ตอนที่ 394 เธอเป็นอะไรกันแน่? / ตอนที่ 395 เรื่องนี้ห้ามแพร่งพรายให้คนอื่นรู้เด็ดขาด

เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย

ตอนที่ 394 เธอเป็นอะไรกันแน่?

 

 

           จิ้นหยวนใช้มือดันฉินเพ่ยหรงเบาๆ ให้ออกไปนอกประตูห้อง จากนั้นปิดประตูลงต่อหน้าต่อตาเธอด้วยสีหน้าเฉยชาไร้ความรู้สึก

 

 

           ฉินเพ่ยหรงยืนหน้าซีดตัวแข็งอยู่หน้าประตูห้องเนิ่นนาน จนกระทั่งสายตาหลายคู่จับจ้องมาที่เธอเป็นตาเดียว เธอจึงค่อยๆ หมุนตัวเดินจากไป

 

 

           หลังประตูห้อง จิ้นหยวนรอจนกระทั่งเสียงรองเท้าส้นสูงค่อยๆ ดังไกลออกไปแล้วจึงหมุนตัวเดินไปหยุดอยู่ข้างเตียงคนไข้ เขาจ้องมองเฉียวซือมู่เนิ่นนาน จากนั้นค่อยๆ ยื่นแขนออกไปโอบกอดเธอ ฝังจุมพิตลงบนหน้าผากเธอเบาๆ

 

 

           เฉียวซือมู่ยังคงนอนสลบไม่ได้สติ ผ่านไปแล้วหนึ่งวัน แต่เธอยังคงหลับไหลไม่ยอมตื่น ไม่แม้แต่จะขยับร่างกาย

 

 

           จิ้นหยวนร้อนใจทนแทบคลั่ง เขาไปหานายแพทย์เจ้าของไข้พร้อมไฟโทสะที่โหมกระหน่ำ จ้องเขาด้วยสายตาเย็นยะเยือกราวน้ำแข็ง “อธิบายมาซิว่าเธอเป็นอะไรกันแน่? ทำไมจนถึงตอนนี้แล้วเธอถึงยังไม่ฟื้นซะที?”

 

 

           นายแพทย์เจ้าของไข้มีอายุและรูปร่างไล่เลี่ยกับจิ้นหยวน จิ้นหยวนทำให้เขาตกใจจนตัวสั่น จนแทบจะพูดไม่ออก

 

 

           นายแพทย์หนุ่มพยายามตั้งสติ เขาหยิบรายงานผลการตรวจของคนไข้ขึ้นมาแล้วอธิบายกับ    จิ้นหยวน “คุณจิ้น คือว่าอย่างนี้นะครับ ผลการตรวจร่างกายอย่างละเอียดของคุณนายออกมาแล้ว เราพบว่าผลตรวจที่ออกมาแตกต่างจากการตรวจเมื่อวานเล็กน้อยครับ…”

 

 

           “ไม่ต้องพูดมาก รีบบอกมาเดี๋ยวนี้ เธอเป็นอะไรกันแน่?” จิ้นหยวนขี้เกียจฟังคำพูดไร้สาระของเขา

 

 

           “คือ… คือว่าอย่างนี้ครับ…” นายแพทย์หนุ่มแอบปาดเหงื่อ พูดอย่างรวบรัด “ร่างกายของคุณนายดูภายนอกเหมือนปกติดี แต่หลังจากเราตรวจร่างกายอย่างละเอียดแล้วถึงพบว่า ความจริงสุขภาพของคุณผู้หญิงไม่ดีเลยครับ ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ ค่าต่างๆ ของเธอต่ำกว่ามาตรฐานครับ เราสันนิษฐานว่าอาจเป็นเพราะคุณนายเคยได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ไม่ได้รับการดูแลสุขภาพอย่างดี ภายนอกจึงดูปกติ แต่ภายในบอบช้ำมากเลยครับ…”

 

 

           จิ้นหยวนฟังแล้วถอนหายใจหนักๆ จู่ๆ เขาก็กระชากคอเสื้อนายแพทย์หนุ่ม จนนายแพทย์หนุ่มผู้น่าสงสารหน้าแดงจนเขียว หายใจไม่ออกจนตาเหลือก

 

 

           “หุบปาก!” จังหวะนั้น ใครคนหนึ่งวิ่งพุ่งเข้าไปในห้อง รีบจับแขนจิ้นหยวนเอาไว้แน่นพลางร้องขอ “คุณจิ้นเมตตาด้วย เมตตาด้วยเถอะครับ…”

 

 

           สีหน้าเ**้ยมเกรียมของจิ้นหยวนค่อยๆ สงบลง เขาค่อยๆ คลายมือออก นายแพทย์หนุ่มสูดออกซิเจนอันล้ำค่าเข้าปอดเฮือกใหญ่ เขาที่เพิ่งรอดตายหวุดหวิดไม่กล้าเผชิญหน้ากับยมทูตแห่งความตายคนนี้อีกแล้ว จึงวิ่งถลาออกจากห้องทันที

 

 

           ในห้องเหลือเพียงจิ้นหยวนกับผู้อำนวยการที่มีสีหน้าย่ำแย่ไม่ต่างกัน

 

 

           ผู้อำนวยการปาดเหงื่อที่แตกพลั่ก มองหน้าจิ้นหยวนแล้วได้แต่ยิ้มขื่นในใจ เกิดจิ้นหยวนอาละวาดขึ้นมาอีก เขาเองก็คงไม่รอดเหมือนกัน จึงรู้สึกหวาดผวาเป็นเท่าทวี เขาเอ่ยเสียงตะกุกตะกัก “คุณจิ้นใจเย็นก่อนนะครับ ความจริงหมอหลิวยังพูดไม่จบเลยนะครับ”

 

 

           จิ้นหยวนเก็บอารมณ์ รู้ตัวว่าไม่ควรระบายความโกรธลงที่พวกเขา เขานั่งลงบนเก้าอี้ ดวงตากระหายเลือดจับจ้องที่ผู้อำนวยการนิ่ง “พูดมาซิ!”

 

 

           ผู้อำนวยการสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ หยิบรายงานผลการตรวจขึ้นมาอ่าน จากนั้นเอ่ยขึ้นใหม่ “คือว่าอย่างนี้นะครับ สิ่งที่หมอหลิวพูดเป็นเรื่องจริง แต่คุณนายยังอายุน้อย ซึ่งถือเป็นข้อดี มีโอกาสสูงที่จะรักษาตัวให้สุขภาพกลับมาดีเหมือนเดิมครับ”

 

 

           จิ้นหยวนรำคาญคำพูดกำกวมไม่ชัดเจนของเขา เขาขมวดคิ้วมุ่น “พูดความจริงมาเดี๋ยวนี้ ร่างกายเธอเป็นอะไรกันแน่? สรุปว่ารักษาให้หายได้หรือเปล่า?”

 

 

           ผู้อำนวยการเห็นท่าทีจริงจังของเขาแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น “ที่ร่างกายคุณนายกลายเป็นแบบนี้ ผมสันนิษฐานว่า นอกจากเคยได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว อาจจะเกี่ยวข้องกับสภาพจิตใจที่ถูกเก็บกด และร่างกายที่เหนื่อยล้าจนเกินไปครับ ดังนั้น… ดังนั้น…”

 

 

 

 

ตอนที่ 395 เรื่องนี้ห้ามแพร่งพรายให้คนอื่นรู้เด็ดขาด

 

 

           ผู้อำนวยการไม่กล้าพูดประโยคที่เหลือออกมา เพราะชายหนุ่มตรงหน้าอารมณ์ร้ายมากจริงๆ

 

 

           แต่ไม่พูดจะดีหรือ?

 

 

           เปลวเพลิงแห่งโทสะที่สุมอยู่ในอกจิ้นหยวนคุกรุ่นขึ้นอีกครั้ง

 

 

           เขาจึงเอ่ยอย่างอิดๆ ออดๆ “ดังนั้น… ดังนั้น… ต่อไป… อาจจะมีผลต่อการตั้งครรภ์ครับ…”

 

 

           “คุณพูดว่าอะไรนะ?” จิ้นหยวนทะลึ่งลุกพรวด ดวงตาดุร้ายจับจ้องเขาเขม็ง “ไหนพูดอีกทีซิ?”

 

 

           ผู้อำนวยการตกใจสุดขีด เป็นไงเป็นกัน เขาเชิดหน้าขึ้น หลับตาแน่น พูดคล่องปร๋ออย่างไม่อยากจะเชื่อตัวเอง “เพราะคุณนายเคยได้รับบาดเจ็บสาหัส แล้วยังไม่ดูแลรักษาร่างกายให้ดีอีก บวกกับร่างกายที่เหนื่อยล้ามากเกินไป พอทุกอย่างมารวมกัน ทำให้ร่างกายภายในอ่อนแอมาก จำเป็นต้องพักฟื้นและบำรุงรักษาร่างกายตามเวลาที่เหมาะสม ไม่งั้น ต่อไปจะทำให้ตั้งครรภ์ยากครับ”

 

 

           เขาพูดทุกอย่างออกมารวดเดียวจนหมด คิดว่าจิ้นหยวนจะต้องโกรธมากเสียอีก แต่ไม่นึกเลยว่า หลังจากเขาพูดจบแล้วกลับไม่ได้ยินเสียงระเบิดความโกรธจากอีกฝ่ายตามคาด เขามองไปยังจิ้นหยวนด้วยความประหลาดใจ กลับพบว่าเขายืนแน่นิ่งอยู่กับที่ ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมองอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน

 

 

           หัวใจเขากระตุกวูบ อยากจะพูดอะไรสักอย่างเพื่อปลอบใจเขา แต่กลับเห็นเขาพยักหน้าเล็กน้อยแล้วเอ่ยกับตนว่า “เข้าใจแล้ว”

 

 

           เอ่ยจบแล้วค่อยๆ ก้าวเท้าเดินออกจากห้อง

 

 

           ท่าทางแปรเปลี่ยนจากคนที่โกรธสุดขีดเป็นสงบเยือกเย็น ราวกับเป็นคนละคน

 

 

           จิ้นหยวนเดินไปยังประตูห้อง จู่ๆ เขาก็ชะงักฝีเท้า “ผมหวังว่านอกจากเราสองคนแล้ว จะไม่มีใครรู้เรื่องนี้อีก เข้าใจไหม?”

 

 

           ผู้อำนวยการพยักหน้าหงึกๆ “แน่นอนครับ เราต้องรักษาความลับของคนไข้อยู่แล้วล่ะครับ คุณจิ้นไม่ต้องเป็นห่วง เรื่องนี้ไม่มีทางรั่วไหลออกไปแน่นอนครับ”

 

 

           จิ้นหยวนพยักหน้าเล็กน้อย ก้าวเท้ายาวๆ เดินออกจากห้อง

 

 

           ผู้อำนวยการลูบใบหน้าตนด้วยความเหน็ดเหนื่อย เดี๋ยวต้องทำให้หมอหลิวปิดปากให้สนิทอีกคน ในเมื่อเขารับปากแล้ว จะให้เกิดข้อผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาด…

 

 

           ให้ตายสิ ทำไมชายหนุ่มคนนี้ถึงมีพลังที่น่ากลัวมากขนาดนี้นะ…

 

 

           จิ้นหยวนยืนอยู่หน้าประตูห้องด้วยสีหน้าเรียบเฉย ชั่ววินาทีที่เขาเปิดประตูออก ใบหน้าเขาแฝงรอยแห่งความหวังจางๆ เขากวาดสายตามองไปยังเตียงคนไข้ เธอยังคงหลับสนิทไม่ไหวติงเหมือนเดิม

 

 

           เขาถอนหายใจเบาๆ ค่อยๆ เดินไปนั่งลงข้างเตียง ยื่นมือออกไปจับมือเธอมากอบกุมเอาไว้ จากนั้นฝังใบหน้าลงบนฝ่ามือเธอ

 

 

           เขาจมดิ่งอยู่ในความเศร้าเนิ่นนาน เนิ่นนานจนเขารู้สึกว่ามือเธอขยับเล็กน้อย

 

 

           เขารีบเงยหน้าขึ้นทันที แต่กลับเห็นเธอยังคงปิดเปลือกตาสนิท ใบหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึกไม่เปลี่ยน

 

 

           เขารู้สึกไปเองหรือ?

 

 

           เขาไม่อยากจะเชื่อ ดวงตาแดงก่ำจับจ้องที่เธอนิ่ง ในที่สุด เปลือกตาเธอขยับเล็กน้อยราวกับรับรู้ถึงความคาดหวังจากสายตาของเขา

 

 

           เขาดีใจจนกระโดดโลดเต้น รีบเรียกหมอเสียงดังลั่น

 

 

           เธอย่นหัวคิ้วเล็กน้อย เพิ่งจะดิ้นรนออกจากความมืดมิดแท้ๆ กลับได้ยินเสียงเอะอะโวยวายอยู่ข้างหูเสียนี่ จะไม่ยอมให้เธอมีชีวิตที่สงบสุขบ้างเลยหรือ

 

 

           หุบปากเดี๋ยวนี้เลยนะ เธอจะนอน!

 

 

           เธอคิดในใจอย่างเคืองๆ แต่ไม่คิดเลยว่าคนข้างกายไม่เพียงไม่หยุด ทว่ายิ่งพูดเสียงยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ สุดท้าย ดูเหมือนว่าจะมีคนเข้ามาสมทบเพิ่มอีก เสียงดังจ้อกแจ้กจอแจ น่ารำคาญจะตายอยู่แล้ว!

 

 

           เธอลืมตาขึ้นด้วยความรำคาญ พลันสบเข้ากับดวงตาแดงก่ำคู่หนึ่งพอดี เธอตกใจจนขดตัวกลม กรีดเสียงร้องดังลั่น “ผีหลอก…”

 

 

           เธอคิดว่าตนกรีดเสียงร้องเสียงดังลั่น แต่ในสายตาจิ้นหยวนและทีมแพทย์กลับเห็นเพียงแค่เธอขยับริมฝีปากเล็กน้อยเท่านั้น