ตอนที่ 1731 หญ้าเปลวทั้งเก้า

A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน

เสียงแหวกอากาศดังขึ้น เงาร่างของหานลี่เปล่งแสงสว่างวาบปรากฏขึ้นกลางอากาศ มองไปยังร่างทองพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์ แล้วเผยสีหน้าพึงพอใจออกมา

ปัดแขนเสื้อไป

เสียง “ปัง” ดังขึ้น ร่างทองกลายเป็นดวงลำแสงสีทองแล้วสลายหายไป

ทารกวิญญาณที่สองกลายเป็นไอสีดำพุ่งไปที่ร่างของเขา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย

แม้ว่าเขาจะปล่อยทารกวิญญาณที่สองออกไปสิงอยู่ในร่างทอง แต่เป็นเพราะระดับจิตใจของทารกวิญญาณที่สองยังไม่มั่นคง ก่อนการต่อสู้ทารกวิญญาณจะไม่อาจใช้เคล็ดวิชามารได้เลยสักนิด ทำได้เพียงใช้จิตสัมผัสควบคุมร่างทองให้ต่อกรกับศัตรูเท่านั้น

หากทำเช่นนั้นล่ะก็ ทารกวิญญาณก็ไม่ต้องหวาดกลัวอันตรายจากจิตมารแว้งกัดอันใด แต่ร่างทองเองก็ไม่อาจกระตุ้นอานุภาพถึงสิบส่วนได้

แต่หลังจากที่หานลี่พัฒนาระดับมาอยู่ในระดับหลอมสุญตาแล้ว ก็ฝึกฝนเคล็ดวิชาพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์มารเที่ยงแท้มาจนถึงส่วนสุดท้ายแล้ว อานุภาพของร่างทองย่อมไม่อาจเทียบกับยามที่อยู่ในระดับหลอมสุญตาขั้นต้นได้ และสามารถสำแดงอิทธิฤทธิ์ใหม่ๆ ที่ตั้งตารอคอยมานานแล้วได้

ลำแสงระลอกคลื่นสีทองคือหนึ่งในอิทธิฤทธิ์ที่ร้ายกาจและแปลกประหลาดที่สุด

แม้แต่สิ่งมีชีวิตระดับผสานอินทรีย์ธรรมดาๆ หากถูกลำแสงสีทองดูดเข้าไปอย่างไม่ทันตั้งตัว หากไม่มีอิทธิฤทธิ์เกรียงไกรหรือสมบัติวิเศษคุ้มครองร่าง เกรงว่าอาจจะเพลี่ยงพล้ำอยู่ในนั้น

ดังนั้นแม้ว่าทารกวิญญาณที่สองจะไม่ได้ใช้เคล็ดวิชามาร แต่การควบคุมร่างทองก็ยังคงสังหารชาวเผ่าหรงผู้นั้นได้โดยไม่เปลืองแรงเลยสักนิด

ตั้งแต่ที่หานลี่ลงมือ จนถึงตอนที่ใช้สมบัติร่างทองสังหารชาวเผ่าหรงระดับเดียวกันสี่คน เกิดขึ้นแค่ในการปะหน้าเพียงไม่กี่ครั้ง แม้กระทั่งเซียนเย่ว์และชายชราแซ่ซวี ก็ยังลังเลว่าจะกลับไปช่วยหานลี่ต่อกรกับศัตรูหรือไม่

ศัตรูตัวฉกาจทั้งสี่ที่เดิมไล่ล่าพวกเขาจนจนตรอก กลับถูกหานลี่สังหารจนเกลี้ยงภายในอึดใจ

ทั้งสองคนในยามนี้ย่อมตกตะลึงจนปากอ้าตาค้าง

สีหน้าของพวกเขากลับมีความตกตะลึงอยู่เจ็ดส่วน และความรู้สึกไม่ปลอดภัยอยู่สองส่วน สุดท้ายอีกส่วนหนึ่งก็คือความตกตะลึงระคนดีใจ

หานลี่กลับไม่ได้สนใจสีหน้าที่เปลี่ยนไปของหญิงสาวและชายชรา ร่างกายพลิ้วไหวเปล่งแสงสว่างวาบมาอยู่เหนือ “ฉวี่เอ๋อร์”

หลังจากที่หานลี่ปรากฏตัวเด็กหญิงก็รอนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อนอย่างเชื่อฟัง ยามนี้เห็นเขาอยู่ใกล้ๆ ทันใดนั้นก็กะพริบตาปริบๆ ถ่ายทอดเสียงติดต่อกับหานลี่เงียบๆ ผิวเปล่งแสงสีขาวสว่างวาบ กลายเป็นลำแสงสีขาวจมหายเข้าไปในแขนเสื้อ

หานลี่ขบคิดอย่างมีแผนการแล้วถึงได้เงยหน้าขึ้น มองไปยังหญิงสาวและชายชราแวบหนึ่ง

ทั้งสองคนมองสบตากันแวบหนึ่ง ดูเหมือนว่าปรึกษาอันใดกันแผ่วเบาสองสามประโยค หลังจากลังเลเล็กน้อย ก็ขยับร่างกายบินไปทางนั้น

ความเร็วกลับไม่นับว่ารวดเร็วหรือเชื่องช้า

แม้จะเป็นเช่นนั้นผ่านไปชั่วครู่ทั้งสองก็มาอยู่ห่างจากหานลี่ไปสิบกว่าจั้ง ลำแสงหลีกพลันหม่นแสงแล้วหยุดลง

“ขอบพระคุณสหายที่ลงมือช่วยเหลือ มิเช่นนั้นครั้งนี้ข้าน้อยและเซียนเย่ว์คงหลีกเลี่ยงอันตรายจากชาวเผ่าหรงครั้งนี้ได้ยาก จากอิทธิฤทธิ์ที่ยิ่งใหญ่ของพี่หาน ช่างทำให้พวกเราละอายใจจริงๆ” ชายชราคารวะหานลี่ เอ่ยขอบคุณด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม

“สหายซวี่พูดไม่ผิด ชนเผ่าหรงเชี่ยวชาญเคล็ดวิชาหลีกหนีมาก หากไม่ใช่เพราะพี่หานอยู่ที่นี่ก็คงจะต้องเพลี่ยงพล้ำไปแล้วจริงๆ น้องหญิงรู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก” เซียนเย่ว์ฟื้นฟูสีหน้ากลับมาเยือกเย็น แต่ก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ ขณะเอ่ย

“ที่แท้สหายทั้งสองก็สูญเสียพลังปราณไป ข้าก็ว่าเหตุใดถึงไม่อาจสลัดชาวเผ่าหรงสองสามคนได้ ไม่จำเป็นต้องขอบคุณอันใด ไม่ว่าอย่างไรผู้แซ่หานก็เข้ามาในแดนนี้จากเมืองเมฆาสวรรค์พร้อมกับสหายทั้งสอง ในเมื่อพบกันแล้ว ก็ไม่มีทางเห็นคนลำบากไม่ยอมช่วยเหลือได้” หานลี่หัวเราะน้อยๆ ออกมา เผยท่าทีถ่อมตนออกมา

“พี่หานช่างตามีแววนัก! ข้าน้อยและเซียนเย่ว์ตกอยู่ในแผนการกลับกลอกของชาวเผ่าหรง ยามที่หนีปราณแท้ก็เสียหายไปไม่น้อย บุญคุณการช่วยชีวิตของสหาย ข้าน้อยไม่มีทางลืมแน่ จะต้องตอบแทนอย่างงาม” เมื่อเห็นหานลี่เป็นมิตรเช่นนี้ ชายชราแซ่ซวี่ก็ผ่อนคลายลง รอยยิ้มบนใบหน้าเพิ่มขึ้นสองสามส่วน

หานลี่ได้ยินชายชรากล่าวเช่นนี้ กลับแค่ฉีกยิ้มไม่ได้เอ่ยอันใด

เซียนเย่ว์กลอกตาไปมา ฉับพลันนั้นพลันชูมือขึ้น ในมือมีกล่องหยกปรากฏขึ้น จากนั้นก็เอ่ยกับหานลี่อย่างแช่มช้าว่า

“นี่คือหญ้าเปลวทั้งเก้าที่หายสาบสูญไปจากแดนวิญญาณตั้งนานแล้ว เป็นวัตถุดิบที่ใช้หลอมยาลูกกลอนหลากหลายชนิด ที่ชาวเผ่าหรงพวกนั้นไล่ล่าพวกเราสองคนอย่างไม่ลดละ กว่าครึ่งก็เพราะสมุนไพรชนิดนี้ เราสองคนถือหลักการบุญคุณต้องตอบแทน สมุนไพรวิญญาณนี้เป็นของกำนัลก็แล้วกัน” สิ้นเสียงหญิงสาวผู้นี้ก็โยนกล่องหยกมา

ชายชราที่อยู่ด้านข้างเห็นฉากนี้พลันมีสีหน้าตื่นตะลึง แต่ทันใดนั้นก็หายวับไป กลับมามีรอยยิ้มประดับไปทั่วดวงหน้าราวกับไม่มีอันใดเกิดขึ้นอีกครั้ง

หานลี่เห็นสถานการณ์เช่นนั้นก็ประหลาดใจไปเล็กน้อย สีหน้าเปลี่ยนสี มือหนึ่งตะปบออกไปดูดกล่องหยกเข้ามาในมือ

เขาก้มหน้าลงพิจารณาแวบหนึ่ง

เห็นเพียงกล่องหยกเปล่งแสงสีแดงสว่างวาบ ผิวของมันมียันต์วิเศษสีฟ้าอ่อนแปะอยู่สองสามแผ่น ดูท่าทางให้ความสำคัญกับของที่อยู่ในกล่องหยกเป็นอย่างมาก

แววตาของหานลี่เปล่งประกาย อ้าปากออกพ่นหมอกลำแสงสีเขียวออกมา

หมอกลำแสงหมุนวน ยันต์วิเศษบนผิวของกล่องหยกเปล่งแสงสว่างวาบ แล้วร่อนลงโดยอัตโนมัติ

ฝากล่องบินออกมา ลำแสงเคลือบมันวาวกลุ่มหนึ่งพุ่งออกมาจากด้านใน ท่าทางกระตือรือร้นเป็นอย่างยิ่ง

แต่หานลี่ที่เตรียมการเอาไว้นานแล้ว จะปล่อยให้เขาหนีไปต่อหน้าต่อตาได้อย่างไร

แขนข้างหนึ่งโบกสะบัด แขนข้างหนึ่งตะปบไปกลางอากาศ

เสียง “ฟิ้วๆ” ดังแหวกอากาศขึ้น ชั่วพริบตาพลังมหาศาลไร้รูปร่างห่อหุ้มลำแสงเคลือบมันวาวเอาไว้

นิ้วทั้งห้าหงิกงอ ลำแสงเปล่งเสียง “สวบ” ออกมา แล้วถูกดูดเข้ามากลางอากาศ

“สหายหานโปรดระวัง!”

เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของหานลี่ เซียนเย่ว์ก็หน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย แล้วรีบเอ่ยปากร้องเตือน

“ลองดูก็ได้!” หานลี่กลับหัวเราะร่า ฝ่ามือเปล่งแสงสว่างวาบ ฉับพลันนั้นพลันเปลี่ยนเป็นสีทองเรืองรอง

ลำแสงเคลือบมันวาวหมุนคว้างอยู่ตรงใจกลางฝ่ามือ แล้วร่อนลงมาด้านล่าง

สมุนไพรวิญญาณที่ดูเหมือนเปลวเพลิง แต่กลับแผ่ลำแสงวิญญาณที่แตกต่างกันเก้าชนิดออกมา

สมุนไพรชนิดนี้มีแค่สองสามชุ่น แต่ทุกแห่งที่เปลวเพลิงทั้งเก้ากวาดผ่านไป แม้แต่บรรยากาศบริเวณรอบก็ยังรางเลือน คลื่นความร้อนแผ่ออกมา

เห็นได้ชัดว่าสมุนไพรชนิดนี้มีอุณหภูมิที่สูงมาก!

แต่หานลี่กลับใช้ฝ่ามือรองสมุนไพรวิญญาณนี้เอาไว้ ลำแสงสีทองเปล่งแสงสว่างวาบราบกับทองคำบริสุทธิ์ มองใกล้ๆ แค่คืบอุณหภูมิสูงราวกับไม่มีสิ่งใดอยู่

ชายชราแซ่ซวี่เห็นฉากนี้ แววตาพลันฉายแววตกตะลึง แต่ปากก็หัวเราะร่าออกมาพลางเอ่ยว่า

“เซียนเย่ว์กังวลเกินไปแล้ว! จากอิทธิฤทธิ์ที่น่าตกตะลึงของพี่หาน พลังเพลิงเหล่านี้จะไปทำอันใดได้”

“แน่นอน! หญ้าเปลวทั้งเก้าแผ่ลำแสงวิญญาณที่สามารถหลอมละลายทองให้กลายเป็นศิลาได้ แต่กลับไม่มีผลกระทบต่อสหายเลยสักนิด สหายหานมีอิทธิฤทธิ์ลึกล้ำยากจะคาดเดาจริงๆ!” เซียนเย่ว์พลันตกตะลึง แล้วเผยรอยยิ้มขมขื่นออกมาขณะเอ่ย

“ข้าน้อยมิได้มีอิทธิฤทธิ์ขนาดนั้น แค่ฝึกฝนเคล็ดวิชากันเพลิงมานิดหน่อย ส่วนหญ้าเปลวทั้งเก้านี้เป็นสมุนไพรเพลิงวิญญาณที่ล้ำค่าจริงๆ มีประโยชน์ต่อข้าน้อยเป็นอย่างมาก หากเป็นเช่นนี้ล่ะก็ ผู้แซ่หานคงไม่เกรงใจแล้ว” หานลี่พิจารณาหญ้าวิญญาณเก้าสีในมือชั่วครู่ คาดไม่ถึงว่าจะฉีกยิ้มแล้วเอ่ยเช่นนี้ออกมา

จากนั้นเห็นเขาขยับนิ้ว วางหญ้าชนิดนี้เข้าไปในกล่องหยกอีกครั้ง และแปะยันต์สองสามแผ่นลงไป จากนั้นลำแสงวิญญาณพลันเปล่งแสงสว่างวาบ กล่องหยกหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย

เซียนเย่ว์เห็นเช่นนั้น มุมปากกลับเผยรอยยิ้มออกมา

แม้ว่าชายชราจะรู้สึกอาลัยอาวรณ์ แต่เมื่อนึกถึงอิทธิฤทธิ์ที่หานลี่สำแดงก่อนหน้า ใบหน้าย่อมไม่เผยสีหน้าผิดปกติใดๆ ออกมา กลับหัวเราะหึๆ คิดจะเอ่ยปากอันใด

แต่หานลี่กลับสะบัดแขนเสื้อ กล่องหยกสีเขียวอ่อนสองใบเปล่งแสงสว่างาบปรากฏออกมา พากันบินพุ่งตรงไปหาเซียนเย่ว์และชายชราคนล่ะกล่อง

ทั้งสองเห็นเช่นนั้นพลันตกตะลึง ยื่นมือออกไปตามความรู้สึก

หมอกลำแสงสองผืนม้วนเข้ามา ขวดหยกถูกลำแสงวิญญาณห่อหุ้มเอาไว้ร่อนลงมาในมือของพวกเขา

“พี่หาน นี่คือ?” ชายชรามีสีหน้าเคร่งขรึม ลังเลเล็กน้อย

หญิงสาวคว้าขวดหยกเอาไว้ แล้วมองหานลี่อย่างประหลาดใจ

“ไม่มีอันใด หญ้าเปลวทั้งเก้าล้ำค่ามากเกินไป และก่อนหน้านี้ข้าน้อยก็ได้ยาลูกกลอนที่มีประโยชน์ต่อการพัฒนาพลังปราณระดับเก้ามา น่าจะมีประโยชน์ยามที่สหายทั้งสองจะทะลวงจุดคอขวด ข้าน้อยจะใช้ยาลูกกลอนสองขวดนี้ เป็นของตอบแทนหญ้าชนิดนี้ก็แล้วกัน” หานลี่เอ่ยอย่างราบเรียบ

“อันใด ยาลูกกลอนที่สามารถเพิ่มพลังปราณเผ่าเบื้องบนระดับเก้าได้!” ชายชราได้ยินคำนี้ ก็ร้องอุทานออกมาด้วยเสียงแหบแห้ง รีบร้อนเปิดฝาขวดออก กวาดจิตสัมผัสเข้าไปในขวด จากนั้นก็มาดมที่จมูก ใบหน้าเผยสีหน้าดีอกดีใจออกมา

เซียนเย่ว์ได้ยิน แววตางดงามพลันเปล่งประกาย หน้าเปลี่ยนสีไปเช่นกัน

“ไม่ผิด ยาลูกกลอนชนิดนี้มีประโยชน์ต่อระดับของตาเฒ่าในยามนี้จริงๆ ทว่าตาเฒ่าและเซียนเย่ว์เพิ่งจะถูกสหายช่วยชีวิต จะไปเอายาลูกกลอนของสหายได้อย่างไร” ในที่สุดชายชราก็กลับมาเยือกเย็น มองขวดหยกในมือ กลับมีท่าทีครุ่นคิด

“การลงมือก่อนหน้านี้ เป็นการช่วยข้าอีกแรง หากหญ้าเปลวทั้งเก้าถูกระดับศักดิ์สิทธิ์ธาตุเพลิงให้ความสนใจ ยาลูกกลอนเหล่านี้จะมีค่าอันใด ผู้แซ่หานไม่ยอมเอาเปรียบ ทั้งสองเก็บไว้เถิด” หานลี่ฉีกยิ้มบางๆ ออกมา แล้วเอ่ยอย่างราบเรียบ

“ในเมื่อพี่หานกล่าวเช่นนี้ ผู้แซ่ซวี่และสหายเย่ว์ก็ขอบพระคุณสหายมาก” ชายชราแค่พิจารณาเล็กน้อย ก็เก็บขวดหยกเข้าไปพร้อมกับอมยิ้ม

เซียนเย่ว์ที่อยู่ด้านข้างตรวจสอบขวดยาในมือ หลังจากเอ่ยขอบคุณแล้ว ก็สะบัดแขนเสื้อยัดยาลูกกลอนเข้าไปในแขนเสื้อ

หลังจากที่แลกเปลี่ยนกันแล้ว ในที่สุดความหวาดกลัวในใจของชายชราก็หายไปกว่าครึ่ง หลังจากมองไปรอบด้านแวบหนึ่ง ก็เอ่ยถามขึ้น

“พี่หานหรือว่าที่นี่มีเจ้าอยู่แค่คนเดียว? มีสหายอื่นอยู่ด้วยหรือไม่?”

“เดิมข้าน้อยร่วมเดินทางกับสหายอีกสองคน แต่ก่อนหน้านี้พบกับอันตรายเข้า จึงแยกกับสหายทั้งสอง” หานลี่ขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่ได้มีเจตนาจะปิดบัง

“เป็นเช่นนี้นี่เอง น่าเสียดายจริงๆ!” ชายชราได้ยินกลับเผยสีหน้าไม่ยินยอมออกมา

เซียนเย่ว์ที่อยู่ด้านข้างหน้าเปลี่ยนสี คาดไม่ถึงว่าในแววตางดงามจะเผยสีหน้าเสียดายเล็กๆ ออกมา

“สหายซวี่ เจ้าพูดมีเลศนัย! หรือว่าเจ้าและเซียนเย่ว์มีธุระอันใด ต้องใช้คนจำนวนมากหรือ?” หานลี่ลูบใต้คาง เอ่ยถามยิ้มๆ

เมื่อได้ยินหานลี่ถามเช่นนี้ ชายชราแซ่ซวี่ก็อดที่จะมองไปยังหญิงสาวแวบหนึ่งไม่ได้ ดูเหมือนว่าจะมีเจตนาซักถาม

หลังจากที่เซียนเย่ว์ครุ่นคิดเล็กน้อย ก็เอ่ยอย่างแช่มช้า

“พี่หาน ที่นั่นถูกชาวเผ่าหรงยึดครองแล้ว จากกำลังของเราสองคนไม่อาจชิงกลับมาได้ แต่พี่หานมีอิทธิฤทธิ์เกรียงไกร ไม่แน่ว่าอาจจะมีวิธี ไม่สู้บอกพี่หานดู หากสำเร็จล่ะก็ พวกเราก็ไม่ต้องการสิ่งอื่นแล้ว ขอแค่คัดลอกเคล็ดวิชาอักขระจ้วนทองมาได้ก็พอแล้ว”