ตอนที่ 431 พี่ชายใจดี

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 431

พี่ชายใจดี

ตุบ..ร่างของตงฟางทะยานวาบผ่านป่าเขายามเช้าด้วยความเร็วที่น่าตกใจ จูล่งเดินทางตอนเช้ามาถึงอีกเมืองก็เพียงแค่ไม่กี่สิบนาทีเท่านั้นทำให้จูล่งและเด็กหญิงมาหยุดอยู่ที่หน้าเมืองอีกแห่งตั้งแต่เช้าก่อนที่ประตูเมืองจะเปิดเสียด้วยซ้ำ

“ใช่เมืองนี้หรือเปล่า”จูล่งถามพลางขยับเข้าไปใกล้เมืองมากขึ้น หลังจากได้ถามจากเด็กหญิง นางก็บอกว่าตนเองถูกจับมาในกล่องมืดๆมองไม่เห็นอะไรทั้งนั้น นางจึงไม่ทราบว่าบ้านของนางอยู่ที่ไหน นางจำได้แต่เพียงว่าเมืองที่นางเคยเห็นเต็มไปด้วยหิมะตลอดทั้งปี ทำให้จูล่งเลือกที่จะเดินทางมาทิศเหนือเพราะหากอยากหาสถานที่เช่นนั้นก็มีแต่ทางเหนือนี้เท่านั้น

“ไม่ใช่หรอกเจ้าค่ะ”เด็กหญิงตอบขณะนั่งอยู่ในอ้อมแขนของจูล่ง ตัวนางเล็กมากเลยทีเดียวจูล่งเลยให้นางมานั่งข้างหน้าจะได้ไม่ปลิวตกลงไปตอนตงฟางกำลังวิ่ง

“ท่าทางจะต้องขึ้นเหนือมากกว่านี้”จูล่งว่าพลางบอกให้ตงฟางผ่านเมืองแรกไป น่าประหลาดแม้ไป๋จูล่งจะใช้พลังวิญญาณช่วยป้องกันแรงปะทะของลมก็ตาม แต่ความเร็วของตงฟางไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะรับมือได้ แต่เด็กหญิงกลับตั้งใจมองตามทางราวกับคุ้นชินความเร็วขนาดนี้เป็นอย่างดีเสียอีก

“พี่ชาย หนูไม่รู้ว่าต้องเสียเวลาเท่าไหร่ถึงจะหาบ้านของหนูเจอ ท่านแน่ใจหรือว่าจะช่วยข้าจริงๆ”เด็กหญิงถามพลางมองมาทางจูล่ง พอได้ออกมานอกเมืองแล้วเด็กหญิงถึงได้ทราบว่าเมืองแถวๆนี้ไม่ได้อยู่ใกล้ๆกับเมืองที่นางเคยเห็นเลย ที่นี่ไม่มีหิมะ เป็นพื้นดินที่มีต้นไม้เขียวชอุ่มไปทั้งทาง ไม่มีอะไรบอกทางให้นางทราบได้เลยว่าควรต้องไปทางไหน การจะหาเส้นทางกลับบ้านคงต้องเดาสุ่มไปเรื่อยๆเท่านั้น

“ไม่ต้องคิดมากหรอก ข้าแค่อยากจะทำแบบนี้เท่านั้นเอง”จูล่งตอบพลางมองภาพเบื้องหน้า มันก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมถึงตัดสินใจแบบนี้ อาจจะเพราะความสงสารก็ได้แต่มันก็ไม่อยากปล่อยให้เด็กคนนี้ต้องหาทางกลับบ้านเองเลย ขนาดมีมันกับพี่ตงฟางคอยช่วยยังไม่ทราบจะใช้เวลากี่วันกี่เดือนเลย หากนางไปคนเดียวมีหวังได้กลับบ้านตอนแก่แล้วแน่ๆ

“จริงสิ ข้ายังไม่รู้จักชื่อเจ้าเลย”จูล่งถามขณะตงฟางกำลังทะยานผ่านภูเขาอย่างรวดเร็ว ประสาทสัมผัสของตงฟางไวมาก ทางคดเคี้ยวในป่าไม่ได้ทำให้ความเร็วของมันลดเลย หากเทียบกันจริงๆมันคงจะวิ่งเร็วกว่ารถไฟเสียอีกต่อให้ไม่ใช่ทางตรงก็ตาม

“ชื่อ…”เด็กหญิงนิ่งไปเหมือนกำลังนึกอะไรบางอย่างอยู่

“ท่านแม่เรียกหนูว่าผิงกั่วเจ้าค่ะ ข้าเองก็ไม่รู้ทำไมท่านแม่ถึงเรียกหนูแบบนั้น”ผิงกั่วตอบพลางเงยหน้ามองไป๋จูล่งจากด้านล่าง

“อ่อ…..”จูล่งมองใบหน้าของผิงกั่วที่ช้อนมองขึ้นมาจากด้านล่างก็พลันเข้าใจทันที แก้มขาวๆของผิงกั่วมีเลือดฝาดแดงๆอยู่เสมอ ทำให้นึกถึงผลแอปเปิ้ลตามชื่อของนางจริงๆ เกรงว่าแม่ของนางจะเรียกนางว่าผิงกั่วเพราะแก้มน่าหยิกทั้งสองข้างของนางเป็นแน่

“ข้าชื่อไป๋จูล่ง ข้าเองก็ไม่ทราบเช่นกันว่าทำไมท่านพ่อท่านแม่ถึงเรียกข้าเช่นนี้”จูล่งตอบพลางยิ้มออกมา ก็นะมันไม่เคยถามความหมายของชื่อตนเองจากพ่อแม่เสียหน่อย

“งั้นหนูเรียกพี่ว่าพี่จูล่งนะ”ผิงกั่วว่าพลางยิ้มหน้าบานออกมา ทำให้จูล่งอดรู้สึกเอ็นดูไม่ได้ สำหรับผิงกั่วแล้วจูล่งเป็นคนแรกที่นางรู้สึกวางใจตั้งแต่โดนจับมาเลย นางจึงอยากจะเรียกมันเหมือนครอบครัวคนหนึ่งเช่นกัน

“ได้เลย งั้นข้าจะเรียกเจ้าว่าน้องผิงก็แล้วกัน”จูล่งยิ้มพลางเงยหน้ามองไปยังทิศทางที่ตนกำลังเดินทางไป

จ๊อก…อยู่ๆเสียงๆหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากผิงกั่ว เมื่อเช้านางกินเพียงข้าวต้มไม่กี่คำเท่านั้น ประกอบกับการที่นางไม่ได้กินอะไรมานานทำให้ร่างกายของนางตอนนี้ต้องการอาหารอย่างมากจนต้องส่งเสียงประท้วงออกมาเลยทีเดียว

“……..”ผิงกั่วหน้าแดงพลางกะพริบตาปริบๆเหมือนจะบอกว่านางไม่ได้ตั้งใจนะออกมา ทำเอาจูล่งแอบหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้ นางไม่ได้เป็นผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณ จำเป็นต้องกินอาหารตามปกติ เพียงแต่จูล่งไม่ได้พกอาหารมาด้วยนี่สิ

“ท่าทางเจ้าจะหิวแล้ว ข้าจะลองไปถามหาอาหารจากคนพวกนั้นดูนะ”จูล่งหัวเราะเบาๆก่อนจะพาตงฟางเดินเข้าไปในป่า

“คนพวกนั้น?”ผิงกั่วเลิกคิ้วด้วยท่าทีงุนงง กลางป่ากลางเขาแบบนี้มีคนอยู่ด้วยงั้นหรือ แล้วจูล่งทราบได้อย่างไรว่ามีคนอยู่

“ฮ้าๆๆๆๆ”ตงฟางพาผิงกั่วและจูล่งเดินผ่านเงาไม้มาได้ไม่กี่นาทีก็เจอเข้ากับกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่กำลังพักผ่อนกันอยู่ที่ริมน้ำตก พวกมันส่วนมากยังหลับอยู่แม้จะเกือบจะเข้าช่วงเที่ยงแล้ว

“เฮ้ย เจ้าเป็นใคร”ทันทีที่เห็นจูล่งขี่ตงฟางเข้ามาใกล้ คนส่วนหนึ่งที่ยังไม่หลับก็เข้ามาหาจูล่งทันที

“พี่ชาย พวกท่านมีอาหารแบ่งให้พวกเราบ้างหรือไม่ ข้าไม่ได้พกอาหารติดตัวมาเลย”จูล่งตอบพลางยิ้มบางๆออกมา

“หา…”ชายตรงหน้าขมวดคิ้วทันที นี่มันกลางป่าลึกที่พวกมันใช้เป็นที่ซ่อนตัว จะมีเจ้าบ้าที่ไหนเดินหลงทางมาขออาหารได้กัน

“เจ้าเป็นใคร ทำไมถึงเจอที่นี่”ชายอีกคนถามด้วยท่าทีระแวง พวกมันคือกลุ่มโจรเสือดาว ปล้นเมืองมาแล้วไม่ต่ำกว่า 7 แห่ง มีทหารมากมายต้องการตัวทำให้พวกมันไม่อาจไว้ใจคนแปลกหน้าได้

“ข้าชื่อไป๋จูล่งขอรับ ข้ากำลังเดินทางผ่านที่นี่พอดี”จูล่งตอบด้วยใบหน้าใสซื่อ

“คิดว่าข้าจะเชื่อหรือไง”ชายตรงหน้าตอบพลางชักดาบออกมา พวกมันเป็นกลุ่มโจรที่มีผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณจำนวนหนึ่งอยู่ในกลุ่ม ทำให้แข็งแกร่งมากทีเดียว

“ไอ้หนู ถ้ายังไม่อยากตายก็ส่งเงินมา”โจรคนหนึ่งพูดพลางเอาดาบชี้มาทางจูล่ง แต่คนที่มีท่าทีกลัวที่สุดกลับเป็นผิงกั่วเพราะนางก็โดนคนแบบนี้จับตัวมาเหมือนกัน ทำให้จูล่งต้องเอาแขนมาบังผิงกั่วเอาไว้

“พี่จูล่ง พวกพี่คุยอะไรกันหรือเจ้าคะ”ผิงกั่วถามด้วยท่าทีกลัวๆ นางฟังไม่ออกว่าจูล่งกับชายพวกนี้คุยอะไรกัน แต่อีกฝ่ายถือดาบชี้มาทางตนก็ทำให้นางกลัวมากแล้ว

“เขาบอกให้ข้าส่งเงินให้เขา”จูล่งตอบด้วยสีหน้าครุ่นคิด ก่อนจะทำท่าทีเหมือนนึกอะไรออก

“อ่อ….พี่ชายท่านนี้จะขายอาหารให้พวกเรานี่เอง”จูล่งสรุปออกมาพลางยิ้มอย่างดีอกดีใจ แม้จะไม่แบ่งให้ฟรีแต่อีกฝ่ายก็ยอมขายให้จูล่งค่อยเบาใจหน่อย

“ขายอาหารให้? งั้นพี่ชายข้างหน้าก็ไม่ใช่คนไม่ดีสินะเจ้าคะ”ผิงกั่วลดท่าทีหวาดกลัวลงเมื่อได้ยินเช่นนั้น

“ใช่แล้ว พวกพี่ชายใจดีมากทีเดียว ข้าได้ยินมาว่าเสบียงอาหารสำคัญมากเวลาเดินทางนะ”จูล่งตอบพลางยิ้มอย่างอารมณ์ดี

“เฮ้ย ไม่ได้ยินหรือไง บอกว่าให้ส่งเงินมา”อยู่ๆผิงกั่วก็ลดท่าทีหวาดกลัวลง พอมันพูดออกไปผิงกั่วก็ยิ้มพลางมองมาทางมันเหมือนจะขอบคุณเสียอย่างนั้น ทำเอากลุ่มโจรเสือดาวมีสีหน้างุนงงกันอย่างมาก

“เงินสินะขอรับ”ไป๋จูล่งว่าพลางยื่นมือออกมาก่อนจูล่งจะเดินทางออกจากหมู่บ้านท่านพ่อได้ให้เงินจูล่งเอาไว้จำนวนหนึ่ง แม้จะไม่มากแต่มันก็พอจะใช้จ่ายในช่วงที่จูล่งออกมาดูเมืองได้

วูบ…จูล่งหยิบถุงเงินออกมาจากมิติของตนเอง ทำเอาพวกกลุ่มโจรเสือดาวตกตะลึงตาค้าง การใช้แหวนมิติเป็นเรื่องง่าย แต่แหวนมิติก็ราคาแพง แต่การใช้มิติของตนเองกลับเป็นเรื่องยากมาก หากไม่ได้มีพลังสูงมากพอจะใช้ก็ไม่มีทางใช้ได้ และหากไม่มีสติปัญญาพอก็ไม่อาจใช้ได้เช่นกัน การที่จูล่งเปิดใช้มิติส่วนตัวออกมาตรงหน้าทำให้พวกโจรเข้าใจทันทีว่าจูล่งไม่ได้เป็นคนธรรมดา

“……….”พวกโจรตะลึงตาค้าง พากันทิ้งอาวุธแทบไม่ทัน อย่าล้อเล่นน่า พวกมันจะไปสู้กับคนที่มีพลังมากพอจะเปิดมิติส่วนตัวได้อย่างไร

“พี่ชาย…”จูล่งว่าพลางเปิดถุงเงินออก แม้ไป๋จูเหวินจะมีเงินมากมายมหาศาล แต่มันไม่อยากให้จูล่งใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเลยให้เงินจูล่งเอาไว้ไม่มาก ทำให้ในถุงเงินของจูล่งมีเพียงเหรียญเงินไม่กี่เหรียญเท่านั้น

“ขอ ขอรับ”เห็นจูล่งเรียกหา เหล่าโจรที่ก่อนหน้านี้มีท่าทีเหมือนจะเอาเรื่องพากันสงบเสงี่ยมขึ้นมาทันที

“พี่ชายเงินเท่านี้พอหรือไม่”จูล่งถามพลางเอาเหรียญเงินเหรียญหนึ่งออกมา หากเป็นอาหารแห้งธรรมดา จำนวน 1 เหรียญเงินก็พอซื้อได้จำนวนหนึ่ง แต่ปัญหาคือกลุ่มโจรเสือดาวยังไม่ทราบว่าไป๋จูล่งต้องการอะไรแลกกับเงิน 1 เหรียญเงินนี้

“เงินจำนวนนี้ นะ น้องชายต้องการทำอะไรหรือ”โจรที่ก่อนหน้านี้กำลังขู่เอาเงินจากจูล่งพูดด้วยท่าทีนอบน้อม อีกฝ่ายเรียกมันว่าพี่ชายมันก็รีบเรียกหาจูล่งว่าน้องชายทันที

“น้องสาวของข้าหิวแล้ว ข้าอยากจะซื้อต่อเสบียงอาหารจากพวกพี่ชายเสียหน่อย หวังว่าเงินจำนวนนี้จะมากพอนะขอรับ”จูล่งตอบพลางยิ้มบางๆออกมา แต่รอยยิ้มของมันกลับสร้างแรงกดดันมหาศาลให้เหล่าโจรไม่น้อย

“พอ..พอแน่นอน”โจรตรงหน้าจูล่งพูดพลางหัวเราะเจื่อนๆออกมามันไม่คิดว่าจูล่งกำลังจะซื้อขายกับมันจริงๆหรอก แต่มันกำลังคิดว่าจูล่งกำลังขู่ให้พวกมันส่งเสบียงอาหารทั้งหมดให้ต่างหาก

“นะ นี่ขอรับ พวกเราเตรียมมาให้แล้ว”เพียงไม่กี่นาที พวกโจรก็เอาเสบียงอาหารออกมากองเอาไว้ตรงหน้าจูล่งเป็นจำนวนมาก มันคือเสบียงอาหารของพวกโจรทั้ง 50 คนนั่นเอง ด้วยจำนวนขนาดนี้พวกมันสามารถอยู่ได้ทั้งอาทิตย์เลยเชียวนะ

“ขอบคุณพวกพี่ชายมาก พวกท่านใจดีจริงๆที่ขายเสบียงให้พวกเรา”จูล่งว่าพลางเก็บเอาเสบียงของพวกโจรเข้ามิติส่วนตัวไป ก่อนจะเหลือของหินบางส่วนเอาไว้ให้ผิงกั่วเท่านั้น

“ด้วยความยินดีขอรับ”พวกโจรว่าพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา ขืนไม่เอามาให้พวกมันได้โดนฆ่าตายหมดแน่ๆ ทำให้พวกมันได้แต่มองเสบียงอาหารที่ชิงมาอย่างยากลำบากโดนจูล่งเอาไปตาปริบๆ

“ผิงกั่ว พวกพี่ชายใจดีขายอาหารให้พวกเราขนาดนี้เจ้าขอบคุณพวกพี่ชายหน่อยสิ”จูล่งว่าพลางมองไปทางผิงกั่ว

“…..xxxx”ผิงกั่วนิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะหันมามองทางพวกโจรแล้วพูดขอบคุณออกมา น่าเสียดายพวกโจรฟังภาษาของผิงกั่วไม่ออก แต่พวกมันกลับพากันคิดไปว่านางต้องกำลังดูถูกพวกมันเป็นแน่ แต่พวกมันจะทำอะไรได้ในเมื่อไป๋จูล่งอยู่ตรงหน้า

“เช่นนั้นเดินทางกันต่อเถอะ”จูล่งว่าพลางนำอาหารส่วนหนึ่งให้ผิงกั่วกิน

“พี่จูล่ง ดูนั่นสิเจ้าคะ”ผิงกั่วว่าพลางชี้ไปบนท้องฟ้า

“นั่น….คืออะไรงั้นหรือ”จูล่งถามพลางมองร่างสีขาวที่บินอยู่บนท้องฟ้า

“พี่จูล่งไม่รู้จักมังกรหรือเจ้าคะ”ผิงกั่วถามด้วยท่าทีงุนงง

“มังกรหรือ….เหมือนคำที่ข้าใช้เรียกท่านน้าคนหนึ่งเลย”จูล่งตอบพลางเงยหน้ามองร่างสีขาวขนาดใหญ่ที่กำลังบินผ่านท้องฟ้าเหนือศีรษะของมันไป งั้นหรือนั่นคือมังกรงั้นหรือ ช่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่แปลกตาจริงๆ