“นี่ไม่เป็นอะไรหรอก คุณมีอะไร ก็รีบถามเถอะ” การันต์สะบัดมือเล็กน้อย จากนั้นก็หลับตาลงแล้วเริ่มพักผ่อนไป เพื่อฟื้นฟูพลังงาน
มายมิ้นท์พูดขอบคุณไปคำหนึ่ง จากนั้นก็ตบลาเต้ที่อยู่ข้างหลังเล็กน้อย “เต้ เข็นฉันเข้าไปใกล้อีกหน่อย”
ลาเต้ตอบรับคำหนึ่ง แล้วก็เข็นเธอเข้าไปใกล้ตรงหน้าลำดวน
มายมิ้นท์ยื่นมือไป จับโดนใบหน้าของหล่อน จากนั้นก็ชิดเข้าไปที่ข้างหูของหล่อน แล้วพูดด้วยน้ำเสียงต่ำราวกับปีศาจ “ลำดวน บอกฉันมา คนที่สำคัญที่สุดของคุณ คือใคร!”
“คือลูกชายของฉัน” ลำดวนตอบขึ้นมาช้า ๆ
มายมิ้นท์หรี่ตาลง “ลูกชาย? เพราะฉะนั้นคุณลอบทำร้ายมายมิ้นท์ เพราะว่าลูกชายของคุณเหรอ?”
“ฉันไม่ได้ลอบทำร้ายมายมิ้นท์” ลำดวนพูดขึ้นมา
มายมิ้นท์ตกตะลึงจนลืมตาโตขึ้นมา “คุณไม่ได้ทำเหรอ?”
ลาเต้และการันต์เองก็แปลกใจเป็นอย่างมาก
ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ที่สถานีตำรวจ ลำดวนยอมรับว่าตัวเองเป็นคนลอบทำร้ายมายมิ้นท์ แล้วทำไมตอนนี้ถึงพูดว่าไม่ได้ทำแล้วล่ะ?
แต่ว่าคนที่อยู่ภายใต้การโดนสะกดจิต ไม่มีทางที่จะพูดโกหกแน่นอน
ถ้าอย่างงั้นก็หมายความว่า ที่ลำดวนพูดที่สถานีตำรวจนั้นเป็นเรื่องโกหก
“ฉันไม่ได้ทำ คนที่ลอบทำร้ายมายมิ้นท์ ไม่ใช่ฉัน แต่คือหล่อน” เรียวปากของลำดวนอ้าออกตอบคำถามขึ้นมา
มายมิ้นท์กำมือไว้แน่น “หล่อนเป็นใคร? แล้วทำไมคุณถึงพูดว่าตัวเองเป็นคนลอบทำร้ายมายมิ้นท์?”
“ฉันไม่รู้ว่าหล่อนคือใคร หล่อนไม่ได้บอกชื่อของหล่อนให้ฉันรู้ ฉันรู้แค่ว่าหล่อนหน้าตาเป็นยังไง หล่อนมาหาฉัน บอกว่าไฝแดงตรงข้อมือมายมิ้นท์ จะเป็นภัยคุกคามต่อสถานะของหล่อน หล่อนจะต้องทำลายไฝแดงเม็ดนั้น จากนั้นก็จะให้เงินฉันก้อนหนึ่ง ให้ฉันเอาไปรักษาลูกชาย จากนั้นก็ให้รับโทษแทนหล่อน” คำพูดของลำดวนทำให้ผู้คนตกตะลึง
ลาเต้สูดลมเย็น ๆ เข้าไปคำหนึ่ง “สวรรค์ ช่วยรับโทษแทนคนอื่นเหรอ!”
มายมิ้นท์เองก็โดนเรื่องนี้ทำให้ตกตะลึงจนถึงขีดสุดแล้ว
เธอเคยคิดว่าลำดวนคนนี้อาจจะโดนคนจ้างวานมา
แต่คิดไม่ถึงว่า จะเป็นการรับโทษแทนไปได้
มายมิ้นท์โกรธจนตัวสั่นไปทั้งตัว
คนที่มาลอบทำร้ายเธอตัวจริง หลังจากที่ส่งคนมารับโทษแทนแล้ว ก็ยังใช้ชีวิตอย่างอิสรเสรีต่อไป
ซึ่งนั่นก็หมายความว่า ต่อไปคนคนนี้ ก็ยังจะลงมือกับเธอได้อีกใช่ไหม!
“ทำไมถึงบอกว่าไฝแดงของฉันเป็นภัยคุกคามต่อสถานะของหล่อน? ตกลงไฝแดงของฉัน มันมีความลับอะไรกันแน่?” มายมิ้นท์ถามแล้วก็กัดริมฝีปากล่างเอาไว้แน่น
มุมปากของลำดวนขยับเล็กน้อย “ฉันไม่รู้ หล่อนไม่ได้บอกฉัน หล่อนบอกฉันแค่เป็นภัยคุกคามต่อสถานะของหล่อนเท่านั้น”
“ถึงว่าตอนนั้นที่เธอไม่ตอบ ที่แท้เป็นเพราะว่าไม่รู้เรื่องนี่เอง” จู่ ๆ ลาเต้ก็ลูบคางเล็กน้อย
มายมิ้นท์สูดลมหายใจเข้าทีหนึ่ง “งั้นทำไมตอนนั้นคุณถึงพูดว่า คนที่ให้คุณมารับโทษแทนคนนี้ เป็นคนที่สำคัญที่สุดของคุณล่ะ?”
“เพราะว่า ฉันอยากจะปิดบังลูกชายของฉันไว้ ฉันไม่อยากเปิดเผยว่าฉันยังมีลูกชายอยู่อีกคน เพราะฉะนั้นถึงได้พูดว่า แบบนี้พวกคุณก็จะถูกฉันดึงให้เข้าใจผิด ให้คิดว่าที่ฉันลอบทำร้ายมายมิ้นท์ก็ทำเพื่อหล่อน” ลำดวนตอบขึ้นมา
ลาเต้ยิ้มเย็นขึ้นมาทีหนึ่ง “งั้นคุณก็ฉลาดเกินไปแล้วนะ”
“ลูกชายของคุณเป็นอะไรไป?” มายมิ้นท์ถามขึ้นอีก
“ลูกชายฉันเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว จะต้องใช้เงินก้อนใหญ่มาผ่าตัด และค่ารักษา เพราะฉะนั้นที่หล่อนมาหาฉัน ก็แค่ต้องการให้ฉันรับโทษแทนหล่อน แล้วหล่อนก็จะออกเงินค่ารักษาให้ลูกชายฉัน”
“ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง” ลาเต้ถอนหายใจทีหนึ่ง “เพื่อที่จะรักษาตัวให้ลูกชาย เธอจึงซัดทอดคนคนนั้นออกมาไม่ได้ จำเป็นต้องยืนกรานว่าตัวเองเป็นคนลอบทำร้ายคุณ ไม่งั้นถ้าเธอเกิดเปิดเผยว่าตัวเองบริสุทธิ์ขึ้นมา แค่มารับโทษแทนเท่านั้น ไม่ว่าคนคนนั้นจะโดนจับตัวได้หรือเปล่า แต่ลูกชายของเธอก็จะไม่มีทางรอดแล้ว”
ดวงตาของมายมิ้นท์กะพริบขึ้นเล็กน้อย “ใช่ เธอน่าสงสารมาก แต่ว่าน่าสงสารก็ไม่ได้แปลว่าถูกต้อง”
“มันก็ใช่อยู่” ลาเต้พยักหน้าขึ้นมา
มายมิ้นท์หัน‘สายตา’ไปที่ตัวลำดวนใหม่อีกครั้ง “คุณบอกว่าคุณไม่รู้ว่าคนคนนั้นชื่ออะไร แค่เคยเห็นหน้าหล่อนเท่านั้น งั้นตอนนี้คุณพอที่จะอธิบายลักษณะของหล่อนออกมาได้ไหม”
ขอแค่รู้รูปลักษณ์ และลักษณะพิเศษของคนคนนั้น
ก็จะหาตัวคนคนนั้นออกมาได้อย่างรวดเร็วแน่นอน
ลำดวนเริ่มอธิบายขึ้นมา “คนคนนั้นสูงเท่า ๆ กับฉัน น้ำหนักก็เท่ากับฉัน ผิวขาวมาก หน้าตาก็ถือได้ว่าสะสวย แต่หล่อนแต่งตัวได้ดีมาก เสื้อผ้าที่ใส่ดูแล้วก็ราคาแพงมาก”
“เสื้อผ้าราคาแพงมาก ดูท่าฐานะต้องไม่ใช่คนทั่วไปแน่” ลาเต้วิเคราะห์ไป
มายมิ้นท์เม้มปากเล็กน้อย “ฉันต้องการให้คุณอธิบายใบหน้าของเธอออกมาอย่างละเอียด”
แค่หน้าตาสะสวยจะถือว่าเป็นการอธิบายอะไร
คนที่หน้าตาสะสวย มองไปไหนก็มีเต็มไปหมด
“ใบหน้า……” ลำดวนขมวดคิ้วขึ้นมาทีหนึ่ง เหมือนกับว่ากำลังคิดคำศัพท์อยู่ แล้วผ่านไปครู่หนึ่ง ถึงได้เปิดปากพูดขึ้นมาใหม่ว่า “ริมฝีปากของเธอบางมาก จมูกใหญ่เล็กน้อย ดวงตาค่อนข้างสวย กลม ๆ โต ๆ”
“มีอะไรเป็นจุดพิเศษไหม? อย่างเช่นบนใบหน้ามีไฝอะไรแบบนี้”
“ไม่มี”
มายมิ้นท์เงียบขรึมไป
บนใบหน้าไม่มีลักษณะเด่น แค่พึ่งคำอธิบายใบหน้าแค่ไม่กี่ข้อนี้ ถ้าจะหาคนมันก็ยังค่อนข้างยากอยู่
“ถ้าหากสามารถวาดออกมาได้ก็ดีนะซิ” ลาเต้เกาหัวเล็กน้อย พูดอย่างเบื่อหน่ายขึ้นมา
ประกายในดวงตามายมิ้นท์กะพริบขึ้นมา “เต้ คุณเตือนฉันขึ้นมาเลย พวกเราสามารถหาช่างมาวาดรูปได้นี่ วาดตามคำอธิบาย ให้ช่างวาดรูปคนออกมา เวลาตำรวจเขาทำคดี ถ้าไม่รู้หน้าตาคนร้าย ก็จะสเกตช์ภาพคนร้ายออกมา ตามคำบรรยายของผู้เสียหาย”
ลาเต้ตบมือทีหนึ่ง “แบบนี้ดีเลย บริษัทผมมีพนักงานคนหนึ่งวาดภาพได้ไม่เลว โดยเฉพาะวาดภาพเหมือนวาดได้ดีมากเลยนะ เดี๋ยวผมให้เขามาวาด แต่ว่าต้องเป็นพรุ่งนี้นะ”
“งั้นก็เป็นพรุ่งนี้ละกัน พรุ่งนี้ค่อยมาสะกดจิตเธออีกครั้งก็ได้” ไม่รู้ว่าการันต์ลืมตาขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ จู่ ๆ ก็พูดขึ้นมา
มายมิ้นท์พยัก “ได้ งั้นก็เป็นพรุ่งนี้เถอะ พรุ่งนี้ต้องรบกวนคุณหมอการันต์อีกครั้งนะคะ”
“ไม่เป็นไร คนคนนี้ทิ้งไว้ที่ผมนี่แหละ” การันต์เหล่ตามองลำดวนทีหนึ่ง ในดวงตาไม่มีความรู้สึกอะไรเลย
มายมิ้นท์ตอบอืมไปคำหนึ่ง “ได้ค่ะ”
จากนั้น ลาเต้ก็เข็นเธอจากไป แล้วกลับไปที่โรงพยาบาลเรด้า
เพราะว่าเวลาที่ขออนุญาตออกมานั้น ใกล้จะถึงแล้ว
ระหว่างทางที่กลับไป มายมิ้นท์ลูบข้อมือที่พันผ้าพันแผลไว้ของตัวเองอยู่ตลอด ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
ลาเต้ใช้หางตาเหล่มองเธอไปหลายที ในที่สุดก็อดไม่ไหวจนเปิดปากพูดขึ้นว่า “เอาล่ะยาหยี อย่าคิดมากเลยนะ รอให้จับตัวคนคนนั้นได้แล้ว ความลับของไฝแดงที่ข้อมือคุณก็จะถูกเปิดเผยเอง”
มายมิ้นท์เบ้ปากเล็กน้อย “ฉันรู้ค่ะ ฉันก็แค่กำลังคิดว่า ไฝแดงเม็ดนี้อยู่กับฉันมายี่สิบหกปีแล้ว ยี่สิบหกปีมานี้ ฉันก็คิดแค่ว่ามันเป็นไฝธรรมดา ๆ เม็ดหนึ่งมาตลอด ไม่เคยคิดมาก่อนเลย ว่ามันจะมีความลับแบบนี้อยู่ด้วย”
“พูดขึ้นมาแล้ว จู่ ๆ ผมก็นึกถึงเรื่องแปลก ๆ เรื่องหนึ่งขึ้นมาได้” ท่าทีของลาเต้เปลี่ยนเป็นแปลกประหลาดไปเล็กน้อย
มายมิ้นท์มองไม่เห็น แต่ก็พอที่จะจินตนาการได้ถึงท่าทางของเขาในตอนนี้ แล้วถามอย่างแปลกใจขึ้นว่า “เรื่องแปลก ๆ อะไรเหรอคะ?”
“มันก็เกี่ยวกับไฝแดงเม็ดนั้นของคุณ” ลาเต้หมุนพวงมาลัยไป แล้วความคิดก็คิดย้อนกลับไปไกล “ผมอายุมากกว่าคุณสี่ปี เพราะฉะนั้นสภาพที่เป็นเด็กทารกห่ออยู่ในผ้าอ้อมนั้น ผมก็เคยเห็นมาแล้ว ที่สำคัญยังจำได้แม่นยำมากด้วย ผมจำได้ว่าครั้งแรกที่ผมเจอคุณนั้น คุณเพิ่งจะแค่อายุห้าเดือนเอง แม่ของผมพาผมไปที่บ้านตระกูลกิตติภัคโสภณ แล้วผมก็ชื่นชอบคุณเป็นอย่างมาก คอยล้อมหน้าล้อมหลังอยู่กับเตียงเด็กอ่อนของคุณ”
“แล้วจากนั้นละคะ?” มายมิ้นท์กะพริบตาขึ้นมา
“จากนั้นมือของคุณก็มาจับมือผมเอาไว้ อ่อนนุ่มมาก และน่ารักมากเลย แต่ว่าตอนนั้น ผมไม่เห็นไฝแดงอะไรจากข้อมือคุณเลยนะ ไม่มีทั้งสองข้างเลย” ลาเต้พูดอย่างหัวคิ้วขมวดกัน
ม่านตาของมายมิ้นท์หดตัวลง “นายพูดว่าอะไรนะ? ไม่มีเหรอ?”
ลาเต้พยักหน้า “ไม่มีจริง ๆ ผมมั่นใจมาก ตอนนั้นผมอายุสี่ขวบแล้ว จำความได้แล้ว จากนั้นพอครั้งที่สองที่ผมเจอคุณ ก็เป็นตอนที่คุณอายุหกเดือนแล้ว ซึ่งก็คือตอนที่คุณอายุครึ่งขวบ ในตอนนั้น ข้อมือของคุณก็มีไฝแดงแล้ว ที่สำคัญสิ่งที่แปลกยิ่งกว่าก็คือ ผมยังพบว่าหน้าตาของคุณในตอนนั้น ไม่เหมือนกับตอนครั้งแรกที่ผมเห็นคุณแล้ว แต่ว่าตอนนั้นผมยังเป็นเด็กอยู่ ก็เลยไม่ได้คิดอะไรมาก พอตอนนี้มาคิดดูแล้ว ในนี้เหมือนกับว่าจะมีความลับอะไรที่พวกเราไม่รู้แฝงอยู่”
ถ้าเกิดจะบอกว่าใบหน้าของเด็ก ๆ บางทีอาจจะเกิดความเปลี่ยนแปลงได้
แต่เรื่องแบบพวกไฝนี้ เป็นสิ่งที่มีมาแต่กำเนิด คนคนหนึ่งถ้าไม่มีไฝ ไม่ว่าจะเป็นตอนไหนก็ไม่มีทางมี ไม่มีทางที่ต่อมาอยู่ ๆ ก็โผล่ออกมาได้ เพราะฉะนั้นปัญหามันก็เห็นได้ชัดเจนมากอยู่แล้ว
มายมิ้นท์ที่เขาเจอครั้งแรก กับมายมิ้นท์ที่เขาเจอครั้งที่สอง เป็นคนละคนกัน!