ตอนที่ 616 นอนต่ออีกหน่อยได้หรือเปล่า / ตอนที่ 617 สายตาขอความช่วยเหลือ

กับดักรักในรอยแค้น

ตอนที่ 616 นอนต่ออีกหน่อยได้หรือเปล่า

 

 

“ขอบคุณค่ะคุณหมอ” ฉู่เจียเสวียนเผยรอยยิ้มที่มีความสุขที่สุดในหลายวันนี้ออกมา

 

 

คุณหมอพยักหน้า สุดท้ายก็มองไปที่กงจวิ้นฉือครู่หนึ่ง จากนั้นก็หมุนตัวเดินจากไป

 

 

กงจวิ้นฉือยิ้มอย่างอ่อนโยนตลอดเวลา คำพูดของคุณหมอไม่ได้นับว่าเป็นข่าวดีสำหรับเขาเลย เขาไม่รู้จริงๆ ว่าความสามารถในการฟื้นฟูที่แข็งแรงนั้นเป็นเรื่องดีหรือไม่ ความผิดหวังพลันก่อตัวขึ้นในหัวใจ

 

 

“จวิ้นฉือ คุณหมอบอกว่าคุณฟื้นตัวได้ไม่เลวเลย คิดว่าอีกไม่นานคุณก็คงจะออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว” ฉู่เจียเสวียนมีสีหน้าดีใจขึ้นมา กงจวิ้นฉือออกจากโรงพยาบาลได้เร็วขึ้น นั่นนับว่าเป็นเรื่องที่ดีมากจริงๆ ถือเป็นข่าวดีสำหรับเธอ

 

 

เมื่อเห็นท่าทางมีความสุขของฉู่เจียเสวียนแล้ว กงจวิ้นฉือก็ดูสงบนิ่งเป็นพิเศษ

 

 

“คุณไม่อยากออกจากโรงพยาบาลเร็วๆ เหรอ?” ฉู่เจียเสวียนเห็นสีหน้าผิดหวังของกงจวิ้นฉือแล้วก็เอ่ยถามด้วยความสงสัย

 

 

“อยากสิ” กงจวิ้นฉือพยักหน้า แต่ว่าเขาอยากอยู่กับเธอมากกว่า ถ้าหากออกจากโรงพยาบาลแล้ว เช่นนั้นเรื่องระหว่างเขากับเธอ…

 

 

“ตอนนี้ผมไม่เป็นไรอะไรแล้ว คุณไปดูเผยหนานเจวี๋ยเถอะ” กงจวิ้นฉือเอ่ยปากออกมาด้วยความขมขื่น แม้ในใจจะกระวนกระวายอยากให้เธออยู่เคียงข้างเขา แต่ว่าสิ่งที่พูดออกมากลับตรงข้ามกับใจ

 

 

คำพูดของกงจวิ้นฉือนั้นเป็นการเตือนสติฉู่เจียเสวียน เธอคิดถึงเผยหนานเจวี๋ยแล้วจริงๆ ดังนั้นเธอจึงยิ้มออกมา “ถ้าอย่างนั้นฉันไปก่อนนะ”

 

 

พูดจบแล้วก็หมุนตัวเดินจากไป

 

 

กงจวิ้นฉือมองดูแผ่นหลังของฉู่เจียเสวียนที่จากไปแล้ว สองมือก็กำเข้าหากันแน่น ประตูที่ปิดสนิทบานนั้นปิดกั้นสายตาของเขา

 

 

วันนี้ฉู่เจียเสวียนอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เธอผลักเปิดประตูของห้องของเผยหนานเจวี๋ย เมื่อเธอปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตู เผยหนานเจวี๋ยจึงนึกว่าตัวเองเห็นภาพหลอน

 

 

ราวกับมีแสงสีทองเปล่งประกายอยู่รอบกายฉู่เจียเสวียน เธอเหมือนกับเจ้าหญิงที่เดินออกมาจากในเทพนิยายเลย

 

 

จนกระทั่งเธอเดินเข้ามาใกล้ เผยหนานเจวี๋ยจึงเห็นใบหน้าของฉู่เจียเสวียนได้อย่างชัดเจน ใบหน้าที่สวยงามดวงนี้เป็นใบหน้าที่เขาเฝ้าฝันถึงทุกวันคืน

 

 

ตอนนี้ยังคงเช้าอยู่ เผยหนานเจวี๋ยตื่นนอนตั้งนานแล้ว ไม่ว่าเวลาไหน นาฬิกาชีวิตของเขาไม่เคยสับสนเลยสักครั้ง ไม่ว่าจะนอนดึกแค่ไหน โรคชอบตื่นเช้าของเขาแก้อย่างไรก็ไม่หาย

 

 

“อรุณสวัสดิ์” ฉู่เจียเสวียนทักทายเขาด้วยอารมณ์ที่ดีเป็นอย่างมาก

 

 

เผยหนานเจวี๋ยเอ่ยออกมาด้วยความอึดอัดเล็กน้อย “อรุณสวัสดิ์”

 

 

“ทำไมคุณถึงไม่นอนต่ออีกหน่อยล่ะ?” ฉู่เจียเสวียนบ่น ทั้งๆ ที่ร่างกายของเขาเพิ่งจะหายดี จะรีบตื่นเช้าทำไมกัน

 

 

“นอนไม่หลับน่ะ” เผยหนานเจวี๋ยยื่นมือนวดคลึงขมับ ตอนนี้สมองของเขางุนงงเล็กน้อย เมื่อคืนเขานอนไม่หลับ หรืออาจจะพูดว่าไม่ได้นอนทั้งคืนเลยก็ได้

 

 

“คุณเป็นคนป่วยนะ ต้องพักผ่อนให้มากๆ มันเป็นยาที่ดีที่สุดสำหรับร่างกายคุณ” ฉู่เจียเสวียนกล่าว พร้อมคิ้วขมวดเข้าหากัน

 

 

“ฉันจะไปซื้ออาหารเช้าให้คุณ” ฉู่เจียเสวียนกล่าวอย่างอารมณ์ดี มุมปากยกยิ้มขึ้นไม่หยุด

 

 

เมื่ออยู่ข้างกายกงจวิ้นฉือ เธอรู้สึกกดดัน แต่เมื่ออยู่ข้างกายเผยหนานเจวี๋ย เธอกลับรู้สึกผ่อนคลาย

 

 

“อืม” เผยหนานเจวี๋ยเอ่ยปากรับคำ แววตาเปื้อนรอยยิ้ม สมองที่มึนงงก่อนหน้านี้ดูเหมือนจะไม่แย่ขนาดนั้นแล้ว นั่นเป็นเพราะอารมณ์ที่ดีของฉู่เจียเสวียน

 

 

ระหว่างทางที่ไปซื้ออาหารเช้า โทรศัพท์มือถือของฉู่เจียเสวียนก็ส่งเสียงดังขึ้น เมื่อหยิบขึ้นมาก็พบว่าเป็นถังถังที่โทรเข้ามา

 

 

“ฮัลโหล ถังถัง ทำไมโทรมาแต่เช้าเลย” ยัยผู้หญิงคนนี้โทรมาหาเธอเช้าขนาดนี้ เธอก็เพิ่งเคยเจอเป็นครั้งแรก

 

 

“ใช่สิ วันนี้ฉันตื่นเช้าเป็นพิเศษ เธอเป็นยังไงบ้าง ทางนั้นยุ่งหรือเปล่า” ถังถังตื่นนอนตั้งแต่เช้าแล้ว เธอนอนอยู่บนเตียงไม่ว่าอย่างไรก็นอนไม่หลับ จึงโทรมาหาเธอ

 

 

“ไม่มีอะไรแล้ว คุณหมอบอกว่าร่างกายของจวิ้นฉือฟื้นตัวดีมาก คิดว่าอีกไม่นานเขาก็คงออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว” ตอนที่ฉู่เจียเสวียนพูดเรื่องนี้ เธอก็รู้สึกผ่อนคลายเป็นพิเศษ

 

 

หลายวันมานี้เธอวิ่งไปวิ่งมาอยู่ในโรงพยาบาลตลอดเวลา เหนื่อยจนแทบทนไม่ไหว เดิมทีการดูแลเผยหนานเจวี๋ยก็ทำให้เธอกังวลใจแล้ว ตอนนี้ยังมีกงจวิ้นฉือเพิ่มเข้ามาอีกคน เธอก็รู้สึกกดดันเหมือนมีภูเขามาทับในชั่วพริบตา

 

 

 

 

 

ตอนที่ 617 สายตาขอความช่วยเหลือ  

 

 

“จริงเหรอ?”

 

 

“จริงสิ ฉันจะโกหกเธอทำไมกัน ช่วงนี้เรื่องงานที่ร้านชุดแต่งงานคงต้องรบกวนเธอแล้ว ฉันก็ไม่ใช่เจ้านายที่ดีเลยจริงๆ” เพราะว่าอาการของกงจวิ้นฉือดีขึ้น ดังนั้นฉู่เจียเสวียนก็มีอารมณ์ล้อเล่นขึ้นมาบ้างแล้ว

 

 

“โธ่โอ๊ย ไม่เป็นไรหรอก มีฉันอยู่ไม่ใช่เหรอไง เธอน่ะ อยู่โรงพยาบาลก็อย่าหักโหมจนเกินไปนะ ฉันจะดูแลน้าซูเอง เธอก็ไม่ต้องเป็นห่วงที่บ้านกับที่ร้านหรอก เข้าใจไหม?”

 

 

“โอเค ถังถัง มีเธออยู่นี่ก็ดีจริงๆ เลย” ถ้าหากตอนนี้ถังถังอยู่ข้างๆ ฉู่เจียเสวียนละก็ เธอจะจูบเธอโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย

 

 

เพื่อนที่ดีแบบนี้เธอจะไปหาที่ไหนได้อีก

 

 

“แน่สิ การที่เธอได้รู้จักฉันน่ะเป็นเรื่องที่น่าขอบคุณที่สุดในชีวิตแล้ว ฉันไม่สนหรอกนะ พอพ้นช่วงยุ่งๆ นี้ไปแล้ว เธอจะต้องเลี้ยงข้าวฉัน!” เสียงมีความสุขของถังถังดังขึ้นที่ปลายสาย ทำให้ฉู่เจียเสวียนยิ้มออกมา

 

 

“ได้สิ ไม่มีปัญหา” พอเงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นว่าร้านโจ๊กอยู่ตรงหน้าแล้ว เธอก็ยิ้มและพูดว่า “เอาล่ะ ฉันไม่คุยด้วยแล้ว ฉันไปซื้อข้าวเช้าก่อนนะ”

 

 

“โอเค”

 

 

เมื่อวางสายแล้ว ฉู่เจียเสวียนก็ก้าวเท้าเดินไปยังร้านโจ๊ก “เถ้าแก่ ขอโจ๊กไก่สองถุงค่ะ”

 

 

“ได้เลย!”

 

 

ฉู่เจียเสวียนซื้อโจ๊กแล้วก็ตรงไปที่โรงพยาบาล

 

 

เมื่อเธอกลับไปที่ห้องผู้ป่วยก็เห็นว่ามีอีกหนึ่งคนกำลังอยู่ในห้องของเผยหนานเจวี๋ย เมื่อมองจากทางด้านหลังแล้ว คิดว่าคนนี้น่าจะเป็นผู้ช่วยของเขา

 

 

แต่เมื่อเธอเห็นคนที่มาอย่างชัดเจน เธอก็พลันตกใจ

 

 

ซูหราน? ทำไมเขาถึงมาหาเผยหนานเจวี๋ยได้

 

 

ในฐานะผู้ดูแลคฤหาสน์ซีเจียวของเผยหนานเจวี๋ย ทำไมซูหรานถึงปรากฏตัวบ่อยมากกว่าผู้ช่วยอีกล่ะ อีกทั้งยังไม่รู้ว่าพวกเขากำลังคุยอะไรกันอยู่

 

 

บางทีสถานะของซูหรานอาจจะไม่ได้เป็นแค่พ่อบ้านธรรมดา ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเผยหนานเจวี๋ยนั้นไม่ธรรมดาอย่างที่เห็นภายนอกแน่ เธอไม่ควรประเมินค่าทุกคนที่อยู่ข้างกายเผยหนานเจวี๋ยต่ำเกินไป

 

 

ฉู่เจียเสวียนยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆ ปล่อยให้ทั้งสองคุยกัน

 

 

เมื่อเผยหนานเจวี๋ยสั่งงานซูหรานเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็มองเห็นฉู่เจียเสวียนที่ยืนอยู่ไม่ไกล ถึงได้รู้ว่าเธอซื้ออาหารเช้ากลับมาแล้ว

 

 

ซูหรานหันไปเอ่ยกับฉู่เจียเสวียนด้วยความนอบน้อมว่า “คุณหนูฉู่ อรุณสวัสดิ์ครับ”

 

 

“อรุณสวัสดิ์ค่ะพ่อบ้านซู” ฉู่เจียเสวียนตอบกลับด้วยความเฉยเมย

 

 

“ท่านประธานครับ ถ้าหากไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ” ซูหรานเอ่ยด้วยความนอบน้อม

 

 

“อืม” เผยหนานเจวี๋ยพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะโบกมือเป็นเชิงให้ซูหรานออกไป

 

 

“ไม่อยู่ต่ออีกหน่อยเหรอคะ?” ฉู่เจียเสวียนเอ่ยขึ้นด้วยความกระตือรือร้น

 

 

ซูหรานแอบตอบในใจว่าไม่ดีแน่ จากนั้นหนังศีรษะก็รู้สึกด้านชา การถูกฉู่เจียเสวียนเรียกให้หยุดนั้นไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย เป็นไปดังคาด ไม่ทันรอให้เขาตอบ เสียงของฉู่เจียเสวียนก็ดังขึ้นอีกครั้ง “ถ้าพ่อบ้านซูจะไป ก็อย่าลืมเอาของบางอย่างไปด้วยล่ะ”

 

 

ในน้ำเสียงของฉู่เจียเสวียนนั้นแฝงความข่มขู่อยู่เล็กน้อย เธอยังไม่ลืมเรื่องที่ซูหรานเอาโทรศัพท์มือถือมาให้เผยหนานเจวี๋ย

 

 

“ครับ?” ครั้งนี้ซูหรานนึกเกลียดตัวเองจริงๆ ที่เมื่อกี้ไม่เดินให้เร็วขึ้นสักหน่อย ครั้งนี้อยากจะหนีก็ไม่ง่ายแล้ว

 

 

“ไม่ทราบว่าคุณหนูฉู่หมายถึงของอะไรหรือครับ” ซูหรานแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ ต้องการจะตีเนียน

 

 

“อย่างเช่นพวกเครื่องอิเล็กทรอนิกส์อย่างโทรศัพท์มือถือ แล้วก็เอกสารที่ยังอ่านไม่จบอย่างไรล่ะคะ” ฉู่เจียเสวียนไม่ชอบใจมากที่ไม่ว่าเผยหนานเจวี๋ยจะอยู่ที่ไหน ในใจก็มีแต่เรื่องงานตลอดเวลา เขาคิดว่าการทำงานในโรงพยาบาลเป็นพฤติกรรมที่ดูทุ่มเทมากขึ้นอย่างนั้นเหรอ?

 

 

เมื่อก่อนเธอก็รู้ว่าเขาเป็นคนบ้างานคนหนึ่ง แต่ละวันเอาแต่ทำงานล่วงเวลาที่ออฟฟิศจนดึกดื่น แต่ว่านั่นมันก็เป็นเรื่องในอดีต

 

 

ตอนนี้ร่างกายของเขาก็ไม่อนุญาตให้เขาทำงานต่อไปได้แล้ว

 

 

ซูหรานส่งสายตาของความช่วยเหลือไปยังเผยหนานเจวี๋ย เผยหนานเจวี๋ยเริ่มเป็นห่วงโทรศัพท์มือถือที่อยู่ใต้หมอน โทรศัพท์มือถือของเขาถูกฉู่เจียเสวียนยึดไปหมดแล้ว หวังว่าเครื่องนี้จะไม่ถูกเธอยึดไปอีก

 

 

“ถ้าไม่มีมือถือ แล้วพวกเราจะติดต่อท่านประธานอย่างไรล่ะครับ” ซูหรานเอ่ยขึ้นเรียบๆ