RC:บทที่ 641 สิ่งสกปรก

 

สมองของหลินเฟิงเหมือนยุ่งเหยิงกับเรื่องราวมากมายดวงตาของเขากำลังจะล่องลอยออกไปแล้ว

 

เฉินตุ๋นเป่ยยังคงอยู่กับชายร่างใหญ่คนนั้น เฉินตุ๋นเป่ยกลายเป็นคนขี้อาย และผู้ชายตัวใหญ่คนนั้นเป็นคนที่กล้าได้กล้าเสีย เคราของพวกเขาสัมผัสกันบางครั้งเหมือนเถาวัลที่พันกันยุ่งและแยกออกจากกัน

 

เมื่อหลินเฟิงกำลังสงสัยเกี่ยวกับความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโลกใบนี้ของเขาอยู่ เสียงของหลี่เกิ๋นกังก็ดังขึ้น: “เฮ้ไอ้หนุ่มนายเป็นคนที่ทำร้ายเขาใช่ไหม นายกล้านักนะ!”

 

หลินเฟิงกลับมามีสติและยิ้มอย่างเย็นชา: “ควรจะพูดในทางกลับกันมากกว่า พวกแกเองก็คุมคนของตัวเองไม่ได้แต่ยังกล้าเข้ามาก่อความไม่สงบอีก กล้ามากนะ!”

 

หลี่เกิ๋นกังมองไปที่หลินเฟิงสองสามครั้งและกล่าวว่า “ดินแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างงั้นเรอะ ความแข็งแกร่งของแกก็มีระดับอยู่ แต่เมื่ออยู่ต่าหน้าของฉัน แกก็เป็นแค่กระดาษแผ่นหนึ่ง!”

 

หลินเฟิงไม่กลัวแม้แต่น้อย: “พวกแกต้องการอะไร?”

 

หลี่เกิ๋นกังและจ้องมองไปที่ใบหน้าของหลินเฟิง การจับจ้องนี้ทำให้หลินเฟิงรู้สึกกระวนกระวายเล็กๆ ในใจ

 

เขาไม่กลัวสายตาของหลี่เกิ๋นกังอยู่แล้ว แต่ดวงตาของหลี่เกิ๋กังนั้นมีความรู้สึกที่แปลกประหลาดส่งออกมา บางสิ่งบางอย่างที่เหมือนกับความปรารถนา นั้นทำให้หลินเฟิงรู้สึกอึดอัดใจอย่างมาก

 

หลี่เกิ๋นกังเพียงแค่เปิดปากและแสยะยิ้มที่มีเล่ห์นัยออกมา: “ฉันไม่คิดว่าเป็นเรื่องง่ายอยู่แล้วที่นายฝึกฝนมาถึงระดับนี้ได้ แต่อย่าให้มันพังทลายเพราะความคิดชั่ววูบของนายเลย”

 

“ฉันไม่ใช่ปีศาจ หน้าตาของนายก็หล่อได้รูปสนใจเข้าร่วมกลุ่มของพวกเราไหมหละ”

 

“ ตราบใดที่นายเต็มใจรับฟัง รับใช้ฉันเป็นอย่างดี ไม่เพียงแต่นายจะใช้ชีวิตอยู่ต่อไปได้แล้ว แต่พวกเราจะไม่ให้คนอื่นมาทำร้ายนายด้วย”

 

ชายร่างใหญ่ที่จับไหล่ของเฉินตุ๋นเป่ยเอาไว้ ยังกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันเองก็ชอบเด็กคนนี้เหมือนกัน พอนายได้เล่นจนหายอยากแล้ว เอามาให้ฉันเล่นด้วยสิ”

 

เมื่อได้ยินเช่นนี้เฉินตุ๋นเป่ยก็ใช้หมัดของเขาทุบหน้าอกของชายร่างใหญ่ทันทีด้วยความโกรธ: “บ้า! ฉันโกรธจริง ๆ แล้วนะ”

 

ชายร่างใหญ่ปลอบประโลมทันที: “อย่าโกรธไปเลยที่รัก ฉันแค่ล้อเล่น”

 

“ไม่ต้องกังวลคนโปรดของฉัน หังใจของฉันจะเป็นของนายเสมอ เพราะมีเพียงนายเท่านั้นที่รู้งานอดิเรกของฉันดีที่สุด”

 

เฉินตุ๋นเป่ยหน้าแดงอมสีชมพู “เกลียดจริง ๆ เลย!”

 

หลินเฟิงรู้สึกว่าท้องของเขาปั่นป่วนไปหมดความรู้สึกที่บอกไม่ได้กำลังทำให้เขาเวียนหัว

 

เขารู้สึกแย่มากจนอยากจะปิดหูปิดตาตัวเอง

 

ในเวลาเดียวกัน ชื่อกลุ่ม ๆ หนึ่งก็แวบเข้ามาในความคิดของเขาและเขาก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “พวกแกเป็นผู้ใช้พลังที่ชั่วร้ายสินะ”

 

หลี่เกิ๋นกัง ไม่ชอบชื่อหรือเรื่องราวพวกนั้น เขาพูดอย่างไม่พอใจว่า “อย่ามองพวกเราแบบนั้น ถ้าฉันเลือกนายแล้ว นายก็ไม่ต้องห่วงอะไรทั้งนั้น”

 

“กลุ่มผู้ใช้พลังที่ชั่วร้ายรึ ฉันไม่ชอบชื่อนี้!”

 

แค่นั้นแหละ.

 

หลินเฟิงคิดในใจว่า เขาโชคร้ายขนาดไหนกันทำไมถึงต้องตากลุ่มคนพวกนี้ได้

 

กลุ่มผู้ใช้พลังที่ชั่วร้ายคือกลุ่มของผู้มีพลังวิเศษที่มีนิสัยแปลกประหลาด พวกเขามีการฝึกฝนในรูปแบบแปลก ๆ ซึ่งเป็นส่วนที่ไม่ใช่กระแสหลักของพลัง

 

พฤติกรรมของคนเหล่านี้จึงเป็นอะไรที่แปลกมากสำหรับบุคคลทั่วไป เขาเกรงว่าคนที่เขากำลังเจออยู่จะอยู่ในหมวดหมู่นั้น “หยางบำรุงหยาง” ท่ามกลางลัทธิชั่วร้าย

 

หลี่เกิ๋นกังกล่าวว่า “มาเถอะ มาเข้าร่วมกับพวกเรา ฉันมีประสบการณ์และโลกใบใหม่มามอบให้กับนาย นายจะต้องมีความสุขมากอย่างแน่นอน”

 

หลินเฟิงอดไม่ได้ที่จะเอามือทาบหน้าผากของเขา เขาไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะได้ยินเรื่องแบบนี้ โดยเฉพาะเมื่อทุกอย่างเกิดขึ้นเหมือนกับพวกอันธพาลที่ชอบคุกคามผู้หญิง

 

เขาไม่เคยคิดฝันว่า วันนี้จะมีคนพูดแบบนี้กับเขาได้

 

“ขยะแขยง” เขาอดไม่ได้ที่จะพูดคำนั้นออกมา

 

ลี่เกิ๋นกังไวต่อความรู้สึกเป็นพิเศษ เขาโกรธขึ้นมาทันที: “แกพูดอะไรนะ! ฉันจะเตือนอีกสักครั้ง ใส่ใจกับคำพูดของตัวเองด้วย!”

 

หลินเฟิงมองไปที่ดวงตาของพวกเขาและพูดว่า “สกปรก ไอพวกขยะสังคม!”

 

ตูม!

 

ลมหายใจที่รุนแรงพัดออกจากร่างของลี่เกิ๋นกัง ใบหน้าของเขามืดมน: “ดูเหมือนว่าสันติคงไม่ใช่ทางออกสินะ ถ้าเป็นเช่นนี้แล้ว ถ้าฉันจับนายมาขังเอาไว้ได้ อีกสักสองวันนายจะเปลี่ยนคำพูด”

 

“ก้มหัวลงซะ!”

 

เสียงของลี่เกิ๋นกังแหลมคมมาก เขารีบพุ่งเข้าหาหลินเฟิง มือขวาของเขามีกรงเล็บงอกออกมาฉายแสงสีดำ

 

“มังกรดำออกมา!!” ในใจของหลินเฟิง มังกรขนาดใหญ่มอบเกล็ดสีดำปกคลุมร่างกายของเขา

 

เขาผสานข้อมือกับลี่เกิ๋นกังด้วยมือข้างเดียว และกำนิ้วมือซ้ายด้วยนิ้วทั้งห้าของอีกฝ่ายเอาไว้แน่น

 

คนสองคนเข้าสู่โหมดการต่อสู้อย่างเต็มขั้นแล้ว ลมหายใจของทั้งสองพุ่งทะยานสู่ท้องฟ้า แม้แต่อากาศรอบข้างก็เกิดการบีบอัดอย่างรุนแรง

 

“ แกไม่ได้อยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ขั้นต้นนี่หน่า!!” หลี่เกิ๋นกังส่งเสียงร้องออกมา

 

หน้าผากของหลินเฟิงมีเส้นเลือดสีฟ้าโผล่ขึ้นมา เขากัดฟันและพูดด้วยรอยยิ้ม: “รู้ตัวตอนนี้มันก็สายเกินไปแล้ว!”

 

ด้วยเหตุนี้ลมหายใจของเขาก็ระเบิดออกมาอย่างสมบูรณ์

 

เมื่อรู้สึกถึงพลังของหลินเฟิง ชายร่างใหญ่ที่อยู่รอบ ๆ ตัวเขา ขาแข็งจนแทบจะเป็นอัมพาต พลังนั้นเหนือกว่า ลี่เกิ๋นกังอย่างสมบูรณ์นั้น เหนื่อกว่าระดับของของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไปถึงเท่าไหร่กัน

 

“นี้มันเกินพลังของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ขั้นสามแล้ว!” เฉินตุ๋นเป่ยรู้สึกว่าเขากำลังจะสูญเสียเสียงของเขาไป

 

ในอดีตหลินเฟิงจำเป็นต้องใช้ชิปเพื่อเสริมพลังจนมาถึงจุดนี้ในช่วงเวลาสั้น ๆ แต่หลังจากออกมาจากโลกแห่งม่านพลังแล้ว ความแข็งแกร่งของหลินเฟิงได้ไปถึงดินแดนศักดิ์สิทธิ์ขั้นสองแล้ว ดังนั้นตอนนี้จึงเป็นเรื่องง่ายที่จะเข้าถึงความแข็งแกร่งขั้นสาม

 

อย่างไรก็ตามสิ่งนี้ก่อให้เกิดปัญหาเช่นกันนั่นคือความแข็งแกร่งของสหายนั้นไม่สามารถติดตามเขาได้ทัน

 

หากต้องการอัพเกรดความสามารถของสัตว์วิญญาณ เขาต้องปล่อยให้สัตว์เลี้ยงของเขาหาหนทางเอาเอง

 

หลินเฟิงฮัมเพลงอย่างสบายใจขณะที่ผลักหลี่เกิ๋นกังออกไป พลังวิญญาณในร่างของหลี่เกิ๋นกังถูกปะทะอย่างแรงร่างอันใหญ่โตของเขาก็บินออกไปไกล พร้อมกระอักเลือดออกมา

 

“พี่ชาย!” เฉินตุ๋นเป่ย และคนอื่น ๆ ล้อมรอบร่างของเขาอย่างรวดเร็ว

 

เมื่อเห็นผู้คนมากมายเป็นห่วงอีกฝ่าย ดวงตาของหลินเฟิงก็ยังคงความเยือกเย็นเอาไว้: “จะกังวลไปทำไม เตรียมตัวตายมาแล้วไม่ใช่หรอ?”

 

ผู้คนที่รายร้อมต่างก็หดตัวถอยกลับไปทันที แม้ว่าจะมีคนที่ยืนแข็งอยู่บ้างก็ตาม แต่ท้ายที่สุดก็ไม่มีใครกล้าหือกับเขา ด้วยความแข็งแกร่งของหลินเฟิง เขาสามารถบดขยี้ศัตรูมากมายได้ในทีเดียว ด้วยคลื่นจากมือของเขา

 

หลินเฟิงหันหน้ามามองหลี่เกิ๋นกังด้วยรอยยิ้มที่เย็นชา :“ตอนนี้นายยังเพ้อฝันถึงเรือนร่างของฉันอีกไหม?”

 

หลี่เกิ๋นกัง รู้สึกว่าความบาดเจ็บในร่างกายของเขากำลังจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว เขาพยุงตัวขึ้นมาเล็กน้อยและมองไปที่หลินเฟิง

 

แต่เมื่อเขาเห็นเกล็ดมังกรดำบนร่างกายของหลินเฟิง ความกลัวก็แทบจะทำให้อาเจียนออกมาเป็นเลือดอีกครั้ง

 

เขาชี้ไปที่หลินเฟิง น้ำเสียงของเขาก็บิดเบี้ยวด้วยความกลัวสุดขีด: “ปะ..ปะปะ..เป็นไปได้ยังไง!”

 

“ฉันรู้จักเกล็ดมังกรนั้น มีแค่คน ๆ เดียวที่ใช้เกราะมังกรดำได้เขาคือจ้าวแห่งเทียนกงหลินเฟิง คนอย่างนายทำแบบนั้นได้อย่างไร?”

 

หลินเฟิงยอมรับโดยดี: “เพราะฉันคือหลินเฟิง คนนั้นยังไงหละ”

 

“อ๊ะ?” ทันทีที่คำพูดนี้ออกมาจากปากของหลินเฟิง ทุกคนก็รู้ตัวว่ามายุ่งกับสิ่งที่ไม่ควรจะยุ่งเข้าให้แล้ว

 

หลี่เกิ๋นกังลังเล: “มะ…ไม่ ฉันได้พบกับหลินเฟิงมาก่อน เขาดูไม่เหมือนนายเลย!”

 

“ถ้านายเป็นหลินเฟิงจริง เราะจะได้คุยกันมากขนาดนี้เลยเหรอ?”

 

หลินเฟิงส่ายหัว: “ก็ไม่เชิง”

 

รอยยิ้มของอีกฝ่ายดูฝืนเป็นพิเศษ: “นี้มันปาฏิหาริย์ชัด ๆ “

 

ด้วยเหตุนี้หลินเฟิงจึงกลับสู่รูปลักษณ์เดิมของเขา

 

หลินเฟิงเป็นคนที่วิเศษอะไรเช่นนี้!

 

ทุกคนหายใจไม่ออก แต่บางคนก็น่าจะกลัวจนฉี่รดกางเกงไปแล้วด้วยซ้ำ