ตอนที่ 398 ควรจะขอโทษเธอ / ตอนที่ 399 เธอไม่มีสิทธิ์

เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย

ตอนที่ 398 ควรจะขอโทษเธอ 

 

 

           เธอมองเขายิ้มๆ “จริงเหรอคะ? วันนั้นฉันแค่พูดเล่นเฉยๆ ไม่ได้เร่งรัดให้คุณรีบมีลูกสักหน่อย” เธอยังจำได้ดีว่าเขายังไม่อยากมีลูกเร็วเกินไป เพราะมีลูกเมื่อไหร่ เท่ากับจะไม่ได้ใช้ชีวิตในโลกของสองเราอีก 

 

 

           คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะเปลี่ยนใจเร็วขนาดนี้ 

 

 

           จิ้นหยวนหอมแก้มเธอฟอดใหญ่ “ตอนนี้ผมเปลี่ยนใจแล้ว คนดี รีบหายเร็วๆ นะ จะได้มีลูกให้ผมหลายๆ คนเลย” 

 

 

           “หลายๆ คนเหรอคะ?” เธอตกใจไม่น้อยกับคำตอบของเขา “คุณเห็นฉันเป็นแม่หมูหรือไงเนี่ย” 

 

 

           “คุณเป็นแม่หมูจริงๆ เป็นแม่หมูที่น่ารักและสวยที่สุดในโลกด้วย” เขายิ้มพลางเอ่ยเสียงแผ่วหวิวข้างหูเธอ มืออีกข้างลูบไล้สะโพกเธออย่างซุกซน 

 

 

           เธอหน้าแดงซ่าน ถลึงตาใส่เขา “คนบ้ากาม!” 

 

 

           เขาอยากจะต่อปากต่อคำกับเธออีก… 

 

 

           “แค่กๆ…” 

 

 

           จู่ๆ ก็มีเสียงคนไอดังมาจากทางประตูห้อง 

 

 

           จิ้นหยวนหยุดมือทันที เฉียวซือมู่ที่ตัวแข็งทื่อมองไปยังประตูห้อง ขดตัวลีบทันทีที่เห็นว่าเจ้าของเสียงไอนั้นเป็นใคร 

 

 

           เขาสัมผัสได้ทันที รีบโอบเธอซบแผงอกกว้างของเขา จากนั้นมองไปยังแขกที่ไม่ได้รับเชิญ “คุณแม่” 

 

 

           ฉินเพ่ยหรงเดินเข้าไปในห้อง ตามหลังด้วยจิ้นเฮ่า 

 

 

           ผู้อาวุโสทั้งสองมาถึงที่นี่พร้อมหน้าพร้อมตา เฉียวซือมู่คิดจะลุกขึ้นด้วยความกระสับกระส่าย แต่กลับถูกจิ้นหยวนกดศีรษะเธอให้แนบอกเขาเอาไว้ 

 

 

           “ทำไมถึงมาที่นี่ได้ครับ” เขาเอ่ยกับคนที่อยู่ตรงประตูห้องด้วยน้ำเสียงเย็นชา 

 

 

           สองผู้เฒ่าเดินเข้าไปในห้อง เห็นท่าทางลูกชายกับเฉียวซือมู่แล้วหน้าตึงทันที 

 

 

           จิ้นเฮ่าแสร้งไอทีหนึ่ง มองไปยังเฉียวซือมู่พลางเอ่ยถาม “เธอไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม เราได้ข่าวว่าเธอฟื้นแล้ว ก็เลยมาเยี่ยม” 

 

 

           เฉียวซือมู่ยิ้มบางๆ “ขอบคุณที่เป็นห่วงค่ะ ตอนนี้หนูไม่เป็นไรแล้ว เดี๋ยวก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วค่ะ” 

 

 

           ฉินเพ่ยหรงมองเฉียวซือมู่แวบหนึ่ง อยากจะพูดดีๆ กับเธอแต่ก็พูดไม่ออก 

 

 

           จิ้นหยวนมองทั้งสองด้วยสายตาเย็นชา “คุณพ่อคุณแม่แค่มาเยี่ยมเธอเท่านั้นเหรอครับ?” 

 

 

           ฉินเพ่ยหรงถอนหายใจพลางมองหน้าลูกชาย “ที่แม่พูดคราวก่อนเป็นความจริงทั้งหมด ถ้าไม่เชื่อก็ตามใจ” 

 

 

           เอ่ยพลางวางกระเช้าเยี่ยมไข้ลงบนโต๊ะ “ครั้งนี้แม่เป็นคนผิดเอง แม่ขอโทษ หวังว่าพวกลูกจะให้อภัยแม่นะ” 

 

 

           เธอยอมพูดคำพูดพวกนี้ออกมาถือเป็นการก้มหัวให้แล้ว แต่ขณะที่เธอพูดกลับมองแต่ลูกชายคนเดียว ไม่ได้มองเฉียวซือมู่แม้แต่นิดเดียว เห็นได้ชัดว่าเธอยังคงไม่พอใจในตัวเฉียวซือมู่ แม้แต่คำว่าขอโทษเธอก็ไม่อยากจะพูดกับเฉียวซือมู่ 

 

 

           เฉียวซือมู่ยิ้มขื่นในใจ ได้แต่มองจิ้นหยวนเงียบๆ 

 

 

           จิ้นหยวนหน้าขรึมลง มองหน้าจิ้นเฮ่ากับฉินเพ่ยหรงแล้วเอ่ยกับทั้งสอง “ผมเคยบอกไปแล้วว่าไม่เคยโทษคุณพ่อคุณแม่ ไม่ต้องมาขอโทษผมหรอกครับ” เขามองเฉียวซือมู่แวบหนึ่งแล้วเอ่ยขึ้นใหม่ “แต่คนที่คุณแม่ควรจะขอโทษคือเธอต่างหากครับ” 

 

 

           ฉินเพ่ยหรงใบหน้าแข็งเกร็ง หันไปมองเฉียวซือมู่ เมื่อเห็นสีหน้าที่ดูย่ำแย่ของเฉียวซือมู่แล้วทำให้นึกถึงข่าวที่เพิ่งได้รับรู้ พลันรู้สึกแย่มาก 

 

 

           แต่มาถึงขั้นนี้แล้ว ขืนเธอยังไม่ยอมขอโทษอีก มีหวังลูกชายได้ตัดขาดกับเธอเป็นแน่ 

 

 

           เธอถอนหายใจ ใช้น้ำเสียงที่อ่อนโยนที่สุดเอ่ยกับเฉียวซือมู่ “เรื่องนี้ฉันเป็นคนผิดเอง ฉันไม่ควรทำบ้าๆ แบบนั้น ลำบากเธอแล้ว” 

 

 

           คำพูดฟังดูแข็งทื่อจนเฉียวซือมู่กระสับกระส่าย เธอชายตามองหน้าเย็นชาของจิ้นหยวนแล้วอยากจะลุกออกจากเตียงทันที แต่กลับถูกเขากดตัวไว้ไม่ให้ขยับ 

 

 

           เธอพยายามขยับกายพลางกระซิบเสียงแผ่ว “คุณปล่อยฉันนะ” 

 

 

           เขาหลุบตาลงมองเธอ “คุณไม่ต้องขยับ พูดกันทั้งอย่างนี้แหละ” 

 

 

           เธอกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่ว่าอย่างไรทั้งสองก็เป็นพ่อแม่ของเขา และเป็นพ่อแม่สามีของเธอด้วย ให้เธอพูดกับพวกท่านแบบนี้เป็นการเสียมารยาทที่สุด 

 

 

           ฉินเพ่ยหรงและจิ้นเฮ่าเห็นท่าไม่ดี รีบเอ่ยขึ้น “ไม่เป็นไร ร่างกายเธอยังไม่แข็งแรงดี รีบพักผ่อนเถอะ งั้นเรากลับก่อนนะ” 

 

 

           เอ่ยจบแล้วเดินออกไปด้วยกัน 

 

 

           เฉียวซือมู่ตะลึงนิ่งอึ้ง 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 399 เธอไม่มีสิทธิ์ 

 

 

           พวกเขาเปลี่ยนไปแล้วอย่างนั้นหรือ? ทำไมท่าทางถึงได้แปลกประหลาดอย่างนั้นล่ะ? 

 

 

           เฉียวซือมู่หันไปมองจิ้นหยวน แต่กลับเห็นเพียงใบหน้าเคร่งขรึมของเขาแทน 

 

 

           หัวใจเธอกระตุกอย่างแรง ขณะที่กำลังจะถามเขานั้น เขากลับลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ยกับเธอ “คุณพักผ่อนก่อน ผมออกไปส่งคุณพ่อคุณแม่แป๊บเดียว” 

 

 

           เธออ้าปากจะถาม แต่เขากลับก้าวเท้ายาวๆ เดินออกจากห้องโดยไม่หันกลับมามองเธออีก 

 

 

           แปลกจัง เขาเป็นอะไรไป? 

 

 

           จิ้นหยวนก้าวเท้ายาวๆ ออกจากห้อง กลับพบว่าคุณพ่อคุณแม่กำลังยืนอยู่หน้าประตูห้องราวกับตั้งใจรอเขา 

 

 

           เขามั่นใจในสิ่งที่คิดมากขึ้น เดินเข้าไปมองทั้งสองด้วยสายตาเย็นชา “คุณพ่อคุณแม่หมายความว่ายังไงครับ?” 

 

 

           จนกระทั่งตอนนี้ ฉินเพ่ยหรงยังรู้สึกกลัวลูกชายคนนี้ไม่หาย ไม่กล้าแม้แต่จะพูดสิ่งที่คิดเอาไว้ ได้แต่ชายตามองสามีตนอย่างหวาดๆ 

 

 

           จิ้นเฮ่ามองหน้าลูกชายสีหน้าเคร่งขรึม “ตามฉันมา ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย” 

 

 

           “เรื่องอะไรครับ ทำไมพูดตรงนี้ไม่ได้?” เขามองพ่อแม่ด้วยสายตาไม่พอใจ 

 

 

           จิ้นเฮ่าหัวเราะฮึเสียงเย็น ใบหน้าที่เต็มไปด้วยร่องรอยแห่งกาลเวลาคล้ายจิ้นหยวนไม่มีผิด “แกอยากให้ทุกคนรู้เรื่องสภาพร่างกายของเธอใช่ไหม?” 

 

 

           จิ้นหยวนหน้าดำคร่ำเครียด 

 

 

           ทั้งสามเดินไปยังห้องที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว จิ้นหยวนมองถ้วยน้ำชาที่ยังมีน้ำชาร้อนๆ บนโต๊ะแล้วยิ้มเย็น “ดูเหมือนคราวนี้คุณพ่อคุณแม่จะเตรียมตัวมาอย่างดีเลยนี่ครับ” 

 

 

           จิ้นเฮ่าดุเสียงดัง “ไม่ต้องพูดมาก ฉันถามแกคำเดียว แกคิดยังไงกับสุขภาพของเฉียวซือมู่?” 

 

 

           จิ้นหยวนแสร้งตีหน้าซื่อ “สุขภาพเธอเหรอครับ? เธอก็กำลังจะหายดีอยู่แล้วนี่ไงครับ” 

 

 

           จิ้นเฮ่าครางเสียงฮึ “ไม่ต้องมาตีหน้าซื่อเลยนะ แกก็รู้ว่าฉันหมายความว่ายังไง ฉันจะบอกให้นะ ครอบครัวเรามีแกเป็นลูกชายคนเดียว เราต้องมีทายาทสืบสกุล สุขภาพร่างกายอย่างเฉียวซือมู่ ไม่มีทางเป็นสะใภ้ตระกูลจิ้นเด็ดขาด!” 

 

 

           จิ้นหยวนนั่งลง มองหน้าจิ้นเฮ่าพลางยิ้มเยาะ เขาลืมไปได้อย่างไร แม้เขาจะสั่งแล้วว่าให้ทุกคนปิดปากให้สนิท แต่ที่นี่เป็นโรงพยาบาลของตระกูลจิ้น สำหรับบุคลากรที่นี่แล้ว จิ้นเฮ่าต่างหากที่เป็นนายใหญ่ คำสั่งปิดปากของเขาจึงใช้ไม่ได้กับจิ้นเฮ่า 

 

 

           มิน่าเล่า พวกเขาถึงได้รีบร้อนถ่อสังขารมาถึงที่นี่ จนทำให้เสียโอกาสปั้นหลานชายเลยไหมล่ะ 

 

 

           จิ้นเฮ่าเห็นเขาไม่ตอบเสียที จึงคิดว่าเขาคงเปลี่ยนท่าทีแล้ว มันก็จริง มีผู้ชายคนไหนบ้างที่ไม่อยากมีลูกชาย ผู้ชายคนไหนบ้างที่ไม่อยากมีลูกหลานสืบสกุล ต่อให้ชอบผู้หญิงคนนั้นมากแค่ไหนก็เถอะ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเรื่องทายาทสืบสกุลแล้ว เขาก็ต้องโยนความรักเอาไว้ข้างหลัง 

 

 

           จิ้นเฮ่ากะจะใส่สีตีไข่ ถือโอกาสตีเหล็กตอนร้อน “พูดตามตรงนะ ฉันเองก็ชอบเด็กเฉียวซือมู่นั่นมากเหมือนกัน เด็กนั่นไม่พูดมาก ดูออกว่าไม่ใช่คนเจ้าแผนการ อยู่กับเธอแล้วฉันก็สบายใจด้วย แต่ว่า ถึงยังไงเธอก็มีลูกไม่ได้ และตระกูลจิ้นของเราไม่มีทางหาผู้หญิงที่มีลูกไม่ได้มาเป็นเมีย แกก็โตขนาดนี้แล้ว ยังไม่เข้าใจอีกเหรอว่ามันมีผลกระทบมากแค่ไหนน่ะ? หรือแกอยากเห็นคนอื่นหัวเราะเยาะที่ไร้ลูกหลานสืบสกุล?” 

 

 

           จิ้นหยวนเม้มริมฝีปากแน่น มองหน้าคุณพ่อของตนเองด้วยสายตาเย็นเยียบ “คุณพ่อพูดจบหรือยังครับ?” 

 

 

           จิ้นเฮ่าชะงักเล็กน้อยเพราะเห็นท่าไม่ดี “หรือฉันพูดผิดตรงไหน แกอยากจะอยู่กับเธอไปชั่วชีวิต โดยที่ไม่มีลูกอย่างนั้นเหรอ? ฉันจะบอกให้นะว่ามันเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด” 

 

 

           จิ้นหยวนมองจิ้นเฮ่าด้วยสายตาท้าทาย “แล้วถ้าผมไม่ยอมล่ะครับ?”