศัยอยู่ในตระกูลหลี่ ถึงแม้ว่าคนของตระกูลหลี่จะบ่น แต่ก็ไม่มีใครกล้ายืนออกมาพูดอะไร
เวลาสิบโมงเช้าของวันรุ่งขึ้น พ่อบ้านโจงพาเย่เซิ่งเทียนและหวางซีไปการประชุมวิชาการทางการแพทย์แห่งเมืองโมตู
หลี่เซียงหลันกล่าวด้วยความโมโหว่า “ที่รัก ทางฝั่งคุณติดต่อเรียบร้อยแล้วหรือยัง?”
มู่ซิ่วหลินกล่าวด้วยความโหดเหี้ยม “วางใจเถอะ ทางฝั่งผมได้เตรียมการไว้เรียบร้อยแล้ว วันนี้ถึงแม้ว่าเย่เซิ่งเทียนและหวางซีจะไม่ตาย แต่ก็ต้องขาหัก!”