ตอนที่ 515 - การเยี่ยมเยียนของผู้อาวุโสเฟิงและผู้อาวุโสหยุน

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 515 – การเยี่ยมเยียนของผู้อาวุโสเฟิงและผู้อาวุโสหยุน

ในสถานการณ์สำหรับตระกูลเจียงหยางในอาณาจักรเกอซุนนั้นไปไกลกว่าแต่ก่อน ระเบียบแบบแผนนั้นมีความสัมพันธ์เป็นอย่างยิ่ง และทุก ๆ ครั้งที่มีการจัดงานเฉลิมฉลองภายในอาณาจักรจะมีการเชิญชวน แม้กระทั่งสำนักหัวหยุนที่เคยมีปัญหากับตระกูลเจียงหยางก็ยังไม่เป็นข้อยกเว้น

ไม่มีผู้ใดกล้าที่จะปฏิเสธการเชิญในวันแรก หลังจากที่เทียบเชิญถูกส่งออกไป ผู้คนจำนวนมากก็เริ่มที่จะปรากฏตัวที่เมืองลอร์ ผู้คนทั้งหมดนั้นต่างก็เป็นบุคคลใหญ่โตและเป็นตัวแทนของตระกูลหรือครอบครัว และพวกเขาให้ความเคารพอย่างมากต่อตระกูลเจียงหยาง ขณะที่พวกเขาพยายามที่จะทำอย่างดีที่สุดเพื่อเชื่อมสัมพันธ์กับพวกเขา

ในเวลานี้ผู้ที่อยู่อาศัยในอาณาจักรเกอซุนนั้นไม่มีแม้แต่คนเดียวที่จะไม่รู้เกี่ยวกับสงครามที่เกิดขึ้นระหว่างอาณาจักรฉินหวงและอาณาจักรเกอซุนกับอาณาจักรอินทรีสวรรค์ อาณาจักรโดยรอบทั้งหมดต่างก็ได้รับรู้ข้อมูลโดยทั่วกัน มันเป็นฟันเฟืองขนาดใหญ่ที่ส่งผลกับทุกสิ่ง แม้กระทั่งการเคลื่อนทัพของกองทัพเทพดาบตะวันออกนั้นก็ได้รับการตรวจสอบ ก่อนที่ทุกคนจะสรุปได้ว่าเหตุใดอาณาจักรฉินหวงถึงต้องช่วยอาณาจักรเกอซุน นั้นมันเนื่องมาจากตระกูลเจียงหยาง

เพราะฉะนั้นแล้ว แม้กระทั่งผู้คนที่ไม่ได้รับเชิญเข้าสู่งานเฉลิมฉลองของตระกูลเจียงหยางต่างก็ปรากฏตัวขึ้นริมถนน ที่ซึ่งผู้คนเหล่านั้นต่างก็เตรียมของขวัญล้ำค่าเพื่อส่งเข้าไปในตระกูล ขุนนางทั้งหมดได้ปรากฏตัวขึ้นที่เมืองลอร์ โรงเตี้ยมทุกแห่งภายในเมืองต่างก็มีช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ที่สุดในประวัติศาสตร์ธุรกิจของพวกเขา บางโรงเตี้ยมต่างก็เต็มภายในวันเดียว ด้วยขุมพลังอำนาจของทหารรับจ้าง ที่ไม่มีทางเลือกจำต้องกางกระโจมอยู่ด้านนอกเมืองแทน

แขกรับเชิญได้มาถึงช้าไป ต่างก็มองด้วยความรู้สึกอับจนหนทาง ขณะที่พวกเขามองไปที่โรงเตี้ยมซึ่งเต็ม ในที่สุด เขาก็ต้องทำเช่นเดียวกับเหล่าทหารรับจ้างและกางกระโจมอยู่ด้านนอกด้วยความจำยอม

ผู้คนที่มาถึงเพื่อที่จะยินดีกับตระกูลเจียงหยางต่างได้รับการต้อนรับอย่างสุภาพจากเจียงไป่ เขาได้ขยายการจัดเลี้ยงสู่ถนนรอบนอก ที่ซึ่งในยามนี้มันเต็มไปด้วยโต๊ะนับพันและพ่อครัวทุกคนภายในเมืองลอร์ต่างก็ถูกจ้างมาเพื่อช่วย

สามวันหลังจากนั้น งานเลี้ยงภายในตระกูลเจียงหยางในที่สุดก็เริ่มต้นขึ้น โดยเจียงหยางป้านั้นเป็นประธานในงานเฉลิมฉลอง ขณะที่เจี้ยนเฉินซ่อนตัวจากสายตาของทุกคน ทำให้ผู้คนจำนวนมากที่มองหาเจี้ยนเฉินต่างก็พากันผิดหวัง

งานเฉลิมฉลองภายในตัวคฤหาสน์ถูกจัดขึ้นอย่างใหญ่โต แค่มันไม่ได้ยาวนานนัก หลังจากวันเดียว มันก็จบลง ในวันที่สอง บุคคลที่ถูกเชิญมาต่างก็ทยอยกันจากไปทีละคน

หลังจากที่งานเฉลิมฉลองจบลง ผู้คนในตระกูลเจียงหยางในที่สุดก็เริ่มเคลื่อนตัวจากไปและถอนกำลังทหาร ตระกูลเจียงหยาง ที่เป็นที่รู้จักกันดี ไม่มีบุคคลใดในอาณาจักรเกอซุนกล้าที่จะเป็นอริกับพวกเขา พวกเขาใช้เวลาอยู่หลายวันเพื่อที่จะทำ

ภายในใจกลางสิ่งก่อสร้างที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ของตระกูลเจียงหยาง ที่ซึ่งโถงหลักที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเจี้ยนเฉิน ที่ซึ่งมันถูกจัดเตรียมโดยเหล่าผู้อาวุโสในตระกูล ที่ซึ่งมันเป็นสถานที่พิเศษที่ให้เจี้ยนเฉินใช้มัน และไม่เพียงแต่มันงดงามแต่ทว่าการออกแบบภายในมันก็ถูกสร้างให้กว้างขวางนัก

ในขณะนั้น เจี้ยนเฉิน โหยวเยว่ หมิงตง ฉินจี๋ ตู่กูเฟิง หยุนเจิ้ง และผู้อาวุโสอัน ที่ซึ่งทั้งหมดรวมตัวกันอยู่รอบโต๊ะกลม

ในขณะนั้นเอง ทหารวิ่งเข้ามาภายใน “รายงานนายน้อยสี่ ผู้อาวุโส 2 คน ได้มาเยือน พวกเขามีนามว่า ผู้อาวุโสเฟิงและผู้อาวุโสหยุนมาเพื่อมาพบท่าน”

“อะไรนะ? ผู้อาวุโสหยุนและผู้อาวุโสเฟิง” เจี้ยนเฉินตกตะลึง เนื่องด้วยสองอาวุโสนี้มาจากตระกูลหวง แต่เขาไม่เคยคิดว่าทั้งสองนั้นจะสามารถสืบหาภูมิหลังของเขาได้

“หรือว่าพวกเขามาที่นี่เนื่องด้วยโครงกระดูกของเซียนผู้คุมกฎ” เจี้ยนเฉินอดไม่ได้ที่จะคิดด้วยท่าทีที่มืดลง

“เจี้ยนเฉิน ใครคือผู้อาวุโสทั้งสอง ? พวกเขาเป็นมิตรหรือศัตรู ? ” หมิงตงถาม

เจี้ยนเฉินมีท่าทีลังเลใจ ก่อนทีจะกล่าวขึ้น “เรื่องราวนี้มันสืบเนื่องมาจากอดีต ทุกคนนั่งตรงนี้ชั่วขณะเถิด ข้าต้องขอตัวก่อน” เมื่อกล่าวจบ เจี้ยนเฉินพลันเดินออกจากห้องไปที่ประตูของตระกูลเจียงหยาง ที่ซึ่งผู้อาวุโสเฟิงและผู้อาวุโสหยุนทั้งสองคนรอคอยอยู่ พวกเขาทั้งสองหยุดยืนด้วยรอยยิ้มบาง ๆ และให้บรรยากาศที่เป็นมิตรยิ่ง

“ท่านผู้อาวุโส ลมอันใดถึงพัดท่านมายังบ้านของข้าในยามนี้ ข้าผู้นี้รู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก” เจี้ยนเฉินป้องมือของเขาด้วยรอยยิ้ม เป็นการต้อนรับคนทั้งสอง

“ฮ่า ฮ่า นายน้อยสี่มาต้อนรับเราถึงนี่ เหตุใดจึงไม่เชิญพวกเราเข้าไปเล่า ? ” อาวุโสเฟิงป้องมือของเขาขึ้น ตอบกลับ ใช้สรรพนาม “นายน้อยสี่” แทนชื่อเจี้ยนเฉิน

“ผู้อาวุโส ยินดีต้อนรับพวกท่าน โปรดเข้ามาข้างใน” เจี้ยนเฉินส่งรอยยิ้มและนำทางทั้งสองเข้ามาภายในตระกูล

ภายในห้องส่วนตัว บุรุษทั้งสามนั่งลง ก่อนที่เจี้ยนเฉินจะกล่าวขึ้นอย่างตรงไปตรงมา “ท่านผู้อาวุโส ข้าเดาว่าท่านไม่ได้มาที่นี่เพราะโครงกระดูกเซียนผู้คุมกฎ”

ผู้อาวุโสทั้งสองหัวเราะออกมาด้วยท่าทีปราณีก่อนที่อาวุโสเฟิงจะตอบออก “นายน้อยสี่ เข้าใจผิดแล้ว พวกเราทั้งสองมาเพื่อเยี่ยมเยือนท่านและมันไม่ใช่เพราะโครงกระดูก ไม่ว่าอย่างไร ท่านก็เป็นผู้มีพระคุณสำหรับตระกูลหวงของเรา ขณะที่โครงกระดูกของเซียนผู้คุมกฎมีความสำคัญ ตระกูลหวงนั้นก็ไม่คิดจะกระทำเรื่องเช่นนั้นกับมิตรสหายของเรา และเราก็ไม่คิดจะกระทำการใดที่จะเป็นศัตรูของอาณาจักรฉินหวง พวกเราย่อมไม่กล้าที่จะล่วงเกินผู้พิทักษ์จักรพรรดิแห่งอาณาจักรฉินหวง”

ได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของเจี้ยนเฉินเป็นประกายแสงอ่อน ๆ เขาไม่คิดว่า ตระกูลหวงจะสามารถค้นพบว่า เขานั้นเป็นผู้พิทักษ์จักรพรรดิแห่งอาณาจักรฉินหวงได้อย่างรวดเร็วเช่นนั้น

เมื่อเขาได้ยินว่าตระกูลหวงไม่ได้มาที่นี่เพื่อโครงกระดูกของเซียนผู้คุมกฎ เจี้ยนเฉินก็ผ่อนลมหายใจด้วยความโล่งใจ ด้วยช่วงเวลาสั้นแห่งความลังเลใจ เขากล่าว “หากว่าไม่ได้เป็นโครงกระดูกของเซียนผู้คุมกฎ จากนั้นแล้ว เรื่องอะไรที่ทำให้ท่านทั้งสองมายังที่แห่งนี้”

“ฮ่า ๆ นายน้อยสี่ พวกเรามาที่นี่ เพียงเพราะท่านผู้นำของเราปรารถนาที่จะเชิญท่านเป็นแขกอันทรงเกียรติของตระกูลหวงของเรา”อาวุโสเฟิงยิ้มออก

“ท่านปรารถนาที่จะเชิญข้าไปเป็นแขกของตระกูลหวง มันมีเรื่องอันใดระหว่างตระกูลหวงและข้ากัน” เจี้ยนเฉินเต็มไปด้วยความสงสัย

“ฮ่า ๆ นายน้อยสี่ ท่านผู้นำได้เชิญท่าน ด้วยเหตุผลบางประการ ที่พวกเราทั้งสองก็ไม่รู้ นายน้อยสี่ ตระกูลหวงของเรารับรองว่ามันไม่มีอะไรที่เป็นอะไรที่เป็นอันตรายกับท่านอย่างแน่นอน” ผู้อาวุโสเฟิงกล่าวขึ้น

“ใช่ นายน้อยสี่ ตระกูลหวงของเราไม่คิดจะเป็นศัตรูแก่ท่าน ไม่เพียงแต่ท่านผู้นำปรารถนาที่จะได้พบท่าน คุณหนูของเราก็ปรารถนาที่จะได้พบกับครั้งอีกคราเช่นกัน” ผู้อาวุโสหยุนถอนหายใจ “หากว่าคุณหนูของเราไม่ติดธุระที่จะต้อนรับคนที่บ้าน ข้าเกรงว่านางจะต้องมาหาก่อนเป็นแน่”

ได้ยินผู้อาวุโสหยุนกล่าวถึงคุณหนู ทันใดนั้นเจี้ยนเฉินหวนคิดถึงคุณหนูชุดเหลืองที่งดงามหาผู้ใดเปรียบมิได้ ขณะที่เขาเริ่มคิดถึงช่วงเวลายามเมื่องานชุมนุมทหารรับจ้าง เขาถามอย่างไม่ทันรู้ตัว “เป็นหวงหลวนหรือ ? “

“มันถูกต้องแล้ว เป็นคุณหนูหวงหลวน นายน้อยสี่ คุณหนูคิดถึงท่านทุกเช้าค่ำ หากว่าท่านมาถึงตระกูลหวง ก็ได้โปรดไปพบกับนาง” ผู้อาวุโสหยุนถอนหายใจด้วยท่าทีที่ซับซ้อนบนใบหน้า

เจี้ยนเฉินนั่งลง ชั่วขณะหนึ่งในห้วงความคิด ก่อนที่จะพยักหน้าลง “ถูกต้องแล้ว จากนั้น ข้าจะไปเยี่ยมตระกูลหวง แล้วพวกท่านจะออกเดินทางเมื่อไหร่ ? “

ในขณะนั้นเอง ผู้อาวุโสทั้งสองก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นทันที “นายน้อยสี่ หากว่าไม่มีธุระอันใดสำคัญ จากนั้นแล้ว พวกเราจะไปกันในยามนี้”

“ตอนนี้ ไม่เร็วเกินไปหรือ ? ” เจี้ยนเฉินตกตะลึง

ผู้อาวุโสเฟิงผงกศีรษะลง “แท้จริงแล้ว นั่นนับตื่นตระหนกเกินไป ด้วยคุณหนูของเราประสบกับความลำบากใจบางอย่างและปรารถนาที่จะได้พบกับท่าน ในช่วงเวลาเช่นนี้ หากเราไปก่อน มันจะเป็นการดี”

ได้ยินผู้อาวุโสเฟิงกล่าว เจี้ยนเฉินก็เข้าใจในทันที “จากนั้นแล้ว โปรดรอข้าชั่วขณะ ข้าจะไปบอกลาครอบครัวของข้า”

ไม่กี่ชั่วยามหลังจากนั้น เจี้ยนเฉินได้กล่าวอำลาทุกคนและติดตามผู้อาวุโสทั้งสองออกจากตระกูลเจียงหยาง พร้อมกับทั้งสาม เสียวเทียน ฉิงเส้าฟาน เกาอวี่ฉิน ตงยี่จุนป่ายและเทียนลั่ว เข้ามาพร้อมกับเจี้ยนเฉิน

หลังจากทั้งห้าออกจากตระกูลหวง ตามความคิดของฉินจี๋ ยามเมื่อฉินจี๋ได้ยินเจี้ยนเฉินจะไปยังตระกูลหวง ทันใดนั้น เขาก็ห่วงความปลอดภัยของเจี้ยนเฉิน เขาได้ให้เจี้ยนเฉินนำที่ปรึกษาจักรพรรดิทั้งห้าไปกับเขา ในที่สุดเจี้ยนเฉินก็ไม่มีทางเลือก นอกจากทำตามประสงค์ของฉินจี๋นำพาคนทั้งห้า เพื่อติดตามไปด้วย

มันเป็นระยะทาง 30,000 กิโลเมตรจากอาณาจักรเกอซุนไปยังตระกูลหวง เจี้ยนเฉินและที่ปรึกษาจักรพรรดิใช้เวลาเดินทางเพียงแค่หนึ่งวันหนึ่งคืนติดตามผู้อาวุโสทั้งสอง ก่อนที่มาถึงบ้านของพวกเขา

ตระกูลหวงเป็นตระกูลทรงอำนาจและตั้งอยู่บนยอดเขาที่สวยงามและเต็มไปด้วยจิตวิญญาณ ในช่วงเวลานั้น เจี้ยนเฉินและคนอื่น ๆ ร่อนลง พวกเขาเห็นสิ่งก่อสร้างที่ยืนหยัดอยู่เหนือภูเขา

ขณะที่พวกเขาใกล้เข้ามา เซียนสวรรค์ทั้งสองบินลงที่ลานบ้าน และหยุดลงที่ด้านหน้าของผู้อาวุโสทั้งสอง ผู้อาวุโสหยุนและผู้อาวุโสเฟิง

ชายวัยกลางคนทั้งสองหยัดยืนด้วยใบหน้าที่แข็งกร้าว ราวกับดวงตาของเสือ ทรงอำนาจยามเมื่อมองไปยังพวกเขา

เจี้ยนเฉินกวาดตามองชายทั้งสองที่อยู่ด้านหน้าเขา เจี้ยนเฉินสัมผัสได้ว่าชายทั้งสองอยู่ในระดับเซียนสวรรค์วัฏจักรที่ 4 เท่านั้น

“ดังนั้น เป็นผู้อาวุโสหยุนและเฟิงนี่เอง” ชายทั้งสองป้องมือทั้งสองของเขาขึ้น ก่อนที่จะกวาดสายตาหันกลับมองเจี้ยนเฉินและที่ปรึกษาจักรพรรดิทั้งห้า

ชายชราทั้งสองหันกลับมาต้อนรับ ก่อนจะมองไปโดยรอบเจี้ยนเฉิน “นายน้อยสี่ นี่คือผู้อาวุโสทั้งสองแห่งตระกูลหวง ชายทั้งสองเป็นพี่น้องมีนามว่าหวงหลานและหวงเฟิง”

“ข้านี้มีนามว่าเจี้ยนเฉิน ยินดีที่ได้พบท่าน “เจี้ยนเฉินกล่าวออกด้วยรอยยิ้มจาง ๆ และป้องมือเข้าด้วยกัน ขณะที่ชายทั้งห้าป้องมือของเขาเข้าด้วยกัน แต่ยังคงไร้ซึ่งเสียง

ผู้อาวุโสเฟิงยังคงกล่าวต่อ “ผู้อาวุโสหวงหลานและหวงเฟิง ทั้งห้าคนนี้ ดำรงตำแหน่งอันทรงเกียรติในอาณาจักรฉินหวง และได้รับการเชิญโดยท่านผู้นำ”