ตอนที่ 50-2 คู่รักกลางสายฝน

ซ่อนรักเคียงบัลลังก์

กโยซึลที่เหลือบมองรูแฮอยู่ยกยิ้มขึ้นแล้วในที่สุดก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา นางคิดว่าตนเขินเพียงคนเดียว ทว่ารูแฮเองก็หน้าแดงเพราะขวยเขินอยู่เช่นกัน ด้วยประโยคที่ถูกกล่าวเมื่อครู่ ทั้งกโยซึลและรูแฮเองก็ไม่ต่างกันนัก ถึงแม้จะเริ่มคุ้นชินขึ้นมาบ้างแล้ว ทว่าทั้งคู่ก็ยังคงขวยเขินกันอยู่ 

 

 

รูแฮลนลานเพราะเสียงหัวเราะของกโยซึล จนในที่สุดเขาก็เอาตัวออกจากรัศมีของจังอด แล้วจัดแจงจับชายผ้าให้คลุมกโยซึลไว้อย่างมิดชิด กักนางไว้ภายใต้จังอดเพียงผู้เดียว กโยซึลที่ดิ้นรนจะออกจากรัศมีของจังอดบ้าง เมื่อไม่อาจทำได้ดังใจหวังจึงร้องเรียกรูแฮอย่างลนลาน 

 

 

“ร รูแฮ! ทำอะไรน่ะ” 

 

 

“กโยซึลยิ้มล้อข้าเช่นนั้น แล้วข้าจะกล้ากอดกโยซึลอยู่เฉยๆ ได้อีกอย่างไร” 

 

 

“ท่านเปียกไปหมดแล้ว เดี๋ยวจะป่วยเอาได้!” 

 

 

“ตัวของข้าร้อนระอุเช่นนี้ เห็นทีว่าคงจะป่วยแล้ว” 

 

 

กโยซึลที่ไม่อาจต้านแรงของรูแฮที่จับชายผ้าไว้แน่นได้ จึงต้องถูกห่อหุ้มอยู่อย่างนั้น นางหยุดดิ้นรนอยู่เพียงครู่ แล้วทันใดนั้นก็โผเข้าหารูแฮอย่างกะทันหัน 

 

 

“โอ๊ะ” รูแฮล้มลงไปด้านหลัง และกโยซึลที่ยังคงถูกคลุมด้วยจังอดก็นั่งอยู่บนตัวเขา 

 

 

“เป็นการลงโทษ” 

 

 

ตอนนี้ชายผ้าถูกกโยซึลจับไว้อีกครั้ง นางจับชายผ้าทั้งสองฝั่งด้วยมือทั้งสองข้าง หลังจากนั้นก็กางมันออกแล้วใช้มันคลุมลงบนตัวของรูแฮ หลังจากที่เห็นรูแฮถูกผ้าคลุมไว้แล้ว กโยซึลก็หัวเราะออกมาราวกับเด็กน้อย พร้อมกับวิ่งไปที่ใต้ต้นไม้บนเนินเตี้ย เมื่อวิ่งไปถึงนางก็เอามือค้ำลำต้นไว้ สูดหายใจเข้าลึก แล้วหันกลับไปมองรูแฮ ปรากฏว่าในตอนนี้รูแฮกำลังถือจังอดอยู่ในมือ เขาเดินตากฝนที่ตกลงมาอย่างแรง ต้นไม้ใหญ่ตั้งตระหง่านอุดมไปด้วยใบไม้หนา เมื่อมายืนอยู่ใต้ต้นไม้เช่นนี้ มีฝนเพียงไม่กี่เม็ดเท่านั้นที่เล็ดลอดจากใบไม้มาได้ต้นไม้ที่ปกคลุมไปด้วยใบไม้ทึบนี้สามารถกันฝนได้ดีทีเดียว กโยซึลหัวเราะอย่างเขินอาย แล้วนั่งลงตรงโคนต้นไม้ นางไม่ได้สนใจว่าในตอนนี้น้ำโคลนกำลังซึมเข้าไปในกระโปรงผ้าแพรของนาง แล้วรูแฮเองก็มานั่งข้างๆ พร้อมกับนำจังอดมาคลุมที่ศีรษะของนางอีกที  

 

 

 “เราเปียกไปแล้ว ถึงจะนำผ้ามาคลุมก็หาได้มีประโยชน์ไม่” 

 

 

“แต่หากมีใครมาเห็นพระชายาฮวางแทจาอยู่ในสภาพนี้จะดูไม่ดีนะขอรับ” 

 

 

“รูแฮเองก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ” 

 

 

กโยซึลที่เอ่ยเช่นนั้นก็กางชายเสื้อด้านหนึ่งออก แล้วนำไปคลุมที่ไหล่ข้างหนึ่งของรูแฮ ทั้งสองคนที่หันหน้าเข้าหากัน และยิ้มกว้างให้กันอย่างไม่มีใครพูดอะไร เขยิบเข้าใกล้กันมากขึ้นเพื่อให้ทั้งคู่ได้อยู่ในรัศมีของจังอดที่ถึงแม้ว่าจะใหญ่ แต่ก็ถือว่าเล็กเกินไปสำหรับคนสองคน 

 

 

เงียบสงบยิ่งนัก แม้แต่เสียงฝนที่กระหน่ำตกลงมาก็ยังฟังดูนุ่มนวลและไพเราะ เป็นเพราะว่าได้อยู่ด้วยกัน ช่วงเวลาแบบนี้ที่ได้ใช้ร่วมกันล้วนแต่เป็นช่วงเวลาที่ดียิ่ง มันดีมากเสียจนไม่อาจหยุดยิ้มได้เลย ต่างยินดีที่ทั้งคู่เฝ้ารอเพื่อที่จะได้พบกัน ต่างโหยหาซึ่งกันและกันหลังจากที่ต้องจากไกล และยิ่งโหยหามากเท่าไร ก็ยิ่งทำให้ทั้งคู่ใกล้ชิดกันเร็วมากยิ่งขึ้นเท่านั้น 

 

 

รูแฮที่ทำท่าลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ค่อยๆ นำมือใหญ่ของตนวางลงบนมือของกโยซึล ถึงแม้ว่ามือเล็กของกโยซึลจะถูกกอบกุมอยู่ แต่มือของรูแฮก็ยังคงมีช่องว่างเหลือ ใบหน้าของนางแดงระเรื่อราวกับดอกคาร์มีเลีย เพราะทั้งคู่ต่างเปียกปอนอยู่แล้ว การใช้จังอดคลุมไว้นั้นย่อมไร้ความหมาย ณ ตอนนี้จังอดหาได้ใช้เพื่อกันฝนอีกต่อไป มันถูกใช้เพื่อแอบซ่อนทั้งคู่เพียงเท่านั้น หากมองจากที่ไกลๆ จะเห็นเพียงแค่ว่ามีจังอดผืนงามผืนหนึ่งแขวนอยู่ที่ต้นไม้ ทว่าภายใต้ผ้าผืนนั้นกลับมีคนสองคนที่จับมือกันอยู่อย่างเขินอาย  

 

 

ฝ่ามือร้อนผ่าว ความรู้สึกทั้งหมดรวมกันอยู่ที่เดียว แม้แต่เสียงลมหายใจก็ทำให้กโยซึลเป็นกังวล กลัวว่าตนจะหายใจแรงเกินไป กลัวว่าลมหายใจของตนจะกระทบตัวรูแฮ รูแฮนั้นไม่อาจขยับมือได้เลย การจับมือ 

 

 

กโยซึลเพียงต้องรวบรวมความกล้า ทว่าพอได้จับแล้วก็ไม่รู้ว่าควรจะต้องทำอย่างไรต่อไป เขาใส่ใจในทุกการเคลื่อนไหว ความประหม่าที่อธิบายไม่ถูกแทรกอยู่ระหว่างทั้งคู่ ถึงแม้ว่าทั้งกโยซึลและรูแฮจะมองตรงไปข้างหน้า แต่นั่นก็เหมือนกับว่าทั้งคู่มองกันและกันอยู่ ความรู้สึกนี้ลอยอบอวนอยู่รอบตัวทั้งสองคน ราวกับว่าจะต้องมีสิ่งใดสัมผัสกันอีกในไม่ช้าเป็นแน่ ขณะที่รูแฮกำลังค่อยๆ หันหน้าไปหากโยซึล 

 

 

“ฮัดชิ้ว!” กโยซึลจามออกมาเสียก่อน ความประหม่าที่ชวนใจเต้นเมื่อครู่พลันสลายไปในทันที รูแฮยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ แล้วโอบไหล่ทั้งสองข้างของกโยซึลไว้ 

 

 

“เห็นทีว่าคงจะไม่สบายเสียแล้ว” 

 

 

“เพราะเราคันจมูกต่างหาก” กโยซึลที่เขินอายกับเสียงจามของตนอ้างเหตุผลไม่เข้าท่า รูแฮจึงต้องพยักหน้ายอมรับข้ออ้างนั้นอย่างเสียไม่ได้ 

 

 

“ขอรับ” 

 

 

ตัวของกโยซึลสั่นระริกเพราะตากฝน และรูแฮที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็สัมผัสได้ ดังนั้นเขาจึงยกยิ้มอ่อนโยนแล้วโอบไปที่ไหล่ของนาง กโยซึลที่ใบหน้าขึ้นสีเลือดฝาด เข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของรูแฮอย่างช้าๆ ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงผ้าแพรจังอดตัวบาง ทว่ามันกลับแอบซ่อนทั้งคู่ได้ดียิ่งกว่ากำแพงหนาเป็นไหนๆ เพียงเท่านี้ก็พอใจแล้ว แค่เพียงได้อยู่เคียงข้างกัน เพียงได้กอดกัน เพียงได้มองหน้าแล้วยิ้มให้กัน เพียงเท่านี้ทั้งรูแฮและกโยซึลก็พึงพอใจแล้ว ทั้งคู่ไม่ได้ต้องการสิ่งอื่นใดอีกเลย ขอเพียงแค่รักษาหัวใจดวงน้อยนี้ไว้ และยิ้มได้อย่างนี้ก็เพียงพอแล้ว ไม่ได้ปรารถนาสิ่งใดอีกเลย ไม่สิ จะปรารถนาสิ่งใดไม่ได้ เพราะทั้งคู่ต่างรู้ดีว่าหากปรารถนาสิ่งใดไปมากกว่านี้ ทั้งสองอาจได้รับโทษหนักก็เป็นได้ ปลายมือที่สัมผัสกันอย่างแผ่วเบา อ้อมกอดที่เต็มไปด้วยความกังวล เพราะเหตุผลข้อนั้นจึงทำให้เป็นความสัมพันธ์ที่ทำได้เพียงเท่านี้ 

 

 

แต่เรากลับมีใจปรารถนาอยู่ร่ำไป 

 

 

รูแฮโอบไหล่กโยซึลแน่นขึ้น ถึงแม้ว่าฝนที่กระหน่ำตกลงมาอย่างแรงจะไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงเลย แต่ทั้งคู่ก็ยังมีต้นไม้ใหญ่คอยบดบังสายฝนให้อยู่